ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1113 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22241 - 22260 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22241 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22242 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฮ่องกง | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฮ่องกง และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฮ่องกง มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศฉบับใหม่ และเพิ่มเติมสิทธิการรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22243 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) | นร | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๖/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ แล้ว โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นประธานกรรมการ และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติมอบหมาย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมอบหมาย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง ร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ เพื่อทำหน้าที่ประสานและขับเคลื่อนการทำงานในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ๑๑ ด้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งติดตามและรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22244 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ | ตช | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ (the MOU between ASEAN and China in the Field of Non-Traditional Security Issues) ต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22245 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทน | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งในประเด็นนโยบาย ด้านการกำกับติดตามและดำเนินคดีความ และด้านการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22246 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า | พน | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการปรับแก้ตามคำขอของฝ่ายเมียนมาในสองประเด็น ได้แก่ (๑) ปรับระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า ให้สั้นลงจาก ๑๐ ปี เป็น ๕ ปี และ (๒) ปรับวิธีการสิ้นสุดและการต่อระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า จาก “การต่ออายุโดยอัตโนมัติตามอายุของบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อครบระยะเวลา โดยยกเลิกได้หากคู่สัญญารายใดรายหนึ่งแสดงความประสงค์ก่อนหมดอายุเป็นเวลา ๖ เดือน” เป็น “บันทึกความเข้าใจนี้ จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อครบระยะเวลา เว้นแต่ประเทศคู่สัญญาจะแจ้งความประสงค์ขอต่ออายุความเข้าใจฯ ล่วงหน้าเป็นเวลา ๖ เดือนก่อนวันสิ้นสุดหมดอายุ” ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้กระทรวงพลังงานพิจารณาติดตามดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อสามารถหารือกับฝ่ายเมียนมาในการต่ออายุบันทึกความเข้าใจฯ ให้ทันก่อนบันทึกความเข้าใจฯ จะสิ้นอายุลง เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ และพิจารณาถึงความเหมาะสมของบริบทความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าของทั้งสองประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตร่วมด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการดำเนินการในลักษณะนี้ขึ้นอีก และให้รายงานผลการพิจารณาให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22247 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายประชาคม จันทรชิต) | ศธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประชาคม จันทรชิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22248 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอภิชาติ รอดสม) | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรศักดิ์ จันทรแสงอร่าม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรีเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. นายอภิชาติ รอดสม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
22249 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดนครพนม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22250 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดลำพูน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22251 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดหนองคาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22252 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22253 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคบผังเมืองรวมจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมือง ในท้องที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22254 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 7 ราย) | นร05 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงมหาดไทย ๓. นายดำรงค์ ทองสม ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงวัฒนธรรม ๔. นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงสาธารณสุข ๕. นายประสาท พาศิริ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๖. นายคุณวุฒิ ตันตระกูล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๗. พลตรี ศักดา เนียมคำ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร |
|||||||||||||||||||||
22255 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ปี 2558 | พณ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน โดยล่าสุด (ตุลาคม) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๘ อยู่ที่ร้อยละ ๓.๑ เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี ๒๕๕๒ และเป็นระดับที่ต่ำกว่าการขยายตัวในปี ๒๕๕๗ ที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๔ รวมไปถึงสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหดตัวสูง โดยเฉพาะน้ำมัน ส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกโลกจะลดลงกว่าร้อยละ -๑๖.๙ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์การค้าโลกรวมทั้งไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว ๒. ภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า ๑๘,๘๑๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๕.๕๑ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกของไทยช่วงมกราคม-กันยายน ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ -๔.๙๘ อย่างไรก็ตามรายได้จากการส่งออกของไทยในรูปเงินบาทยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๖๖๕,๕๘๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๕๒ ด้านมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒,๖๕๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๙.๙ (YoY) จากปัจจัยราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกชะลอตัวและผลผลิตอาหารทะเลขาดแคลน ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้น จากทิศทางการฟื้นตัวในสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ ๒๐.๖ (YoY) ตามการเติบโตของการส่งออกรถยนต์นั่ง ส่วนรถกระบะยังคงหดตัว การส่งออกทองคำกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ร้อยละ ๕๘๙.๕ (YoY) เนื่องจากราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีการส่งออกเพื่อทำกำไร ๓. การนำเข้าเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มูลค่า ๑๖,๐๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๒๖.๒๐ (YoY) โดยกลุ่มเชื้อเพลิง หดตัวสูงถึงร้อยละ -๔๔.๐ ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป และสินค้าทุน หดตัวสูงถึงร้อยละ -๒๘.๑ และ -๒๓.๑ (YoY) ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณามูลค่าการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งใช้เป็นปัจจัยการผลิตรถยนต์ สินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ ๑๙.๕ (YoY) เป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มการส่งออกรถยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๘ ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ยังคงเกินดุล ๒,๗๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในระยะ ๙ เดือน (มกราคม-กันยายน ๒๕๕๘) เกินดุล ๗,๗๕๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||
22256 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางพิเศษสายดินแดง - ท่าเรือ สายบางนา - ท่าเรือ และสายดาวคะนอง - ท่าเรือ) และทางพิเศษศรีรัช (ทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ - บางโคล่ และสายพญาไท - ศรีนครินทร์) เป็นทางที่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางพิเศษสายดินแดง-ท่าเรือ สายบางนา-ท่าเรือ และสายดาวคะนอง-ท่าเรือ) และทางพิเศษศรีรัช (ทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ และสายพญาไท-ศรีนครินทร์) เป็นทางที่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้ผู้ใช้รถบนทางพิเศษสายดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสายยมราช ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษหัวลำโพง ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสะพานสว่าง ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอุรุพงษ์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุรวงศ์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษจันทน์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสาทร ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระรามที่สี่ ๑ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระรามที่สี่ ๒ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขุมวิท และด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษเพชรบุรี ตามอัตราที่ประกาศตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๒๓.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้แก่ประชาชนในด้านการจราจรในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ กิจกรรม " ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad" ตามพระราชปณิธานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22257 | แนวทางการบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลังปี 2558/59 | กษ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแนวทางการบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ จำนวน ๒ โครงการ โดยใช้แหล่งเงินจากเงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๙,๖๐๐ ล้านบาท และวงเงินชดเชยดอกเบี้ยรวม ๒๖๐.๓๒๕ ล้านบาท ดังนี้ ๑.๑ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ปี ๒๕๕๘/๕๙ กลุ่มเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกมันสำปะหลัง ๒๐,๐๐๐ ราย วงเงินกู้รายละไม่เกิน ๒๓๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส. ๔,๖๐๐ ล้านบาท รัฐชดเชยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ FDR+1 ต่อปี ระยะเวลา ๒๔ เดือน วงเงินชดเชยดอกเบี้ย ๒๐๔.๗๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ กลุ่มเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกมันสำปะหลัง ๑๐๐,๐๐๐ ราย วงเงินกู้รายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส. ๕,๐๐๐ ล้านบาท รัฐชดเชยดอกเบี้ยอัตรา FDR+1 ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน วงเงินชดเชยดอกเบี้ย ๕๕.๖๒๕ ล้านบาท โดยเมื่อเกษตรกรได้สางคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยในส่วนที่ผู้กู้รับผิดชอบแล้ว ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระที่เกิดขึ้นจริงเพื่อชดเชยดอกเบี้ยในปีงบประมาณถัดไปตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนวิธีการดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงอีกครั้งหนึ่ง และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชน ในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การดำเนินโครงการอย่างทั่วถึง รวมทั้งมีการพิจารณาปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานดังกล่าวเพื่อให้การบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร และควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22258 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินโครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 และจากปัญหา ราคาสินค้าเกษตร | กษ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร จำนวน ๒๒๐,๕๐๐ ราย ได้รับการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต (หลักสูตร ๙๐ ชั่วโมง/รุ่น รุ่นละ ๕๐ ราย จำนวน ๕ รุ่น) ภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ สถานที่ดำเนินงาน ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก. ๘๘๒ ศูนย์) ทั่วประเทศ ๗๖ จังหวัด ระยะเวลาการดำเนินงาน ตั้งแต่ ๑ กุมภาพันธ์-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รวม ๕ รุ่น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินโครงการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการดำเนินการในระดับพื้นที่ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินโครงการหรือมาตรการต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ ฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ปรับโครงสร้างการผลิต ส่งเสริมอาชีพและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมถึงการให้ความรู้ สร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั้งประเทศเพื่อให้การดำเนินมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างแท้จริง ยั่งยืน และมีความต่อเนื่อง |
|||||||||||||||||||||
22259 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งปี 2558/59 กรณีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย | กษ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ กรณีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินโครงการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน มีความคุ้มค่า ประหยัด มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเป็นหลัก ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายการบริหารโครงการฯ ตามที่นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเพิ่มเติมให้ “ลงรายละเอียด ประหยัดงบประมาณ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ/มีเงินให้ราษฎรใช้จ่าย ขณะที่มาอบรม” และควรเร่งดำเนินการโครงการฯ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ตลอดจนติดตามสถานการณ์สภาพแวดล้อมของพื้นที่เพาะปลูก เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ในขณะนั้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการดำเนินการในระดับพื้นที่โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินโครงการหรือมาตรการต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ ฟื้นฟู และให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ปรับโครงสร้างการผลิต ส่งเสริมอาชีพ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกมาเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมถึงการให้ความรู้ สร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั้งประเทศ เพื่อให้การดำเนินมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างแท้จริง ยั่งยืน และมีความต่อเนื่อง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการดำเนินงานโดยระบุถึงกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ในการดำเนินการและสรุปผลการดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงการวัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งให้เร่งประชาสัมพันธ์แผนงานโครงการดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||
22260 | การเข้าร่วมทุนของญี่ปุ่นในบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย-เมียนมา (Myanmar-Thailand Taskforce) เพื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒] โดยให้กระทรวงการคลัง [สำนักงานพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.)] เข้าร่วมจัดตั้งและร่วมลงทุนในบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Special Purpose Vehicle : SPV) กับหน่วยงานของญี่ปุ่นและเมียนมาในสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากัน คือ ร้อยละ ๓๓.๓๓ ภายใต้วงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จำนวนไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท สำหรับการเพิ่มทุนใน SPV ขอให้พิจารณาใช้เงินรายได้ของ SPV ที่ได้รับจากคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei special Economic Zone Management Committee : DSEZMC) เป็นลำดับแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ฉบับที่ ๒ (Shareholders Agreement II Relating to Dawei SEZ Development Company Limited) มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ให้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) สพพ. และ Foreign Economic Relations Department (FERD) ของเมียนมา ร่วมถือหุ้นใน SPV ในสัดส่วนการถือหุ้นเท่าเทียมกันคือ ร้อยละ ๓๓.๓๓ และมีจำนวนกรรมการบริหารบริษัท (Board of Directors) ฝ่ายละ ๓ คน รวมทั้งสิ้น ๙ คน และกำหนดให้จัดตั้งบริษัทลูก (Subsidiary) หรือสาขา (Branch) ของ SPV ในเมียนมา เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนโครงการทวายระยะสมบูรณ์ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. ร่วมลงนามในร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ ฉบับที่ ๒ ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน วัตถุประสงค์หลักของธุรกิจ และระยะเวลาของสัญญา รวมทั้งการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานและเงินทุนของ SPV ให้เหมาะสมกับบทบาทการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ DSEZMC และการเป็นหน่วยงานบริหารจัดการโครงการทวาย สำหรับการเพิ่มทุนใน SPV ให้พิจารณาใช้เงินรายได้ของ SPV ที่ได้รับจาก DSEZMC เป็นลำดับแรกก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....