ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 119 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2361 - 2380 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2361 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับงานที่ทำเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 19/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศ เพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗ โครงการ วงเงิน ๘,๘๓๙.๒๑๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๓.๒๗๕ ล้านบาท ๒. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๖๗.๔๘๙ ล้านบาท ๓. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๒๖๕.๔๔๘ ล้านบาท ๔. โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ ๗ วงเงิน ๑,๔๖๔.๐๔๘ ล้านบาท ๕. โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จ. ภูเก็ต และเกาะพระทอง จ. พังงา) วงเงิน ๒๒.๗๙๐ ล้านบาท ๖. โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย วงเงิน ๑,๙๔๑.๐๐๐ ล้านบาท ๗. โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จ. สุราษฎร์ธานี วงเงิน ๗๙.๓๗๖ ล้านบาท ๘. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๖๙๙.๓๖๒ ล้านบาท ๙. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๒๓๓.๐๒๒ ล้านบาท ๑๐. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๓ วงเงิน ๕๙๐.๐๐๖ ล้านบาท ๑๑. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๔ วงเงิน ๕๗๘.๕๘๑ ล้านบาท ๑๒. โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑,๖๘๖.๗๑๐ ล้านบาท ๑๓. โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด, เกาะหมาก จ. ตราด) (ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘) วงเงิน ๖๑๙.๐๒๔ ล้านบาท ๑๔. โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะพงัน จ. สุราษฎร์ธานี วงเงิน ๑๗๔.๔๕๐ ล้านบาท ๑๕. โครงการพัฒนาการอ่านหน่วยด้วยระบบอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading : AMR) ระยะที่ ๒ วงเงิน ๒๑๔.๖๓๔ ล้านบาท ๑๖. โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ วงเงิน ๑๐๐.๐๐๐ ล้านบาท ๑๗. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ วงเงิน ๑๐๐.๐๐๐ ล้านบาท |
||||||||||||||||||
| 2362 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 19/08/2557 | |||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับเพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ แล้วส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน นั้น ๑.๑.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๑.๒ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะกรรมการที่กำกับดูแลหรือบริหารจัดการกองทุน ประกอบด้วยกฎและระเบียบที่กำหนดโครงสร้างและการบริหารของคณะกรรมการ แล้วส่งให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาเพื่อบูรณาการการทำงานในภาพรวมเพื่อลดความซ้ำซ้อนและปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อให้การทำงานของคณะกรรมการกองทุนเกิดผลสัมฤทธิ์ในการใช้กองทุนเป็นปัจจัยหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ๑.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ไปแล้ว นั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้ทุกหน่วยงานนำข้อสังเกตจากการอภิปรายไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจัดลำดับความสำคัญโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการ และเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้สงวนสิทธิ์การลงนามในสัญญาจนกว่าจะได้รับการอนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณ ๑.๒.๒ ในการจัดทำมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ให้สำนักงบประมาณเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานเกี่ยวกับการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณว่าสามารถกระทำได้เฉพาะในยุทธศาสตร์เดียวกัน และในการรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาสนั้น นอกจากให้รายงานความคืบหน้าเป็นร้อยละของการเบิกจ่ายแล้ว ให้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน/โครงการที่เป็นรูปธรรมด้วย ๑.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจมหภาคและภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายรถคันแรก เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การดำเนินการเพื่อเรียกคืนเงินภาษีกรณีผู้ใช้สิทธิตามนโยบายจำนวนมากขอสละสิทธิ์หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการถือครองครบ ๕ ปี ๑.๔ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกในทุกจังหวัด เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งเป็นการเร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในภาคประชาชนอันจะส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป ๑.๕ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลิตภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งนี้ อาจเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดสำหรับภาพยนตร์ โดยใช้ต้นทุนการผลิตไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ๑.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตร นั้น ๑.๖.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการระบายสินค้าในสต็อก เช่น การระบายสินค้าเกษตรให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความต้องการใช้หรือบริโภคเป็นจำนวนมาก อาทิ การขายข้าวให้แก่กรมราชทัณฑ์เพื่อใช้เป็นอาหารให้แก่ผู้ต้องขัง การยกระดับราคาผลิตผลทางการเกษตร รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น พ่อค้าคนกลาง ผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่รับซื้อสินค้าเกษตรในราคาที่เป็นธรรม และกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ๑.๖.๒ ให้คณะอนุกรรมการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรและแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการทุกประเภทอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย ๑.๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร นั้น ให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งดำเนินโครงการต้นแบบเพื่อสร้างความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทน พืชหมุนเวียน และเกษตรผสมผสาน โดยนำองค์ความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และปราชญ์ชาวบ้านมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๘ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน นั้น เพื่อให้การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรมีความเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณากำหนดแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางของโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) โดยปรับปรุงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ถูกบุกรุกและเสื่อมสภาพแล้วให้เกษตรกรใช้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งใช้เป็นแนวป่ากันชนป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมด้วย ๑.๙ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว นั้น เพื่อให้การสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดรูปแบบการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่บริษัทประกันภัยเอกชนไม่รับประกัน ๒. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุนด้านพลังงาน โดยเฉพาะกรณีท่อส่งก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ ปตท. แยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกมาเป็นบริษัทใหม่เพื่อให้ธุรกิจท่อส่งก๊าซมีการแข่งขันที่เป็นธรรมในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังอาจเข้าไปถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนในฐานะผู้บริโภคด้วย ๒.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อ ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้ว นั้น เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนด้านการขนส่งสาธารณะ ทั้งในส่วนของการปรับปรุงเส้นทางรถไฟเดิม การสร้างทางรถไฟทางคู่ และการสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงคมนาคมดำเนินการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเส้นทางที่จะดำเนินการทั้งหมดและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการของแต่ละเส้นทางที่ชัดเจน ๓. ด้านความมั่นคง ๓.๑ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พิจารณาทบทวนแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งดำเนินการตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติมอบหมายไว้เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยเริ่มต้นจากพื้นที่ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขยายไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2363 | โครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร05 | 19/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยในระยะแรกมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่แปลงที่ดินที่ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ณ ถนนราชดำเนินกลาง เนื้อที่ ๕-๑-๓๔ ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสมสวยงามก่อน และหาพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้อย่างสมพระเกียรติและเป็นประโยชน์สูงสุด และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป นั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่า เนื่องจากโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ เป็นโครงการสำคัญตามแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินและบริเวณต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินเป็นไปตามแผนผังแม่บทดังกล่าว จึงเห็นชอบและอนุมัติการดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมของอาคารโดยรอบพื้นที่โครงการด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2364 | การปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CITES และการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมาย | พณ | 19/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการเชิญฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ซึ่งอาจรวมถึงประเทศ/องค์กรที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการที่ผ่านมาของไทย มาดูงานที่ประเทศไทย เพื่อรับทราบความก้าวหน้า พัฒนาการเชิงบวก และเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายควรถูกกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการและป้องกันไม่ให้มีการใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับไทยจากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญา CITES และเสนอฝ่ายบริหารผลักดันการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่ไทยได้ตกลงในที่ประชุม Standing Committee ของอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ เมื่อวันที่ ๗-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งรัดการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของประเทศในการป้องกันการค้างาช้าง (National Ivory Action Plan : NIAP) รวบรวมข้อมูลจัดทำรายงานความคืบหน้า (Progress Report) การปฏิบัติตาม NIAP ที่ประเทศไทยจะต้องรายงานภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้นำรายงานเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ก่อนถึงกรอบเวลาที่กำหนดดังกล่าวต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการนำเข้างาช้างและการค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยให้แล้วเสร็จตามแนวทางที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการไว้ และนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2365 | โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า | พน | 19/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ในวงเงินลงทุนรวม ๖๓,๒๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับโครงการฯ จำนวน ๓.๒ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติให้ผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อให้ กฟผ. สามารถก่อสร้างสายส่ง ๕๐๐ เควี สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ ซึ่งจะพาดผ่านพื้นที่ป่าชายเลน ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ที่ กฟผ. จะต้องจัดทำแผนผังแสดงรายละเอียดของลักษณะทิศทางและแนวเขตในการวางระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินการ และหากพื้นที่ที่ กฟผ. จะเข้าดำเนินการตามโครงการนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรีอื่นใด กฟผ. ต้องดำเนินการตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนั้นด้วย และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนนำเสนอเพื่อขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลนต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เคยสั่งการไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยคำนึงถึงการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาศักยภาพของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การพิจารณาทางเลือกในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในเขตพื้นที่ของรัฐ เช่น ในพื้นที่บริเวณเขื่อนต่าง ๆ รวมทั้งการพึ่งพาแหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||
| 2366 | โครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร11 | 13/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบในหลักการโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วงเงิน ๑,๘๖๓,๖๙๒,๐๐๐ บาท ระยะเวลาออกแบบและก่อสร้าง ๒ ปี ๖ เดือน ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ มีความสง่างามและสมพระเกียรติ ในระยะแรกมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่แปลงที่ดินที่ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ณ ถนนราชดำเนินกลาง เนื้อที่ ๕-๑-๓๔ ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสมสวยงามก่อน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้อย่างสมพระเกียรติและเป็นประโยชน์สูงสุด และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2367 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใชับังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ 5) รวม 14 ฉบับ | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ ๕) รวม ๑๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีที่ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการประมง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๖ ในเรื่องการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยให้ประชาชนหรือชุมชนประมงท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการด้วย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมให้สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำได้คุณภาพมาตรฐาน และปลอดภัยเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงกลาโหม (ขยายหลักสูตรการสอนของสถาบันการศึกษาวิชาการทหารจากระดับปริญญาโทเป็นระดับปริญญาเอก และให้สภาการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจให้ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูงและประกาศนียบัตรบัณฑิตแก่นักเรียนวิชาการทหาร) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพที่มีอายุเด็กเป็นองค์ประกอบ ความผิดโดยกำหนดไม่ให้ผู้กระทำความผิดอ้างความไม่รู้ของอายุของเด็กเพื่อให้พ้นความรับผิดทางอาญาได้) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดนิยามคำว่า “เจ้าพนักงาน” ให้รวมถึงบุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้าพนักงานหรือได้รับแต่งตั้งตามกฎหมาย ไม่ว่าจะประจำหรือชั่วคราว เพื่อให้มีความชัดแจ้งและลดข้อโต้แย้ง พร้อมทั้งเพิ่มลักษณะความผิดเกี่ยวกับศพ ความผิดเกี่ยวกับการคุกคาม และปรับปรุงอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ) ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... (อนุวัติการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งสำหรับความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ โดยกำหนดให้เจ้าของเรือต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน และต้องมีการเอาประกันภัยหรือจัดหาหลักประกันความเสียหาย) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงองค์ประกอบ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และวิธีการประชุมของคณะกรรมการความลับทางการค้า รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษ) ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมฯ เพื่อแบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเป็นส่วนราชการระดับกรมในกระทรวงพาณิชย์) ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้มีการคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและมาตรการทางเทคโนโลยี รวมทั้งกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของนักแสดง) ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... (เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ) ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์ทางศุลกากรที่ใช้กับพื้นที่ควบคุมร่วมกันตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน) ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายสถานพยาบาลสัตว์ให้ครอบคลุมทั้งเอกชนและของรัฐเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพสัตวแพทย์) ๑.๑๔ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... (จัดตั้งสถาบันวิทยาลัยชุมชนเป็นสถานศึกษาที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยโอนกิจการและทรัพย์สินของสำนักงานบริหารงานวิทยาลัยชุมชน คณะกรรมการการอุดมศึกษา ไปเป็นของสถาบันฯ เพื่อขยายโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาของประชาชน) ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนกรณีที่นำที่ดินมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนครบถ้วนแล้ว ให้สามารถนำที่ดินส่วนที่เหลือไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ เช่น พื้นที่ใต้แนวเขตทางด่วน พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าเมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว กระทรวงกลาโหมควรพิจารณาจัดทำร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลักต่าง ๆ ในการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการศึกษาหลักดังกล่าว และควรเปิดสอนเฉพาะสาขาวิชาที่จำเป็นต่อเหล่าทัพเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษทางอาญาสำหรับความผิดที่กระทำผิดต่อเด็กซึ่งเป็นผู้ไร้เดียงสาและไม่สามารถป้องกันตนเองได้ โดยควรกำหนดอัตราโทษขั้นสูงสุดและไม่ควรมีการลดโทษในความผิดนั้น แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2368 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลบังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ 4) รวม 14 ฉบับ | สลธ.คสช. | 05/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลบังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ ๔) จำนวน ๑๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งใบสั่งทางไปรษณีย์) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ไฟฉายเรืองแสงหรืออุปกรณ์เรืองแสงอื่นในการแสดงสัญญาณจราจรได้ และกำหนดข้อสันนิษฐานว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นในกรณีที่ไม่ยอมให้ทดสอบโดยไม่มีเหตุอันควร) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. .... (กำหนดลักษณะความผิด และขยายเขตอำนาจรัฐสำหรับความผิดที่มีลักษณะเป็นการประพฤติไม่เหมาะสมบนอากาศยาน เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาเกี่ยวกับการกระทำความผิดบางประการต่อการเดินอากาศและอนุสัญญาอื่น ๆ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การนำของเข้าเพื่อการผ่านแดนและอำนาจของพนักงานศุลกากรในการตรวจสอบ การขอให้อธิบดีตีความพิกัดเป็นการล่วงหน้า อำนาจอธิบดีในการตรวจและป้องกันการลักลอบหนีศุลกากร และการใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดอำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการประกาศอัตราศุลกากรตามพันธกรณีระหว่างประเทศ อำนาจอธิบดีในการพิจารณาถิ่นกำเนิดและตีความพิกัดล่วงหน้า และกำหนดประเภทของที่ได้รับยกเว้นเพิ่มขึ้น) ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้ผู้ที่บันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดเฉพาะ มีอัตราโทษเช่นเดียวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางการค้า และกำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อประโยชน์ของคนพิการทางการมองเห็น คนพิการทางการได้ยิน คนพิการทางสติปัญญา และคนพิการประเภทอื่น) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “วิชาชีพเภสัชกรรม” ให้สอดคล้องกับภารกิจของเภสัชกร ปรับปรุงอำนาจหน้าที่คณะกรรมการสภาเภสัชกรรมในการออกข้อบังคับสภาในเรื่องใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดเรื่องอายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต เพื่อให้การประกอบวิชาชีพมีคุณภาพและเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค) ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการกีฬาจังหวัด รวมทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งประเทศไทย และหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งสมาคมกีฬา) ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. .... (แก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยสาเหตุเกี่ยวกับเพศและเพื่อให้รองรับการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีของสหประชาชาติ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการและหน่วยงานอิสระขึ้นเพื่อรับผิดชอบในด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการสงเคราะห์ผู้เสียหายและมีกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมกัน) ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... (กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์และองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ กำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นสัตว์บ้าน เพื่อใช้งาน เพื่อใช้เป็นอาหาร หรือเพื่อใช้ในการแสดง และการขึ้นทะเบียนสถานสงเคราะห์สัตว์) ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล กำหนดประเภทรถห้ามใช้ และข้อยกเว้นการใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน ปรับปรุงอำนาจนายทะเบียนในการเข้าตรวจสถานที่และยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ค้างชำระภาษี และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมและบทกำหนดโทษ) ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติรับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาในสัญญารับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ เพื่อช่วยลดอุปสรรคในทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคและเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง) ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... (การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโรคระบาดสัตว์ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่โรคระบาดสัตว์สามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งปรับปรุงการทำงานของสัตวแพทย์ สารวัตรและพนักงานเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น) ๒. รับทราบร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติฯ ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในประเด็นข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับความเหมาะสมในการยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะด้านทุนและอำนาจการบริหารกิจการของผู้รับใบอนุญาตผลิตอากาศยาน ผู้รับใบอนุญาตผลิตชิ้นส่วนประกอบสำคัญของอากาศยานและผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อมประเภทที่หนึ่ง โดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ว่าการกำหนดให้คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยมีอำนาจออกข้อบังคับว่าด้วยค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทนให้แก่ประธานกรรมการและกรรมการ ซึ่งเป็นการกำหนดค่าตอบแทนให้แก่ตนเองนั้น อาจก่อให้เกิดความขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สาธารณะ ควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาหรือให้ความเห็นชอบด้วย รวมทั้งประเด็นในเรื่องความซ้ำซ้อนของวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติกับอำนาจหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในเรื่องความเหมาะสมของการให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากภาษีสุราและยาสูบในอัตราร้อยละสอง ไปเสนอเป็นข้อสังเกตในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย ๔. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. .... ว่าควรมีการบัญญัติในกรณีที่บางสาขาอาชีพ เช่น อาชีพที่ต้องมีความเสี่ยงภัยหรืออันตราย เป็นต้น ไม่สามารถจะปฏิบัติต่อเพศหญิงและเพศชายได้อย่างเท่าเทียมกันได้ ไปเสนอเป็นข้อสังเกตในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... ว่าหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ไม่ควรกระทบการดำเนินธุรกิจของเจ้าของสัตว์ ไปเสนอเป็นข้อสังเกตในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติรับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ว่าการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศตามร่างพระราชบัญญัตินี้ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการขนส่งและควรอยู่บนพื้นฐานของหลักการต่างตอบแทนที่เท่าเทียมกัน ไปเสนอเป็นข้อสังเกตในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย ๗. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการออกมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งด้านตัวรถ ผู้ขับรถ และผู้ประกอบการขนส่ง รวมทั้งมาตรการในการนำเทคโนโลยีที่เพิ่มความปลอดภัยในการขับรถมาใช้ด้วย แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๘. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐดำเนินการตรวจสอบความจำเป็นและเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แล้วรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2369 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง สำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม | ศย | 05/08/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ผู้พิพากษาชั้น ๓-ชั้น ๕ และผู้พิพากษาอาวุโส) ตามร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จำนวน ๕๙๐,๔๒๑,๖๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๙๐,๔๒๑,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนหรือเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระและองค์กรอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญ ให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และมีการยึดโยงกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวมีรายได้ที่เพียงพอและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2370 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 05/08/2557 | |||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมาย ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายที่จะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนำร่างกฎหมายที่ค้างการดำเนินการมาเสนอในลำดับต้น ขณะที่ร่างกฎหมายใดเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาประเทศและสังคมในระยะยาวก็ควรนำไปพิจารณาในสภาปฏิรูปแห่งชาติก่อน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติควรสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ ๑.๑ ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเป็นการแก้ไขข้อขัดข้องของทั้งผู้ปฏิบัติตามกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย มีเนื้อหาครอบคลุมอย่างครบถ้วน ประชาชนสามารถปฏิบัติได้และเกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๒ พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจจะเกิดความสุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ ๑.๓ ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลในการตรากฎหมายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) และสำนักงานอัยการสูงสุด ติดตามกรณีที่นักลงทุนสัญชาติมาเลเซียที่ลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเสนอข้อพิพาทต่อรัฐบาลไทยโดยอาศัยความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน เพื่อเร่งกำหนดท่าทีในการเจรจาระงับข้อพิพาทให้ทันภายในกำหนดเวลาวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งหากไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ จะต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของข้อตกลงดังกล่าวว่า มีประโยชน์หรือทำให้ไทยเสียประโยชน์ในระยะยาวหรือไม่ อย่างไร ๒.๒ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นเวลา ๓ เดือนในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ อนุมัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ๒.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาทบทวนมาตรการสร้างแรงจูงใจทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tax) เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศทำการลงทุนและส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคหรือสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (Regional Operation Headquarters : ROH) เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และการลงทุนของประชาคมอาเซียนตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ในเขตที่ภาครัฐจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยให้จัดเตรียมสาธารณูปโภคให้พร้อมและเริ่มดำเนินการให้เกิดการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานเดิมที่ตั้งอยู่แล้ว และพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กในระยะต่อไป ๒.๕ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันศึกษาหาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน เช่น ขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกองทุนต่าง ๆ การส่งเสริมระบบสหกรณ์เพื่อลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ รวมถึงการสร้างวินัยทางการเงินของประชาชน นอกจากนี้ ให้ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับดัชนีหนี้สินครัวเรือนว่าจะต้องพิจารณาระดับของหนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการสร้างรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ๒.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม และเป็นระบบทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว จึงมอบหมายเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๖.๑ ในระยะสั้น ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน ทั้งการปลูกพืชหมุนเวียนในนาข้าวเพื่อลดรอบการทำนา และการปลูกพืชอื่นทดแทนข้าว เช่น อ้อยโรงงาน โดยให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ ทั้งนี้ ในการส่งเสริมการปลูกอ้อยโรงงาน ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบให้โรงงานอ้อยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระยะห่างของโรงงานที่กำหนดไว้ว่าไม่ต่ำกว่า ๘๐ กิโลเมตรอย่างเคร่งครัด ๒.๖.๒ ในระยะปานกลางและระยะยาว ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดแผนการปลูกพืชอื่น ๆ ทดแทนในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว เช่น หญ้าเนเปียร์ และส่งเสริมในเรื่องเกษตรผสมผสานอย่างจริงจัง และให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมหาตลาดรองรับผลผลิตต่าง ๆ ที่จะมีการปลูกทดแทนในอนาคตด้วย ๒.๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลสถานการณ์ยางพาราเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตยางพาราทั้งประเทศ สต็อกยางพารา ความต้องการใช้ยางพาราในประเทศ และปริมาณการส่งออกยางพารา รวมทั้งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราอย่างยั่งยืนที่มีอยู่ให้เกิดเป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการแปรรูปยางพารา การใช้ยางพาราผสมยางมะตอยในการทำพื้นถนน และรวมถึงการเตรียมการภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะการเจรจากับประเทศมาเลเซียในโครงการ Rubber Corridor ด้วย ๒.๘ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น พื้นที่ป่าไม้ที่หมดสภาพ พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ของราชการ เป็นต้น ๒.๙ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมดำเนินการกระจายผลผลิตลองกองในภาคใต้ซึ่งจะมีปริมาณมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ไปยังตลาดทั่วประเทศ โดยให้กำหนดพื้นที่จุดรวบรวมผลผลิตเพื่อการส่งต่อ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ผลิตทราบถึงจุดดังกล่าว และหาวิธีการขนย้ายผลผลิตไปยังตลาดต่าง ๆ โดยเร็วด้วย ๓. ด้านสังคม ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา (Ebola) อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ผู้ติดเชื้อหรือเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างทั่วถึง ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ติดตามสถานการณ์และเร่งดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้โดยเร็ว ๔.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) เพื่อทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชน นั้น ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาจัดทำข้อมูลการให้บริการประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบแล้วส่งให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ศูนย์ดังกล่าวสามารถให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ในการให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนของหน่วยงานรัฐ ให้หน่วยงานกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญต่อการบริการประชาชนด้วยทัศนคติและการแสดงออกอย่างเป็นมิตรด้วย ๔.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงกลาโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสภาปฏิรูปและกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูป เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ที่สนใจ รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการเชิญชวนทุกภาคส่วนจากทุกสาขาอาชีพให้ส่งผู้แทนเข้ารับการสรรหาด้วย ๔.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวการปรับค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาหาแนวทางการปรับปรุงในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ดังนั้น ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและดูแลระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2371 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป | พณ | 29/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (MOU : Memorandum of Understanding on Bilateral Co-operation between the Department of Intellectual Property of Thailand and the European Patent Office) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างกัน ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาศักยภาพการตรวจสอบสิทธิบัตรและการบริหารสำนักงาน การจัดสัมมนาฝึกอบรมบุคลากรกรมทรัพย์สินทางปัญญา การพัฒนาระบบอัตโนมัติและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลสิทธิบัตรและมาตรการความร่วมมือทั่วไป ๑.๒ มอบอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนลงนาม ให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลความร่วมมือดังกล่าวและรายงานต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ในการนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่น ๆ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) เร่งตรวจสอบและดำเนินการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องต่าง ๆ ของไทยให้ครอบคลุมครบถ้วนทุกด้าน โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรม การเกษตร ผลงานวิจัย รวมทั้งภูมิปัญญาของปราชญ์ท้องถิ่นที่ได้คิดค้นขึ้นด้วย โดยให้เร่งดำเนินการให้รวดเร็วเพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินอันเป็นมรดกของชาติมิให้ถูกลอกเลียนและนำไปจดทะเบียนก่อน แล้วกำหนดแนวทางคุ้มครองสิทธิในงานทรัพย์สินทางปัญญาให้ชัดเจน เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรณรงค์และชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาการผลิตและจำหน่ายสินค้าเลียนแบบตราสินค้าที่มีชื่อเสียง (Brand) ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปรับปรุงพัฒนาสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเองให้ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยควรส่งเสริมให้สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้เป็นตราสินค้าที่ได้รับความนิยมทัดเทียมกับสินค้าของต่างประเทศต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 2372 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ครั้งที่ 2 | กค | 29/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๖,๓๑๔.๗๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๓๑๖,๓๓๐.๘๔ ล้านบาท เป็น ๑,๓๑๐,๐๑๖.๑๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกำกับองค์ประกอบและโครงสร้างหนี้ต่างประเทศให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และแนวโน้มด้านการเงินของประเทศและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2373 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการเช่าทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี | กต | 29/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ รายการค่าเช่าทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๒๑,๘๔๐,๐๐๐ รูปี หรือเท่ากับ ๑๓,๑๐๔,๐๐๐ บาท คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ รูปี เท่ากับ ๐.๖๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่าสถานทูตสถานกงสุล จำนวน ๖,๕๕๒,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๕๕๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขในร่างสัญญาเช่าระยะเวลา ๒ ปี ที่ระบุให้ผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าเช่า ๒ ปี โดยจะจ่ายค่าเช่าสำหรับปีที่ ๒ ภายใน ๑๐ วัน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาเช่าของปีที่ ๑ ซึ่งจะต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบเอกอัครราชทูตถาวร ณ กรุงนิวเดลี ให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2374 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 29/07/2557 | |||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับเพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ และส่งให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) วิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน เพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบและแก้ไขปัญหากรณีการปลอมแปลงธนบัตร โดยเฉพาะธนบัตรฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และวิธีการตรวจสอบธนบัตรด้วย ๑.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากำหนดแนวทางผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และการลงทุน ของประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจดังกล่าวในกรุงเทพมหานคร ๑.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงคมนาคมประสานกับกระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) เพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ และกำหนดแนวทางการปรับปรุงท่าอากาศยานดอนเมือง รวมทั้งแนวทางการเชื่อมโยงทางรถไฟ (Airport Link) ระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา กับกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับการขยายตัวของการคมนาคมขนส่งทางอากาศในอนาคต นอกจากนั้น ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทบทวนแผนการดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยพิจารณากำหนดพื้นที่ก่อสร้างใหม่ เนื่องจากรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่าพื้นที่เดิมไม่เหมาะสม ๑.๕ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังพิจารณากลไกสนับสนุนการออมของประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและเท่าเทียมกันในการได้รับสิทธิดังกล่าวของประชาชนด้วย ๑.๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตรชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าว อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา โดยส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกในพื้นที่เกษตรกรรมเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ประสบปัญหาภัยแล้งหรืออุทกภัยเป็นประจำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม ๑.๗ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างไทย-จีน (Joint Committee) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานจากผลการเจรจาและความตกลงด้านเศรษฐกิจร่วมกันของทั้ง ๒ ประเทศ ๒. ด้านการต่างประเทศ ๒.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการกำหนดท่าทีของไทยในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระดับพหุภาคี โดยให้ยึดหลักท่าทีของอาเซียนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันให้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศด้วย ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการช่วยเหลือและอพยพคนไทยออกจากประเทศลิเบีย โดยเฉพาะในกรณีของแรงงานให้เร่งประสานนายจ้างของแรงงานไทยเพื่อให้สามารถอพยพแรงงานไทยไปยังสถานที่ปลอดภัยได้โดยเร็วก่อนดำเนินการอพยพกลับประเทศไทย ๓. ด้านสังคมและการศึกษา ๓.๑ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) ตรวจสอบระบบการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาสถาบันการอุดมศึกษาของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ตามที่มีข้อร้องเรียนว่าการประเมินไม่สะท้อนผลงานที่แท้จริง ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าการประเมินไม่เหมาะสม อาจระงับการประเมินไว้ก่อนจนกว่าจะได้กำหนดวิธีการที่เหมาะสมต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการที่ปัจจุบันให้บริษัทจากภาคเอกชนเป็นผู้ประเมิน ซึ่งภาคเอกชนอาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการ ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกฝ่ายสรุปผลการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาและจัดทำแผนการดำเนินการระยะ ๑ ปีต่อจากนี้ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ โดยให้กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนในรอบ ๓ เดือน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณนำข้อมูลจากแผนข้างต้นไปใช้ประกอบในการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาลและคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาลและคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เร่งรัดดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันการณ์ ทั้งนี้ ในการใช้จ่ายเงินทดรองราชการให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบของราชการอย่างเคร่งครัด และให้ฝ่ายความมั่นคงกำหนดกลไกในการตรวจสอบการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติให้มีความถูกต้องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2375 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมจำนวน 6 ฉบับ ต่อไปอีกหนึ่งปี) | มท | 29/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปีเพิ่มขึ้น จำนวน ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยยกเว้นในส่วนของการขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒ เนื่องจากสิ้นสุดการใช้บังคับแล้ว จึงไม่อาจขยายระยะเวลาบังคับใช้ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ติดตาม เร่งรัด สนับสนุนท้องถิ่นในการวางและจัดทำผังเมืองรวมให้แล้วเสร็จ ก่อนที่ผังจะหมดอายุการบังคับใช้ลง เพื่อให้ผังเมืองรวม จำนวน ๖ ฉบับดังกล่าว มีการใช้บังคับอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่างให้มีการอนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดทำผังเมืองรวมได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมไม่ทันภายในกำหนดเวลา (รวมถึงกรณีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒) ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในระหว่างที่ยังไม่มีกฎกระทรวงใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบกรณีที่ดินหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ถูกใช้บังคับผังเมืองรวมและการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองรวม ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีอยู่เพื่อการอยู่อาศัย ทำมาหากิน หรือประกอบธุรกิจต่อไปได้ และให้ชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันด้วย |
||||||||||||||||||
| 2376 | ขออนุมัติโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก และขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 และขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร04 | 22/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในกรอบวงเงิน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ภายใต้แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล จากงบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จำนวน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมภายในทำเนียบรัฐบาล และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการบันทึกภาพอาคาร สถานที่ สภาพพื้นที่ ตลอดจนพัสดุ สิ่งของสำคัญต่าง ๆ ทั้งในช่วงก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และเมื่อดำเนินการพัฒนาปรับปรุงแล้วเสร็จ ไว้ให้ชัดเจน ครบถ้วน เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบอ้างอิงต่อไปด้วย ๒. สำหรับกรณีการพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นกรณีพิเศษ นั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุและคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||
| 2377 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 22/07/2557 | |||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรที่จะทยอยออกตามฤดูกาล เช่น ลำไย อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความสำคัญในการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรทุกชนิดอย่างทั่วถึง มิใช่ดูแลเฉพาะข้าวเท่านั้น ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานระบบประกันสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบสวัสดิการข้าราชการ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และระบบประกันสังคม เพื่อพิจารณาหาแนวทางบูรณาการทั้ง ๓ ระบบให้เกิดประสิทธิภาพและสามารถให้บริการสุขภาพแก่ข้าราชการและประชาชนทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม ทั่วถึง และเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการข้างต้น รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการบริการสาธารณสุขของรัฐภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าประชาชนทุกคนสามารถได้รับบริการตามปกติเช่นเดิม และไม่มีการปรับลดเงินงบประมาณหรือปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเข้ารับบริการใด ๆ ตามแนวทางของมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยารับไปพิจารณาความเหมาะสม ผลดี ผลเสียในกรณีที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการโดยปรับเปลี่ยนสถานภาพจากมหาวิทยาลัยของรัฐไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการและความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาได้เกิดปัญหา เช่น เพิ่มภาระงบประมาณแผ่นดิน ค่าธรรมเนียมทางการศึกษาที่สูงขึ้น เป็นต้น ๓. ด้านแรงงาน ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีนโยบายให้เปิดศูนย์การบริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จตามจังหวัดต่าง ๆ นั้น พบว่าการดำเนินการดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาผลกระทบทั้งต่อนายจ้างและแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานมีขั้นตอนดำเนินการต่าง ๆ ที่ใช้ระยะเวลามาก เช่น การขอหนังสือเดินทางจากประเทศต้นทางเพื่อนำมาขอใบอนุญาตทำงาน จึงให้ฝ่ายความมั่นคงร่วมกับกระทรวงแรงงานพิจารณาแนวทางการผ่อนปรนเพื่อให้ขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงานแก่แรงงานต่างด้าวมีระยะเวลาที่เหมาะสมสามารถตอบสนองความต้องการใช้แรงงานในประเทศได้ ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ซึ่งอาจประสบภัยธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เช่น ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคมมีรายงานว่าจะมีพายุหลายลูกพัดผ่านประเทศไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุทกภัย และในขณะนี้มีข้อมูลว่าปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญ เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ อยู่ในระดับต่ำ อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและภัยแล้งในระยะต่อไป จึงขอให้ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ได้ทันการณ์ นอกจากนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่มีแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวกับมาตรการรองรับแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนโดยเร็วด้วย ๔.๒ ให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงพิจารณาปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยให้มีความเหมาะสม และให้สำนักงบประมาณประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เพื่อจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการดูแลผู้ลี้ภัยในประเทศด้วย ๔.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อดูแลการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเป็นการเฉพาะด้วย ๔.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๕/๒๕๕๗ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นแนวทางชั่วคราวที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถบริหารงานและให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง ๔.๕ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณเตรียมจัดทำคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ต่อรัฐสภา โดยให้เน้นในเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละภูมิภาคตามยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศด้วย ๔.๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำร่างนโยบายรัฐบาล โดยประสานงานคณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้ง เพื่อนำยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการมาประกอบในร่างนโยบายรัฐบาล โดยให้มีสาระครอบคลุมการดำเนินการในทุกด้าน เช่น เศรษฐกิจ (โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าการลงทุน การปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) แรงงาน การศึกษา สาธารณสุข พลังงาน โดยให้ครอบคลุมมิติของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นด้วย ๔.๗ ให้ฝ่ายความมั่นคงโดยกระทรวงการต่างประเทศจัดทำสรุปผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามแผนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนว่าได้ดำเนินการเรื่องใดไปแล้วทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และจะต้องดำเนินการในเรื่องใดต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2378 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 15/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิ จำนวน ๒,๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียดระบุวงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และจำแนกตามกระทรวง การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้รัฐสภา ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง วงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน เช่น โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคมสู่ภาคใต้ รวมทั้งใช้สำหรับโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการในระยะแรก ทั้งนี้ หากมีงบประมาณ (งบกลาง) เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก็ให้นำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นด้วย ๓. รับทราบการปรับปรุงวงเงินงบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิม ๕๒๗,๑๓๒.๕ ล้านบาท เป็น ๔๙๒,๑๖๔.๘ ล้านบาท และให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเกี่ยวกับการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเพิ่มอีก ๑ เรื่อง ทั้งนี้ ให้หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินการเกี่ยวกับการกำจัดขยะและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ ๔. อนุมัติให้คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน ๕. ให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณโดยตรง
|
||||||||||||||||||
| 2379 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | |||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เรื่องเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาการปรับปรุงบทบาทหน่วยงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานด้านนโยบายคือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานหลักในการปฏิบัติคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นั้น โดยปรับปรุงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ กสทช. มีบทบาทในการกำกับดูแลการสื่อสารเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการดูแลสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยต่อเยาวชน สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งปรับปรุงให้บริษัท ทีโอทีฯ และบริษัท กสทฯ มีการจัดองค์กรที่เหมาะสม มีศักยภาพในการหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง มีกระบวนการทำงานที่ประสานกับหน่วยงานด้านนโยบายโดยเฉพาะกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ทั้งสองบริษัทและเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย ๑.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน กำหนดมาตรการเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนจัดตั้งโรงงานขนาดเล็กหรือขนาดย่อมตามแนวชายแดน เพื่อสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยอาจพิจารณาใช้พื้นที่ทหารหรือพื้นที่ราชพัสดุเพื่อจัดทำเป็นโครงการนำร่อง ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. เรื่องพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาพรวมทั้งระบบ โดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน ๘๐๐ เมกะวัตต์ ที่ยังมิได้ดำเนินการเนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้โครงการสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใสต่อไปด้วย ๒.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมร่วมกันพิจารณากระบวนการในการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง และนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาโดยเร็ว โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจัดทำเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ให้เร่งดำเนินการ แล้วเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๒.๓ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) แล้วรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบต่อไป ๓. เรื่องอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้มีการจัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบริการช่วยเหลือเกษตรกร และเฝ้าระวังภัยพิบัติเพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรขยายขอบเขตหน้าที่ของศูนย์เพื่อให้บริการด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ด้านการพาณิชย์ ด้านแรงงาน ด้านอุตสาหกรรม และด้านกฎหมาย จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) ในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรตามที่กำหนดไว้ในมติข้างต้น รวมถึงการให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชนและให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่าง ๆ ข้างต้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์นี้ รวมทั้งให้ขยายการดำเนินการของศูนย์ไปสู่ระดับอำเภอและตำบล ทั้งนี้ ให้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมาใช้บริการศูนย์ดังกล่าวต่อไปด้วย นอกจากนั้น ในส่วนของการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนโดยสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมและรณรงค์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๓.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุขเร่งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบว่า ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับการบริการสาธารณสุขของรัฐภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ตามปกติเช่นเดิม โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังมิได้มีการปรับลดเงินงบประมาณหรือปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเข้ารับบริการใด ๆ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์
|
||||||||||||||||||
| 2380 | ผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2557 | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) เช่นเดียวกับในปี ๒๕๕๐-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาพรวมการที่ประเทศไทยได้ถูกจัดไว้ในบัญชี PWL อีกครั้งน่าจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และเจตนารมณ์ทางการเมืองของไทยที่จะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง รวมทั้งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้นักลงทุนบางรายขาดความเชื่อมั่นในการได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน การที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อการรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกอบการสหรัฐฯ ด้วยการนำประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาบรรจุไว้ในเวทีเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การเร่งพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เป็นรูปธรรม การเจรจากับสหรัฐฯ โดยพิจารณาใช้หลักการที่ว่าการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกภาคส่วนโดยอาศัยความรู้จากความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม และควรคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสาธารณชนอย่างสมดุล ตลอดจนการดำเนินการโดยสอดคล้องกับพันธกรณีสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ของไทยและสหรัฐฯ รวมทั้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาควรพิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบของการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น เพื่อให้กระบวนการปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว สามารถครอบคลุมประเด็นปัญหา ความท้าทายด้านต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น และนำไปสู่ผลการปราบปรามในภาพรวมของประเทศที่สอดคล้องตามเงื่อนไขของข้อตกลงและสนธิสัญญาในมาตรฐานสากล รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตรและจดทะเบียนสิทธิบัตรให้รวดเร็วขึ้น และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ตามร่างกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาที่อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น มีบทบัญญัติในส่วนใดบ้างที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ควรจะดำเนินการออกเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้มีผลใช้บังคับได้โดยเร็วในระยะแรก ก่อนมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การจัดอันดับประเทศไทยตามกฎหมายการค้าของสหรัฐฯ ในระยะต่อไปดีขึ้น เช่น การกำหนดฐานความผิดสำหรับผู้ที่บันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานความผิดสำหรับเจ้าหน้าที่ของพื้นที่ที่อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้พื้นที่เพื่อการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า เป็นต้น และเร่งดำเนินการเพื่อเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกวดขันการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาด้วย |
||||||||||||||||||
.....
