ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 1084 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 561 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... | ศธ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญา
ในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดย ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาและสีประจำสาขาวิชาในสาขาวิชาครุศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยา ศาสตร์ และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหา วิทยาลัย และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 562 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... | ศธ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญา
ในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏลำปาง พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดย ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาและสีประจำสาขาวิชาในสาขาวิชาครุศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยา ศาสตร์ และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหา วิทยาลัย และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 563 | การยืนยันข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานี ปี 2543 - 2544 | ตผ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานีปีงบประมาณ ๒๕๔๓-๒๕๔๔ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ ๑๔ (จังหวัดสงขลา) ได้ยืนยันข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานี ปี ๒๕๔๓-๒๕๔๔ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ครั้งที่ ๓๑/๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๘ รวม ๓ กรณี ได้แก่ (๑) การเบิกจ่ายเงินค่าผ้าพื้นเมืองบาติกสำหรับตัดชุดผู้บริหาร พนักงานเทศบาล และลูกจ้างเพื่อใช้แต่งกายในงานรัฐพิธีและงานประเพณีต่าง ๆ จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (๒) การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อจัดซื้อรถยนต์ตรวจการให้สำนักงานจังหวัดปัตตานี ๑ คัน ราคา ๒,๖๔๕,๐๐๐ บาท ยี่ห้อ JEEP GRAND CHEROKEE ขับเคลื่อน ๔ ล้อ ขนาดและปริมาตรกระบอกสูบ ๓,๙๕๘ ซีซี ๑๙๕ แรงม้า ๖ สูบ และ (๓) การเบิกจ่ายค่ากุญแจล็อคเกียร์พร้อมอุปกรณ์และเครื่องช่วยบังคับพวงมาลัยเพาเวอร์สำหรับรถยนต์หมายเลขทะเบียน บ ๗๑๖๖ และ บ ๗๑๖๗ จำนวน ๗๓,๘๐๐ บาท โดยไม่เห็นด้วยกับคำชี้แจงของเทศบาลเมืองปัตตานีและผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และเห็นว่ากรณีหน่วยรับตรวจไม่ดำเนินการตามข้อทักท้วงเป็นการโต้แย้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๔ วรรคท้าย ที่บัญญัติให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินรายงานข้อโต้แย้งต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้รักษาการและสั่งการให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ นำผลการตรวจสอบตามข้อทักท้วงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 564 | ขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ | กก | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2,369,746,695.44 บาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านา นาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2,299,480,781.76 บาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 40,265,913.68 บาท และค่าบริหารจัดการโครงการก่อสร้าง จำนวน 30,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551- พ.ศ. 2553 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วยว่า กรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุม ฯ มีจำนวนค่อนข้าง สูงและมีระยะเวลาดำเนินโครงการค่อนข้างจำกัด อาจส่งผลทำให้ไม่สามารถเริ่มโครงการได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จึงเห็นควรจัดทำแผนการดำเนินโครงการ และการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้มีความชัดเจนอย่างเป็นรูป ธรรมก่อน และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป โดยการเบิกจ่ายและการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การใช้ประโยชน์ของศูนย์ประชุม ฯ เป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิด ประโยชน์สูงสุดควรมีการวางแผนและกำหนดแนวทางเลือกให้เพื่อภาคเอกชนที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ระดับนานาชาติเป็นผู้บริหารจัดการศูนย์ประชุม ฯ เช่นเดียวกับการบริหารจัดการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อมิ ให้การบริหารจัดการเกิดภาระงบประมาณและก่อให้เกิดรายได้กลับคืนสู่รัฐได้โดยเร็ว ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 565 | ผลการตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สธ | 29/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายวิชาญ มีนชัยนันท์) เมื่อวันที่ 9 กรกฎา คม 2551 ณ จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา และพบปะเจ้าหน้าที่ทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติ และอาสา สมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งผลการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เห็นว่าเพื่อให้การดำเนินงานและการบริการในระดับต่าง ๆ ได้ บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ เห็นควรให้การสนับ สนุนอาคารพักให้กับเจ้าหน้าที่ทุกโรงพยาบาลใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 53 โรงพยาบาล สนับสนุน อุปกรณ์ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นโดยเฉพาะรถยนต์สำหรับส่งผู้ป่วยทั้งจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และผู้ป่วย ปกติ และให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสถานีอนามัยได้รับค่าตอบแทนเสี่ยงภัยจากทางราชการ 2,000 บาท/คน/ เดือน รวมทั้งให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับค่าตอบแทนคนละ 1,000 บาท/คน/เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 566 | สรุปผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกับหอการค้าญี่ปุ่น และหอการค้าต่างประเทศประจำประเทศไทย | อก | 15/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กับผู้บริหารหอการ ค้าต่างประเทศประจำประเทศไทย 2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ 3. ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการพิจารณาอนุมัติการ ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ควรกำหนดเป็นแบบ Checklist เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ มีมาตร การรองรับกรณีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพื่อการฝึกอบรมระยะสั้น หรือเพื่อทำการวิจัยและพัฒนา (R&D) ลดการ ขยายตัวของการให้บริการที่ท่าเรือกรุงเทพ กระทรวงกลาโหม ควรเร่งรัดการพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน และการบริหารจัดการขยะมีพิษ/วัตถุมีพิษที่เกี่ยวข้อง บริษัทผู้ผลิตต้องเป็นผู้รับผิดชอบกำหนดเกณฑ์ มาตรฐานที่ใช้เป็นสากลที่จะคัดแยกวัสดุประเภทของขยะมีพิษและวัตถุมีพิษอยู่แล้ว เห็นชอบให้นำประเด็นข้อ เสนอของหอการค้า ฯ ไปประกอบการพิจารณา และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งดำเนินการโครง การ SINGLE WINDOW SERVICE ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 567 | ผลการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ | พน | 08/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
และการร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและ คณะ ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารของกลุ่ม โรงกลั่นน้ำมัน ระหว่างวันที่ 8-15 มิถุนายน 2551 โดยผลการเยือนและประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและ เอกชนของประเทศบราซิลครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงประสบการณ์และผลสัมฤทธิ์เกี่ยวกับการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ ของประเทศบราซิลที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) ทั้งด้านปริมาณและราคาโดย ประเทศบราซิลสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก การสร้างรายได้และ ฐานอาชีพให้แก่เกษตรกร ซึ่งก่อให้เกิดการรวมกลุ่มระหว่างเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าเกษตรเพื่อสร้างความเข้ม แข็ง ไม่มีการประท้วงเกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เสริมสมรรถนะในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เกษตร-พลังงาน (AgroEnergy) ของโลก รวมทั้งมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพราะการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไอระเหยสารอินทรีย์ นอก จากนี้ ประเทศบราซิลยังมีประเด็นมุ่งเน้น (Focus Area) ของการพัฒนาในอนาคตคือ มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น "ประเทศเกษตร-พลังงาน" หรือ "AgroEnergy" และต้องการเป็นผู้นำของโลกในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ชีวภาพทุกรูปแบบ เช่น เอทานอล ไบโอดีเซล ป่าไม้พลังงาน (Energy Forrest หรือการปลูกไม้โตเร็ว) และการ นำเศษเหลือใช้ และ By-products ต่าง ๆ จากการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้ประโยชน์ให้ครบวงจร และอยู่ ระหว่างการผลักดันให้เอทานอลเป็นสินค้าประเภท Global Commodity ที่ซื้อขายเช่นเดียวกันกับน้ำมัน รวมไป ถึงการขยายตลาดเอทานอลให้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 568 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานของกลุ่มประเทศจี 8 และการเยี่ยมผู้ฝึกงานไทยในประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานของกลุ่มประเทศ
จี 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ณ จังหวัดนีกาตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-15 พฤษภาคม 2551 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะข้าราชการกระทรวงแรงงานเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ สำหรับสาระ สำคัญของการประชุม ฯ ได้มีการพิจารณาเรื่องการปรับตัวและการรักษาดุลยภาพในการใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงาน เมื่อประชากรต้องมีอายุสูงขึ้น การกำหนดนโยบายด้านการจ้างงานที่เอื้ออาทรต่อกลุ่มแรงงานที่เสียเปรียบ รวมถึง บทบาทและพันธะของกลุ่มจี 8 ต่อสังคมภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ และเห็นพ้องว่า เพื่อให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมาย ในส่วนของบุคคลต้องมีการดูแลเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งความมั่นคงภายหลังเลิกทำงาน การพัฒนา ตนเองในการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงาน และเห็นว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนจะ ต้องอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยให้ความ สำคัญและตระหนักถึงการประเมินผลกระทบต่อสังคมจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและการช่วยเหลือคนทำงาน ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน การส่งเสริมทักษะภายใต้การจ้างงานที่เอื้ออาทรต่อสังคม สิ่งแวด ล้อม รวมทั้งการจัดและปรับระบบการทำงาน การใช้วัตถุดิบหมุนเวียน ตลอดจนการปรับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่ง แวดล้อม ทั้งนี้ ภายหลังจากการประชุม ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้เข้าเยี่ยมบริษัทยามาฮ่า มารีน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์เรือที่มีชื่อเสียง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสินค้าถึงร้อยละ 40 ของโลก และ พบปะผู้ฝึกงานไทย และจากการหารือกับผู้บริหารบริษัทแห่งนี้ทราบว่ามีความพอใจผู้ฝึกงานไทยและมีแนวโน้มจะรับ คนไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทได้ว่าจ้างผู้ฝึกงานเยาวชนไทย จำนวน 24 คน และจะว่าจ้างเพิ่มเติมอีก 18 คน ใน เดือนมิถุนายน 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 569 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | กก | 03/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้การสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการเตรียมการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์และการแข่ง ขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2008 เฉพาะค่าใช้จ่ายในการเตรียมการรับเสด็จ เพิ่มเติมอีก 1,615,900 บาท รวมกับที่ เสนอไว้เดิม 278,400 บาท เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1,894,300 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้เป็นไปตามที่สำนักงบ ประมาณได้เสนอความเห็นไว้แล้วดังนี้ ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการรับเสด็จ จำนวน 1,894,300 บาท ค่าใช้จ่ายใน การเดินทางของผู้บริหารและคณะ จำนวน 5,488,400 บาท ค่าใช้จ่ายในการเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่ง ขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ จำนวน 18,540,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา พาราลิมปิกเกมส์ จำนวน 6,000,000 บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 31,922,700 บาท และอนุมัติในหลักการให้มีค่า ใช้จ่ายในส่วนของเหรียญรางวัล โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่ว่าอัตรา เงินรางวัลสำหรับเหรียญรางวัลแต่ละประเภทไม่ควรกำหนดให้สูงมากนัก เนื่องจากจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยควร กำหนดอัตราค่าตอบแทนในระดับที่จะเป็นการแสดงความยินดี และให้กำลังใจแก่นักกีฬาเท่านั้นไปพิจารณา ทั้งนี้ ให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนสอดคล้องกับความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายจริง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 570 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบและประเมิน
ผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) เสนอดังนี้ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผล การประเมินตนเองของ ค.ต.ป. คณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และเห็นชอบข้อเสนอของ ค.ต.ป. ที่ให้ กรมบัญชีกลางรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่อง อัตรากำลังของหน่วยตรวจสอบภายในของส่วนราชการและจังหวัด ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2550 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนของ การสร้างกลไกให้ผู้ตรวจสอบภายในมีอิสระอย่างแท้จริงในการปฏิบัติงาน และมีอัตรากำลังที่เพียงพอต่อการปฏิบัติ งาน ส่งเสริมและพัฒนาขีดสมรรถนะของผู้ตรวจสอบภายใน ปรับปรุงระบบการตรวจสอบภายในระดับกระทรวงและ ระดับกรมให้มีความเชื่อมโยงกัน สนับสนุนให้มีผู้ที่มีความรู้เรื่องมาตรฐานและจริยธรรมของผู้ตรวจสอบภายในจาก ภายนอกมาประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยตรวจสอบภายในของส่วนราชการ และให้เสนอแผนพัฒนาระบบ การตรวจสอบภายในภาคราชการเป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนในแผนบริหารราชการแผ่นดิน และให้กรมบัญชีกลาง ประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ในการอบรมและสร้างกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญใน เรื่องระบบการควบคุมภายในที่ยั่งยืนเพื่อทำหน้าที่ในการให้ความรู้และคำปรึกษาแก่ส่วนราชการและจังหวัดในการ จัดทำระบบการควบคุมภายในสำหรับใช้เป็นเครื่องมือของผู้บริหารในการกำกับดูแลตนเองที่ดีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 571 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้บริหารและสำหรับหน่วยงานเพื่อจ่ายให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการ
เบิกจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้บริหารและสำหรับหน่วยงานเพื่อจ่ายให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานของ รัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินรางวัล (เงินเพิ่มพิเศษ) ที่คำนวณได้ให้จ่ายแก่ผู้บริหารใน อัตราร้อยละ 50 ส่วนอีกร้อยละ 50 ให้นำไปสมทบเพื่อจัดสรรเป็นเงินรางวัลให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และ พนักงานของรัฐของส่วนราชการและจังหวัดตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ.ร. กำหนด และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่าง กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 572 | การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับหน่วยงานและผู้ปฏิบัติและเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารของส่วนราชการจังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานสรุปผลคะแนนการประเมินการปฏิบัติราชการ
ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ของส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัด รวมทั้งการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีให้ส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัดที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติ ราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่มีผลการประเมินที่ครบถ้วนทุกตัวชี้วัดและผ่านเกณฑ์การประเมิน ซึ่งเป็นการ จ่ายครั้งเดียวในวงเงินงบประมาณที่จะจัดสรรทั้งหมด 5,550 ล้านบาท และให้นำเงินร้อยละ 50 ของผู้บริหารที่มีสิทธิ ได้รับเงินเพิ่มพิเศษไปสมทบกับเงินรางวัลที่จะจัดสรรให้แก่กลุ่มผู้ปฏิบัติ โดยเป็นการใช้เงินงบกลางสำหรับจ่ายเป็นเงิน เพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร จำนวน 642.5 ล้านบาท เพื่อนำไปสมทบและจัดสรรเป็นเงินรางวัลให้กลุ่มผู้ปฏิบัติงานตาม หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารและเงินรางวัลสำหรับหน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่เป็นไปตามตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 และวันที่ 22 มกราคม 2551 เพื่อให้ส่วน ราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัด ดำเนินการจัดสรรให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำในสังกัด โดยไม่ขัดกับหลัก เกณฑ์ที่ ก.พ.ร. กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 573 | หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารและการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และการนำร่องเพื่อพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ | นร | 11/03/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอผลการดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทาง
การจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร และการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษา ที่ มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ใน ประเด็นดังนี้ การปรับปรุงวิธีการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีให้ส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัดที่มีการจัด ทำคำรับรองการปฏิบัติราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่มีผลการประเมินที่ครบถ้วนทุกตัวชี้วัดและผ่านเกณฑ์การ ประเมินผลจากการแบ่งจ่ายสองครั้งเป็นจ่ายครั้งเดียวภายในเดือนเมษายน 2551 ในวงเงินงบประมาณที่จะจัดสรรทั้ง หมด 5,550 ล้านบาท โดยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผู้บริหารปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ยังคงเป็นไปตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 สำหรับการศึกษาเพื่อจัดทำรูปแบบและแนวทางการดำเนินการและการ กำหนดกรอบการประเมินผล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่งจะดำเนินการเป็นการนำร่องร่วมกับกระทรวงการ คลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน และส่วนราชการระดับกรมในสังกัด รวม 22 กรม จะดำเนินการ แต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการกำกับและติดตามการจัดทำคำรับรองและการประเมินผลการ ปฏิบัติราชการของกระทรวง คณะกรรมการเจรจาข้อตกลงและประเมินผลระหว่างกระทรวงและกรม และคณะกรรม การส่งเสริมธรรมาภิบาลในส่วนราชการ (ระดับกรม) และให้ส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ให้สอดรับ กับแผนบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีเพื่อขอจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 รวมทั้งเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจาข้อตกลงความเหมาะสมของตัวชี้วัดในการลงนามคำรับรองการ ปฏิบัติราชการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 574 | การจัดประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ | นร | 12/02/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดการประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน
ภาครัฐ ในวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 09.30-12.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และ ให้ถ่ายทอดสดการประชุมชี้แจงทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ และมอบหมายให้ นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ชี้แจงนโยบายของรัฐบาล ร่วมกับนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 575 | การเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | นร | 08/02/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอ
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เรื่อง การแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เรื่อง แนวทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของคณะรัฐมนตรี (การ แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2535 เรื่อง การ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 265 (1) บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่ง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และมาตรา 106 (6) บัญญัติให้สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 265 ทำให้มีปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นใดจากผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ และจะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) ของรัฐธรรมนูญ ฯ หรือไม่ จึงมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หารือปัญหาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 576 | การเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ถูกยกเลิกโดย มติ ครม. เมื่อวันที่ 24/09/68 ส.ยืนยัน ว(ร)478/68) | นร | 08/02/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เรื่อง การแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เรื่อง แนวทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของคณะรัฐมนตรี (การ แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2535 เรื่อง การ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 265 (1) บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่ง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และมาตรา 106 (6) บัญญัติให้สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 265 ทำให้มีปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นใดจากผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ และจะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) ของรัฐธรรมนูญ ฯ หรือไม่ จึงมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หารือปัญหาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 577 | ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... | ตช | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราช
การสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการจัดแบ่งส่วนราชการในสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติออกเป็น สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราช การดังกล่าวให้เหมาะสมกับสภาพของงานเป็นไปตามหลักการบริหารและเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ การปฏิบัติงานบังเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความ เห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการจัดให้มีส่วนราชการ ระดับกองบัญชาการในสังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 12 ส่วนราชการ มีสถานภาพเทียบเท่า กับส่วนราชการระดับกองบัญชาการที่เป็นหน่วยงานหลัก อาจไม่สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจไปยังหน่วย งานในพื้นที่ และมีผลต่อการเพิ่มจำนวนตำแหน่งในระดับผู้บัญชาการมากเกินความจำเป็น ประกอบกับการจัดโครง สร้างดังกล่าวยังมีความซ้ำซ้อนทั้งระหว่างส่วนราชการในกระทรวงอื่น และภายในส่วนราชการของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดอัตรากำลังควรคำนึงถึงผลกระทบด้านงบประมาณจาก การปรับระดับผู้บริหารของส่วนราชการให้สูงขึ้น โดยควรดำเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลัง คนภาครัฐ (พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551) ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 578 | ขอแก้ไขข้อความในเอกสารประกอบการพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร และการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอขอแก้ไขข้อความในเอกสารประกอบการพิจารณา
เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร และการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยขอ แก้ไขข้อความในเอกสารประกอบหมายเลข 3 หน้าแรก ข้อ (1.1) ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ด่วนที่สุด ที่ นร 1200/199 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2550 ดังนี้ ข้อความเดิม "(1.1) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่ได้รับอนุมัติให้ลา ศึกษาต่อทั้งโดยรัฐบาลและทุนส่วนตัวซึ่งมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ได้แก่ ช่วง ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2548 ถึง 31 มีนาคม 2549 และช่วงเวลาตั้งแต่ 1 เมษายน 2549 ถึง 30 กันยายน 2549" แก้ไขใหม่เป็น "(1.1) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่ได้รับอนุมัติให้ลาศึกษาต่อทั้งโดยทุนรัฐบาลและทุนส่วนตัวซึ่งมิได้ ปฏิบัติหน้าที่ตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ได้แก่ ช่วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2549 ถึง 31 มีนาคม 2550 และช่วงเวลาตั้งแต่ 1 เมษายน 2550 ถึง 30 กันยายน 2550" |
|||||||||||||||||||||||||||
| 579 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... | ศธ | 17/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญา
ในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาใหม่ เพื่อให้หลักสูตรที่ได้รับ การปรับปรุงหรือเปิดใหม่สามารถใช้ชื่อปริญญาได้ และปรับปรุงการกำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุย ประจำตำแหน่งและส่วนประกอบครุยประจำตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการ บดี และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย รวมทั้งแก้ไขการกำหนดสีประจำสาขาวิชาเป็นสีประจำบัณฑิตวิทยาลัย คณะ สถาบัน และสำนัก และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 580 | หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารและการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 25/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการแนวทางการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับ
ผู้บริหารประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้เป็นไปตามหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 คือ กำหนดให้ใช้สัดส่วนการจ่าย 50 : 50 โดยจ่ายให้ผู้บริหารเป็นจำนวนร้อยละ 50 ของจำนวนเงินเพิ่มพิเศษสำหรับ ผู้บริหารที่คำนวณได้จริง ส่วนอีกร้อยละ 50 ของผู้บริหารที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวให้นำไปสมทบกับเงิน รางวัลที่จะจัดสรรให้กลุ่มผู้ปฏิบัติ โดยส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา เป็นผู้จัดสรรสำหรับผู้ปฏิบัติงานของส่วนราช การ สถาบันอุดมศึกษา ในหน่วยงานที่เป็นราชการบริหารส่วนกลางและหน่วยงานที่เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่ ไปปฏิบัติงานในภูมิภาค และให้จังหวัดเป็นผู้จัดสรรสำหรับผู้ปฏิบัติในหน่วยงานที่เป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาคทั้ง หมดในจังหวัด และรับทราบแนวทางการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สำหรับผู้ปฏิบัติของส่วน ราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัด ยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่เดิม โดยจัดสรรเป็น 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 จัดสรรให้ส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัดที่ได้คะแนนรวมในเบื้องต้นตั้งแต่ 2.9000 คะแนนขึ้นไป ให้ได้รับ การจัดสรรเงินรางวัล โดยใช้คะแนนเป็น 3 คะแนนเท่ากันไปก่อน และครั้งที่ 2 คำนวณเพื่อจัดสรรเงินรางวัลประจำปี โดยใช้คะแนนจริง ซึ่งส่วนราชการใดที่ได้รับเงินรางวัล ฯ ไปในครั้งที่ 1 จากการคำนวนด้วยคะแนน 3 คะแนน แล้วจะ ได้รับเพิ่มในส่วนต่างจากคะแนนจริง แต่ถ้าส่วนราชการใดที่ยังไม่ได้รับในครั้งที่ 1 และผลการประเมินคะแนนรวมจริง เท่ากับ 3 คะแนนขึ้นไป จะได้รับเงินรางวัล ฯ ทั้งหมดตามคะแนนรวมจริง ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ให้กระทรวงการคลังแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้ บริหารและสำหรับหน่วยงาน เพื่อจ่ายให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานของรัฐ ได้ต่อไป โดยในส่วนของ การจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร นั้น ควรปรับหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นแก่ส่วนราชการ เพื่อให้สามารถ ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารแต่ละส่วนราชการนั้นได้ ตามความรับผิดชอบและประสิทธิภาพการปฏิบัติราช การ ซึ่งแต่ละตำแหน่งไม่จำเป็นต้องได้รับเงินเพิ่มพิเศษในจำนวนที่เท่ากัน (ตามสูตรการคำนวณเดิม) อันจะสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของส่วนราชการได้ดียิ่งขึ้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย และให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประเมินผลให้เกิดความชัดเจนว่า การนำหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษ ฯ ซึ่งเป็นการนำเอา ระบบการจ่ายเงินรางวัล (bonus) มาเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน นั้น มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นเพียงใด หรือไม่ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำผล การประเมินในแต่ละปีไปดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาการปฏิบัติงานของหน่วยงานของตนหรือไม่ประการใด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
