ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 861 | ผลการประกาศคำมั่นของไทยในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประกาศคำมั่นของไทยในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ (High-Level Segment on Statelessness) เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุมคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee : ExCom) ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (Office of the United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR) สมัยที่ ๗๐ ระหว่างวันที่ ๗-๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยในการประชุม ExCom สมัยที่ ๗๐ ได้ระบุคำมั่นของไทยในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไรรัฐ (ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เห็นชอบแล้ว) ในช่วงต้นของถ้อยแถลงในนามประเทศไทย เช่น (๑) การส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาของเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ (๒) การยกระดับการให้การคุ้มครองทางสังคมแก่คนไร้รัฐไร้สัญชาติ และ (๓) การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพิจารณาสัญชาติและสิทธิความเป็นพลเมือง เป็นต้น และประเทศต่าง ๆ ย้ำความสำคัญของปัญหาความไร้รัฐและความมุ่งมั่นที่จะขจัดความไร้รัฐให้หมดไป และคำมั่นเหล่านี้จะปรากฏในเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก (Global Refugee Forum) ครั้งที่ ๑ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ที่นครเจนีวาต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 862 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาต คุณสมบัติของผู้ชำนาญการ การสั่งพักและเพิกถอนใบอนุญาต การควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ได้รับใบอนุญาตของผู้มีสิทธิทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษาและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ร่างข้อ ๖ ร่างข้อ ๗ ร่างข้อ ๘ และร่างข้อ ๙ กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้ อาจเกินกฎหมายแม่บท (๒) การออกใบอนุญาตตามร่างข้อ ๑๔ อาจกำหนดเงื่อนไขหรือจำกัดประเภทของการจัดทำรายงานฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประเมินด้านสุขภาพ และ (๓) ควรระบุระยะเวลาการได้รับการต่ออายุใบอนุญาตให้ชัดเจนว่าไม่เกินกี่ปีนับแต่วันที่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตครั้งล่าสุด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ เนื่องจากในการยกร่างกฎกระทรวงฯ มีการเพิ่มข้อกำหนดที่เกี่ยวกับผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เช่น ออกใบอนุญาตให้กับผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอิสระที่เป็นบุคคลธรรมดา และเปิดโอกาสให้นิติบุคคลมหาชนสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้ต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นข้อเสนอใหม่เพื่อดำเนินการคัดเลือกใหม่เมื่อสิ้นอายุการอนุญาตทุกครั้ง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามแนวทางในการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายและแนวทางการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย รวมทั้งการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากแสดงความคิดเห็น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 863 | การปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ จำนวน ๕ ตำแหน่ง และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จำนวน ๒ ข้อ (จากจำนวน ๘ ข้อ โดยเป็นการปรับเปลี่ยนชื่อกระทรวง จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 864 | แผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | กษ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยมีวิสัยทัศน์ “ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง” ซึ่งในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ไปสู่การปฏิบัติได้มีการกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะ ๑-๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (๒) ระยะ ๖-๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และ (๓) ระยะ ๑๑-๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๗๐-๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพและการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาปัจจัยสนับสนุน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับกรอบระยะเวลาของแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราฯ เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามเป้าหมาย ควรให้การยางแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลักประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรูปรายการมาตรฐานและประมาณราคา รายการปรับปรุงผิวสนามกีฬา รวมทั้งแนวปฏิบัติการจัดจ้างในโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราของหน่วยงานภาครัฐ กรณีมีผู้ว่าจ้างเพียงรายเดียว เพื่อเป็นแบบมาตรฐานกลาง และการยางแห่งประเทศไทยควรศึกษาแนวทางการเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างอุปสงค์ (Demand) ของยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพารา และส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นหรือการเลี้ยงสัตว์ผสมผสานกับการปลูกยางพาราเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างสูงสุด ๔. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดหายางพาราหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราไปใช้ในการดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้น ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกยางพาราที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและพื้นที่หวงห้ามประเภทอื่น ๆ ให้ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตรงกัน และให้นำข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ในความรับผิดชอบเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดแนวทางและมาตรการดังกล่าวให้คำนึงถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 865 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 จำนวน 2 ฉบับ | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับขั้นตอนและหลักฐานประกอบการยื่นขออนุญาต การจัดทำรายงาน การผลิตยา การกระจายยา การปฏิบัติตามเงื่อนไขและคำรับรองที่ให้ไว้ในทะเบียนตำรับยา และเงื่อนไขในการต่ออายุใบอนุญาต ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทำรายงาน การนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร การเก็บรักษายา การกระจายยา การปฏิบัติตามเงื่อนไขและคำรับรองที่ให้ไว้ในทะเบียนตำรับยา และเงื่อนไขในการต่ออายุใบอนุญาต ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรพัฒนาระบบแจ้งเตือนการทบทวนทะเบียนตำรับยาสำหรับยานำเข้าจากต่างประเทศที่ปัจจุบันยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิตยาเพื่อควบคุมคุณภาพมาตรฐานยาที่จำหน่ายในต่างประเทศอย่างเท่าเทียมและคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึง และควรนำข้อมูลที่ได้จากผู้ประกอบการมาใช้ประโยชน์โดยพิจารณาจัดทำบทวิเคราะห์ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ แนวโน้มความต้องการใช้ยาในประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไปได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 866 | คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 15/2562 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2562 | พน | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕/๒๕๖๒ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการปรับปรุงคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 867 | การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ | นร11 | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพและภารกิจในการขับเคลื่อนประเด็นแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนเป้าหมายระดับประเด็นของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนเป้าหมายระดับแผนย่อยของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพประสานและบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... และมอบหมายสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากำกับการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว เพื่อให้เกิดการถ่ายระดับของแผนทั้งสามระดับอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ แผนวิสาหกิจ และแผนปฏิบัติการ ตามลำดับ และขอความร่วมมือให้หน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ โดยให้ใช้ชื่อตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เกิดการถ่ายทอดเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งนำเข้าแผนในระบบการติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (Electronic Monitoring and Evaluation System of National Strategy and Country Reform : eMENSCR) ๑.๓ เห็นชอบให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการจัดทำโครงการสำคัญ นำไปสู่การก่อให้เกิดการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุผลตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่วางไว้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และใช้เป็นคำของบประมาณประจำปี ๒๕๖๔ ต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ (๑) นำเข้าข้อมูลผลการดำเนินโครงการ/การดำเนินงานในความรับผิดชอบในระบบ eMENSCR ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ และ (๒) นำเข้าข้อมูลสถิติ สถานการณ์ หรือข้อมูลอื่นใดในระบบ eMENSCR สำหรับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ให้เกิดการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งเชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศในความรับผิดชอบ โดยเฉพาะระบบข้อมูลสารสนเทศด้านงบประมาณของสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเข้ากับระบบ eMENSCR นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่อยู่ระหว่างหรือจะดำเนินการพัฒนาระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลใช้ระบบ eMENSCR ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ก่อนที่จะมีการพัฒนาระบบ ๑.๕ เห็นชอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายคณะกรรมการปฏิรูปประเทศดำเนินการตามขั้นตอนและกรอบระยะเวลาของกฎหมาย ทั้งนี้ ในการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ ให้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินการ การประหยัดเวลาและงบประมาณต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ควรให้ทบทวนความคุ้มค่าของผลสัมฤทธิ์ที่ได้ตามแผนระดับที่ ๓ และควรให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นผู้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนและบูรณาการการปฏิรูปประเทศด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 868 | ผลิตภัณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร) | กค | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ซึ่งเป็นการปรับปรุงนโยบายด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ตรงกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยและผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในแง่ระยะเวลาการออมและจำนวนเงินที่จะออมเพื่อจูงใจให้มีการออมระยะยาวมากขึ้น และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 869 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2562)] | นร05 | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ต่อสภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ก่อนส่งสภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระ ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการปรับปรุงการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายให้เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 870 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 871 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 872 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM) ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) รวมทั้งหนังสือแนบท้ายรวม ๔ ฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการของกลไก CMIM ตามนัยบทบัญญัติของความตกลงฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องมีการทบทวนทุก ๆ ๕ ปี โดยในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงแนวปฏิบัติของ CMIM กรณีที่เป็นความช่วยเหลือทางการเงินร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ IMF เช่น การปรับปรุงระยะเวลาการเบิกจ่ายและการชำระคืนเงินช่วยเหลือ จากเดิมที่เบิกจ่ายและรับเงินคืนเต็มจำนวนเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน (Maturity) เพียงครั้งเดียวภายใน ๑ ปี เป็นให้เบิกจ่ายและรับเงินคืนเป็นงวด ๆ และขยายจำนวนครั้งในการต่ออายุความช่วยเหลือ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินและการขาดสภาพคล่องของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระยะสั้นและต้องการรับความช่วยเหลือจากกลไกดังกล่าวจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงถ้อยคำที่มีความคลุมเครือในทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule 3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง (Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๔ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทนลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule 7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลง CMIM รวมทั้งหนังสือแนบท้าย ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 873 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 874 | แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) | นร10 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) โดยเป็นการกำหนดโครงสร้าง รูปแบบความสัมพันธ์ บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมทั้งคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐในแต่ละระดับ ตลอดจนกำหนดให้มีทีมสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และแนวทางการอบรมผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และทีมสนับสนุนฯ เพื่อเพิ่มทูนทักษะด้านดิจิทัล ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการไปพิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐแต่ละระดับ และทีมสนับสนุนฯ ความซ้ำซ้อนขององค์ประกอบและหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐกับคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล การจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานและไม่ซ้ำซ้อนกับหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง และการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำให้เป็นภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐ จึงเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติกรอบอัตรากำลังให้ได้ข้อยุติอย่างชัดเจน และเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. เร่งจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ (เรื่อง การแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม และการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวง) ในส่วนของการแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๔. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง จากเดิม “ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ชื่อเดิมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง” เป็น “ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบรับรองกรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ มีการติดตาม ประเมินผล และให้คำแนะนำการปรับปรุงและแนวทางการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทและกลุ่มเป้าหมายการพัฒนา รวมทั้งสร้างชุมชนเครือข่ายผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยให้นำทักษะด้านดิจิทัลของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดมาใช้เป็นกรอบในการออกแบบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐด้วย โดยในระหว่างที่กรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐยังไม่ได้รับการรับรอง ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดการฝึกอบรมหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐไปพลางก่อน ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 875 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร53 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจำนวนการจ้างงานและรายได้ที่ใช้ในการกำหนดลักษณะและขนาดของวิสาหกิจ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดขนาดกิจการว่าเข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 876 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 และข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ (รวม ๗ วัน) ซึ่งผลการดำเนินการพบว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในภาพรวมมีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน ๓,๓๓๘ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน ๓,๔๔๒ ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน ๓๘๖ ราย โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และประเภทรถที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ (ส่วนบุคคล) ในการนี้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนมีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนนในประเด็นเร่งด่วน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการปรับปรุงแก้ไข และบังคับใช้กฎหมาย (๒) ด้านการบริหารจัดการ และ (๓) ด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนและยานพาหนะ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ทุกส่วนราชการควรร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนและปลูกฝังวินัยจราจรผ่านเครื่องมือและสื่อต่าง ๆ รวมทั้งกวดขันในเรื่องวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 877 | ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 และการดำเนินงานเพื่อผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยที่ประชุมฯ มีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย คือ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) รวมทั้งมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) กรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก โดยให้ไทยดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวขอบเขตการนำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติที่อาจกระทบเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของพื้นที่ดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และการจัดทำเอกสารวิชาการ (Nomination Dossier) แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดโลก ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้ แล้วแต่กรณี รวมถึงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น ควรเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 878 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562)] | นร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และวันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) ต่อรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ทั้งนี้ ก่อนส่งรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการปรับปรุงการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายให้เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 879 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 880 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China on Strengthening Economic Relations) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงใน ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) การจัดทำความตกลงการค้าเสรีและการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (๒) ความร่วมมือด้านการลงทุนและการโยกย้ายฐานการผลิต (๓) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๔) ความร่วมมือด้านการเงิน (๕) ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีสมัยใหม่และวิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) และ (๖) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			