ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1114 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22261 - 22280 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22261 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม | กษ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้ขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมของโครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗๕ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และค่าบริหารจัดการเพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส. อัตราร้อยละ ๓ ต่อปี สำหรับการดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๕๐ ล้านบาท และค่าชดเชยดอกเบี้ยระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ ระยะเวลารวม ๓ ปี รวม ๔๕๐ ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามภาระที่เกิดขึ้นจริง ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรที่ได้รับสินเชื่อตามแผนการผลิต/แผนธุรกิจของการยางแห่งประเทศไทย จำนวน ๒๐ ล้านบาท ให้ใช้จากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๒ ล้านบาท ที่ยังคงเหลืออยู่เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนพัฒนายางพารา โดยดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๑.๓ ค่าบริหารจัดการของกรมส่งเสริมการเกษตรและการยางแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ ล้านบาท ให้ใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ทั้ง ๒ หน่วยงานได้รับจัดสรร รวม ๕ ล้านบาท เป็นค่าติดตามโครงการฯ เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางถึงตัวอย่างความสำเร็จของเกษตรกรชาวสวนยางในทุกภูมิภาคที่ได้ปรับตัวและปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตในสวนยางอย่างหลากหลาย รวมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้และทักษะในการจัดทำแผนธุรกิจและการทำเกษตรกรรมทางเลือก เพื่อให้เกษตรกรสามารถสร้างอาชีพเสริมหรือปรับเปลี่ยนอาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยการให้สินเชื่อดังกล่าวต้องมีความรัดกุม เหมาะสมตามศักยภาพของเกษตรกรอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถชำระคืนของเกษตรกรตามมา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการโดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รวมถึงตรวจสอบและขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการให้ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน พร้อมทั้งพิจารณาแนวทางการดูแลให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามมาตรการนี้ได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องหลักประกันและกระแสเงินสด เพื่อให้การช่วยเหลือของรัฐบาลเป็นไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม |
||||||||||||||||||||||||
22262 | ขอความเห็นชอบการโอนสัมปทานและการแก้ไขสัญญาของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการโอนสัมปทานสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ส่วนดี) และสัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้าง บริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษาโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ไปยังบริษัทใหม่ [บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM)] ที่เกิดจากการควบบริษัทระหว่างบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) กับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) ตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ (๖) และเห็นชอบการแก้ไขสัญญาโดยการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญาในสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ส่วนดี) สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ และสัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้าง บริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษาโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๔๗ ๑.๒ เห็นชอบการโอนสัมปทานสัญญาโครงการระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ ๔ สัมปทานสำหรับการลงทุน การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการเดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรักษา (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน) ของ BMCL ไปยังบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทระหว่าง BMCL กับ BECL ตามพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๗๕ (๗) และเห็นชอบการแก้ไขสัญญาโดยการเปลี่ยนชื่อคู่สัญญาโครงการระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ ๔ สัมปทานสำหรับการลงทุน การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการเดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรักษา (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน) ของ BMCL ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๔๗ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรณีมีข้อสังเกตว่าการควบบริษัท BECL กับ BMCL จะทำให้บริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ (BEM) มีวัตถุประสงค์อื่นที่อยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ (เนื่องจาก รฟม. ถือหุ้นอยู่ใน BMCL ซึ่งจะควบรวมกับ BECL เป็นบริษัทใหม่) นั้น หากบริษัทที่จะเกิดขึ้นใหม่ (BEM) ยังคงมีวัตถุประสงค์เดิมอยู่แม้จะมีการเพิ่มเติมวัตถุประสงค์อื่น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์เดิมก็ยังถือว่าเป็นกรณีที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของ รฟม. ส่วนประเด็นสัดส่วนการถือหุ้นของ รฟม. ใน BEM ที่จะมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับการถือหุ้นใน BMCL นั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังจะต้องพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังยืนยันว่าได้พิจารณาความเหมาะสมของเรื่องดังกล่าวแล้ว และเมื่อทำสัญญากับบริษัท BEM แล้ว การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ รฟม. ยังคงมีสิทธิตามที่ระบุไว้ในสัญญากับ BECL และ BMCL ทุกประการ เนื่องจากตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๑๕๓ บัญญัติให้บริษัทที่ควบกันและจดทะเบียนแล้วย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบริษัทเหล่านั้นทั้งหมด ดังนั้น จึงไม่กระทบต่อการดำเนินการตามสัญญา อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมต้องกำกับดูแล กทพ. และ รฟม. ในการแก้ไขเอกสารสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องชัดเจน และควรกำกับดูแลให้มีการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
22263 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติงาน การติดตามและเร่งรัดการดำเนินการ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติเกี่ยวกับ เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติงานการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ผ่านกลไก “ประชารัฐ” ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ดำเนินการบนหลักการการทำงานเชิงรุก โดยให้ผู้ปฏิบัติทุกระดับในสังกัดเข้าใจปัญหาที่แท้จริงและลงพื้นที่เป็นระยะเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในการดำเนินการของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาและการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งต้องติดตาม ประเมินผล และรายงานความก้าวหน้าในการทำงานเป็นระยะ เช่น การแก้ไขปัญหาโรงงานขยะที่ตำบลทุ่งบัว อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหา ๒. การบูรณาการการทำงานทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ผ่านกลไก “ประชารัฐ” ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ดำเนินการบนหลักการความมีเอกภาพ โดยการดำเนินการหรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะต้องมีการประสานงานเพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้มีความชัดเจนเพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และการบังคับใช้กฎหมายต้องมีการบูรณาการ มิใช่ต่างคนต่างถือกฎหมายของตนเองเป็นหลัก เช่น ๒.๑ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ การตรวจสอบรถที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ๒.๒ การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยของเสียสู่ชุมชนและแหล่งน้ำ และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเร่งรัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ให้กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยประเด็นสำคัญที่ควรใช้ประกอบการประเมิน เช่น การมีวิสัยทัศน์ การทำงานเชิงรุก ประสิทธิภาพทั้งงานตามพันธกิจ และการขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ความพึงพอใจของประชาชน ผลงานที่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อส่วนรวมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งความประพฤติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประกอบการประเมินผลในเดือนเมษายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
22264 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาเสนอ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบาย แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตามนโยบายรัฐบาล และแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งกำกับดูแล ติดตาม และบูรณาการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายและการดำเนินงานพัฒนาการศึกษา เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนายกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้มีความสอดคล้องอย่างเป็นระบบ เป็นเอกภาพ เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒. ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา กรอบแนวคิดในการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ การเปรียบเทียบการจัดการศึกษาของประเทศไทยกับประเทศที่มีผลการจัดการศึกษาได้ดี และการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||
22265 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหา การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ | สลธ.คสช. | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานของบุคคลของข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22266 | การกำหนดประเด็นการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีหนังสือถึงรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินทั้ง ๖ คณะ ได้แก่ (๑) คณะที่ ๑ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา (๒) คณะที่ ๒ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน (๓) คณะที่ ๓ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ (๔) คณะที่ ๔ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข (๕) คณะที่ ๕ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และ (๖) คณะที่ ๖ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา เพื่อนำเรียนแนวทางการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การกำหนดประเด็นการปฏิรูปประเทศ) พร้อมทั้งขอความอนุเคราะห์ในการจัดส่งประเด็นการขับเคลื่อนและการปฏิรูป มายังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อประมวลและนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ จากการประสานไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละคณะ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการยกร่างประเด็นการปฏิรูปประเทศเพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละคณะพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้การกำหนดกรอบการดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบและมีเอกภาพ ทั้งนี้ ปัจจุบันร่างคำสั่งแต่งตั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการแต่ละคณะอยู่ระหว่างนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงสื่อมวลชนและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในการปฏิรูปประเทศระยะที่ ๑ โดยรับข้อพิจารณาของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมาเป็นแนวทางในการปฏิรูปประเทศระยะที่ ๑ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป สำหรับการปฏิรูปประเทศในระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ ให้ส่งต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้รัฐบาลชุดใหม่เพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22267 | การให้สิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการแก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ภายใต้ WTO (เอกสารไม่สมบูรณ์) | พณ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบัญชีสิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการของไทยสำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries : LDCs) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับ ๖ สาขาย่อย ได้แก่ (๑) บริการสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม (๒) บริการด้านสวนสนุกและสถานพักผ่อนหย่อนใจ (๓) บริการโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ (๔) บริการบ้านพักหรือศูนย์สำหรับวันหยุด (๕) บริการตัวแทนเดินทะเล และ (๖) บริการรับจัดการสินค้าขนส่งทางทะเล ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมสมาชิกที่เป็นประเทศ LDGs ให้มีโอกาสที่จะเข้าสู่ตลาดการค้าบริการได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการให้สิทธิประโยชน์กับเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งเป็นสมาชิก WTO ในฐานะ LDCs และสมาชิกอาเซียนด้วย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์หารือกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นที่จะต้องเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ด้วย หรือไม่ ทั้งนี้ กรณีที่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นบัญชีสิทธิประโยชน์ดังกล่าวต่อองค์การการค้าโลก (WTO) แต่หากกรณีบัญชีสิทธิประโยชน์ฯ เป็นหนังสือสัญญาที่จะต้องดำเนินการขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบบัญชีสิทธิประโยชน์ฯ แล้ว ให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นบัญชีสิทธิประโยชน์ดังกล่าวต่อ WTO โดยทั้ง ๒ กรณีให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนจะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันตามพันธกรณีต่อไป และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบัญชีสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ดุลยพินิจในการปรับปรุงแก้ไขได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22268 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายปกรณ์ นิลประพันธ์) | นร09 | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22269 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ) | กต | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย โดยปฏิบัติราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22270 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นางสาวมาลี วงศาโรจน์) | ทก | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวมาลี วงศาโรจน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาววิไลลักษณ์ ชุลีวัฒนกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
22271 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ) | ยธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมลาออกจากราชการเพื่อไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (กรรมการ ป.ป.ช.) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22272 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (จำนวน 10 คน) (1. นายกุลิศ สมบัติศิริ ฯลฯ) | กค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวนรวม ๑๐ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๒. นายประภาศ คงเอียด กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายสุทธิชัย สังขมณี กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายพิพัฒน์ ขันทอ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๕. นายพิษณุ วิชิตชลชัย กรรมการ ๖. นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการ ๗. นายเจษฎา พรหมจาต กรรมการ ๘. นางสาวสมพิศ เจริญเกียรติกุล กรรมการ ๙. นางปรารถนา มงคลกุล กรรมการ ๑๐. นายชูศักดิ์ สาลี กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
22273 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์) | คค | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
22274 | การแต่งตั้งกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (จำนวน 6 ราย 1. นายอาทิตย์ อิสโม ฯลฯ) | รง | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) ดังนี้
๑. นายอาทิตย์ อิสโม ประธานกรรมการ ๒. นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๓. นายพิชิต พระปัญญา กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๔. นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายสุชาติ วิริยะอาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสาวสุดธิดา กรุงไกรวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
22275 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ และนายเกื้อ วงศ์บุญสิน) | วท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จำนวน ๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนแทน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ๒. นายเกื้อ วงศ์บุญสิน
|
||||||||||||||||||||||||
22276 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (นายเขมทัต สุคนธสิงห์ และนายสมคิด เลิศไพฑูรย์) | วท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่างลง จำนวน ๒ คน โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนดังกล่าว อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายเขมทัต สุคนธสิงห์ (เป็นผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ) ๒. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ (เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง)
|
||||||||||||||||||||||||
22277 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (จำนวน 4 คน 1. นายอิทธิพงศ์ คุณากรบดินทร์ ฯลฯ) | อก | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้แทนส่วนราชการเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๔ คน แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เนื่องจากเกษียณอายุราชการและมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายอิทธิพงศ์ คุณากรบดินทร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ๓. นางมนชิดา เจียรไพศาลเจริญ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ๔. นายสุวัชชัย ใจข้อ ผู้บริหารส่วน ส่วนเศรษฐกิจด้านอุปทาน สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน สายนโยบายการเงิน ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
22278 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | อก | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๖ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายอภิมุข สุขประสิทธิ์ ๒. นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ๓. นายพิชัย ตั้งชนะชัยอนันต์ ๔. นายเสรี อติภัทธะ ๕. นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ๖. นางสาวสมจิตต์ สัจพันโรจน์
|
||||||||||||||||||||||||
22279 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม (จำนวน 7 คน 1. นายจักรธรรม ธรรมศักดิ์ ฯลฯ) | วธ | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม จำนวนรวม ๗ คน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายจักรธรรม ธรรมศักดิ์ ประธานกรรมการ ๒. คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. พลเอก ศรุต นาควัชระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางสาวรังสิมา จารุภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายธาดา เศรตศิลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
22280 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์) | มท | 08/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....