ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 801 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | นร09 | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยเปลี่ยนชื่อหน่วยงานจากระดับสำนักเป็นระดับกอง จำนวน ๗ กอง เปลี่ยนชื่อหน่วยงานเพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับงานในปัจจุบัน จำนวน ๓ กอง ๑ ศูนย์ คงสถานะเดิม จำนวน ๖ สำนัก/กอง และตั้งกองมาตรฐานการประเมินราคาทรัพย์สินขึ้นใหม่ ๑ กอง 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 802 | ขออนุมัติปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย | กก | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๐๙๑,๒๓๓ บาท โดยบริหารค่าใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐบาล ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ด้วยวิธีแบ่งจ่ายตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานในระดับอื่น ๆ ด้วย โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยควรพิจารณาถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานคำนวณ ซึ่งรวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณฯ (๒) กระทรวงการคลังควรได้มีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจมีการดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพ การบริหารจัดการบุคลากร และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วย (๓) ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนดังกล่าว เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และ (๔) การประหยัดค่าใช้จ่ายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อชดเชยภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำเนินภารกิจหลักขององค์กรประกอบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 803 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล รวม 2 ฉบับ | กษ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนและการขอรับหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่มีและไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว และเพื่อขยายอายุหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งหนังสือเดินทางเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ซึ่งจะสิ้นอายุในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๑ ปี ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวมีระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปีตามอายุหนังสือคนประจำเรือ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการจัดทำแผนความต้องการแรงงานประมงร่วมกันระหว่างประเทศไทยและประเทศต้นทาง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานประมงได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ และทันเวลา และควรมีการจัดทำแผนสำรองเพื่อรองรับในกรณีประเทศต้นทางไม่สามารถจัดส่งแรงงานให้ได้ อาทิ การใช้เทคโนโลยีเพื่อทดแทนแรงงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 804 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 24/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยรับงบประมาณที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ส่งให้สำนักงบประมาณ รวมทั้งสิ้น ๑๓,๕๕๓.๑ ล้านบาท สำนักงบประมาณได้ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๕,๐๐๓.๒ ล้านบาท ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวมีผลให้โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตลอดจนงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 805 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 | กค | 24/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบและเห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๒ ของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ มาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) เห็นชอบในหลักการมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภท กลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม เป็นธรรม รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลุมในระดับพื้นที่ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๒ มาตรการเสริมสร้างความรู้ ให้ชะลอมาตรการเสริมความรู้ไว้ก่อน โดยหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเข้าสู่ภาวะปกติ ให้กระทรวงการคลังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามภารกิจ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมถึงการจ้างงาน ให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน และหากมีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายงบประมาณก็ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] เป็นลำดับแรกก่อน สำหรับกรณีการช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาผู้ได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานภายในประเทศ ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] ซึ่งได้อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งในเรื่องของการจ่ายเงิน และมอบหมายเรื่องการฝึกอบรมให้ทุกหน่วยงานหารือร่วมกันเพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๓ มาตรการด้านภาษี ๑.๓.๑ รับทราบและเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านภาษี จำนวน ๙ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (๒) มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี (๓) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (๔) มาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (๕) มาตรกรเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล (๖) มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (๗) มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๘) มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมกับชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และ (๙) มาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ควรพิจารณาดำเนินการเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินมาตรการในระยะสั้นเพื่อการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เท่านั้น โดยให้เร่งประเมินเพื่อปรับมาตรการภาษีในระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๓.๒ เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และมาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ) ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) จำนวน ๑ ฉบับ [มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)] ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ จำนวน ๑ ฉบับ และการปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มารวมพิจารณากับร่างกฎหมายที่มีหลักการเช่นเดียวกับที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๓ (มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย) และยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ๑.๔ มาตรการด้านการเงิน เห็นชอบในหลักการมาตรการด้านการเงิน จำนวน ๔ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๓) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับสำนักงานธนานุเคราะห์เพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และ (๔) โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินมาตรการรวมทั้งสิ้น ๒๙,๓๔๖ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การพิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจร่วมรับภาระต้นทุนในการดำเนินงาน การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขเพื่อคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง การพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เข้าร่วมโครงการได้ครัวเรือนละ ๑ โครงการ และการขยายการดำเนินมาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกองทุนหมู่บ้าน และสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจะได้กระจายความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๕ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทาง พร้อมทั้งแหล่งเงินที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งในการรับมือกับวิกฤติการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอดังกล่าว เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 806 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... | กก | 24/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยลดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องวางต่อนายทะเบียนเพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระยะเร่งด่วนเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นการกำหนดมาตรการในการคืนหลักประกันที่ได้เคยวางไว้เกินจำนวนหลักประกันตามกฎกระทรวงนี้ให้แก่ผู้วางหลักประกันด้วยตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 807 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... | รง | 24/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน และร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้ทำงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่นายจ้างรับรอง หรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ปกติ ทั้งนี้ ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่ไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายวันตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่ง ทั้งนี้ ไม่เกินหกสิบวัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย การสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ รวมทั้งการดำเนินการวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 808 | รายงานผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีแรงงานในกลุ่มประเทศ CLMTV (กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม) | รง | 17/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบรายงานผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีแรงงานในกลุ่มประเทศ CLMTV (กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ กันยายน ๒๕๖๒ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยในการประชุมฯ ได้ให้ความเห็นชอบเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) แถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงาน ครั้งที่ ๓ ในกลุ่มประเทศ CLMTV ว่าด้วย “การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV : ความร่วมมือด้านประกันสังคม” มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขยายความคุ้มครองทางสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV การปรับปรุงการเคลื่อนย้ายและคงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV รวมทั้งเห็นชอบในแผนงานเสียมราฐเพื่อจัดทำปฏิญญารัฐมนตรีแรงงานว่าด้วยการเคลื่อนย้ายและคงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงานประสานงานเพื่อดำเนินการตามแผนงานต่อไป และเห็นชอบการมอบหมายให้ลาวปฏิบัติหน้าที่ประธานเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงาน ครั้งที่ ๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงาน ครั้งที่ ๔ ในปี ๒๕๖๔ และ (๒) แผนงานเสียมราฐ เพื่อจัดทำปฏิญญารัฐมนตรีแรงงานว่าด้วยการเคลื่อนย้ายและคงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV ในการนี้ ผู้แทนไทยได้ขอสงวนการลงนามรับรองของฝ่ายไทยและจะแจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาทราบการเห็นชอบต่อเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ อย่างเป็นทางการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ๒. เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงาน ครั้งที่ ๓ ในกลุ่มประเทศ CLMTV ในเรื่อง “การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV : ความร่วมมือด้านประกันสังคม” และแผนงานเสียมราฐ เพื่อจัดทำปฏิญญารัฐมนตรีแรงงานว่าด้วยการเคลื่อนย้ายและคงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในกลุ่มประเทศ CLMTV 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 809 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 | นร11 | 17/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น เสนอปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ (Key Success Factors) และร่างโครงการที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายต่อคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็น การจัดให้มีช่องทางเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติม การจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการประจำปี ๒๕๖๒ และการนำร่องการสร้างการตระหนักรู้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในกลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มเปราะบาง (กลุ่มผู้พิการ ด้อยโอกาส เจ็บป่วย) เป็นต้น ๒. การดำเนินงานในระยะต่อไป เช่น การนำเสนอร่างแผนการปฏิรูปประเทศที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทต่อที่ประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปประเทศให้ความเห็นชอบ และดำเนินการสร้างการตระหนักรู้ในกลุ่มเด็กเยาวชน นิสิตและนักศึกษา โดยเน้นการมีส่วนร่วมเพื่อเป็นหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับคนทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง มีคุณภาพ และพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างเต็มศักยภาพ เป็นต้น 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 810 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 17/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยรับงบประมาณ และแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 811 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ขององค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 812 | ขอปรับปรุงและเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการศึกษา | ศธ | 10/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงและเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการศึกษา โดยมีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคงเดิม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้ 
											    												    		๑. การปรับปรุงองค์ประกอบของประธานกรรมการ จากเดิม “รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับมอบหมาย” เป็น “ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับมอบหมาย” ๒. การปรับปรุงองค์ประกอบของกรรมการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง ได้แก่ ๒.๑ จากเดิม “ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” เป็น “ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ๒.๒ จากเดิม “ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา” เป็น “ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” ๓. การเพิ่มเติมองค์ประกอบของกรรมการ เพิ่มเติม กรรมการผู้แทนด้านวิทยาศาสตร์จากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๒ ตำแหน่ง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 813 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม 2563 | นร11 | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น การจัดทำโครงการที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของคณะรัฐมนตรี การรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ และการนำเสนอประเด็นกิจกรรมที่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) การหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบ eMENSCR และระบบของสำนักงบประมาณ และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์เปรียบเทียบผลของการดำเนินการก่อน-หลังของการมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ๒. การดำเนินงานในระยะต่อไป ได้แก่ การนำโครงการสำคัญเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ การประมวลความเห็นที่ได้จากการรับฟังผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อประกอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ ให้แล้วเสร็จภายใน ๒ มีนาคม ๒๕๖๓ และการมอบหมายให้หน่วยงานร่วมกันจัดทำโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายแผนแม่บทฯ ในทุกระดับ และนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติพิจารณา เพื่อนำไปสู่การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยงานราชการต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 814 | แผนปฏิบัติการด้านการกำกับกิจการพลังงาน ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2563-2565) และแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแผนปฏิบัติการด้านการกำกับกิจการพลังงาน ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมีความเชื่อมโยงสอดคล้องกันกับยุทธศาสตร์และแผนที่สำคัญต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากชีวมวลในการผลิตไฟฟ้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้พลังงานรูปแบบต่าง ๆ การส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกให้มีสัดส่วนมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยสนับสนุนการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน ๑.๒ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีผลการดำเนินงานสำคัญ เช่น กำกับดูแลระบบพลังงานให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กำกับอัตราค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้นำเงินเรียกคืนค่าไฟฟ้าจากการลงทุนต่ำกว่าแผน และเงินเรียกคืนรายได้จากการปรับปรุงฐานะการเงินมาปรับลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชน เป็นเงิน ๑๔,๓๔๓.๐๐ ล้านบาท กำกับอัตราค่าบริการกิจการก๊าซธรรมชาติ ส่วนผลการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีรายได้ทั้งสิ้นจำนวน ๙๕๘.๖๘ ล้านบาท สูงกว่ารายได้ที่ประมาณการไว้จำนวน ๑๐.๗๙ ล้านบาท และมีการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงาน กกพ. เป็นไปตามกรอบงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ โดยเบิกจ่ายงบประมาณ ผูกพันสัญญา ตลอดจนกันเงินเป็นภาระที่จำเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน ๙๔๗.๕๒ ล้านบาท สำหรับเงินนำเงินส่งคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีจำนวน ๑๑.๑๖ ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการและงบประมาณคงเหลือจากการดำเนินการ ๑.๓ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๙๔๘.๔๒ ล้านบาท และประมาณการรายได้ ๙๔๘.๗๕ ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนัยมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้มีสถานที่ทำการที่เหมาะสมในการรองรับการให้บริการกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชน รวมถึงการให้บริการออกใบอนุญาตรูปแบบ One Stop Service ในอนาคตตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป สำหรับกรณีที่มีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานการจัดซื้อจัดจ้าง การยกเลิกโครงการต่าง ๆ ตามแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ ๒๕๖๓ แล้วจะนำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ ตามภารกิจที่กฎหมายกำหนด เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการเบิกจ่ายงบประจำปี และแผนการนำรายได้ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อให้การบริหารการเงินการคลังของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 815 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น โดยให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 816 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... | คค | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรูปแบบ ความหมาย ลักษณะ และตัวอย่างของเครื่องหมายจราจร อุปกรณ์จราจร และสัญญาณจราจร ให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานเครื่องหมายจราจร ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง สัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจรและความหมายของสัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจร และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ให้มีการจัดทำ ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ที่เป็นภาษาอังกฤษสำหรับความเข้าใจของนักท่องเที่ยว (๒) การจัดทำและติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ควรมีความเป็นสากลและสอดคล้องกับความตกลงที่มีอยู่ภายใต้กรอบอาเซียน และ (๓) ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการทบทวนตำแหน่งการติดตั้งป้ายจราจร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 817 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดที่มีการแก้ไขในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพื่อให้การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 818 | รายงานผลการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 | พน | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตามกฎหมายลำดับรองได้ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ไม่ทันตามกำหนดเวลา รวม ๘ ฉบับ เนื่องจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จัดทำร่างกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับการปฏิบัติงานภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน ๑๕ ฉบับ เสนอคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้แต่งตั้งภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ พิจารณาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรปรับลดจำนวนกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ให้เหลือ ๑๐ ฉบับ แต่เนื่องจากร่างกฎหมายลำดับรองที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จัดทำไว้นั้น คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้ว ปรากฏว่าร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าวยังคงมีความสมบูรณ์ไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้บังคับ ซึ่งในกระบวนการดำเนินงานต้องทำการปรับปรุงร่างกฎหมายแต่ละฉบับต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร จึงเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าและไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม มีกฎหมายลำดับรองที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒ ฉบับ คือ ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ และประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 819 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 18/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 820 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 18/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			