ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 48 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 941 - 960 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 941 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 (ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2562 เรื่อง การปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560) | สกพอ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ในหมวด ๓ การกำกับดูแลและติดตามผล เพื่อปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกำกับดูแล และกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสัญญา เพื่อให้การทำหน้าที่กำกับดูแลภาพรวมและการบริหารสัญญาร่วมลงทุนของโครงการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ อันจะทำให้การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกนี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกอาจพิจารณาปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนรวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้และผู้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย นอกจากนี้ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อติดตาม กำกับ และบริหารจัดการสัญญาร่วมลงทุนของโครงการ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 942 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน 8 ฉบับ | นร | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำสะแกกรัง พ.ศ. .... (๒) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำท่าจีน พ.ศ. .... (๓) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก พ.ศ. .... (๔) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (๕) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน พ.ศ. .... (๖) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พ.ศ. .... (๗) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง พ.ศ. .... และ (๘) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จ และมีขอบเขตที่ชัดเจน ก่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาทุกฉบับมีการแสดงพื้นที่ที่มีเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานเจ้าของเรื่องอาจพิจารณาตรวจสอบแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อให้เส้นพรมแดนที่แสดงสอดคล้องกับแนวเส้นเขตแดนที่ฝ่ายไทยอ้าง และ/หรืออาจพิจารณาใส่ถ้อยคำ ว่า “แผนที่ฉบับนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตหรือแนวพรมแดนระหว่างประเทศ” ท้ายแผนที่แนบท้ายของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับที่แสดงเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดกระบวนการจัดทำผังน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการปรับปรุงขอบเขตลุ่มน้ำในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 943 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 71 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร | กค | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบข้อกำหนดของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาท ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 944 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | สผ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน เป็นต้น และรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วไม่แสดงความเห็นต่อรายงานการเงินดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอและมีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซี่งได้ประสานงานสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรทราบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและปรับปรุงแก้ไขบัญชีตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานการเงินดังกล่าวตามเนื้อหาที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ระบุไว้ในรายงานของผู้สอบบัญชี เพื่อให้การจัดทำรายงานทางการเงินในปีต่อ ๆ ไป ปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ สามารถแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่แท้จริง รวมทั้งแสดงถึงผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 945 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. .... | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนและกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเพิ่มเติมลักษณะของพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจงสำหรับพัสดุดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการให้ความหมายของพัสดุส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 946 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. .... | กษ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าเกษตรที่ประสงค์จะขอรับการตรวจสอบเพื่อขอรับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรถือปฏิบัติต่อไปได้ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 947 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... | อก | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อันเนื่องมาจากยกเลิกการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายที่ใช้บริโภคในราชอาณาจักร และการยกเลิกโควตา เพื่อให้โรงงานน้ำตาลทรายที่ไม่ได้จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเช่นเดียวกันกับโรงงานน้ำตาลทรายที่จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร และให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 948 | การปรับปรุงแก้ไขการจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน อำนาจหน้าที่ของส่วนงาน และอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร51 | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้าง การแบ่งส่วนงานของ กอ.รมน. ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ) ซึ่งกำหนดให้ส่วนราชการต้องพิจารณาปรับปรุงบทบาท ภารกิจ โครงสร้างและวิธีทำงานที่มีอยู่เดิมเป็นลำดับแรกก่อน และปรับวิธีการทำงานให้มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมก่อนเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ รวมทั้งต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงเท่านั้น ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. โดยในส่วนของกรอบอัตรากำลังประจำ ให้บริหารจัดการภายใต้กรอบอัตรากำลังประจำที่มีอยู่เดิม สำหรับกรอบอัตรากำลังช่วยราชการ ให้พิจารณาตามเหตุผลความจำเป็นของภารกิจตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ๒. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานก่อนในโอกาสแรก สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าว ต้องเป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าและประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 949 | ขอปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 | สกพอ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบผลการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอ และเห็นชอบการปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ช่วงที่ ๑ โดย (๑) เปลี่ยนแปลงจำนวนเงินร่วมลงทุนของรัฐ หักค่าสิทธิการร่วมลงทุนจากเอกชนสุทธิ ๗๑๐ ล้านบาทต่อปี เป็นระยะเวลา ๓๐ ปี และ (๒) เปลี่ยนแปลงผลตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจากการร่วมลงทุนกับเอกชน ช่วงที่ ๑ และช่วงที่ ๒ รวมเท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิประมาณ ๖,๗๒๑ ล้านบาท (อัตราคิดลดร้อยละ ๖.๔๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามผลประกอบการของโครงการฯ โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ที่ผันแปรกับปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าเทียบเรือ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินของกิจการได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 950 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม - มีนาคม 2562) | นร11 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ความคืบหน้าซึ่งเป็นผลการดำเนินการที่สำคัญในแต่ละด้านของการปฏิรูปประเทศ เช่น ด้านการเมือง (โรงเรียนประชาธิปไตย : ให้มีการปฏิรูปและพัฒนาระบบการศึกษา รวมทั้งต้องพัฒนาโรงเรียนทุกโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้เป็น “โรงเรียนประชาธิปไตย”) ด้านการกฎหมาย (การผลักดันกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมในสังคม) และการปฏิรูปกระบวนการทำงานของภาครัฐเป็น E-government เป็นต้น ๒. ปัญหาอุปสรรค คือ หน่วยงานได้แจ้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศมายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๑๑ หน่วยงาน ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ๓. ข้อเสนอแนะ คือ ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งตรวจสอบการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยในกรณีที่หน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งดำเนินการตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศใช้เป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตรวจสอบรายละเอียดความสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 951 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี G20 ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน | ทส | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี G20 ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศญี่ปุ่น และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ Communique (Global Environment) มีสาระสำคัญเป็นการยอมรับการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพผ่านทางนโยบายและวิธีการต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการวัสดุอย่างยั่งยืน และหลักการ 3Rs และการทำให้ขยะมีมูลค่า การดำเนินการในเรื่องขยะพลาสติกในทะเลเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการยอมรับความสำคัญของการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการปรับตัวที่ครอบคลุมและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในทุกระดับ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อเหตุการณ์สภาพอากาศและภัยพิบัติที่เลวร้าย ๑.๒ G20 Implementation Framework for Actions on Marine Plastic Litter เป็นภาคผนวกของร่างแถลงการณ์ Communique (Global Environment) มีสาระสำคัญเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพของแผนปฏิบัติการ G20 ว่าด้วยขยะทะเลผ่านปฏิบัติการสนับสนุนจากสมาชิก G20 และการทำงานร่วมกันและขยายผลการดำเนินการของแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ ร่างแถลงการณ์ G20 Communique Joint part (Energy and Environment) มีสาระสำคัญในการยอมรับความสำคัญของการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อที่จะตระหนักในเรื่อง “3E+S” (ความมั่นคงทางพลังงาน ความพอเพียงทางเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย) และการจัดการประเด็นความท้าทายหลักระดับโลกต่าง ๆ ซี่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ทรัพยากรที่ไม่ยั่งยืน มลพิษทางน้ำและอากาศ และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตลอดจนการสร้างความมั่นใจในความมั่นคงด้านพลังงาน การลดก๊าซเรือนกระจกและการปล่อยก๊าซอื่น ๆ และการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 952 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้ 
											    												    		๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติศึกษารายละเอียดการวางระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศต่าง ๆ และประสานขอความร่วมมือไปยังผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ในการวางระบบระบายน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ๑.๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการเตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เป็นระบบ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น การปรับปรุงและพัฒนาแผนการระบายน้ำ การขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เกิดจากการก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการพื้นที่น้ำท่วม/พื้นที่ชะลอน้ำ และการปรับปรุงคูคลองเพื่อให้ระบายน้ำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาและแหล่งชุมชนที่มีการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 953 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุม คทช. ได้รับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) รับทราบผลการดำเนินงานตามมติ คทช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ (๒) รับทราบความคืบหน้าการเสนอร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๓) รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง รายงานผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) (๔) รับทราบการดำเนินงานในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คทช. (๕) เห็นชอบการดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ โครงการ และ (๖) เห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และคำสั่งคณะอนุกรรมการฯ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 954 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมรายงานผลการตรวจสอบ (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561) | อส | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบัญชีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะมีการติดตามการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จต่อไป ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 955 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน + 3 ครั้งที่ 22 | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ เมษายน-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐฟิจิ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ที่ประชุมรับทราบรายงานเศรษฐกิจจากผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งเห็นพ้องว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๒ ยังคงสามารถขยายตัวได้ แม้ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยที่ประชุมเห็นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ที่ขยายตัวมากขึ้นจะช่วยรองรับผลกระทบดังกล่าว จึงเห็นพ้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ เตรียมความพร้อมรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนต้องดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับความท้าทายระยะยาว เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในหลายประเทศ โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่เพียงพอ (Infrastructure Gaps) เป็นต้น ๒. ความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+๓ ๒.๑ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามภารกิจหลักของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+๓ (The ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) AMIRO ได้แก่ การเฝ้าระวังเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ การสนับสนุนการดำเนินการภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี และการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ๒.๒ ที่ประขุมเห็นชอบร่างความตกลงสุดท้าย (Final Text) ของความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกลไก CMIM กรณีที่เป็นการให้ความช่วยเหลือร่วมกับ IMF เพื่อให้สอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และขอให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามให้ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในปี ๒๕๖๒ และเห็นชอบเอกสาร “แนวทางการดำเนินการทั่วไปเกี่ยวกับการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM” (General Guidance on Local Currency Contribution to the CMIM) ที่ครอบคลุมหลักการของการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM เช่น ต้องเป็นไปตามหลักความสมัครใจ เป็นต้น ๒.๓ ที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานระยะกลางฉบับใหม่ของมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) สำหรับปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ซึ่งแบ่งการดำเนินการออกเป็น ๔ แนวทาง ได้แก่ (๑) การดำเนินการโดยต่อเนื่อง (Continue) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+๓ (๒) การดำเนินการเชิงลึก (Deepen) โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวและการพัฒนาการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๓) การดำเนินการเชิงขยาย (Expand) เพื่อขยายขอบเขต ABMI ให้ครอบคลุมประเด็นใหม่ ๆ ในตลาดการเงิน เช่น การพัฒนาระบบหลักประกันทางการเงินข้ามพรมแดน และเทคโนโลยีทางการเงิน เป็นต้น และ (๔) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ADB CGIF AMRO และสำนักเลขาธิการอาเซียน ๒.๔ ที่ประชุมเห็นชอบเอกสารวิสัยทัศน์ “Strategic Directions of ASEAN+3 Finance Process” ซึ่งครอบคลุมประเด็นยุทธศาสตร์หรือทิศทางการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและขั้นตอนการทำงานสำหรับการประชุม AFMGM+3 การดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญเติบโตและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มบทบาทของเงินสกุลท้องถิ่น (Local Currency) ทั้งในด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาค การพิจารณาความเป็นไปได้ในการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นในกลไก CMIM และการจัดการความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 956 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมรายงานผลการตรวจสอบ (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560) | อส | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบัญชีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะมีการติดตามการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จต่อไป ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 957 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม | คค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ในวงเงิน ๖๖,๘๔๘.๓๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๘ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๘) โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณของ รฟท. ให้ รฟท. มีอำนาจในการปรับปรุงรายละเอียดด้านงบประมาณค่าก่อสร้าง ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเวนคืนที่ดิน และรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ นั้น กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้กับ รฟท. เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และค่าจ้างที่ปรึกษาประกวดราคา วงเงินรวม ๑๐,๒๕๕.๓๓ ล้านบาท สำหรับค่าก่อสร้าง จำนวน ๕๕,๔๖๒.๐๐ ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน ๑,๑๓๑ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๕๖,๕๔๓.๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และให้ รฟท. กู้ต่อ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. กำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนของโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ตลอดจนดำเนินการแยกทรัพย์สินในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐเป็นผู้รับภาระการลงทุนออกจากบัญชีของ รฟท. ให้ชัดเจน (๒) ให้ รฟท. วางแผนบริหารจัดการการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรมีแนวทางการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการขนส่งทางรางอย่างเป็นรูปธรรม (Open Access) เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (๓) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการโครงการในภาพรวมให้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการย่านลานกองเก็บตู้สินค้าที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง และลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และ (๔) ให้ รฟท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) รวมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาและเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 958 | การปรับปรุงตำแหน่งผู้แทนสำรองของรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงตำแหน่งผู้แทนสำรองของรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย จาก “รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่กำกับดูแลสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน” เป็น “ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่กำกับดูแลสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน” และสำหรับตำแหน่งผู้แทนให้เป็นไปตามเดิม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 959 | รายงานผลการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบผลการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งมีการหารือในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (๒) การบริหารจัดการกองเรือประมง (๓) การบังคับใช้กฎหมาย (๔) การตรวจสอบย้อนกลับและใบรับรองการจับสัตว์น้ำ (๕) ความร่วมมือกับประเทศที่ ๓ และองค์การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค และ (๖) การขยายความร่วมมือการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated : IUU) สู่อาเซียน ตามที่คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเสนอ ๒. สำหรับการจัดตั้งสำนักงานประสานงานการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เป็นหน่วยงานภายใต้กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ เพื่อเป็นการปรับปรุงภารกิจของกรมประมงให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว จึงเห็นควรกำหนดให้กองประมงต่างประเทศ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมฯ และมีภารกิจหลักด้านบริหารจัดการและดำเนินการเกี่ยวกับการทำตามข้อตกลงด้านการประมงระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบงานด้านการรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล ประสานงานและบูรณาการการปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU และการดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะอนุกรรมการฯ มอบหมาย โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 960 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ครั้งที่ 2 | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติและรับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑.๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๗,๐๙๔.๔๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๘๕๑,๑๓๗.๙๙ ล้านบาท เป็น ๑,๘๓๔,๐๔๓.๕๒ ล้านบาท และรับทราบการปรับเพิ่มวงเงินของโครงการหรือรายการเดิมในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๒๐ โครงการ/รายการ ๑.๑.๒ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนาหรือโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๖ รายการ ๑.๑.๓ อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ โดยให้ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้จากการให้บริการขนส่ง การศึกษาแนวทางการขอปรับเพิ่มค่าระวางในการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ การจัดตั้งคณะทำงานติดตามและหาแนวทางแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินแผนงานก่อสร้างศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟพร้อมจัดหาเครื่องมือที่ท่าเรือแหลมฉบัง (Single Rail Transfer Operator : SRTO) และการหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จ่ายเงินชดเชยค่าบอกเลิกสัญญาสัมปทานให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ไปดำเนินการด้วย ๑.๒ อนุมัติและรับทราบในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๒.๑ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๒.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของ รฟท. ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			