ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 115 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2281 - 2300 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2281 | การแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๔๙/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ และเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย โดยแต่งตั้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นกรรมการ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ มี ดังนี้ ๑.๑ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการ ๑.๒ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ ๑.๓ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑.๔ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กรรมการ ๑.๕ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑.๖ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรรมการ ๑.๗ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กรรมการ ๑.๘ อธิบดีกรมศุลกากร กรรมการ ๑.๙ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กรรมการ ๑.๑๐ ผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๑.๑๑ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศ กรรมการ/เลขานุการ ว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2282 | การตรวจสอบคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๑ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโดอีนแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๑.๔ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๑.๕ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑.๖ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑.๗ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๑.๘ คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๑.๙ คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ๑.๑๐ คณะกรรมการอำนวยการยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ๑.๑๑ คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2283 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๔๙ คณะ จากจำนวน ๕๒ คณะ เนื่องจากคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง และคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ด้านการพัฒนาชุมชน เป็นคณะกรรมการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๑/๒๕๕๗ (เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย และคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) ส่วนคณะกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนให้ยุบรวมกับคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2284 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากสหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนโลก และอาจมีการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อภาคการส่งออกของไทย จึงให้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องประสานธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสถาบันการศึกษาหารือหน่วยงานทางวิชาการดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยและเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดมาตรการประหยัดพลังงานและแนวทางการใช้พลังงานทดแทนต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในสาขาซ่อมแซมและบำรุงรักษารถไฟฟ้า โดยให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้เกิดความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเตรียมศูนย์ซ่อมบำรุงเพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๕ ประเทศไทยได้ลงนามในความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยจะให้มีการเปิดเสรีทางการค้าและการเชื่อมโยง (Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งทางบกที่อาจจะส่งผลให้มีการขนส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทยจากประเทศที่มีต้นทุนทางการผลิตต่ำกว่าประเทศไทย จึงให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อมูลการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) และรูปแบบอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และนำเสนอข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางการระบายข้าวในระยะต่อไปต่อสาธารณชน และตรวจสอบการขายข้าวของบริษัทเอกชนในกรณีที่มีข่าวว่าบริษัทเอกชนบางรายนำข้าวของเวียดนามหรือกัมพูชามาสวมสิทธิขายในโควตาของข้าวไทยด้วย ๑.๗ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทราบเกี่ยวกับการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ๑.๘ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) โดยในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกำกับให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติเร่งดำเนินการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมืออาเซียนและเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานต่าง ๆ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนในแต่ละแผนงานย่อย ให้เร่งดำเนินการต่อไป ๓. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์เครื่อง X-Ray ร่วมกันในงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และด่านตรวจตามแนวชายแดน หากพบว่า ยังไม่เพียงพอให้หน่วยงานเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เพื่อพิจารณาต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงคมนาคมจัดให้มีการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะถนนในช่วงเขาซึ่งมีทางแคบและลาดชันซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และให้ส่วนราชการด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงมหาดไทยดูแลควบคุมสถานประกอบการให้ดำเนินกิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ๔.๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน หรือเพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการเก็บกักน้ำ โดยให้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับ รวมทั้งพิจารณาให้ความเป็นธรรมในการชดเชยหรือเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งส่งเสริมการปลูกป่าทดแทน ๔.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายควบคุมในการผลิตสุรากลั่นชุมชนให้ถูกต้องและปลอดภัยยิ่งขึ้น ๔.๕ ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์บริเวณบ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมและเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญในระดับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาสถานที่เพื่อให้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานแทนบ้านมนังคศิลา และให้ฝ่ายความมั่นคงทบทวนแนวทางในการชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการบริเวณตลาดมหานาคให้ย้ายสถานที่ขายสินค้าไปยังบริเวณฝั่งตรงข้าม ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดเตรียมพื้นที่ค้าขายเพื่อรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
| 2285 | ข้อเสนอแนะในการจัดเก็บภาษีโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ | ปช | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการศึกษาทั้งระบบอย่างยั่งยืน ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการระยะสั้น ๑.๑.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนและแก้ไขประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเกี่ยวกับโรงเรียนสอนกวดวิชา โดยให้มีการจำแนกประเภทที่ชัดเจนเพื่อเป็นฐานข้อมูลของกระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษี ๑.๑.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ และดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวง และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เหมาะสมสอดคล้อง ๑.๒ มาตรการระยะยาว ๑.๒.๑ รัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมด้านโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยต้องมุ่งเน้นการขยายให้บริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพและทั่วถึง ปรับเปลี่ยนวิธีการวัดผลการเรียนและการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชา ๑.๒.๒ กระทรวงศึกษาธิการต้องพัฒนาเรื่องระบบการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และจัดโครงการสอนเสริมโดยจัดหาครูเก่ง ๆ ที่สอนดี พร้อมเผยแพร่การสอนหรือการติวผ่านทางสื่อต่าง ๆ แก่โรงเรียนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง ๑.๒.๓ การสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต้องออกข้อสอบให้อยู่ในขอบเขตของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และควรปรับระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับให้สอดคล้องกับการเรียนในระบบโรงเรียนตามปกติเท่านั้น และในการออกข้อสอบต้องไม่เกินจากหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับติดตามการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานในการจัดการเรื่องการสอนของสถานศึกษาต่าง ๆ ให้มีความทัดเทียมกัน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชาเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับต่ำ ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของสถานศึกษาแต่ละแห่งที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
| 2286 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ เพื่อให้อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๖ และเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2287 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรม โดยกำหนดไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรมท้ายพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2288 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการแก้ไขปัญหาจำนวนลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ SAP (SAP Software License) ที่ใช้งานในระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) วงเงิน ๘๖๐ ล้านบาท และ (๒) โครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้รองรับซอฟต์แวร์ SAP ECC 6.0 วงเงิน ๘๒๓ ล้านบาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมศุลกากรสำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าสัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทาง รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน ๑,๓๑๘ ล้านบาท โดยให้กรมศุลกากรนำสัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) มาพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๓ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมสรรพากร สำหรับโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๓๙๓.๘๖๒๗ ล้านบาท โดยให้กรมสรรพากรดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๔ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการฯ ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้ความสำคัญในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำแบบพิมพ์เขียวของสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ทั้งภายในและภายนอกเพื่อแสดงให้เห็นการเชื่อมโยง (Interoperability) ของแต่ละระบบเพื่อประโยชน์ในการขยายระบบในอนาคต รวมถึงพิจารณาการบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน มีการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรคพร้อมกำหนดแนวทางแก้ไข และวางแผนการดำเนินงานในระยะสั้นและระยะยาวให้ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการเพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม มีกระบวนการบริหารจัดหา License Management ที่ดี และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาว ตลอดจนเตรียมการพัฒนาบุคลากรภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถรองรับการปฏิบัติงานตามภารกิจและให้สามารถดูแลรักษาระบบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2289 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร09 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งได้มีการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเปลี่ยนชื่อกองกลางเป็นสำนักงานเลขานุการกรม และจัดตั้งกองส่งเสริมงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นส่วนราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไปอันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2290 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า พ.ศ. .... | คค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และการเปลี่ยนชื่อและเครื่องหมายราชการของกรมเจ้าท่า ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2291 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงคมนาคม) | คค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๗ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติในการค้นหาและช่วเยหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย ๑.๓ คณะกรรมการร่วมถาวรไทย-มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ๑.๔ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๕ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๖ คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ ๑.๗ คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2292 | การเสนอขอปรับปรุงองค์ประกอบและการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับองค์การยูเนสโกและซีมีโอ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๙ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๓ คณะกรรมการฝ่ายการศึกษา ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๔ คณะกรรมการฝ่ายวิทยาศาสตร์ ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๕ คณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๖ คณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรม ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๗ คณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชน ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๘ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลก ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๙ คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
| 2293 | แต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑๑ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ๑.๓ คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ๑.๔ คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ๑.๕ คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ๑.๖ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา ๑.๗ คณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางป้องกัน แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ๑.๘ คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ๑.๙ คณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๐ คณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ ๑.๑๑ คณะกรรมการกำกับและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2294 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) | พม | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน ๔ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการบริหารโครงการฝึกอบรมผู้นำเยาวชน ๑.๒ คณะกรรมการบริหารโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ๑.๓ คณะกรรมการอำนวยการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ หุบกะพง ดอนขุนห้วย หนองพลับ กลัดหลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี ๑.๔ คณะกรรมการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2295 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 [แก้กฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติขนส่งทางบก พ.ศ. 2522] | คค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ [แก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒] โดยเป็นการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง เครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถให้มีความทันสมัยและปลอดภัย รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันกับสภาวการณ์และเทคโนโลยี ตลอดจนสามารถรองรับให้เป็นไปตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนที่ประเทศไทยเป็นภาคี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2296 | ขออนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเพื่อใช้งบประมาณที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำงบประมาณที่ได้กันไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๓,๕๖๒,๕๘๒ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ที่กรมราชทัณฑ์ได้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังแล้ว จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ (๑) รายการก่อสร้างแดนความมั่นคงสูงสุดเรือนจำกลางพิษณุโลก ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๓๐,๔๙๐,๕๘๒ บาท (๒) รายการปรับปรุงสถานพยาบาลเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๖,๖๒๖,๐๐๐ บาท และ (๓) รายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ตพร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๑๓๖,๔๔๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยให้มีสภาพที่เหมาะสมเพียงพอต่อการพำนักในช่วงระหว่างรอการส่งกลับประเทศต้นทาง และเร่งการดำเนินการเพื่อผลักดันผู้ลี้ภัยดังกล่าวกลับประเทศต่อไป นั้น เพื่อเป็นช่องทางในการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำต่าง ๆ จึงให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยน “ศูนย์พักพิง” ในจังหวัดต่าง ๆ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่ควบคุมนักโทษที่ต้องคดีไม่ร้ายแรงหลังจากที่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นทางแล้ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2297 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2015) และแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย | นร12 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2015) และแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย และเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยผลการจัดอันดับ Doing Business 2015 ประเทศไทยได้รับการจัดเป็นประเทศที่มีความง่ายในการเข้ามาประกอบธุรกิจในอันดับที่ ๒๖ จาก ๑๘๙ ประเทศ ดีขึ้นจากปี ๒๐๑๔ จำนวน ๒ อันดับ ซึ่งการจัดอันดับใช้วิธีการที่เรียกว่า “Distance to Frontier (DTF)” คือ พิจารณาจากระยะห่างของผลการพัฒนาประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐในแต่ละตัวชี้วัดย่อยเทียบกับประเทศที่มีแนวปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practices) สำหรับแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม ๑๕ หน่วยงาน ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการให้เป็นผลสำเร็จ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. พัฒนางานบริการภาครัฐในรูปแบบการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ให้ครอบคลุมงานบริการและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบให้การปรับปรุงบริการให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. ศึกษาแนวทางการพัฒนานวัตกรรมการบริการในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐไทย ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ได้จัดอันดับความโปร่งใสของประเทศต่าง ๆ (โดยพิจารณาจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน) ปรากฏว่า ในปี ๒๕๕๖ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ ๑๐๒ จาก ๑๗๕ ประเทศ (๓๕ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน) และในปี ๒๕๕๗ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ ๘๕ จาก ๑๗๕ ประเทศ (๓๘ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน) ซึ่งเป็นอันดับที่ ๓ ของกลุ่มประเทศอาเซียน (รองจากประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย ตามลำดับ) |
||||||||||||||||||||||||
| 2298 | การยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร10 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของร่างกฎหมายเพื่อปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการการปรับเงินเดือนข้าราชการ โดยให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่ม ๑ ขั้น สำหรับระบบเงินเดือนแบบขั้น หรือร้อยละ ๔ ของอัตราเงินเดือน สำหรับระบบเงินเดือนแบบช่วง ณ วันที่บัญชีเงินเดือนข้าราชการมีผลใช้บังคับ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการได้รับเงินเดือนกรณีข้าราชการได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง โดยให้ข้าราชการผู้ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง (เงินเดือนตัน) และได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำค่าตอบแทนพิเศษตามผลการประเมินในรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มารวมเป็นเงินเดือนตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในกรณีที่อัตราค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวรวมเงินเดือนแล้วมีเศษไม่ถึงสิบบาทให้ปัดเป็นสิบบาท ๑.๔ อนุมัติให้ใช้งบประมาณเพื่อการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวนประมาณ ๒๒,๙๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบบุคลากรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอให้กรมบัญชีกลางพิจารณาจัดสรรงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ และหากไม่เพียงพอให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ตามแนวทางการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ได้แก่ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๒ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๔ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๕ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 2299 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ 3 เดือนแรก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น ๕๙๒,๔๔๓ ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๕๒๕,๔๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณ ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๘,๘๙๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๐ ๑.๒ เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๔๔๔,๔๑๐ ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ก่อหนี้ผูกพันแล้ว จำนวน ๕๔,๙๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๒ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๓,๕๘๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน สูงกว่าการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑.๓ ความคืบหน้าในการจัดสรรเงินสำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือน วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ในส่วนของเงินงบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี วงเงิน ๗,๘๐๐ ล้านบาท จำนวน ๙,๙๙๘ โครงการ สำนักงบประมาณจัดสรรเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยพิจารณาจัดสรรเงินให้กับโครงการที่มีลักษณะเป็นการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารที่ทำการ/อาคารเรียน/อาคารพยาบาล/อาคารบ้านพัก การจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมถึงการปรับปรุงโครงการพื้นฐานที่เน้นการใช้แรงงานในพื้นที่เป็นหลักในลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๑๕ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
| 2300 | การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเรื่อง การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล และให้ทุกส่วนราชการรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ความคาดหมายของประชาชน ประกอบด้วย (๑) ปัญหารากหญ้า เช่น ปัญหาปากท้อง ปัญหาความสงบเรียบร้อย ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ (๒) วาระแห่งชาติ เช่น การมีธรรมาภิบาล การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน การปฏิรูปด้านต่าง ๆ การสร้างความปรองดอง ๑.๒ การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ สามารถขับเคลื่อนโดย (๑) แผนและยุทธศาสตร์ เช่น ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเล แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แผนป้องกันการทุจริตระยะที่ ๒ (๒) กระทรวงต่าง ๆ และ (๓) มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน มีกฎหมายที่ต้องขับเคลื่อน จำนวน ๖๓ ฉบับ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการเร่งเสนอร่างกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งตรวจพิจารณาร่างกฎหมายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ๓. ในกรณีการนำเสนอร่างกฎหมายที่เป็นนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามร่างกฎหมายชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยว่า ร่างกฎหมายนั้นเป็นกฎหมายตามนโยบายรัฐบาลด้านใด เพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้ดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายนั้นอย่างรวดเร็ว ๔. ให้ส่วนราชการเสนอร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลได้ โดยให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลหลังร่างกฎหมายที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ๕. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายรับไปพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกันและจำนองตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยให้เชิญผู้แทนธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว ให้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
