ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 881 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 26/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติมาตรการ/โครงการ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ ๑.๑ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๔๙๑.๔ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยพิจารณาจากโครงการที่ได้เคยมีมติอนุมัติไว้ ซึ่งได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือโครงการที่มีผลการปฏิบัติงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำรายละเอียดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๑.๒ เห็นชอบโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับวงเงินชดเชยดอกเบี้ย ภายในกรอบวงเงิน ๗๐๗.๗ ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สินเชื่อในแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความพร้อมของโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการที่ผ่านมา การสร้างความรับรู้ ความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินโครงการ เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๑.๓ รับทราบโครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการประเมินและบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการผิดนัดชำระหนี้และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประชาชนในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีเงินสะสมคงเหลือที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพของคนในชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนมาตรการลดภาระหนี้ผู้ประกอบการ SMEs ไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาสนับสนุนให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ระยะที่ลูกหนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อเป็นกันชนรองรับแรงกดดันความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และสามารถปรับตัวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๓ รับทราบหลักการของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งประกอบด้วย (๑) การอนุมัติของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และ (๒) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่เพิ่มขี้นจากประมาณการเดิม นั้น ควรได้มีการตรวจสอบในเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร จำนวนครัวเรือน จำนวนผลผลิตต่อไร่ ให้ทันต่อสถานการณ์อย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนมีการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และกำหนดนโยบายที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๔ เห็นชอบมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม และจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และโอกาสในการลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) ของประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นสำคัญ การกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการป้องกันการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการรายงานและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ในภาพรวม โดยเห็นว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงจูงใจ (incentive structure) ในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจในระยะยาว และเตรียมพร้อมรับมือกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 882 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 (กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน) | สผ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วไม่แสดงคิดเห็นต่อรายงานการเงินของเงินทุนหมุนเวียนฯ เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ และไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบอื่นได้ ซึ่งการไม่แสดงความเห็นของผู้สอบบัญชีแสดงให้เห็นว่า ผู้สอบบัญชีไม่สามารถหาหลักฐานการตรวจสอบบัญชีได้อย่างเพียงพอ และข้อมูลดังกล่าวนั้นมีสาระสำคัญต่องบการเงินเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถสรุปได้ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงบัญชีและระบุจำนวนเงินที่จะต้องนำมาปรับปรุงรายการเหล่านี้หรือไม่ เพียงใด ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้เงินทุนหมุนเวียนฯ ไปดำเนินการตรวจสอบการปรับปรุงรายการตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบโดยเร่งด่วน และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สินและกรมบัญชีกลางทราบเป็นรายเดือน ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรประสานการดำเนินการกับหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้เสนอรายงานการเงินประจำปี ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน พร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 883 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 884 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกองทุนเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งครอบคลุมหลักการของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงเห็นควรเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว หากยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้วจะมีผลทำให้สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรมไม่มีหน้าที่และอำนาจตามร่างข้อ ๒ (๙) และร่างข้อ ๑๑ (๙) ที่ซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อีกต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 885 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 886 | ร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การจัดทำประมาณการรายได้การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. .... และร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2561 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อก | 12/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การจัดทำประมาณการรายได้การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร และร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการยกเลิกระเบีบบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายว่าด้วยการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๖๑ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้ประกาศและบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 887 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 888 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กษ | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ให้ครอบคลุมถึงกรณีการยกสิทธิการทำการประมง การโอนใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ และการแก้ไขรายการในใบอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำให้สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 889 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) | กสทช | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 890 | รายงานผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ. เรื่อง การพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท | นร10 | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. หารือร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความจำเป็น เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน เช่น การนำหลักสูตรการสอบและเกณฑ์การตัดสินการสอบผ่านการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการสอบและการตัดสินการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเอง และการนำหนังสือรับรองผลการสอบผ่านฯ ของสำนักงาน ก.พ. ไปใช้แทนผลการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเองได้ เป็นต้น ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น สามารถนำหลักสูตรการสอบภาค ก ตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. มาปรับใช้กับการสอบแข่งขันบุคคลภายนอกวุฒิปริญญาทางสายสังคมศาสตร์ได้ แต่กรณีการรับสมัครนักเรียนนายสิบตำรวจประจำปี นักเรียนเตรียมทหาร กลุ่มคุณวุฒิพิเศษหรือขาดแคลน การบรรจุทายาทข้าราชการตำรวจซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้หลักเกณฑ์วิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการจัดการสอบ ลดขั้นตอนการสรรหาบุคลากร และอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางในการคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบราชการ เช่น สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้กลุ่มบุคลากรดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่) 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 891 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | กค | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดราคาประเมิน การจัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และแผนที่ประกอบการประเมินราคาที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการกำหนดราคาประเมิน การจัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และแผนที่ประกอบการประเมินราคาที่ดิน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดราคาประเมินห้องชุดและการจัดทำบัญชีราคาประเมินห้องชุด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดราคาประเมินห้องชุดและการจัดทำบัญชีราคาประเมินห้องชุด ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปรับปรุงราคาประเมินทรัพย์สิน ในกรณีที่ราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด แตกต่างจากราคาประเมินในบัญชีราคาประเมินทรัพย์สิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงราคาประเมินทรัพย์สิน ในกรณีที่ราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด แตกต่างจากราคาประเมินในบัญชีราคาประเมินทรัพย์สิน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินแก่สาธารณชนให้มีความชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 892 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | นร12 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดดั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนายหน้าที่ของศูนย์นานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในปัจจุบัน และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในปัจจุบัน และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 893 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์) เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันรับรอง/เห็นชอบเอกสาร ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑) แผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (๒) แนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะ/ผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ (๓) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ (๔) แนวทางในการส่งเสรมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน (๕) การปรับปรุงข้อบทืว่าด้วยระเบียบวิธีปฏิบัติด้านหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (๖) การปรับปรุงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน และ (๗) ขอบเขตการดำเนินงานของการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการหารือกับคู่เจรจาของอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ตลอดจนการหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council : ASEAN-BAC) และการหารือทวิภาคีกับสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย รัสเซีย และอินเดีย ทั้งนี้ การประชุมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศสมาชิกคู่เจรจาต่างให้การสนับสนุนไทยในฐานะประธานอาเซียนในการผลักดันประเด็นต่าง ๆ ให้บรรลุตามเป้าหมาย นอกจากนี้ เป้าหมายการสรุปการเจรจา RCEP ให้ได้ในปีนี้ นอกจากเป็นประเด็นสำคัญที่อาเซียนร่วมกันผลักดันให้สำเร็จแล้วยังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างจับตามอง ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของอาเซียนและคู่เจรจาในการเชื่อมโยงระบบการค้าการลงทุนเข้าด้วยกัน โดยยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดถือกฎเกณฑ์และกติกาเป็นสำคัญ ท่ามกลางกระแสความท้าทายทางการค้าโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 894 | เอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 19 | ดศ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Ministers Meeting : TELMIN) ครั้งที่ ๑๙ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ (๒) ร่างข้อเสนอแนวทางสำหรับกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน (๓) ร่างแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมบำรุงเคเบิลใต้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (๔) ร่างขอบเขตการปฏิบัติงานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล และ (๕) ร่างขอบเขตการปฏิบัติงานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล โดยร่างเอกสารดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Senior Officials Meeting : TELSOM) ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ก่อนได้รับการรับรองในการประชุม TELMIN ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันดำเนินการภายในประเทศเพื่อรองรับกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน โดยเฉพาะการปรับปรุงระเบียบ มาตรการและมาตรฐานการดำเนินงาน รวมถึงการกำหนดกฎหมายอนุบัญญัติเพื่อรองรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและแนวทางของอาเซียนอย่างเหมาะสม และควรปรับปรุงมาตรการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมบำรุงเคเบิลใต้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการรักษาอำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ รวมทั้งควรร่วมกันดำเนินการในประเด็นการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล (ASEAN Digital Senior Officials Meeting : ADGSOM) และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crime : SOMTC) และการกำหนดท่าทีของประเทศไทยเพื่อรองรับการทำงานแบบข้ามเสาข้ามหน่วยงาน (Cross-Pillars Cross-Sectoral) ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานภายใต้กรอบอาเซียนที่มีความสำคัญในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 895 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. .... | มท | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรระบุข้อความในหมวด ๒ การคุ้มครองผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้อ ๑๑ (๙) และแก้ไขข้อความในร่างข้อ ๒ (ก) ให้ชัดเจน รวมทั้งกรณีการออกคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ควรระบุรายชื่อกรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนของนิติบุคคลที่เป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตไว้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการไปจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติฮัจย์ พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฮัจย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรกำหนดให้ช่วงระยะเวลาทำการบินรับ-ส่ง ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ต่อเนื่องกันทั้งขาไปและขากลับเนื่องจากเป็นภารกิจเฉพาะ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ การทำการบินมีระยะห่างช่วงเวลาประมาณ ๒๐ วัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกของผู้เดินทาง เช่น การให้บริการเต็นท์ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 896 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสรรพสามิต พ.ศ. .... | กค | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสรรพสามิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสรรพสามิต โดยรวบรวมเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสรรพสามิตกับการแต่งเครื่องแบบไว้เป็นกฎสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับเดียวกัน และกำหนดให้มีเครื่องแบบพิเศษเพิ่มขึ้นเป็นเครื่องแบบภาคสนาม เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานและมีรูปแบบที่เหมาะสมกับภารกิจของกรมสรรพสามิต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 897 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 3 ฉบับ | อก | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีประเภทหรือชนิดของโรงงานท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๕) และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวม ๖ ฉบับ เพื่อจัดทำบัญชีประเภทหรือชนิดของโรงงานท้ายกฎกระทรวงใหม่ ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ใบอนุญาตขยายโรงงาน และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ๓. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมประกอบกิจการโรงงาน (ค่าธรรมเนียมรายปี) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 898 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานและการจ้างงาน G20 (LEMM) ณ เมืองมัตสึยามา ประเทศญี่ปุ่น | รง | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีแรงงานและการจ้างงาน G20 (Labour and Employment Ministers’ Meeting : LEMM) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระหว่างวันที่ ๑-๒ กันยายน ๒๕๖๒ ณ เทืองมัตสึยามา ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. การเยี่ยมชมนิทรรศการ เรื่อง อนาคตของงาน ซึ่งเป็นกิจกรรมก่อนการประชุมรัฐมนตรีแรงงานและการจ้างงาน G20 (LEMM) เพื่อประชาสัมพันธ์นวัตกรรมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ เช่น หุ่นยนต์พยาบาล กายอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยติดเตียง และแอปพลิเคชันสั่งการด้วยเสียง เป็นต้น ๒. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานและการจ้างงาน G20 (LEMM) มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) การรับฟังข้อเสนอจากเยาวชนญี่ปุ่นที่ขอให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานที่มีคุณค่า และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (๒) การหารือร่วมกับหุ้นส่วนทางสังคม [กลุ่ม L20 (กลุ่มลูกจ้าง) B20 (กลุ่มนายจ้าง) และ W20 (กลุ่มสตรี)] เพื่อรองรับการจ้างงานรูปแบบใหม่ เช่น การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น (๓) รับฟังการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น การจ้างงานผู้สูงอายุและการมีระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานขึ้น การจ้างงานเยาวชน โอกาสการจ้างงานรูปแบบใหม่ในสังคมผู้สูงอายุ ความเสมอภาคทางเพศ และการจ้างงานรูปแบบใหม่ เป็นต้น (๔) การกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทยและประธานอาเซียนต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุ และได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อรองรับการจ้างงานผู้สูงอายุ รวมถึงจะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแรงงานสูงอายุในเวทีอาเซียน (๕) การร่วมรับรองปฏิญญาแรงงานและการจ้างงาน G20 ค.ศ. ๒๐๑๙ โดยกระทรวงแรงงานแจ้งว่า ได้มีการปรับปรุงถ้อยคำให้มีความสมบูรณ์ โดยไม่กระทบกับสาระหรือเค้าโครงของปฏิญญาฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๒) เห็นชอบไว้แล้ว เช่น เพิ่มบทบาทและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในฐานะผู้มีประสบการณ์และมีแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อรองรับการจ้างงานรูปแบบใหม่ ๓. การหารือทวิภาคีกับประเทศตุรกี ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมการดำเนินงานในประเด็นด้านแรงงาน เรื่อง การประกันสังคม และการเตรียมการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยประเทศไทยได้แสดงจุดยืนในการส่งสริมสิทธิแรงงาน เช่น การพัฒนาฝีมือแรงงานทุกช่วงวัย และการจัดหางาน เป็นต้น 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 899 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการคว่ำบาตรสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย (ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำผ่านไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและกำหนดให้ถ่านไม้ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านมาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำเข้าจากรัฐเอริเทรีย พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ) | พณ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำผ่านไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย และกำหนดให้ถ่านไม้ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านมาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามออกไปสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย และกำหนดให้ถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติฯ ซึ่งเป็นไปตามข้อ ๒๕ แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ๒. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำเข้าจากรัฐเอริเทรีย พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำเข้าจากรัฐเอริเทรีย พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นไปตามข้อ ๒๕ แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 900 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... | รง | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลากรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ โดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ออกไปอีก ๗ วันทำการ นับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ โดยมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา ๒๔ เดือน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาศึกษาการกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินมาตรการส่งเสริม สนับสนุน และรองรับความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ให้ศึกษาว่า เหตุใดนายจ้างจึงไม่นิยมส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงให้นายจ้างทุกรายส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			