ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 981 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 4 สายชุมพร - ระนอง | คค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๔ สายชุมพร-ระนอง มีระยะทางรวมทั้งสิ้น ๑๐๒.๕๒ กิโลเมตร แบ่งการก่อสร้างออกเป็น ๕ ตอน โดยดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว ๓ ตอน ระยะทาง ๕๒.๓๒ กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๒ ตอน ระยะทาง ๕๐.๒๐ กิโลเมตร โดยมีถนนช่วงหนึ่งตัดผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ระยะทางประมาณ ๒.๔๗ กิโลเมตร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และดำเนินการตามข้อเสนอแนะ เช่น การปรับปรุงแนวเส้นทางช่วงที่ผ่านน้ำตกปุญญบาล รวมทั้งการสำรวจและศึกษาสัตว์ป่าในบริเวณใกล้กับแนวการก่อสร้างถนนดังกล่าวเพื่อการจัดทำเส้นทางเชื่อมสัตว์ป่าและกำแพงบังคับสัตว์ป่าที่เหมาะสม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 982 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร05 | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้ ให้ทุกกระทรวงเร่งจัดทำสรุปผลงานของกระทรวง โดยมุ่งเน้นผลงานที่สำคัญซึ่งเป็นการป้องกันการแก้ไขปัญหา การให้บริการประชาชนในด้านต่าง ๆ รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาประเทศในภาพรวม โดยระบุข้อมูลให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยเร็วภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๒ เพื่อรวบรวมและจัดทำเป็นสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่และสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนให้ถูกต้องและทั่วถึงต่อไป 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 983 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจตามตัวชี้วัดการพัฒนาการได้รับสินเชื่อ (Getting Credit) ของการปรับปรุงสภาพแวดล้อม สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Ease of Doing Business) | นร12 | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีระบบจดทะเบียนทรัพย์สินซึ่งก่อให้เกิดสิทธิในหลักประกันของสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทเร่งดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการจดทะเบียนทรัพย์สินเข้าด้วยกัน โดยใช้ระบบที่เหมาะสม เพื่อให้ฐานข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินมีความครบถ้วน ทันสมัย และสามารถสืบค้นได้ ณ ที่เดียว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และควรมีแนวทางป้องกันเพื่อมิให้เกิดการละเมิดนำข้อมูลไปใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมทั้งควรพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบและพิจารณาให้ครอบคลุมการดำเนินการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) เพื่อให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และควรให้มีการตรวจสอบผู้เข้าถึงแหล่งข้อมูลเพื่อป้องกันการกระทบสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้อง ความปลอดภัยของข้อมูล และการตรวจทานข้อมูลให้มีความถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการศึกษากฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจทั้งระบบ เพื่อพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันของประเทศไทยให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ดำเนินการตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเคร่งครัด เพื่อให้กฎหมายเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 984 | ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2560 - 2564 รอบไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ปง | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ รอบไตรมาสที่ ๔ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรับทราบปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ และข้อเสนอแนวทางการแก้ไข โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการเพื่อขับเคลื่อนโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ จำนวนทั้งสิ้น ๗๓ โครงการ/กิจกรรม มีผลการดำเนินการแล้วเสร็จ ๕๓ โครงการ/กิจกรรม (คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๖๐) และอยู่ระหว่างดำเนินการ ๒๐ โครงการ/กิจกรรม (คิดเป็นร้อยละ ๒๗.๔๐) ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๒. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามข้อเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อจะได้มีการปรับปรุงแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๒ และควรดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ในการรายงานผลการดำเนินการตามแผนระดับ ๓ ผ่านระบบติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล (eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 985 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐบาลมีรายได้ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘,๙๔๙.๖๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๖ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๒,๘๐๖.๓๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๕๑ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบอุดหนุน งบรายจ่ายอื่น แลงบลงทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๔๒๗,๗๑๐.๑๒ ล้านบาท ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๐๕๙,๐๗๐.๔๕ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๓๘,๖๖๓.๔๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๓๙ ซึ่งเป็นผลจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 986 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเริ่มใหม่ และเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 รายการภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก | กห | 09/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเริ่มใหม่ และเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ของกองทัพเรือ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติรายการผูกพันเริ่มใหม่เพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒ รายการ (การจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา และการจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒) วงเงินรวม ๓๔๗ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก โครงการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นบริเวณเกาะจระเข้ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี วงเงิน ๓๖๑.๑๕ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็น โครงการปรับปรุงร่องน้ำและบริเวณพื้นที่จอดเรือ ท่าเรือจุกเสม็ด ระยะที่ ๑ วงเงิน ๓๔๐.๓๘ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๗๒.๒๓ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๖๘.๑๕ ล้านบาท ๑.๓ กองทัพเรือจะต้องเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์อย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ และประสิทธิภาพของกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ รวมทั้งเป็นไปตามรายการและกรอบวงเงินภาระผูกพันของโครงการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และเมื่อกองทัพเรือได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามนัยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จนได้ข้อยุติแล้ว กองทัพเรือจะต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 987 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... | มท | 09/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโพชนไก่ ตำบลแม่ลา ตำบลเชิงกลัด ตำบลสิงห์ ตำบลไม้ดัด และตำบลบ้านจ่า อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้เป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ ควรยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ รวมทั้งกรมโยธาธิการและผังเมืองควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่กำกับ ดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผังเมืองรวมเป็นเครื่องมือรองรับการพัฒนาเมืองได้อย่างสมดุล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 988 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | กค | 09/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นในนิติบุคคลเพื่อไปซื้อหุ้นในนิติบุคคลอื่น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นนิติบุคคลให้แก่กองทุนเห็นควรให้ดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรอง ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 989 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖๗/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 990 | รายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว | ศย | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. รับทราบรายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว (Electronic Monitoring : EM) ระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จากศาลที่เข้าร่วมโครงการ ๑๖๔ ศาล (ศาลนำร่อง ๒๓ ศาล และกลุ่มศาลที่มีการขยายเพิ่มเติม ๑๔๑ ศาล) โดย (๑) มิติประสิทธิผล มีการสั่งใช้ EM ๖,๒๖๗ ครั้ง ผู้ใช้ EM มารายงานตัวต่อศาลตามวันนัดและไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ๖,๑๐๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๗ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕) หลบหนี ๑๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒.๕๒ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่เกินร้อยละ ๕) (๒) มิติประสิทธิภาพ ระยะเวลาในการติดตั้งอุปกรณ์รวดเร็วขึ้น ด้านการประหยัด จากเดิมที่มีการใช้ EM จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑๑๐.๑๔ ล้านบาท ในศาลนำร่อง ๒๓ ศาล สามารถขยายบริการไปอีก ๑๔๑ ศาล โดยใช้งบประมาณในการเช่าอุปกรณ์ระบบเท่าเดิม (๓) มิติผลกระทบ สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม คนยากจนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน และ (๔) ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการใช้ EM ไม่ควรเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้ EM ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) การเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้อุปกรณ์จะต้องพิจารณาถึงคดีที่ต้องโทษ ฐานะ ความเป็นอยู่เป็นกรณีไป การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการลงโทษแบบใช้อุปกรณ์รับส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวดังกล่าวต่อคนในสังคมให้มากขึ้น และการปรับปรุงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งในด้านรูปแบบและระบบติดตามที่มีประสิทธิภาพใช้งานได้อย่างเที่ยงตรง (๒) การบริหารจัดการให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด และ (๓) การพิจารณาเพิ่มเติมการรายงานตัวของผู้ใช้อุปกรณ์กับผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว การประเมินการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว รวมถึงการประเมินผลกระทบโดยการสัมภาษณ์ครอบครัวซึ่งมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดที่จะสะท้อนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตหรือการปฏิบัติของผู้ต้องหา เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมอันนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหามิให้กลับไปกระทำความผิดซ้ำ และการเปรียบเทียบงบประมาณการดำเนินงานระหว่างการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับกรณีที่ไม่ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปล่อยชั่วคราว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 991 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ | กค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจที่ดี พ.ศ. .... เพื่อใช้แทนหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ปี ๒๕๕๒ โดยให้รัฐวิสาหกิจ รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจเป็นการทั่วไปนำหลักการและแนวทางฯ ไปปฏิบัติและนำไปใช้กับบริษัทย่อยของรัฐวิสาหกิจด้วย โดยหลักการและแนวทางฯ ได้เทียบเคียงจากหลักการและแนวทางฯ ตามมาตรฐานสากลของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหลักการและแนวทางฯ ๑.๓ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ ในเรื่องหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจนำหลักการและแนวทางฯ ไปจัดทำนโยบายและแผนการดำเนินงานการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยปรับใช้ให้เหมาะสมกับการบริหารจัดการของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงานการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควรมีการทบทวนความเหมาะสมของการนำหลักการและแนวทางฯ ไปใช้ ปีละ ๑ ครั้ง และควรแจ้งหลักการและแนวทางฯ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทราบด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เมื่อร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้แล้ว ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงหลักการและแนวทางฯ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติฯ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อประกาศกำหนดหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจเพื่อให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 992 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี 2562 (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) | ยธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๒ (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ในวงเงิน ๒๔,๗๙๔,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงาน ป.ป.ส. แผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณเหลือจ่ายที่บรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้แผนงานบูรณาการเดียวกัน รวม ๓ รายการ จำนวน ๔,๗๙๔,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย โครงการปราบปรามยาเสพติด งบรายจ่ายอื่น รายการโครงการแก้ไขปัญหาฝิ่น ยาเสพติดและความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑,๔๑๕,๐๐๐ บาท งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน จำนวน ๒,๔๗๔,๖๗๔ บาท โครงการป้องกันยาเสพติด งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๙๐๔,๓๒๖ บาท รวมทั้งอนุมัติให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรม ภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ เพื่อให้สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ๑.๒ สำหรับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการตามขั้นตอน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ความมั่นคง และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ส่วนการขอยกเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ในส่วนของการดำเนินการปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยขอยกเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒๑๕ เป็นกรณีพิเศษ นั้น ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) ดำเนินการขอยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวต่อคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐตามนัยมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น การดำเนินโครงการในระยะต่อไป ควรพิจารณาแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มเสี่ยงบริเวณชายแดนที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และควรให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการของโครงการฯ ที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างเป็นธรรม เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 993 | การปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารหอประชุมของสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) | คค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 
											    												    		๑. การปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารหอประชุมของสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ณ กรุงเทพฯ โดยด่วน (ระยะที่ ๑) ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๔๕,๔๘๓,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๕,๔๗๗,๐๐๐บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. สำหรับค่าจ้างออกแบบปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารหอประชุม ICAO ณ กรุงเทพฯ (ระยะที่ ๒) วงเงิน ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการจ้างออกแบบเพื่อปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารหอประชุมในอนาคต ให้กระทรวงคมนาคมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนหน่วยรับงบประมาณในการดำเนินการปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารหอประชุม ICAO ดังกล่าว ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานเพื่อให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๓ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗ (๑) และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 994 | การขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน และหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการขององค์การมหาชน | นร12 | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน และหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการขององค์การมหาชน) โดยเพิ่มเติมว่า “ให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะซึ่งยังมิได้รับการพิจารณาประเมินค่างานและจัดกลุ่มองค์การมหาชนจากคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนได้รับการจัดกลุ่มในกลุ่มที่ ๓ (บริการสาธารณะทั่วไป) ไปพลางก่อน จนกว่าสำนักงาน ก.พ.ร. จะแจ้งมติคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนให้ทราบ” ๒. เห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร) จากเดิม “ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่ แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ” เป็น “ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ” ๓. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งดำเนินการรวบรวมหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์การมหาชน และแจ้งให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลองค์การมหาชนและองค์การมหาชนทุกแห่งทราบ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยให้นำความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (๑) อาจพิจารณาให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะนำข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปปรับใช้โดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายจัดตั้งขององค์การมหาชน (๒) การกำหนดค่าตอบแทนฯ จะต้องมีการบริหารอย่างเหมาะสมภายใต้ขอบเขตอำนาจตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรนั้น ๆ เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการทำงาน จึงไม่ควรอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด (๓) ควรให้องค์การมหาชนที่เคยได้รับการจัดกลุ่มไว้แล้วแต่มีความจำเป็นต้องให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณาประเมินค่างานและจัดกลุ่มใหม่ (มีการมอบหมายภารกิจเพิ่มมากขึ้น/ยุบเลิกองค์การมหาชนเดิมและจัดตั้งขึ้นใหม่) จึงควรให้หน่วยงานดังกล่าวได้รับการจัดอยู่ในกลุ่มเดิมไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนจะพิจารณาแล้วเสร็จ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 995 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ 
											    												    		๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มียุ้งฉางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรเป็นของตนเองได้รวมกลุ่มกันและจัดให้มียุ้งฉางกลางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรร่วมกันหรือขอรับการสนับสนุน/ช่วยเหลือด้านต่าง ๆ จากภาครัฐ ทั้งนี้ ให้นำกรณีการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการธนาคารข้าวมาเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีที่ภาครัฐดำเนินมาตรการที่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชชนิดต่าง ๆ แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงเกษตรกรรายย่อย เกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เพาะปลูก รวมทั้งเกษตรกรที่บุกรุกพื้นที่ของทางราชการ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งประสานงานและบูรณาการการบริหารจัดการน้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำในฤดูแล้ง โดยเร่งดำเนินการบูรณะฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก รวมทั้งให้ควบคุมดูแลการบริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยด่วนเพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๒ เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพิ่มแหล่งน้ำในเขตชุมชนให้มากขึ้น เช่น การขุดเจาะน้ำบาดาล ระบบประปาหมู่บ้าน ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเกี่ยวกับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจสังคม และเทคโนโลยีในอนาคต โดยกำหนดสัดส่วนการบรรจุอัตรากำลังสำหรับบุคคลที่มีศักยภาพดังกล่าวกับระบบการสรรหาปกติให้มีความเหมาะสม ตลอดจนกำหนดมาตรการจูงใจ ทั้งด้านค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในสายอาชีพสำหรับบุคคลที่จะเข้ามาสู่ระบบการสรรหาและเลือกสรรดังกล่าว รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้เกษียณอายุราชการที่มีศักยภาพสามารถปฏิบัติงานในสาขาที่ยังมีความต้องการผู้มีทักษะหรือความสามารถเฉพาะด้านอีกทางหนึ่งด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจสำหรับสถาบันการศึกษาในการผลิตนักศึกษาให้รองรับกับความต้องการบุคลากรในแต่ละสาขาให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย ๒.๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางรับไปประสานงานกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อรวบรวมผลงานสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการตามแนวพระราโชบายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือโครงการที่ส่วนราชการดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น การปรับปรุงสภาพลำน้ำ คูคลอง การปรับภูมิทัศน์ของสายทางต่าง ๆ รวมทั้งการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของประชาชนริมฝั่งคลองต่าง ๆ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 996 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ... | กษ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ เพื่อให้มีการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืนตามที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการการประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มหลักเกณฑ์ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตมีหลักฐานที่เกี่ยวกับการจัดระบบความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทำงานของคนประจำเรือไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางในการป้องกันการมุ่งแสวงหาประโยชน์จากช่องทางการโอนสิทธิปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับจัดสรรให้กับผู้ประกอบการรายอื่น โดยมีกระบวนการติดตามตรวจสอบ จัดทำประวัติสถิติการจับสัตว์น้ำของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการตรวจสอบผลการทำประมงที่แท้จริงและใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรปริมาณการจับสัตว์น้ำให้กับผู้ประกอบการประมงในแต่ละรอบการอนุญาต รวมทั้งการจัดทำคู่มือการดำเนินการที่รัดกุมและชัดเจนในการป้องกันกรณีดังกล่าว และการบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 997 | การประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยกระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ได้บูรณาการร่วมกับทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนงาน/โครงการ และได้จัดทำโครงการประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งมีผลการประเมินใน ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบูรณาการการขับเคลื่อนงาน/โครงการต่าง ๆ (๒) การมีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามโครงการฯ ของประชาชน (๓) ระดับความรู้ ความเข้าใจของประชาชนในหลักการหรือแนวคิดของโครงการฯ ใน ๑๐ เรื่อง และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ (๔) ความสำเร็จของการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการฯ (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) (๕) ความสำเร็จของโครงการอื่น ๆ ภายใต้โครงการฯ (๖) ความสำเร็จของนโยบาย (Policy Success) (๗) การถอดบทเรียน และแบบอย่างในการปฏิบัติที่ดี (Good/Best Practices) ของทีมขับเคลื่อนฯ และ (๘) ข้อเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาประเทศตามโครงการฯ ของทีมขับเคลื่อนฯ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 998 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณในการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก พ.ศ. 2563 - 2565 | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๕๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคาร และประมาณการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงของอาคารและพื้นที่ใช้สอย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึงความประหยัดและคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ และให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณ และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ทั้งนี้ ให้จัดส่งรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการทางนิติกรรมและรับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ขอให้แจ้งกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนรัฐบาลไทยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานของส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติราชการในประเทศที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่เป็นผู้ทำนิติกรรมและรับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๐ ที่กำหนด ตลอดจนดำเนินการขึ้นทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศให้ถูกต้อง ไปดำเนินการต่อไป 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 999 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบหลักการของการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. เพิ่มวงเงินสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชน จากเดิม ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย เป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ๒. ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนหรือเงินลงหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับวงเงินที่เพิ่มขึ้น โดยกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประสงค์จะให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ที่ ๕ ล้านบาท กรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประสงค์จะต้องการให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านบาท ส่วนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์อยู่เดิมหากประสงค์จะให้สินเชื่อเกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า ๕ ล้านบาท เป็นไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านบาท เพื่อให้สะท้อนถึงความมั่นคงภายในการประกอบธุรกิจที่มีการให้สินเชื่อต่อรายในวงเงินที่สูงขึ้น ๓. ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ จากลูกหนี้รวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) จากเดิมไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี เป็น (๑) วงเงินสินเชื่อ ๕๐,๐๐๐ บาทแรก อาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี และ (๒) วงเงินสินเชื่อส่วนที่เกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท อาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี 
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1000 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 12/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการออกประกาศกำหนดเงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทย เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถเลือกใช้เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน (Functional Currency) สำหรับการคำนวณและชำระภาษีของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งเมื่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว กรมสรรพากรจะออกประกาศดังกล่าว โดยพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกและภูมิภาค สกุลเงินของประเทศที่มีมูลค่าของการค้า การลงทุน และการบริการกับประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากสกุลเงินของประเทศที่มีค่าเงินผันผวนหรือมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง สำหรับการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีอากร กรมสรรพากรจะได้พิจารณาถึงความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งการเพิ่มรายได้ของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การปรับปรุงระบบภาษีอากรบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิรูปประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			