ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 961 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร05 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของสตรี ชนิดประดับหน้าบ่าเสื้อไม่มีดารา และชนิดประดับหน้าบ่าเสื้อมีดาราสำหรับเครื่องแบบเต็มยศ และเครื่องแบบครึ่งยศ ให้ประดับโดยเทียบเคียงในตำแหน่งและระดับเดียวกับวิธีการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของบุรุษ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับชุดไทย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ตรวจพิจารณาก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนามเพื่อประกาศใช้บังคับต่อไป 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 962 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้ 
											    												    		๑. ด้านสังคม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนน บาทวิถี และเส้นทางเดินเท้าทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและในจังหวัดต่าง ๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมและอาจมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมทั้งให้ดูแลกำจัดขยะมูลฝอยและวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคกีดขวางทางระบายน้ำในจุดต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นชุมชนแออัดด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพัฒนาคูคลองและพื้นที่บริเวณริมคลองที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจได้ให้มีภูมิทัศน์ที่สะอาดและสวยงาม โดยการปลูกไม้ดอกและ/หรือไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามตามสภาพพื้นที่ รวมทั้งให้มีการจัดกิจกรรมล่องเรือชมทัศนียภาพ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวให้เหมาะสมด้วย และต่อมาได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการพัฒนาคูคลองเพิ่มเติมในทุกจังหวัดอย่างน้อย ๑ คลอง ๑ จังหวัด ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว/พักผ่อนที่สะดวกและสะอาด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการและรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งขยายผลการดำเนินการพัฒนาคูคลองตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้มีการเพาะปลูกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามในพื้นที่แปลงใหญ่ตามสวนสาธารณะหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความเหมาะสม เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีไม้ดอกไม้ประดับเป็นแปลงใหญ่หลากหลายสีสันตามฤดูกาล ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ประชาชนโดยทั่วไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 963 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสามารถช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและขึ้นทะเบียนหนี้ในการชำระหนี้แทนสำหรับหนี้ที่มีบุคคลเป็นผู้ค้ำประกันได้ ซึ่งแต่เดิมช่วยเหลือชำระหนี้แทนเฉพาะหนี้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเท่านั้น รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งสำนักงานสาขา ตลอดจนแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขให้มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันต้องครอบคลุมความเสี่ยงของหนี้ในสัญญาที่ใช้บุคคลค้ำประกันด้วย การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งการจัดการหนี้เกษตรกรที่มีวัตถุประสงค์การกู้ยืมเพื่อเกษตรกรรม การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ให้ครอบคลุมถึงหนี้บุคคลค้ำประกัน การสนับสนุนเกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอ การเร่งปรับปรุงระบบด้านการบัญชี การเงิน และควบคุมกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานการเงิน รวมทั้งการพิจารณาดำเนินการจัดการหนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ของเกษตรกรเฉพาะกรณีที่เกิดผลกระทบและมีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 964 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ 25 | พณ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานการประชุมฯ โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยผลักดันให้อาเซียนร่วมกันดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในปี ๒๕๖๒ (Priority Economic Deliverables) ประกอบด้วย ๓ ด้าน ๑๓ ประเด็น ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของอาเซียนสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ การส่งเสริมความเชื่อมโยง และการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รวมทั้งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าอาเซียนจะต้องมีบทบาทเชิงรุกเรื่องการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) โดยเห็นชอบใน ๓ ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งระบบการค้าพหุภาคี ความจำเป็นในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ทางการค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน และความเร่งด่วนในการปรับปรุงกลไกระงับข้อพิพาทของ WTO นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการลงนามความตกลงอาเซียน ๒ ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) ที่จะนำมาใช้แทนกรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนฉบับปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ โดยครอบคลุมหลักการเรื่องต่าง ๆ เช่น การเสริมสร้างการจัดทำกฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเสริมสร้างความโปร่งใส การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในอาเซียน และการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างกัน เป็นต้น และพิธีสารฉบับที่ ๔ เพื่อแก้ไขความตกลงการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) เพื่อปรับปรุงความตกลงฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 965 | ขอปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 | นร63 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบการปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ช่วงที่ ๑ โดยเปลี่ยนแปลงการชำระเงินร่วมลงทุนกับเอกชนสุทธิจากไม่เกิน ๕๑๖.๓๖ ล้านบาทต่อปี เป็นไม่เกิน ๗๒๐ ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา ๓๐ ปี (เพิ่มขึ้นจากเดิม ๒๐๓.๖๔ ล้านบาทต่อปี หรือ ๖,๑๐๙.๒ ล้านบาท ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปี) และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนของโครงการฯ เร่งดำเนินการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนออีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ กนอ. ใช้กลไกการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอโดยคณะกรรมการคัดเลือกอย่างถึงที่สุด และในกรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกไม่สามารถดำเนินการเจรจาต่อรองให้บรรลุเป้าหมายได้ เห็นควรให้พิจารณาแนวทางเลือกอื่น ๆ ที่จะช่วยลดภาระค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ กนอ. ในภาพรวม อาทิ การระดมทุนจากการออกพันธบัตร เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ กนอ. ได้รับผลตอบแทนทางการเงินจากการดำเนินโครงการฯ ตามที่ประมาณการไว้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินของ กนอ. ในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ ก่อนเสนอผลการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอของโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้ กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควร (๑) ดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามนัยมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้การก่อหนี้ที่ผูกพันการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือเงินอื่นของหน่วยงานของรัฐ ต้องพิจารณาภาระทางการเงินที่เกิดขึ้นและข้อผูกพันในการชำระเงินตามสัญญาและประโยชน์ที่รัฐจะได้รับด้วย อย่างเคร่งครัด (๒) พิจารณาปรับปรุงแผนการดำเนินงานโครงการฯ แผนทางการเงินให้สอดคล้องกับสถานะการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ กนอ. จะต้องรับภาระในการร่วมลงทุนกับเอกชนในงานส่วนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น และแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่การดำเนินงานด้านการเงินไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ และ (๓) เร่งรัด กำกับ และติดตามการดำเนินงานโครงการฯ ด้วยความรอบคอบ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และกรอบระยะเวลา ขั้นตอน ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 966 | การปรับปรุงคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 | กก | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ เนื่องจากเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ (พลตรี จารึก อารีราชการัณย์) ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและเลขาธิการของคณะกรรมการดังกล่าว โดยให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและเลขาธิการ แทน และให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีล้มละลาย เป็นกรรมการเพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 967 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จำนวน 3 ฉบับ | รง | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวงเงินค่าทำศพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่ารักษาพยาบาลและค่าฟื้นฟูสมรรถภาพที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย และจำเป็นต้องฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานภายหลังจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย รวมทั้งกำหนดอัตราค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหายเนื่องจากการทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับความเป็นธรรมและมีโอกาสกลับเข้ามาอยู่ในระบบการจ้างงานภายหลังการประสบอันตรายจากการทำงานให้นายจ้าง อีกทั้งทำให้ผู้จัดการศพของลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าทำศพเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างด้วย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการกำหนดคำว่า “สถานพยาบาล” ในร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ให้ชัดเจนว่าเป็นสถานพยาบาลของรัฐ เพราะอัตราค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐและในสถานพยาบาลเอกชนมีความแตกต่างกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ นายจ้าง และลูกจ้างให้ความสำคัญและมีการบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 968 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้ารถยนต์ที่ใช้แล้ว โดยกำหนดประเภทของรถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ประเภทของรถยนต์ที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และประเภทของรถยนต์ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการนำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนอาจไม่ต้องทำลาย หรือส่งรถยนต์ดังกล่าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร แต่อาจใช้วิธีการส่งมอบให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการใช้ในการศึกษาทดลอง และการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ควรให้จำหน่ายโดยมีเงื่อนไขให้ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ นอกจากนี้ การกำหนดระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติ ควรให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การห้ามนำเข้าชิ้นส่วนของตัวถังหรือโครงรถของรถยนต์และโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว การงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้ว การงดรับจดทะเบียนรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้านมลพิษ มาตรฐานด้านความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น และควรมีมาตรการกำกับ ดูแล ตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อไม่ก่อให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายหรือการตีความไปในทางที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างประกาศฯ ที่จะป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ปัจจุบันมีกฎซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างยังคงมีผลใช้บังคับอยู่โดยผลของบทเฉพาะกาลมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงควรพิจารณาดำเนินการออกกฎที่เกี่ยวข้องตามบทบัญญัติของกฎหมายปัจจุบันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการมีบทเฉพาะกาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 969 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๓,๑๙๘.๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๖๘ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๕๘,๓๙๙.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๐๓ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบอุดหนุน งบรายจ่ายอื่น และงบบุคลากรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๓๒๒,๙๑๑.๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๕๐ ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑,๘๐๔,๖๓๔.๙๙ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๔๓๕.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖ เป็นผลมาจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 970 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงาน กสทช. เห็นชอบตามข้อสังเกตที่ให้เร่งรัดการกำหนดนโยบายและจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแนวนโยบายของรัฐ และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้มีดาวเทียมหรือให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม โดยสำนักงาน กสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนและหลักเกณฑ์การอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สำหรับข้อสังเกตในการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้คลื่นความถี่นั้น ได้มีประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่จะมีในอนาคตต่อไป ส่วนข้อสังเกตในการเร่งรัดการออกระเบียบเกี่ยวกับเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการ นอกจากนี้ ข้อสังเกตในการปรับปรุงกฎหมายและการตราพระราชกฤษฎีกาหลอมรวมเทคโนโลยี สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณาศึกษาเพื่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และในการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 971 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ จำนวน 2 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 3 ฉบับ (การปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอดที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕๘ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอด ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา ๔๘ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ในกรณีที่การยาสูบแห่งประเทศไทยจะยกเลิกการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ภายหลังจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกอย่างทั่วถึง เนื่องจากจะมีผลบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในระยะเวลาอันใกล้ และให้รายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการสินค้ายาสูบที่ผลิตในประเทศและผู้บริโภคสินค้ายาสูบอันเนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รวมถึงประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ของผู้ขายสินค้ายาสูบ พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าว อาจทำให้ผู้ขายสินค้ายาสูบผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคหรืออาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 972 | แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 11 พ.ศ. 2563 - 2567 | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) ระยะที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ และอนุมัติสนับสนุนงบประมาณให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียตามแผนความร่วมมือฯ เพื่อดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุน AIT จำนวนทั้งสิ้น ๘๕๒.๓๓๗๕ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา ๕ ปีงบประมาณ ปีงบประมาณละ ๑๗๐.๔๖๗๕ ล้านบาท โดยแผนความร่วมมือฯ เป็นแผนงานผลิตบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยให้ทุนการศึกษา จำนวน ๑๖๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาต่อ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย แบ่งเป็น ๒ ประเภททุน คือ (๑) ทุนการศึกษาพระราชทาน (ทุนการศึกษาเต็มจำนวน) สำหรับนักศึกษาสัญชาติภูมิภาคเอเชียเพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๗๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย และเตรียมความพร้อมกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และ (๒) ทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทย (ทุนการศึกษาบางส่วน) สำหรับนักศึกษาไทย เพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๙๐ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็น และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณตามขั้นตอน ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำหนดกลไกหรือกระบวนการตรวจสอบที่เป็นกลางและโปร่งใสเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและการใช้งบประมาณตามแผนความร่วมมือฯ อย่างสม่ำเสมอ ควรพิจารณาดำเนินแผนงานด้านอื่น อาทิ การเพิ่มศักยภาพทางการศึกษาการพัฒนาหลักสูตร การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ควรพิจารณากำหนดมาตรการรองรับ อาทิ การกำหนดข้อผูกพันในการรับทุน โดยให้ผู้ที่ได้รับทุนบางส่วนต้องปฏิบัติงานในประเทศไทย การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการมีระบบ Matching ผู้สำเร็จการศึกษากับความต้องการกำลังคนในโครงการพัฒนาที่สำคัญของประเทศ การทำโจทย์วิจัยร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชนไทย รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรมีการติดตามและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่สำเร็จการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมในมิติต่าง ๆ อาทิ สาขาความเชี่ยวชาญ ผลงานวิจัย ตำแหน่ง สถานที่ปฏิบัติงาน และควรจัดทำรายงานผลการดำเนินการประจำปีเกี่ยวกับแผนความร่วมมือฯ เพื่อประเมินผลในแต่ละช่วงเวลาทั้งในมิติด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) ให้สำนักงาน ก.พ. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 973 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลและการกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร08 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลและการกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะ 
											    												    		กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 974 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2561 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561) | ผผ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ เช่น การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือพิจารณาเห็นสมควร (เช่น การเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน) การเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การพิจารณาคำร้องของบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรงและได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณากรณีกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน และรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 975 | (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2561 - 2565) | นร08 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับปรุงตามความเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยปรับห้วง (ร่าง) นโยบายและแผนฯ จาก พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นความมั่นคง ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) และปรับรายละเอียดโดยปรับปรุงข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์และบริบทความมั่นคงในปัจจุบัน เช่น เพิ่มเติมประเด็นการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ ความท้าทายของอาเซียน และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รูปแบบการก่อการร้ายรูปแบบต่าง ๆ หรือแก้ไขประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ความเสี่ยงทางการเมือง สถานการณ์ยาเสพติด ความเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น เป็นต้น ตลอดจนนำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์หรือแผนหลักของหน่วยงานที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ที่จะมีผลบังคับใช้ในห้วง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มาประกอบการปรับปรุงด้วย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง หรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขหน่วยรับผิดชอบหลัก ลำดับที่ ๑๘ ประเด็นความมั่นคง การรักษาความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ จากกระทรวงสาธารณสุข เป็น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ/กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามแผนแม่บภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ประเด็นความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ใน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเตรียมความพร้อมในการจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่องหรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ต่อไปได้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 976 | แนวทางการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ และเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว สำนักงบประมาณจะนำเสนอกระบวนการจัดทำงบประมาณ พร้อมทั้งการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 977 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและบทบาทหน้าที่การดำเนินงานขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างมาตรา ๖ (๓) เป็น “ให้องค์การสวนสัตว์กู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า ๕๐ ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน” แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้องค์การสวนสัตว์พิจารณาประเด็นข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแต่ละประเภทอย่างรอบคอบ และควรจัดเตรียมแผนธุรกิจรองรับการรวมกิจการกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้ชัดเจน โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เพื่อให้องค์การสวนสัตว์สามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต สำหรับการขยายวงเงินกู้ยืมควรดำเนินการตามหลักการของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 978 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2562 | นร63 | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๒ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ ได้แก่ (๑) โครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) (๒) สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๓) ค่าเช่าและค่าบริการในการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (๔) การปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (๕) การเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการเรื่องกองทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๖) การจัดทำรายงานงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ (๗) แผนการทำงานของเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่ สกพอ. เสนอ และให้ สกพอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นเกี่ยวกับการขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการเรื่องกองทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การจัดทำรายงานงบการเงินของ สกพอ. ที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง และการเตรียมความพร้อมด้านกำลังแรงงานด้านดิจิทัล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ สกพอ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับและเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ สกพอ. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด) พิจารณาจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับในกรณีที่การดำเนินโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลไม่สามารถขับเคลื่อนให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่ง (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 979 | ข้อเสนอการปรับปรุงอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น เพื่อให้กระทรวงการคลังดำเนินการแจ้งเวียน และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับรัฐวิสาหกิจเพื่อถือปฏิบัติต่อไป โดยให้รัฐวิสาหกิจปฏิบัติตามร่างอัตราและหลักเกณฑ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งควรพิจารณากำหนดค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการให้สอดคล้องกับผลประกอบการและฐานะการเงิน รวมทั้งอาจพิจารณากำหนดแรงจูงใจอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินในสัดส่วนที่เหมาะสมและไม่สร้างภาระให้กับองค์กรในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจควรเตรียมการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการปรับปรุงร่างอัตราและหลักเกณฑ์ดังกล่าวแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ในส่วนของอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 980 | ความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | ปปท. | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) (คณะกรรมการ กปนร.) ได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า (๑) หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบที่ดินของรัฐได้แจ้งยืนยันรับรอง และรับทราบข้อมูลจำนวนที่ดินของรัฐที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบซึ่งเป็นข้อมูลจำนวนที่ดินของรัฐก่อนการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map ปรากฏว่า มีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานรวม ๔๖๕.๐๘ ล้านไร่ แต่ที่ดินของไทยมีเนื้อที่จริงประมาณ ๓๒๐.๗๐ ล้านไร่ (รวมที่ดินของรับและเอกชน) ซึ่งเกิดจากการมีกฎหมายกำหนดแนวเขตประเภทที่ดินของรัฐหลายฉบับ และใช้มาตราส่วนในแผนที่แนบท้ายกฎหมายแตกต่างกัน ทำให้เกิดการประกาศแนวเขตที่ดินทับซ้อนกัน และ (๒) แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐ ประกอบด้วย ผู้ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นรองประธานกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอนโยบายและแผนงานการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐและแผนที่ One Map ต่อคณะรัฐมนตรี ปรับปรุงแผนที่ One Map ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ให้ความเห็นชอบการแก้ไขปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินหรือแผนที่แนบท้ายกฎหมายให้เป็นไปตามแผนที่ One Map ออกระเบียบ คำสั่ง หรือมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการใด ๆ ในการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐภายในแผนที่ One Map เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการ กปนร. เสนอ ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องนี้ในระยะต่อไป มอบหมายให้คณะกรรมการ กปนร. รับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน โดยคำนึงถึงลำดับความจำเป็น ความเร่งด่วน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map)] ที่ให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทดำเนินการตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง ตรงกัน และเห็นชอบร่วมกันจนเป็นที่ยุติ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับรองเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			