ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 921 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. .... | พณ | 20/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ เนื่องจากได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำสำหรับคนต่างด้าวมาแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณีได้ โดยการกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำสำหรับคนต่างด้าวเสียใหม่รวมไว้เป็นฉบับเดียวเพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้บังคับกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 922 | ขอยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | พป | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสถาบันพระปกเกล้า วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕๔๕,๐๗๑,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 923 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๗๑๓,๑๘๓,๔๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 924 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ศร | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖๓๑,๔๔๕,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 925 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม (ฉบับทบทวน) | ศย | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับทบทวน) ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๐,๕๗๐,๓๒๓,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 926 | การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานศาลปกครอง วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๔๒๖,๙๐๑,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 927 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ลต | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖,๐๖๒,๗๗๖,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย คำของบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงิน ๕,๒๖๒,๗๗๖,๑๐๐ บาท คำของบประมาณของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง วงเงิน ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 928 | ขอยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | อส | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานอัยการสูงสุด วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓,๕๗๐,๓๒๓,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 929 | การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำตั้งของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่น วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๔๐๙,๖๐๙,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 930 | ขอส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | สม | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๒๓,๓๙๔,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 931 | การทบทวนคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ผผ | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕๘๕,๒๖๔,๘๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินดรับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 932 | ทบทวนคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติการทบทวนคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๒,๒๔๑,๐๑๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ถือว่าการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 933 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 06/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอว่า โดยที่ระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยกำหนดให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการเป็นประธานคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ หรือมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารงบประมาณภายใต้แผนงานบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง ๕ ท่าน ได้แก่ (๑) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (๒) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (๓) นายวิษณุ เครืองาม (๔) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ (๕) นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๕/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคมพ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้ง ๕ คณะ ตามลำดับ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 934 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 30/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักเกณฑ์การปรับปรุงคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 935 | รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอความเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) | กค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนเรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอความเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) อีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การกำหนดนิยามของรัฐบาลประเทศเจ้าของโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement ให้หมายความรวมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เพื่อให้สามารถนำกรอบการเจรจาไปหารือกับประเทศสมาชิกภาคีให้ได้ข้อสรุปการดำเนินการตามข้อ ๑๔ ใน Basic Agreement ที่ชัดเจน และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการหารือมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป (๒) หาก Contracting State ของแต่ละประเทศสมาชิกภาคี มีความเห็นว่าการถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลอาจไม่ครอบคลุมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เห็นควรให้หารือประเด็นในการปรับปรุงแก้ไขสัดส่วนการถือครองหุ้นในส่วนของรัฐบาลของประเทศเจ้าของโครงการ ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement และให้กระทรวงการคลังนำผลการหารือดังกล่าวมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป และ (๓) ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการหารือตามข้อ ๑๔ ใน Basic Agreement เพื่อกำหนดให้นิยามของรัฐบาลประเทศเจ้าของโครงการ ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement ให้หมายความรวมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เพื่อให้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและสนับสนุนการดำเนินโครงการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 936 | ขอความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ขสมก. ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงระบบการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการหารายได้และการบริหารจัดการหนี้สิน ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารองค์กรที่ยั่งยืนและลดภาระกับภาครัฐ สำหรับการดำเนินการตามกลยุทธ์และแนวทางต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการฯ ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. เร่งรัดจัดทำรายละเอียดและดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การดำเนินงานในแต่ละโครงการต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดหารถโดยสารใหม่ ขสมก. ควรปรับปรุงรายงานผลการศึกษา ความเหมาะสมการดำเนินโครงการ โดยศึกษาผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ตามข้อเสนอทบทวนการจัดหารถโดยสารให้ครบทุกประเภท และเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสม โดย ขสมก. อาจจะพิจารณาแบ่งการดำเนินการจัดหาเป็นระยะให้เหมาะสมกับเส้นทางที่มีความชัดเจนแล้วว่า จะได้รับการจัดสรรจากกรมการขนส่งทางบก และ (๒) กระทรวงคมนาคม ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการจัดทำแผนการบริหารหนี้ (ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑) เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการบริหารหนี้ของ ขสมก. ในระยะยาว และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 937 | เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายและคู่มือการใช้เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย | ปช | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายและคู่มือการใช้เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งการจัดทำเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ เป็นการดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” ของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ นั้น จะมีลักษณะเป็นแบบรายงานที่กำหนดประเด็นคำถามต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริต และให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้จัดทำข้อมูลตามแบบรายงานดังกล่าว ซึ่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ขั้นตอนการพัฒนานโยบาย และขั้นตอนการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้ส่งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การสนับสนุนงบประมาณบุคลากร และองค์ความรู้ การปรับปรุงคู่มือการใช้เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ การลดความซ้ำซ้อน การบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความเหมาะสมหรือจำเป็นในการนำเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ไปใช้ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องประชุมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบหรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการกำหนดเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ให้มีความเหมาะสมหรือสอดคล้องกับหลักเกณฑ์หรือแนวทางการประเมินอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถนำเกณฑ์ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยไม่เป็นการสร้างภาระหรืองบประมาณให้กับภาครัฐ  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 938 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) | นร | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน รวมถึงแผนปฏิบัติการ และจัดทำรายละเอียดเป้าหมายรายลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับแผนแม่บทฯ รวมทั้งจัดทำการติดตามและประเมินผล เพื่อตอบผลสัมฤทธิ์ของ (ร่าง) แผนแม่บทฯ โดยสาระสำคัญของ (ร่าง) แผนแม่บทฯ เป็นการปรับปรุงประเด็นหลักและรายละเอียดสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) ให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ ด้านที่ ๕ การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นที่ ๑๙ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ ๓ แผนย่อย ได้แก่ (๑) การพัฒนาการจัดการน้ำเชิงลุ่มน้ำทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำของประเทศ (๒) การเพิ่มผลิตภาพของน้ำทั้งระบบในการใช้น้ำอย่างประหยัด รู้คุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้ำให้ทัดเทียมกับระดับสากล และ (๓) การอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยคำนึงถึงวงเงินของประเทศที่จะดำเนินการตามแผนให้ประสบผลสำเร็จ ประโยชน์ที่ได้รับ และประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาทบทวนเป้าหมายในทุกระยะ ๕ ปี และควรพิจารณากำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์และมาตรการที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนระดับที่ ๑ และระดับที่ ๒ ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่ ควรเพิ่มเป้าหมายโรงงานที่จะลดการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมภายใน ๒๐ ปี ที่ตั้งไว้จำนวนเพียง ๒๐๐ โรงงาน และเป้าหมายการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และที่อยู่อาศัย ตลอดจนการจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโครงการ โดยให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการจัดการน้ำเพื่อชุมชนชนบทที่เหมาะสมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการ (Area Based) จำนวน ๖๖ พื้นที่ทั่วประเทศ เป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 939 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2562 (ครั้งที่ 25) | พณ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๒๕) และผลการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับชิลี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองบีนญา เดล มาร์ สาธารณรัฐชิลี โดยมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวอรุณี พูลแก้ว) เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๒๕) ที่ประชุมได้หารือร่วมกันภายใต้แนวคิดหลักคือ “เชื่อมโยงประชาชนเพื่อสร้างอนาคต ใน ๓ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) (๒) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ได้แก่ เป้าหมายโบกอร์ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การรวมกลุ่ม ๔.๐ และวิสัยทัศน์ภายหลังปี ๒๕๖๓ และ (๓) การเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืนในยุคดิจิทัล ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล สตรีและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการปกป้องมหาสมุทร โดยในส่วนของไทยได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดถือกฎเกณฑ์ทางการค้าซึ่งเป็นพื้นฐานของการค้าระหว่างประเทศที่เสรี โดยส่งเสริมการปรับปรุงกลไกการทำงานของ WTO ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ และการดำเนินการตามแผนงานเอเปคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าบริการและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำการส่งเสริม MSMEs E-Commerce และการปฏิบัติตามแผนดำเนินการด้านอินเทอร์เน็ตและเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก และการเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าโลก สำหรับวิสัยทัศน์เอเปคหลังปี ๒๕๖๓ ไทยมุ่งหวังให้รายงานของกลุ่มวิสัยทัศน์เอเปคจะเสนอแนะทิศทางอนาคตของเอเปค โดยคำนึงถึงความเห็นของทุกภาคส่วนและภาคเอกชนต่อไป ๑.๒ ผลการหารือทวิภาคีระหว่างรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวอรุณี พูลแก้ว) กับผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านการค้าชิลี (Mr. Rodrigo Yanez) โดยชิลีได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ โดยขณะนี้ชิลีมีความตกลงการค้าเสรีกับประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และกำลังจะสรุปผลการเจรจากับอินโดนีเซีย ส่วนไทยแจ้งว่าจะพิจารณาและหารือร่วมกับอาเซียนและคู่เจรจาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคบางส่วน เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซียยังมีมุมมองและท่าทีที่แตกต่างกันอย่างมากในบางประเด็น โดยเฉพาะมุมมองและท่าทีต่อการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of Asia-Pacific : FTAAP) แนวทางการปฏิรูป WTO และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งควรต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งควรมีการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการต่อการเปิดเสรีทางการค้า และทบทวนมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไทยให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 940 | รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี 2561 และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2561 | สม | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคของสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๔ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (สิทธิในกระบวนการยุติธรรม การกระทำทรมานและการบังคับสูญหาย และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ) (๒) ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (สิทธิทางการศึกษา สิทธิด้านสุขภาพ และธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน) (๓) ด้านการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของบุคคล ๕ กลุ่ม (สิทธิเด็ก สิทธิผู้สูงอายุ สิทธิคนพิการ สิทธิของผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน) และ (๔) ด้านการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนใน ๓ ประเด็นที่อยู่ในความห่วงใย (สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการค้ามนุษย์) สำหรับรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้ส่งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการนโยบายที่สนับสนุนและส่งเสริมการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั้งในด้านการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาและคุณภาพการศึกษา พร้อมกับการปรับปรุงและแก้ไขข้อขัดข้องต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์เห็นว่ากรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดนควรมีกลไกกำกับดูแลการลงทุนในลักษณะข้ามชาติให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ไปเพื่อเสนอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไปด้วย  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			