ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 112 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2221 - 2240 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2221 | ขออนุมัติการปรับปรุงแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว และขออนุมัติแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เป็นโครงการต่อเนื่องหรือต้องก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พร้อมทั้งแนวทางดำเนินการที่เกี่ยวข้อง | สลธ.คสช. | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอ ๑.๑ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว ซึ่งได้เสนอขอปรับปรุงจากเดิม ๑,๖๔๑ รายการ เป็น ๑,๗๕๖ รายการ กรอบวงเงินจำนวน ๗,๘๐๑,๓๓๓,๘๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณ (งบกลาง) เพิ่มเติม สำหรับโครงการที่ใช้เวลาดำเนินงานมากกว่า ๑ ปี จำแนกเป็น งานผูกพันต่อเนื่อง สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีดำเนินการเอง จำนวน ๗๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๑๑๔,๙๖๖,๖๐๐ บาท และงานผูกพันสัญญา สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีจ้างเหมาก่อสร้าง จำนวน ๕ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๓๖๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ข้อ ๑.๖ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๔ อนุมัติแนวทางเพื่อการขับเคลื่อนและดำเนินการตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนี้ ๑.๔.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกำกับดูแลและติดตามความก้าวหน้าแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามห้วงเวลาที่กำหนด ๑.๔.๒ เมื่อสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว หากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดประกอบการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นผลให้วัตถุประสงค์/เป้าหมายในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเรื่องต่อคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับการมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ/ให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ๑.๔.๓ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแผนงาน/โครงการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน ๑.๔.๒ ที่ไม่เป็นสาระสำคัญหรือยังคงวัตถุประสงค์/เป้าหมายการดำเนินงานเดิมตามแผนงาน/โครงการส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรง ๑.๔.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางพิจารณากำหนดแนวทางเร่งรัดการดำเนินงานที่เหมาะสมกับการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ ๑.๔.๕ มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและประชาชนที่จะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ของแต่ละแผนงาน/โครงการ และหากแผนงาน/โครงการใดเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่โครงการให้เข้าใจอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประสานข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบ เพื่อประโยชน์ในการประสานงานและกำกับติดตามการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้บรรลุผลต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2222 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ความไม่สงบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างไทยและเมียนมา ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตรวจสอบการจดทะเบียนสมาคมของชาวโรฮิงญาว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และพิจารณาหามาตรการดูแลกรณีดังกล่าว รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้อพยพให้เพียงพอและอยู่ในสภาพที่เหมาะสมตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดกลไกในการคัดเลือกและตรวจสอบชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มที่มีผลการเรียนที่ดีให้ได้รับสิทธิในการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหากรณีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจนเกิดความแออัด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องสุขาไม่เพียงพอหรือชำรุด รวมทั้งควรบริหารจัดการให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยและดูแลความสะอาดในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอุทยานต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่สะอาดและปลอดภัย โดยกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและดูแลความสะอาดตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการรักษาความสะอาด และทิ้งขยะในที่ที่จัดเตรียมไว้ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนที่แหล่งท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนตามวิถีไทย ให้มีความน่าสนใจ และแจกจ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้กระจายไปตามจุดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับชาวต่างประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมของไทย และหาช่องทางจำหน่ายหนังสือดังกล่าวในต่างประเทศ หรือสนามบิน ๒.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับผู้ประกอบการกำหนดแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัฒนธรรมไทยและการผลักดันเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ชุด (Series) ไปยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ๒.๖ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยออกมาตรการสินเชื่อ Nano Finance ให้กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการ เช่น จำนวนผู้ขอใช้สินเชื่อประเภทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ นั้น ให้หน่วยงานดังกล่าวคำนึงถึงมาตรการที่เป็นการสร้างความรู้ในการใช้จ่ายเงินและการสร้างวินัยการเงินให้แก่ประชาชนเพื่อลดปัญหาหนี้สินในระยะยาวอย่างยั่งยืน ๒.๘ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษดำเนินการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๙ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการปลูกกาแฟและยาสูบในพื้นที่ทางภาคเหนือเพื่อทดแทนการนำเข้า รวมทั้งคิดค้นและพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกาแฟและยาสูบของไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ๒.๑๐ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ชาวสวนยาง ชาวนา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการกำหนดมาตรการการช่วยเหลือของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกร นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจัดตั้งและขึ้นทะเบียนบัญชีกลุ่ม/สหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเกษตรกรแต่ละประเภทควรมีความเป็นเอกภาพและไม่มีหลายกลุ่มในพืชชนิดเดียวกัน ๒.๑๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และกระบวนการดำเนินการกับกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกลุ่มที่ถูกหลอกลวง การนำที่ดินกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันว่ามีอุปสรรคหรือครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้หรือไม่ประการใด แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าซึ่งได้ความเสียหายเนื่องจากการบุกรุกพื้นที่และดำเนินการให้เกิดป่าชุมชนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากป่าและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าเหล่านั้นให้คงอยู่และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง คือ ปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยได้รับประโยชน์จากป่าไม้ทั้งสามประเภท รวมทั้งประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกบัตรอเนกประสงค์ (smart card) สำหรับการโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การขุดบ่อน้ำบาดาล การดูแลรักษาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือกำหนดเส้นทางส่งน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น ๓.๒ ให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน
|
|||||||||||||||||||||
| 2223 | ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลกได้เผชิญกับการระบาดของโรคที่มีสาเหตุทั้งจากเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์เก่า และพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการนำเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ หรืออาจนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อสาธารณชนอย่างกรณีการใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ โดยให้อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ และผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2224 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2556 | นร | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถอนความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้เงินเหลือจ่ายสำหรับดำเนินโครงการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติให้ปรับแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ วงเงิน ๓๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท จากเดิม จำนวน ๑๒ รายการ เป็น จำนวน ๖ โครงการ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ขอปรับใหม่ ได้แก่ ๒.๑ โครงการสนับสนุนดำเนินงานโครงการพระราชดำริฯ และเป็นโครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ ๖,๖๕๘,๙๐๐ บาท ๒.๒ โครงการปรับปรุงซ่อมแซมพลับพลารวมใจประชาชน (พลับพลาบ้านละเวง) อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี งบประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓ โครงการยกระดับมาตรฐานถนนเป็นแอสฟัลต์ติกคอนกรีต จำนวน ๒ สาย อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี งบประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๔ โครงการสนับสนุนกิจกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติด ประกอบด้วย (๑) โครงการปรับปรุงศูนย์พัฒนาชีวิตใหม่ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ค่ายปรับพฤติกรรมระดับจังหวัด) ตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี และ (๒) โครงการศูนย์ศรัทธาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และครบวงจร) ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างเพิ่มเติมจากงบประมาณ ๑๐ ล้านบาท ของสำนักงาน ป.ป.ส. งบประมาณ ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๕ โครงการตรวจซ่อมแซมและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดภายใน ศอ.บต. งบประมาณ ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๖ โครงการปรับปรุงพัฒนาระบบความพึงพอใจการให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ ๑,๐๔๑,๑๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||
| 2225 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. .... | คค | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งที่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและผู้ประจำรถต้องปฏิบัติเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มเติมข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยให้ครอบคลุมสำหรับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของต้องปฏิบัติด้วย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถทำการขนส่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2226 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย ให้มีความเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ในด้านค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานในอัตราที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2227 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินหรือของกลางที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทกำหนดโทษให้มีอัตราโทษสูงขึ้นด้วย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปชี้แจงในประเด็นกระบวนการบริหารจัดการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 2228 | การโอนภารกิจกำกับดูแลความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่นกลับไปกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้โอนภารกิจการกำกับดูแลนโยบายการดำเนินการตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement : JTEPA) กลับไปกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศเห็นภาพรวมของความสัมพันธ์ที่ขับเคลื่อนโดยความตกลงฯ สามารถกำหนดยุทธศาสตร์การเจรจาต่อรองกับญี่ปุ่นให้รัดกุมและตอบสนองผลประโยชน์ของไทยได้ครบถ้วน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่ขอเสนอแก้ไขชื่อหน่วยงาน จาก กรมส่งเสริมการส่งออก เป็น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานตามความตกลงฯ ซึ่งมีนัยและมิติที่มีความครอบคลุมหลากหลายสาขา จึงควรเน้นย้ำและส่งเสริมให้มีการดำเนินงานร่วมกันทุกภาคส่วนเพื่อให้การขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การผลิต และธุรกิจภายใต้ความตกลงฯ สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และภายหลังการโอนภารกิจกำกับดูแล JTEPA กลับไปกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ควรมุ่งเน้นการเจรจาความร่วมมือทางด้านการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเหล็กและการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการสร้างความเข้าใจเรื่องกฎเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้าที่จะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงฯ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่นได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรปรับปรุงข้อความใน (ร่าง) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ /๒๕๕๘ เรื่อง การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการกำกับการดำเนินการตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในสัดส่วนขององค์ประกอบ จากเดิม “๑.๔๐ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ” เป็น “๑.๔๐ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. กรณีที่ต้องมีความเห็นของส่วนราชการเพื่อประกอบการดำเนินการในเรื่องใด ๆ ตามความตกลง JTEPA ให้กระทรวงการต่างประเทศถามความเห็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2229 | การดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย | ทส | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างค่านิยมในการทิ้งขยะของประชาชนให้ถูกต้องและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และจะมีการยกร่างกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติมความคืบหน้าในการดำเนินงานตาม Roadmap การกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ดังนี้ ๑.๑ การกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) จำนวน ๓๐.๘๓ ล้านตัน มีการดำเนินการกำจัดขยะ ๓ วิธี ได้แก่ การฝังกลบชั่วคราว การขนย้ายไปกำจัดอย่างถูกต้อง และการนำขยะไปผลิตเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) คาดว่าจะสามารถกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) ได้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ การกำจัดขยะใหม่จะดำเนินการ ๓ มาตรการ ได้แก่ การลดขยะและคัดแยกขยะมูลฝอยจากต้นทาง การจัดการขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวม และการกำจัดขยะโดยเทคโนโลยีแบบผสมผสานที่เน้นการแปรรูปเป็นพลังงาน โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน ๑.๓ มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะจำนวนทั้งสิ้น ๕๓ แห่ง ขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว ๒ แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๓ แห่ง อยู่ระหว่างลงนามในสัญญา/บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๒ แห่ง และอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ๑ แห่ง และอยู่ระหว่างการเจรจา ๔๕ แห่ง ๑.๔ การดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจะดำเนินการใน ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี ลพบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนในทุกจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑.๔.๑ กระทรวงมหาดไทย กำหนดนโยบายให้จังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการลดคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด กำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับคัดแยกขยะมูลฝอยและค่าธรรมเนียมเก็บขนและกำจัด รวมทั้งกำกับ ดูแลจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๔.๒ กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวง เรื่อง การคัดแยก เก็บขนแบบแยกประเภท/สุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป/อัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ (เก็บขนและกำจัด) และออกคำแนะนำ เรื่อง แนวทางการควบคุมการประกอบกิจการรับเก็บขน หรือกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ทำเป็นธุรกิจหรือได้รับผลตอบแทนจากการคิดค่าบริการ ๑.๔.๓ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้มีหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการลด การคัดแยกขยะมูลฝอย และการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่ระดับเยาวชน และส่งเสริมสถานศึกษาดำเนินกิจกรรมลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปตาม Roadmap ต่อไป ๓. เห็นชอบให้ถอนข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ๔. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมของจังหวัดอยุธยา ฉบับแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญในการขอปรับแผนปฏิบัติการฯ (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) คือ การขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างสะสมของเทศบาล จำนวน ๑๔ แห่ง (จากเดิม ๓ แห่ง) จำนวนปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างสะสมรวม ๑๘๘,๒๒๐ ตัน และเพิ่มการจัดตั้งศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ที่กรมควบคุมมลพิษได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๖,๔๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้กรมควบคุมมลพิษขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและตาม Roadmap ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอด้วย ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งก่อให้เกิดภาระต่อประเทศ จึงควรเร่งออกกฎหมายโดยใช้หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ส่วนการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ควรมีการดำเนินการอย่างทั่วถึงและครอบคลุมประเด็นสำคัญของการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งควรมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงานและศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายชุมชนของจังหวัด ตลอดจนอุปกรณ์เพื่อการจำกัดขอบเขตการรั่วไหลของสารอันตรายสู่ชุมชนข้างเคียงกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีมาตรการฟื้นฟูพื้นที่วิกฤตเดิมหลังจากขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดติดตามการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตาม Roadmap ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน มีการรายงานผลความคืบหน้าตามห้วงเวลา การปฏิบัติเร่งด่วนตามแนวทางที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด เช่น การปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การนำขยะมูลฝอยมากำจัดในลักษณะรวมศูนย์ การจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอย และการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยแบบเตาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2230 | มติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมี ในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองเก่าด้วย | ทส | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๔ เมือง ได้แก่ เมืองเก่าแพร่ เมืองเก่าเพชรบุรี เมืองเก่าจันทบุรี และเมืองเก่าปัตตานี เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยเห็นชอบมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยให้หน่วยราชการต่าง ๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีที่จะดำเนินการก่อสร้างภายในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยผ่านทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าแล้ว จึงให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับเขตพื้นที่เมืองเก่ามีขอบเขตครอบคลุมเขตทางและที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีพื้นที่เมืองเก่าที่ทับซ้อนกับพื้นที่เมืองโบราณและโบราณสถานทั้งที่ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ประกาศขึ้นทะเบียน การก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอย่างอื่น รวมทั้งเอกชนที่พึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ยังคงต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2231 | ขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท | คค | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะเงินสดขาดมือจนไม่สามารถดำเนินงานให้บริการได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งพิจารณาการใช้วงเงินกู้ด้วยความรอบคอบและตามความจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาระหนี้และฐานะการเงินขององค์กร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2232 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลของการประปานครหลวง | มท | 10/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปานครหลวงปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวที่เข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ในสถานพยาบาลของเอกชนหรือคลินิกเวชกรรม ให้ได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีงบประมาณละ ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัว ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 2233 | การนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ว่าปัจจุบันกองทุนฯ บริหารงานเพื่อใช้เงินไปตามวัตถุประสงค์จากสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท โดยจัดทำแผนงบประมาณประจำปี แยกเป็นงบบุคลากร งบดำเนินงาน และงบสนับสนุน ซึ่งในปีบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๖๙,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท และได้กำหนดกรอบวงเงินเพื่อรองรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีส่วนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินอันเนื่องจากการดำเนินการ รวมถึงเงินชดเชยความเสียหายและค่าเสื่อมสภาพทรัพย์สิน จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินงบประมาณที่จัดสรรเพื่อรองรับการบริหารงาน จำนวน ๑๘๑,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท คงเหลือเงินกองทุนฯ ประมาณ ๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะต้องสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจ ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ รวมถึงการชดเชยค่าเสียหาย หรือเสื่อมสภาพของทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดและอายัดไว้ ซึ่งไม่สามารถประมาณการได้ เนื่องจากคดีแต่ละคดีมีช่วงเวลาการตัดสินที่แตกต่างกัน ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทรัพย์และดอกเบี้ย ทำให้มูลค่าของเงินที่ต้องใช้ในเรื่องการคืนและชดเชยไม่สามารถกันยอดตัวเลขที่แน่นอน ด้วยเหตุดังกล่าว จึงยังไม่สามารถนำส่งเงินเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและกองทุนอื่น ๆ) ที่ให้กระทรวงการคลังรวบรวมข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอยู่ทั้งหมดให้ครบถ้วน และจัดกลุ่ม วิเคราะห์ผลดำเนินการ ประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับ และแนวทางการปรับปรุงหรือยุบเลิกกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่หมดความจำเป็น รวมทั้งให้จัดทำตัวชี้วัดของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์และผลสัมฤทธิ์ของการจัดตั้งกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนดังกล่าว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
| 2234 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงการภาคสมัครใจ และการพิจารณาให้ใช้เครื่องหมายรับรอง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2235 | การปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงอัตราค่าจ้างตามบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดอัตราค่าจ้างต่ำสุด ขั้นที่ ๑ อัตรา ๙,๐๔๐ บาท และอัตราค่าจ้างสูงสุด ขั้นที่ ๕๓ อัตรา ๑๔๒,๘๓๐ บาท ๑.๒ ลูกจ้างยังคงได้รับค่าจ้างในอัตราเดิมตามขั้นของบัญชีโครงสร้างใหม่ ๑.๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับขยายเพดานขั้นสูงของลูกจ้างแต่ละระดับ รัฐวิสาหกิจจะต้องคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ การจัดหารายได้เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน และประชาชน ๒. สำหรับกรณีที่รัฐวิสาหกิจจะขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงขึ้นไปสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ให้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณีไป รวมทั้งการขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงจะต้องสอดคล้องกับขนาด ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบของรัฐวิสาหกิจที่มีความแตกต่างกันตามความเหมาะสม ตลอดจนความสามารถในการรองรับภาระค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจด้วย ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ |
|||||||||||||||||||||
| 2236 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดคุณสมบัติและกำหนดหลักเกณฑ์การขอและรับขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำหน้าที่นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2237 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการที่โกตากินาบาลู | กต | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ณ โกตากินาบาลู ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ภายใต้หัวข้อหลักคือ "ประชาชนของเรา ประชาคมของเรา และวิสัยทัศน์ของเรา" ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานสำหรับการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสำนักเลขาธิการอาเซียนและองค์กรต่าง ๆ ของอาเซียน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยย้ำว่า สำนักเลขาธิการอาเซียนจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านบุคลากรและงบประมาณอย่างพอเพียง นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการทำงานของอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับรูปแบบหรือลดจำนวนการประชุมต่าง ๆ ลงเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้นำและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. การจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ ที่ประชุมฯ รับทราบการจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อยกร่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ และเห็นพ้องว่า ต้องสร้างความเป็นปึกแผ่นและความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียนและต้องมองไปข้างหน้าในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การรักษาเอกภาพความเป็นแกนกลาง เป็นผู้ขับเคลื่อนสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงในภูมิภาค และการให้ความสำคัญกับประชาชน ๓. การเสริมสร้างบทบาทนำของอาเซียนในสถาปัตยกรรมในภูมิภาค ที่ประชุมฯ เห็นว่า อาเซียนจำเป็นต้องรักษาเอกภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศภายนอกภูมิภาค และต้องแสดงท่าทีร่วมกันในประเด็นปัญหาระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) รวมทั้งย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกรอบความร่วมมือในภูมิภาคของอาเซียน เช่น อาเซียน+๑ อาเซียน+๓ การประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) โดยเฉพาะกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit : EAS) เนื่องจากเป็นเวทีหารือในระดับผู้นำที่มีตัวแสดงที่สำคัญในภูมิภาคเข้าร่วมครบถ้วน ๔. สถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ที่ประชุมฯ ย้ำความสำคัญของการผลักดันการปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea : DOC) ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct : COC) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากแนวคิดหัวรุนแรงสุดโต่ง โดยได้ออกแถลงการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่าด้วยความรุนแรงและที่กระทำโดยองค์กรหัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย (ASEAN Foreign Ministers’ Statement on the Violence and Brutality Committed by Extremist Organizations in Iraq and Syria)
|
|||||||||||||||||||||
| 2238 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/02/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการสำรวจปริมาณการใช้ยางพาราของแต่ละหน่วยงานโดยเร็ว และจัดทำแผนการใช้ยางพาราในประเทศเพื่อให้การใช้ยางพาราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมปริมาณความต้องการใช้ยางพาราของทุกหน่วยงานเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาหาแนวทางการลดพื้นที่ปลูกยางพาราในประเทศ โดยในระยะแรกให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่ซึ่งชาวสวนยางได้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูก พร้อมทั้งพิจารณาหาแนวทางการเยียวยาชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น และให้หาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้สามารถซื้อข้าวบริโภคได้ในราคาถูกด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมการเพาะปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานในประเทศให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดและลดการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปจากต่างประเทศ ๑.๕ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กำหนดมาตรการป้องกันอัคคีภัยสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม และตรวจสอบความพร้อมของมาตรการป้องกันการเกิดอัคคีภัยภายในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะโรงงานในเขตอุตสาหกรรม รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำของชุมชนด้วย ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณรวบรวมงบประมาณเหลือจ่ายของแต่ละส่วนราชการและนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาใช้จ่ายสำหรับนโยบายเร่งด่วนที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนต่อไป ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เรื่อง ผลการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ บุคคลสองสัญชาติ การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทยและมาเลเซีย การขนส่งทางถนน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรถยนต์ ซึ่งขณะนี้ไทยได้อนุญาตให้รถยนต์ของมาเลเซียเข้ายังพื้นที่ตอนในของไทยได้ ในขณะที่ไทยยังไม่ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันจากมาเลเซีย) การค้าและการลงทุน (โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าของมาเลเซีย) และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๓. ด้านสังคม รัฐบาลได้มีมาตรการดูแลประชาชนทุกกลุ่มที่มีความเดือดร้อน เช่น เกษตรกร ผู้ประกอบการที่มีรายได้น้อย คนจนเมือง และผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม และโดยที่รัฐบาลเห็นว่าครูเป็นบุคลากรสำคัญในการสร้างอนาคตของประเทศ ซึ่งมีปัญหาหนี้สินจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มประสิทธิภาพ จึงให้กระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูเพิ่มเติมด้วย ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใต้แนวเขตทางด่วนได้อย่างคุ้มค่า และสามารถจัดเป็นพื้นที่ประกอบอาชีพของประชาชน เพื่อลดผลกระทบผู้ประกอบการที่มีรายได้น้อย คนจนเมือง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม ได้หรือไม่ประการใด และหากจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมาย ให้พิจารณายกร่างกฎหมายแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ ให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยร่วมดำเนินการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการเร่งนำตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญต่อประชาชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการก่อวินาศกรรม ปัญหาอาชญากรรม และปัญหายาเสพติด ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการแจ้งชื่อผู้แทนไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเพื่อแต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายระดับกระทรวง ทำหน้าที่ติดตาม ประสานและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และงานสำคัญของรัฐบาลร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๑ ปี ๕.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำฐานข้อมูลกลางโดยเชื่อมโยงข้อมูลในการดำเนินงานจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระบบเดียวกัน โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ (๑) ให้มีการบูรณาการการใช้ข้อมูล เช่น อัตราส่วนของแผนที่หน่วยจัดเก็บข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกหน่วยงาน (๒) ให้มีการกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยมีการกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และ (๓) ให้มีการจัดชั้นความลับและการเข้าถึงข้อมูล กรณีข้อมูลที่อาจจะส่งผลกระทบต่องานด้านความมั่นคงให้มีการคัดกรองโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๕.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เช่น การช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต การรวมกลุ่มเกษตรกรในลักษณะสหกรณ์การเกษตรพิมาย เพื่อให้การรวมกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีความเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ และเพื่อเป็นโครงการนำร่อง ๕.๔ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยสำรวจพื้นที่ซึ่งประชาชนมีความต้องการใช้น้ำบาดาลและพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เช่น การสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้สามารถขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2239 | ผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ค.ศ. 2014 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ค.ศ. ๒๐๑๔ (Plenipotentiary Conference : PP-14) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๒๐ ตุลาคม-๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และผลการเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร (Council) ของ ITU ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุม PP-14 ได้มีการพิจารณาข้อเสนอจากประเทศสมาชิกในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และแผนงบประมาณของ ITU ตลอดจนการบริหารจัดการองค์กร และการกำหนดท่าทีร่วมของประเทศสมาชิก ITU ต่อประเด็นสำคัญด้านโทรคมนาคมและ ICT และได้มีมติเห็นชอบให้ออกข้อมติใหม่ จำนวน ๒๐ ข้อ ให้แก้ไขข้อมติเดิม จำนวน ๔๙ ข้อ ให้ยกเลิกข้อมติเดิม จำนวน ๗ ข้อ ให้ออกข้อตัดสินใจใหม่ จำนวน ๒ ข้อ และให้แก้ข้อตัดสินใจเดิม จำนวน ๓ ข้อ ๑.๒ ประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม PP-14 ได้ลงนามรับรองกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงผลการประชุมฯ โดยได้รวบรวมข้อมติต่าง ๆ ของที่ประชุมฯ เกี่ยวกับการกำหนดแผนงานกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการของ ITU ในเรื่องการพัฒนาโทรคมนาคม มาตรฐานโทรคมนาคม และวิทยุคมนาคม และแผนงานในการบริหารจัดการองค์กรของ ITU สำหรับช่วง ๔ ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงเรื่องแผนงบประมาณ การเงินและบัญชี การบริหารทรัพยากรบุคคล การจัดประชุมและกิจกรรมต่าง ๆ ของ ITU เป็นต้น ๑.๓ ที่ประชุม PP-14 มีมติเห็นชอบให้มีการพิจารณาเรื่องการทำให้ธรรมนูญและอนุสัญญาของของ ITU เป็นเอกสารที่มีเสถียรภาพและไม่ควรมีการแก้ไขเป็นประจำ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีการพิจารณาในการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็มฯ ครั้งต่อไปในปี ค.ศ. ๒๐๑๘ (PP-18) ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ที่ประชุม PP-18 จะให้ความเห็นชอบต่อการกำหนดให้ธรรมนูญและอนุสัญญาของ ITU เป็นเอกสารที่มีเสถียรภาพ ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขธรรมนูญและอนุสัญญาทั้งฉบับเพื่อรองรับการใช้งานในระยะยาวได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขเป็นประจำทุก ๔ ปี ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อยื่นสัตยาบันสารสำหรับการแก้ไขบทบัญญัติในธรรรมนูญและอนุสัญญาของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่เป็นผลจากการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็มของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ปี ค.ศ. ๑๙๙๘ ค.ศ. ๒๐๐๒ ค.ศ. ๒๐๐๖ และ ค.ศ. ๒๐๑๐ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2240 | การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | กค | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน ข้อมูลกรอบวงเงินงบประมาณดำเนินงานวิจัยของทุนหมุนเวียน กลุ่ม ๑ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ๖ ทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงินรวม ๓,๕๐๙.๔๐ ล้านบาท และสภาพคล่องของทุนหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งมีทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น จำนวน ๓๐ ทุน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๒,๗๐๘ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังวิเคราะห์และเสนอแนวทางในการปฏิรูปทุนหมุนเวียนในกรณีที่จะต้องดำเนินการปรับปรุง พัฒนา ยุบรวม หรือยุบเลิกกองทุนตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เช่น ๒.๑ เสนอแนวทางในการยุบรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งต้องปรับปรุงและพัฒนา รวม ๔๓ ทุน และทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งต้องพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโดยด่วน รวม ๕ ทุน ให้ชัดเจนและยุบทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันมารวมกันเป็นทุนหมุนเวียนเดียวเพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนต่อไป ทั้งนี้ ในการยุบรวมหรือยุบเลิกดังกล่าวให้พิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบและระมัดระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ๒.๒ การแบ่งกลุ่มทุนหมุนเวียนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในการนำทุนหมุนเวียนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ๒.๓ จัดทำแผนปฏิบัติการที่จะนำทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่อง ส่วนที่เกินความจำเป็น จำนวน ๓๐ ทุน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๒,๗๐๘ ล้านบาท ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลา ๑ ปี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
.....
