ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 27 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 521 - 540 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 521 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ระหว่างวันที่ 5 - 7 สิงหาคม 2552) | กษ | 08/09/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐ
อินโดนีเซีย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2552 โดยวัตถุประสงค์ของ การเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ เพื่อร่วมการประชุม Indonesia-Thailand Expert Group Meeting on Sustainable Agricul ture and Food Security โดยที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร โดยเฉพาะความยั่งยืน ด้านการเกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านสภาพแวดล้อม และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อความยั่งยืนทางการเกษตร การพัฒนาภาคการเกษตรในด้านคุณภาพและ ความปลอดภัยทางอาหาร เกษตรอินทรีย์ การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ตลอดจนนโยบายและแนวทางปฏิบัติ ด้านความมั่นคงทางด้านอาหารของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือ กับผู้บริหารของ Bogor Agricultural Institute (BAI) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านการเกษตร ของเมืองโบ กอร์ โดยรัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างข้าราชการของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์กับ BAI ในด้านการวิจัยและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้บริหาร BAI เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวโดยสาขาที่ BAI มีศัยกภาพในการทำวิจัย ได้แก่ พลังงานทดแทน (Renewable Energy ทั้ง biodiesel และ ethanol) ความมั่นคงด้าน อาหาร (Food Security) สุขภาพ (Health) และการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water Management)
|
|||||||||||||||||||||
| 522 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างตัวอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 08/09/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ จากเดิม 4,082,937,000 บาท เป็น 4,111,457,547.23 บาท 1.2 เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินจำนวน 4,754,790,149.84 บาท เพื่อจ่าย คืนค่าก่อสร้างอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ รวมดอกเบี้ยจ่ายคืนให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียด วิธีการ และเงื่อนไขการกู้เงิน โดยให้สำนัก งบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวต่อไป 1.3 ให้ รฟท. รับผิดชอบในการบริหารจัดการพื้นที่ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ทั้งบริเวณ พื้นที่ที่ใช้ในการเดินรถไฟ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด โดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้บริหาร พื้นที่เชิงพาณิชย์ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ในเชิงพาณิชย์เป็นการทั่วไป 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์จะต้อง ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้เร่งหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. เรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร โดยเฉพาะรูปแบบการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้า สายสุวรรณภูมิให้มีความชัดเจนโดยเร็ว สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ของอาคารสถานีและอุโมงค์รถไฟ ฯ ใน ส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการบริหารเชิงธุรกิจที่ให้ประโยชน์ตอบแทน ทางการเงินที่ดีต่อ รฟท. และเอื้อประโยชน์ หรือเพิ่มมูลค่าให้กับการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสาย Airport Rail Link ต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 523 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาไทย - บรูไน ดารุสซาลาม | ศธ | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาระหว่างไทย-บรูไน ดารุสซาลาม มีสาระสำคัญ เกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่าย และการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้บริหารการศึกษา เจ้าหน้าที่ระดับสูง นักวิจัย ครู และ นักเรียน รวมถึงการแลกเปลี่ยนสื่อการเรียนการสอน สื่อสิ่งพิมพ์ ข้อมูลข่าวสาร ผ่านการประชุม การประชุมเชิง ปฏิบัติการ การศึกษาดูงาน การแข่งขัน โครงการค่าย การฝึกอบรม และการวิจัย ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน เป็นต้น 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย 3. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อ ผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
|||||||||||||||||||||
| 524 | สถาบันการเงินชุมชนในระบบอิสลาม (Islamic micro credit) | มท | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการสนับสนุนสถาบันการเงินระดับชุมชน (จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล) และกลุ่มธรรมชาติทาง การเงินระดับชุมชน (ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล) ในระบบอิสลาม (Islamic micro credit) โดยกำหนดเป็น นโยบายรัฐบาลให้ส่วนราชการ องค์กรรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการสนับสนุนตามมาตรการต่าง ๆ ทั้งในด้านการส่ง เสริมความรู้ธุรกรรมทางการเงินและการจัดสวัสดิการในระบบอิสลาม การสร้างความเข้าใจกับสังคมผ่านสื่อต่าง ๆ การเผยแพร่ความรู้และขยายเครือข่าย และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของสถาบันการเงินชุมชน ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒน ธรรม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนสถาบันการเงินในระบบอิสลามให้มีศักยภาพจะ ต้องให้ความรู้และเพิ่มทักษะทางด้านการจัดการการเงินให้แก่ประชาชนและผู้บริหารของสถาบันการเงินระดับชุมชน ส่งเสริมค่านิยมให้ชุมชนเกิดการออมเพิ่มมากขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมที่ไม่หลงไปตามกระแสนิยม รวม ทั้งสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรชุมชนผ่านการพัฒนาด้านคุณธรรมและจิตสำนึกของการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง โดย อาศัยหลักคำสอนทางศาสนาในการสนับสนุนค่านิยมที่ถูกต้อง และในการดำเนินการดังกล่าวควรระมัดระวังมิให้ส่ง ผลกระทบให้เกิดความขัดแย้งอันนำมาซึ่งความแตกแยกในชุมชน และมิให้มีการผูกขาดการครอบครองทรัพยากรใน กลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 525 | สรุปผลการประเมินองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประเมินองค์การมหาชนและข้อเสนอการปรับปรุงองค์การมหาชน ตามมติคณะกรรม การพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ 5/2552 วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยมอบหมาย ให้ ก.พ.ร. รับข้อเสนอการปรับปรุงเกี่ยวกับการเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการของหน่วยงานรูปแบบองค์การมหาชนให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ไปดำเนินการต่อไป และมอบหมาย ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดตั้งขององค์การมหาชน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (สอซช.) รับข้อเสนอการปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการองค์การมหาชนแต่ละแห่ง ต่อไป 2. ส่วนองค์การมหาชน (กลุ่มที่ 3) อีก 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้น ที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณี สคพ. และ สพพ. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่าง ประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกันเพื่อบูรณาการ องค์การมหาชนทั้งสองแห่ง และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการองค์การมหาชนดังกล่าวให้เหมาะสม 2.2 กรณี อพท. มอบหมายผู้บริหาร อพท. หารือการปรับปรุงองค์กรในรายละเอียดร่วมกับ ก.พ.ร. และเสนอให้คณะอนุกรรมการการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาด้วยเพื่อกำหนดแนว ทางการบริหารและพัฒนา อพท. ให้สามารถดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูป ธรรมมากยิ่งขึ้น 3. ให้ ก.พ.ร. และผู้เกี่ยวข้องตามข้อ 1. และข้อ 2. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 526 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ระหว่างวันที่ 21 - 25 กรกฎาคม 2552) | กษ | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศ
ญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 21-25 กรกฎาคม 2552 เพื่อร่วมงาน The 11th Japan International Seafood and Technology Expo 2009 ซึ่งในงานได้จัด Thailand Pavilion เพื่อแสดง ถึงศักยภาพด้านการผลิตสินค้าประมงที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยของไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ได้เป็นประธานในพิธีเปิด Thailand Pavilion ด้วย ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ได้พบและหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มผู้ค้าสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงของญี่ปุ่น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ ของ SEAVALUE/RUBICON ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำเข้า ผู้ค้าและจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมง จากการหารือ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีความเชื่อมั่นในระบบการควบคุม และการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของไทย อย่างไรก็ตาม ในสายตานักธุรกิจญี่ปุ่นเห็นว่าไทยยังมีคู่แข่งที่สำคัญ คือ เวียดนามที่ได้เปรียบเรื่องค่าจ้างแรงงานซึ่งถูกกว่าไทย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะได้ดูงานตลาดปลา Tsukiji (Tsukiji Fish Market) ซึ่งเป็นตลาดค้าสินค้าสัตว์น้ำและอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งดูงานด้าน Biomass ที่ Wagoen Corpora tion ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรอยู่ในเขตชิบะ มีผลผลิตทางการเกษตรสูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
|
|||||||||||||||||||||
| 527 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบในภาคอุตสาหกรรม" | สสป | 14/07/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การบริหาร จัดการทรัพยากรบุคลากรอย่างเป็นระบบในภาคอุตสาหกรรม" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ให้มีการจัดตั้งกรรมการบริหารจัดการบุคลากรอย่างเป็นระบบในภาคอุตสาหกรรมโดยมีนายก รัฐมนตรีเป็นประธาน และมีกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็น 3 กระทรวง หลักร่วมกับภาคเอกชนซึ่งประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 1.2 จัดทำแผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับความต้องการของระบบอุตสาหกรรมแต่ ละประเภท พื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาด โลก 1.3 ปรับปรุงฐานข้อมูลด้านความต้องการแรงงานของภาคอุตสาหกรรมตามตำแหน่ง ประเภทของ อุตสาหกรรม และความต้องการในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานของข้อมูลแต่ละระดับ มีการแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันและจัดทำการวัดผลิตภาพแรงงานให้มีความน่าเชื่อถือ และให้ทุกหน่วยงานอ้างอิงจากแหล่งเดียว กัน 1.4 จัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงาน สนับสนุนงบประมาณในการสอบเทียบ และกำหนดโครงสร้างผล ตอบแทนให้ขึ้นอยู่กับฝีมือแรงงาน เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาได้พัฒนาฝีมือแรงงานและได้รับผล ตอบแทนที่สูงสุดตามทักษะแรงงานของตน 1.5 แรงงานไทยยังขาดความรู้พื้นฐานและต้องการฝึกอบรมทางด้านทั่วไป (Generic Training) โดย เฉพาะในด้านภาษาต่างประเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ การเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหา 1.6 การฝึกทักษะเพิ่มเติมหรือการฝึกระหว่างทำงานเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะบทบาทของนายจ้าง หรือสถานประกอบการที่จะเข้ามามีส่วนรร่วมในการฝึกทักษะดังกล่าว 1.7 สนับสนุนและยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศให้เท่าเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีการจัด การทดสอบผู้บริหารโรงงาน เพื่อให้มีความรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและการพัฒนาบุคลากร รวมถึง เทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเหลือมิให้โรงงานประสบกับ ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อแรงงานจำนวนมาก 1.8 การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำควรจะมีการกำหนดดัชนีชี้วัดที่ชัดเจนว่าถึงเวลาที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำ แล้ว เพื่อผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า 1.9 รัฐควรวางแผนและพัฒนากำลังคนของประเทศเพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งระดับเทคนิคที่ต้องใช้ อาชีวศึกษาและงานอาชีพระดับปริญญาโดยส่งเสริมบุคลากรให้เลือกเรียนและพัฒนาความสามารถที่เหมาะสมกับ ตัวเองทั้งทางด้านโอกาส สติปัญญา และทุนทรัพย์ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาห กรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอ แนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
| 528 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "การพัฒนาการท่องเที่ยวแนวใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย" | สสป | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอของ สภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การพัฒนาการท่องเที่ยวแนวใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย" สรุปได้ ดังนี้ 1.1 ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวแบบสร้างเสริม ประสบการณ์ตามวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นในลักษณะที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีพหรือประกอบกิจ กรรมจริงของชุมชน โดยให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเป็นเจ้าของกิจกรรมจริงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และให้ความสำคัญ กับการศึกษาทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยว แนวโน้มทางการตลาดท่องเที่ยว กระแส การท่องเที่ยวโลก และความคาดหวังของนักท่องเที่ยว เพื่อนำมาปรับและพัฒนาตัวสินค้า การบริการ และวิธี การทำการตลาดให้สอดรับซึ่งกันและกัน รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าการท่องเที่ยวใหม่ ๆ 1.2 มาตรการสนับสนุนคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติควรเร่งดำเนินงานในส่วน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ 1.2.1 การกำหนด "จุดขายหลัก" ทางการท่องเที่ยวของไทยเพียงหนึ่งเดียว 1.2.2 การนำจุดเด่นของเหตุการณ์ สถานที่ กิจกรรม พฤติกรรมคนไทย รวมทั้งวัฒนธรรม ของประชากรภายในประเทศ ความเชียวชาญด้านคุณภาพการบริการ และความหลากหลายของกิจกรรมการ ท่องเที่ยวมาเป็นข้อมูลในการเสนอขายการท่องเที่ยว 1.2.3 กำหนดแนวทางในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ในแต่ละปี 1.2.4 เร่งสร้างจิตสำนึกและค่านิยมในความเป็นไทย 1.2.5 จัดหลักสูตรอบรมด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้บริหารท้องถิ่น 1.2.6 การดำเนินการด้านกลยุทธ์การท่องเที่ยว โดยใช้กลยุทธ์ด้านราคา และความคุ้มค่า ของเงินเป็นตัวนำสำหรับแก้ปัญหาด้านวิกฤตเศรษฐกิจ 1.2.7 เร่งรัดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง วัฒนธรรม สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจาก หน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการพัฒนา ชุมชน
|
|||||||||||||||||||||
| 529 | ข้อตกลงร่วมระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอบันทึกผลการ
เจรจาระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสหภาพ ฯ ประชุมหารือและหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปตาม ข้อตกลงสภาพการจ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้นำผลข้อตกลงร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายรายงานรองนายกรัฐมนตรีเพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยระหว่างนี้ให้ชะลอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนา ยน 2552 ที่ให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงิน ของการรถไฟ ฯ ไว้ก่อน 2. เรื่องการเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองที่ดินของการรถไฟ ฯ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3. เห็นชอบให้สหภาพ ฯ ได้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการรถไฟ ฯ 4. เรื่องกรอบและอัตรากำลังที่คณะกรรมการการรถไฟ ฯ และผู้บริหารจะพิจารณา นั้น ให้สหภาพ ฯ มี ส่วนรับทราบในการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 530 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2552 (1 ตุลาคม 2551 - 31 มีนาคม 2552) | สช | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอรายงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ (สปสช.) เรื่อง ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2551-31 มีนาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. ความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพ ณ เดือนมีนาคม 2552 มีประชาชนคนไทยมีหลักประกัน สุขภาพ 62.10 ล้านคน ความครอบคลุมคิดเป็นร้อยละ 98.97 ของประชากรผู้มีสิทธิทั้งประเทศ 62.75 ล้านคน) เป็นประชากรลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 47.24 ล้านคน (ร้อยละ 75.29) โดยลงทะเบียนสิทธิ กับหน่วยบริการของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 1.95 ล้านคน (ร้อยละ 4.12) และหน่วยบริการสังกัดเอก ชน 2.78 ล้านคน (ร้อยละ 5.88) ส่วนการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้ที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้ามีการใช้บริการของผู้ป่วยนอก 58.65 ล้านครั้งต่อ 18.84 ล้านคน อัตราการใช้บริการ (ต่อประชากรผู้มี สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) เท่ากับ 2.48 ครั้งต่อคนต่อปี และผู้ป่วยใน 2.40 ล้านคนต่อ 9.95 ล้านวัน โดยมีอัตราการใช้บริการเท่ากับ 0.10 ครั้งต่อคนต่อปี 2. การควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริการ ได้กำหนดการประเมินคะแนนการพัฒนาคุณภาพใน กลุ่มเป้าหมาย 961 แห่ง และการประเมินรับรองคุณภาพโรงพยาบาล 25 แห่ง ซึ่งทางสถาบันพัฒนาและรับรอง คุณภาพโรงพยาบาลได้ดำเนินการลงเยี่ยมประเมินคะแนนคุณภาพในโรงพยาบาลสามารถรายงานผลการดำเนิน งานได้ในเดือนมิถุนายน 2552 ส่วนการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพระบบยาในโรงพยาบาลปี พ.ศ. 2552 ด้าน การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข หน่วยบริการถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ เอกชน รอง ลงมาเป็นภาครัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามลำดับ 3. การคุ้มครองสิทธิและการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยในส่วนของการให้บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มี สิทธิ และผู้ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ณ เดือนมีนาคม 2552 ได้ให้บริการทั้งสิ้น 382,041 เรื่อง ส่วนใหญ่เรื่องสอบถาม 373,212 เรื่อง จำแนกเป็นประชาชนสอบถาม 351,891 เรื่อง และผู้ให้บริการสอบ ถาม 21,321 เรื่อง สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการกรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการ รักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการ 333 ราย เป็น เงินทั้งสิ้น 35.97 ล้านบาท รวมทั้งช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณ สุขในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 198 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 3.61 ล้านบาท 4. การส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนรวมของภาคี เครือข่ายองค์กรประชาชน 9 ด้าน ได้กำหนดแนว ทางการบูรณาการงานกองทุนหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)/เทศบาล ระหว่างเครือข่าย องค์กรประชาชน และ อบต./เทศบาล สำหรับพื้นที่นำร่อง 21 แห่ง ด้านการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นได้ดำเนินการโอนเงินสมทบประมาณ 3,640 พื้นที่ ครอบคลุมประชากร 26.37 ล้านคน ส่วนองค์กรวิชา ชีพ โดยเครือข่ายชมรมผู้บริหารการพยาบาล ได้จัดทำความร่วมมือในการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์ส่งเสริมมิตรภาพ บำบัดในหน่วยบริการทุกระดับ ระยะที่ 1 จำนวนหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ 134 แห่ง 5. การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. ได้มีการเบิกจ่ายงบกองทุน ฯ ณ วันที่ 20 เมษายน 2552 จำนวน 43,188.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53.58 (ของงบกองทุน ฯ ที่ได้รับ 80,597.69 ล้าน บาท)
|
|||||||||||||||||||||
| 531 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ พ.ศ. .... | ศธ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับ
สาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาครุศาสตร์ สาขา วิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชาสาธารณสุข ศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณาจารย์ 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||
| 532 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พ.ศ. .... | ศธ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับ
สาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พ.ศ. .... ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาครุศาสตร์ สาขา วิชานิติศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย สาขาวิชารัฐประศา สนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||
| 533 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | ศธ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับ
สาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด พ.ศ. .... ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา สีประจำมหาวิทยาลัย และสีประจำสาขา วิชาครุศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบัญชี สาขาวิชา นิติศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||
| 534 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2552 | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
(กนร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง
ๆ ได้แก่ ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ
ปี.... แผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทาง การเงินของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
(บมจ.ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท.)
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ ๒. ให้คณะกรรมการ
กนร. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ควรเพิ่มเรื่องการมีส่วนร่วมของประชา
ชนในกิจการรัฐวิสาหกิจ (Participation) ในร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ
ปี.... โดย แยกไว้เป็นการเฉพาะ
เนื่องจากเป็นหลักการสำคัญของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยพิจารณาเพิ่มเติมว่า
ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในสังคมกลุ่มใดได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
และในเรื่องใดบ้าง และพิจารณาทบทวน
ความถูกต้องสอดคล้องของหลักการและแนวทางในแต่ละหมวด เช่น หมวดที่ ๒ ว่าด้วยสิทธิและความเท่าเทียมกัน
ของเจ้าของกิจการ/ผู้ถือหุ้น ได้กำหนดว่าคณะกรรมการ กนร.
ควรมีมาตรการป้องกันกรณีกรรมการผู้บริหารใช้
ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ....
ควรย้ายไปบรรจุไว้ในหมวดที่ ๓ ความรับ ผิดชอบของคณะกรรมการ กนร. เป็นต้น
รวมทั้งทบทวนแนวทางปฏิบัติที่ดีในแต่ละหมวดให้สอดคล้องกัน เช่น หมวดที่ ๔ ว่าด้วยบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแนวทางปฏิบัติที่ดี
ส่วนใหญ่มิได้แสดงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย แต่เป็นบทบาทของคณะกรรมการ
กนร. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
๓. ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจหลายแห่งยังไม่มีผู้บริหารสูงสุดเนื่องจากไม่มีผู้สมัคร
จึงมอบหมายให้คณะกรรม การ กนร.
รับไปพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความ
รู้ความสามารถสมัครเป็นผู้บริหารสูงสุดได้มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 535 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ พ.ศ. .... | ศธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระ ราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชา นิติศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยาฐานะ ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายก สภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัย 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย 4. กำหนดสีประจำสาขาวิชา
|
|||||||||||||||||||||
| 536 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... | ศธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระ ราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาครุศาสตร์ สาขาวิชา นิติศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะ ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายก สภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย 4. กำหนดสีประจำสาขาวิชา
|
|||||||||||||||||||||
| 537 | การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด
A (H1N1) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ดังนี้ ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ A (H1N1) แล้วจำนวน 2 ราย โดยได้รับเชื้อมาจากต่างประเทศ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเม็กซิโก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งตัวอย่างเชื้อไวรัสที่พบในร่างการผู้ป่วยรายแรกไปตรวจที่ห้องแล็บในประเทศสหรัฐ อเมริกาแล้ว ยืนยันว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) อย่างไรก็ตาม กระทรวง สาธารณสุขได้ดูแลรักษาผู้ป่วยโดยให้รับประทานยาต้านไวรัสจนกระทั่งหายเป็นปกติทั้ง 2 รายแล้ว รวมทั้งได้ติด ตามอาการของผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยและผู้โดยสารที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยแล้วด้วย โดยทั้งหมดไม่มีความ เสี่ยงที่จะติดเชื้อแต่อย่างใด นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการจะจัดการประชุมผู้บริหาร สถานศึกษาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 เพื่อมอบนโยบายในการให้ความรู้กับเด็กนักเรียนเพื่อดูแลป้องกันตัว เองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ชนิด A (H1N1) ในช่วงเปิดภาคเรียนด้วย ในส่วนของมาตรการป้องกันการ แพร่ระบาดในช่วงที่จะมีการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โล ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14 - 29 พฤษภาคม 2552 นั้น กรทะรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเฝ้าระวังนักกีฬาและผู้ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่ง ขันกีฬาครั้งนี้ และจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลคณะเดินทางจากประเทศต่าง ๆ ในลักษณะเดียวกับการเป็นหัวหน้าคณะ นักท่องเที่ยว และจะจัดให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค เข้าพักอยู่ในอาคารเดียวกันและชั้นเดียวกัน เพื่อความสะดวกและคล่องตัวในการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||
| 538 | การประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการและการจัดสรร เงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการจังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา | นร | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบผลการประเมินตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วน ราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา และเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ แนวทางการจัดสรรสิ่งจูงใจการจ่ายเงิน รางวัลสำหรับผู้ปฏิบัติและเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาที่มีการ จัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 2. รับทราบการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ในการประสานสำนักงบประมาณเพื่อจัดงบประมาณ ไปตั้งจ่ายที่กรมบัญชีกลาง จำนวน 6,735 ล้านบาท สำหรับจ่ายเป็นเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้แก่หน่วยงานเพื่อหน่วยงานจัดสรรให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 5,550 ล้านบาท รวมทั้งจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับผู้บริหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 1,185 ล้านบาท 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธี การ แนวทางการจัดสรรสิ่งจูงใจการจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้ปฏิบัติและเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารของส่วนราช จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ต่อไป ด้วย ดังนี้ 3.1 เงินรางวัลและเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าว ควรเป็นกลไกที่ช่วยลดปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในวงราชการด้วย 3.2 การประเมินผลการปฏิบัติราชการเพื่อจ่ายเงินรางวัลหรือเงินเพิ่มพิเศษ นั้น ควรพิจารณาจาก การปฏิบัติราชการที่ได้ผลลัพธ์หรือผลผลิตไม่ต่ำกว่าเดิมแต่สามารถประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น 3.3 การประเมินผลการปฏิบัติราชการเพื่อจ่ายเงินรางวัลหรือเงินเพิ่มพิเศษไม่ควรจะซ้ำซ้อนกับการ ปฏิบัติราชการที่ได้มีการจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้ปฏิบัติราชการตามระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายต่าง ๆ ไปแล้ว เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้รับรางวัลนำจับแล้วจากผลงานการจับกุมสินค้าผิดกฎหมาย เป็นต้น 3.4 นอกเหนือจากการใช้เงินรางวัลและเงินเพิ่มพิเศษเพื่อเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการแล้วควร พิจารณาหาแนวทางอื่นในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติราชการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 539 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม" | สสป | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "นโยบายส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม" สรุปได้ดังนี้ 1.1 นโยบายเร่งด่วนที่ควรรีบดำเนินการ มีดังนี้ 1.1.1 ควรถือการส่งเสริมศาสนาเป็นนโยบายที่สำคัญของชาติ โดยการจัดทำแผนทำนุบำรุง ส่งเสริมศาสนาแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการทำนุบำรุงส่งเสริมศาสนาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 79 1.1.2 ควรจัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมบทบาทของศาสนาซึ่งรวมทั้งศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนพิธี ศาสนบุคคล ศาสนธรรม ในการป้องกันแก้ไขปัญหาสังคม การพัฒนาสังคม การส่งเสริมความสามัคคี ของประชาชนในชาติ รวมทั้งการส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และการพัฒนาชีวิตตามที่บัญญัติไวัในรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2550 มาตรา 79 1.1.3 ควรเร่งรัดพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 1.1.4 ควรจัดให้มีการสอนวิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมืองดี และประวัติศาสตร์ไทย ในหลักสูตร การศึกษาทุกระดับ 1.1.5 ควรเพิ่มงบประมาณในการส่งเสริมศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมให้มากขึ้น 1.2 นโยบายที่ควรเร่งดำเนินการในระยะยาว มีดังนี้ 1.2.1 ควรจัดให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม โดย ให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกเพื่อศึกษาปัญหาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ 1.2.2 ควรจัดให้มีการประชุมสัมมนาและการอบรมผู้บริหารสถานศึกษา ครู และอาจารย์ของ สถานศึกษาในทุกระดับเกี่ยวกับการบูรณาการศาสนาและการศึกษาเพื่อให้ศาสนาเป็นรากฐานของการศึกษาให้ เยาวชนมีคุณธรรมนำความรู้สู่การพัฒนา 1.2.3 ควรสนับสนุนการจัดตั้งและการดำเนินงานของโรงเรียนวิถีพุทธ และโรงเรียนที่ส่งเสริม การสอนศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม 1.2.4 รัฐบาล รวมทั้งหน่วยงานและองค์การที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงยุทธศาสตร์และกลวิธีการ เผยแพร่ศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมจากการดำเนินงานในเชิงรับเป็นเชิงรุก 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมไปดำเนิน การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการ ดำเนินการของคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือ ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 540 | การเสนอแบบรายงานและกรอบแนวทางการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) | ยธ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเครื่องมือที่เป็นแบบรายงานและกรอบแนวทางในการติดตาม ประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนมนุษย ชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยึดถือปฏิบัติในการติดตาม และการรายงานผลการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผน ฯ ฉบับแรก ทั้งนี้ ในการรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลตามแบบที่ กำหนดเมื่อสิ้นปีงบประมาณปีละครั้ง เพื่อให้สามารถประเมินผลผลิตของงานที่ดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีความชัดเจนมากกว่าเนื่องจากการรายงานในช่วง 6 เดือนแรก ของแต่ละปีงบประมาณ อาจจะแสดงให้เห็น เพียงขั้นตอนหรือกระบวนการดำเนินงานเท่านั้น ตามความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค เกี่ยวกับแบบรายงานการติดตาม ผู้รับผิดชอบการรายงานควรเป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบ เพื่อให้ แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญต่อนโยบายเรื่องนี้อย่างจริงจัง และการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผนดังกล่าวควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสิทธิมนุษยชนด้วย ไป พิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
