ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | การนำเสนอวาระเพื่อเด็กและเยาวชน ปี 2551 ต่อคณะรัฐมนตรี | พม | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอประเด็นวาระ
เพื่อเด็กและเยาวชนปี พ.ศ. 2551 ซึ่งใช้ประเด็น 5 ด้าน เช่นเดียวกับปี พ.ศ. 2550 คือ (1) ส่งเสริมกิจกรรมสร้าง สรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษาเพื่อส่งเสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชนที่หลากหลาย ทำให้เกิดคุณลักษณะที่ดีและมีส่วนร่วมกับชุมชนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคม (2) ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของครอบครัวในทุกภาคส่วนของสังคม (3) ส่งเสริมสื่อเพื่อการศึกษาและ การเรียนรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพื่อให้เกิดรายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว (4) จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนอยู่ใน สภาพแวดล้อมที่ดี และปลอดอบายมุข และ (5) ส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ เพื่อให้เด็กปฐมวัย ซึ่ง เป็นช่วงที่มีโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ด้านเชาว์ปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ และ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การ ดำเนินงานตามวาระเด็กและเยาวชน นั้น ควรนำแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดำเนิน งาน โดยเฉพาะเรื่องคุณธรรมนำความรู้ เพื่อมุ่งเสริมสร้างและพัฒนาจิตใจของเด็กและเยาวชน รวมทั้งควรมีระบบ การติดตามความก้าวหน้าและรายงานผลการดำเนินงานเป็นระยะเพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนายกระดับการดำเนิน งาน และใช้ประกอบในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการทำงานของภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องทุกภาครัฐ และ ความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรมุ่งเน้นการเรียนรู้และกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมถึงการช่วยกันรักษา เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
922 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม : วัฒนธรรมที่พึงประสงค์ | วธ | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม : วัฒนธรรมที่พึงประสงค์ และรับทราบ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องตามความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการอนุรักษ์และพัฒนา วัฒนธรรมให้ชัดเจน โดยอย่างน้อยควรมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ การใช้มิติ ทางวัฒนธรรมในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพและวัฒนธรรม การใช้วัฒนธรรมในการพัฒนาสังคม รวมถึงพัฒนาการ เมือง การปกครอง และการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า และควรส่งเสริมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ในด้าน ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 โดยวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ ควรครอบ คลุมวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ การเมืองการปกครอง การดำรงชีวิต การทำงาน และสังคม และควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้การศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการอนุรักษ์และพัฒนา วัฒนธรรม ส่งเสริมสนับสนุนครูและอาจารย์ให้ปฏิบัติตามวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนัก เรียน นักศึกษา รวมทั้งควรยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาถือปฏิบัติเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของบุคคลทุกระดับ เป็นวัฒนธรรมในการบริหารประเทศและการพัฒนาประเทศ นอก จากนี้ ควรใช้มิติศาสนาและพหุวัฒนธรรม ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม และให้ความสนใจเป็นพิเศษใน การส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรมด้านจิตใจ ตลอดจนควรมีมาตรการด้านสื่อมวลชน เพื่อกำกับดูแลมิให้สื่อมีผลเป็น การทำลายวัฒนธรรมอันดีงามและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
923 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. .... | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ประธานกรรม
การสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ แห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ เรียกโดย ย่อว่า "กสส." ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ และให้มีสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สำนักงานปลัดกระทรวง เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ ทำหน้า ที่เสนอแนะนโยบาย มาตรการการดำเนินงานด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริหารจัดการ และดำเนินงานตามภารกิจในด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีตามความเหมาะสม เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
924 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและขอความเห็นชอบให้จังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภา
พันธ์ 2549 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำ แพง และงบดำเนินการในวงเงิน 110,000,000 บาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ที่อนุมัติให้ จัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 45,000,000 บาท โดยปรับเปลี่ยนให้จังหวัดเชียงใหม่รวมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ หากพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อท้อง ถิ่น และให้จังหวัดทุกจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
925 | การจัดตั้งสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอการจัดตั้งสถาบันดนตรีกัลยาณิ
วัฒนา โดยเบื้องต้นให้การดำเนินการผนวกอยู่ในคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และจัดตั้งเป็นองค์ การมหาชนในระยะต่อไป สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานระยะแรกของสถาบัน ฯ จำนวน 22,500,000 บาท ให้กระทรวงวัฒนธรรมขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนสถานที่สำหรับจัดตั้งสถาบัน ฯ ให้ประสานหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
926 | รายงานดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ประเทศไทย ปี 2549 | พม | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานดัชนีความมั่น
คงของมนุษย์ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2549 ดังนี้ ดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมของประเทศ เท่ากับ 0.6924 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมสูงสุด 0.7290 รองลงไปคือ ภาคเหนือ 0.6804 และตอนพิเศษ (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ค่าดัชนีต่ำสุด 0.6118 ส่วนดัชนีความ มั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมระดับจังหวัด จังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม 0.9757 รองลงไปคือ จังหวัดสิงห์บุรี 0.9346 จังหวัดมหาสารคาม 0.9307 จังหวัดขอนแก่น 0.9056 และจังหวัด เพชรบุรี 0.9025 โดยจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี 0.1371 จังหวัดศรีสะเกษ 0.3748 จังหวัดระนอง 0.4265 จังหวัดยะลา 0.4810 และจังหวัดนครสวรรค์ 0.5002 สำหรับดัชนีความมั่นคงของ มนุษย์ในรายมิติ มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ มิติสังคม-วัฒนธรรม 0.7038 รองลงไปคือ มิติ สิทธิและความเป็นธรรม 0.7028 มิติการมีงานทำและรายได้ 0.7018 มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ มิติการเมืองและธรรมาภิบาล 0.6895 รองลงไปคือ มิติความมั่นคงส่วนบุคคล 0.6945 และมิติที่อยู่อาศัย 0.6959 ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ปี พ.ศ. 2549 ในระดับต่ำอย่าง น่าเป็นห่วงไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรเพิ่มเติมตัวชี้วัดความมั่นคง ด้านสังคม-วัฒนธรรม ในประเด็นดังต่อไปนี้ (1) ศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน ในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (2) ศักยภาพในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาชุมชน (3) การมีส่วน ร่วมของประชาชนในกิจกรรมของชุมชนหรือท้องถิ่น และ (4) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวทาง การพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาเพิ่ม เติมด้วยว่า ค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ที่นำเสนอเป็นทศนิยมนั้น ควรแปลงเป็นร้อยละจะทำให้วัดค่าการดำเนิน งานได้ง่ายและชัดเจนกว่า และนอกเหนือจากตัวชี้วัดที่ได้นำมาดำเนินการในครั้งนี้แล้ว ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัด อื่น ๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และบริบทของประเทศไทยเองเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากตัวชี้วัดบางตัว อาจไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงของสังคมไทยและอาจมีจำนวนตัวชี้วัดที่น้อยเกินไป เช่น ตัวชี้วัดด้านสังคมและวัฒน ธรรม สิทธิ และความเป็นธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณากำหนดดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ระดับท้องถิ่นเองและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองต่อไปและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทาง ในการพัฒนาตนเองต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
927 | ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... | พศ | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ของสำนัก
งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าโดยที่หลักการของร่างพระราชบัญญัติ ฯ เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน สมควร พิจารณาด้วยความรอบคอบ จึงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และข้อ สังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ควรจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้ จัดให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพุทธศาสนา เพื่อรวบรวมสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งควรจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางไปดำเนินการก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
928 | ร่างแผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2550 - 2554) | กก | 11/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดังนี้ อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่
มีมติอนุมัติในหลักการของร่างแผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2550-2554) ตามที่กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่จะสามารถนำแผน ฯ ไปปฏิบัติ และในการจัดกิจกรรมนันทนาการ ควรส่งเสริมให้แต่ละชุมชน มีส่วนคิดริเริ่ม และดำเนินกิจกรรมตามความสนใจและศักยภาพของชุมชน โดยภาครัฐไม่ควรมีบทบาทในลักษณะที่ เป็นทางการหรือมีแบบแผนมากเกินไป นอกจากนี้ ควรปรับปรุงและเพิ่มเติมแผนงานหรือโครงการของร่างแผน ฯ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นโดยให้นำฐานข้อมูลและองค์ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบในการกำหนด เป้าหมาย ตลอดจนการบูรณาการการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจนเพื่อไม่ ให้เกิดความซ้ำซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปปรับถ้อยคำในร่าง แผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฯ ด้วย ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 จาก "การส่งเสริมเด็ก เยาวชน และประชาชนให้ มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการใช้เวลาว่างและประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิต ก่อให้เกิดคุณ ภาพชีวิต ที่ดีต่อตนเองและสังคม" เป็น "การส่งเสริมเด็ก เยาวชน และประชาชนให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการ ใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์และประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิตก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ต่อตนเองและสังคม" และยุทธศาสตร์ที่ 2 จาก "การพัฒนาบุคลากร การส่งเสริม อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ไทย ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพและขีดความสามารถสู่ระดับมาตรฐานสากล ส่งเสริม อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อความปลอดภัยในการจัดบริการนันทนาการ" เป็น "การพัฒนาบุคลากรในการจัดบริการนันทนาการ" |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
929 | (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545-2559) | ศธ | 11/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการ (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545-พ.ศ. 2559) ตามที่กระทรวงศึกษา ธิการเสนอ โดย (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังและพัฒนาให้คนมีคุณธรรม นำความรู้ เป็นคนดี มีเหตุผล มีความรักในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รู้จักประมาณ รู้จักอนุรักษ์ สร้างเสริมและพัฒนาวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีภูมิคุ้มกัน มีความสามารถในการแก้ปัญหา มีสมรรถนะและทักษะในการประกอบอาชีพ พร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกันมีความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และนำประเทศก้าวสู่สังคมเศรษฐ กิจฐานความรู้ รวมทั้งเพื่อสร้างเสริมสังคมภูมิปัญญาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ สันติวิธี และมีวิถีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน และเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาคนและ สร้างสังคม คุณธรรม ภูมิปัญญา และการเรียนรู้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม (ร่าง) กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ ด้วยดังนี้ หัว ข้อ 3.1.6 เรื่อง การศึกษาเฉพาะทาง ให้เพิ่มกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องนี้ และหัวข้อ 5.8 เรื่อง การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาครูและบุคลากรทาง การศึกษาให้มีความรู้ควบคู่คุณธรรม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ฯ ที่ได้ปรับ ปรุงแก้ไขแล้ว เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณของกรอบทิศทางการพัฒนาการ ศึกษา ฯ ในระยะต่อไปควรเพิ่มสัดส่วนการจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนให้มากกว่า 70 : 30 เพื่อให้เอกชน ได้มีบทบาทในเรื่องนี้มากขึ้น โดยวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและระบบการจัดการศึกษาที่จะนำไปสู่ผลที่ เป็นรูปธรรมและลดช่องวางทางการศึกษาของผู้เรียนในเมืองและในชนบท รวมทั้งให้ความสำคัญแก่การพัฒนาการ ศึกษาในระดับอาชีวศึกษาให้มากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมด้านแรงงานฝีมือไว้รองรับความต้องการของภาคอุตสาห กรรมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
930 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการจัดตั้งและสถานะของศูนย์วัฒนธรรม | วธ | 04/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอดังนี้ รับทราบการแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการจัดตั้งและสถานะของศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งมีการปรับแก้ไข ในข้อ 8 การยกเว้นค่าธรรมเนียมศุลกากรและภาษี โดยเพิ่มหมายเลข 1 และ 2 และตัดคำว่า and exports หลังคำ ว่า forthe imports ตัด d หลัง mortgaged ในบรรทัดที่ 2 เพิ่มข้อความ in pledge and transference or in use for other purposes หลังคำ mortgage และเปลี่ยนจาก relevant authorities เป็น customs authorities และปรับแก้ ข้อ 10 การอำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตและการเดินทางเข้าของบุคคลของศูนย์วัฒนธรรมของอีกฝ่าย หนึ่ง ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มข้อความในบทลงท้ายกรณีที่มีการตีความต่างกันระหว่างภาษาไทยและภาษี จีนตัวบทภาษาอังกฤษจะใช้บังคับ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้แทนรัฐบาลในการลงนาม ในความตกลง ฯ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการเข้ามาทำงานของคน ต่างด้าวภายใต้กรอบความตกลง ฯ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการวางแผนการบริหารจัดการและ การจัดทำแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
931 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง - คงคา (Mekong - Ganga Cooperation - MGC) ครั้งที่ 5 | กต | 13/11/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอดังนี้ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในกรอบ
ความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา (Mekong-Ganga Cooperation-MGC) ครั้งที่ 5 ซึ่งอินเดียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยที่ประชุมได้มีการ หารือถึงประเด็นความร่วมมือใน 4 สาขา ได้แก่ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การคมนาคมและขนส่ง และการศึกษา และ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม ฯ ดังนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับผิดชอบ จัดทำข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การจัดทำ MGC Rate Hotels (โรงแรมสามดาว) ในรูปแบบ CD และ Directories รวมทั้งส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนา (Pilgrimage Tourism/Religious Circuit) และจัดประชุมคณะทำงาน ท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2551 ให้กระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เช่น กี่ทอผ้า ตัวอย่างผ้า และผู้เชี่ยว ชาญที่จะสนับสนุนการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สิ่งทอดั้งเดิมของเอเชีย (Museum of Traditional Asian Textiles) ณ เมืองเสียม ราฐ กัมพูชา และร่วมกับอินเดียบูรณะซ่อมแซมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในประเทศสมาชิก ฯ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยว กับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ จะนำข้อเสนอในการเชื่อมโยงความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งในกรอบแม่น้ำ โขง-คงคา กับประเทศในกรอบความร่วมมืออื่น ๆ อาทิ กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคกลุ่มแม่น้ำโขง และกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลาย สาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ รวมทั้งประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ หารือกับประเทศสมาชิก ฯ แล้วแจ้งให้กระทรวง คมนาคมทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป นั้น เห็นว่า การจัดทำข้อเสนอดังกล่าวควรจะมีการหารือกับกระทรวง คมนาคมก่อน เนื่องจากกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบงานด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งกับต่างประเทศ และ การจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางที่สอดคล้องกับงบประมาณที่กระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรร โดยคำนึงถึง ประโยชน์ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
932 | ขออนุญาตก่อสร้างโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ เป็นกรณีพิเศษ | วธ | 13/11/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำรายละเอียดแบบแปลนเกี่ยวกับขนาดความสูงและ
ขนาดพื้นที่ของอาคารแต่ละหลังในโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทาง วัฒนธรรมระดับนานาชาติ เพื่อให้เห็นภาพรวมของการดำเนินการ ตลอดจนงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยให้ประสานกับสำนักงบประมาณ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายในกลางเดือนธันวาคม 2550 ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า แนวทางในการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทยควรพิจารณาออกแบบให้มีเอกลักษณ์และรักษาไว้ซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมของไทยด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
933 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรีและกระทรวง | นร | 13/11/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายนามผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรี
และรัฐสภา (ปคร.) ดังนี้ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน) ได้แก่ พลโท บันเทิง พูนขำ รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ รองปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ นายวรพัฒน์ ทิว ถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม ได้แก่ นายสมชาย เสียงหลาย รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ นายพูลสุข พงษ์พัฒน์ รองเลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
934 | ขอความเห็นชอบหลักการและการนำไปสู่การปฏิบัติให้ "โครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน" เป็นวาระแห่งชาติ : สร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมพลังทุกหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรมสายใยชุมชนสู่ชุมชน เพื่อสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน | วธ | 06/11/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ "โครงการวัฒนธรรมไทยสายใย
ชุมชน" เป็นวาระแห่งชาติ : สร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมพลังทุกหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรมสายใย ชุมชนสู่ชุมชน เพื่อสังคมอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน โดยมีหลักการพื้นฐานมุ่งให้ประชาชนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยึด หลักพึ่งตนเอง พัฒนาชุมชนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เน้นการมีส่วนร่วมในการคิด การลงมือทำ และการร่วมรับ ประโยชน์ การนำความหลากหลายทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ความเชื่อตามหลักศาสนา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรัชญาทาง เศรษฐกิจพอเพียงมาสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้บังเกิดผลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ให้ปรับถ้อยคำจากเดิม "... เป็น วาระแห่งชาติ ..." เป็น "... เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ ..." ด้วย และให้กระทรวง กรมที่เกี่ยวข้องและจังหวัดรับไปดำเนิน การตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานเพื่อขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การส่งเสริมสนับสนุนการบริหารจัดการโครงการ ฯ และสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็น และให้กระทรวง วัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานต่าง ๆ นำแผนงาน โครงการ กิจ กรรมที่สอดคล้องกับโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนมาพิจารณาเพื่อบูรณาการหรือเชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน ในระดับพื้นที่ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีบทบาทในการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาวัฒนธรรม ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทใน การสนับสนุนการสร้างกระบวนการเรียนรู้ และเชื่อมโยงกับภารกิจของงานบริหารท้องถิ่น และความเห็นของสำนัก งบประมาณที่ให้กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการโครงการโดยเชื่อมโยงแนวทางการดำเนินงานในกรอบภารกิจของหน่วยงาน กำหนดเป้าหมาย และจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
935 | ขออนุมัติใช้งบประมาณงบกลาง เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รองรับการจัดงานแสดงเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 | วธ | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอใช้งบกลาง จำนวน 10,000,000
บาท ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการจัดงานแสดงเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานกระทรวงมหาด ไทย (กรุงเทพมหานคร) เพื่อดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ฯ ในส่วนที่กรุงเทพมหา นครสามารถดำเนินการได้ ส่วนการปรับปรุงลานจอดรถยนต์และส่วนอื่นที่จำเป็นให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
936 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. .... | นร | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2550 วันพฤหัสบดี ที่ 25 ตุลาคม 2550 และครั้งที่ 13/2550 วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับร่างพระราช บัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. .... โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมปรับปรุงแก้ไขถึงความจำเป็นที่ต้องออกพระราช บัญญัติและต้องตั้งกองทุน แล้วเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
937 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | วธ | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์
แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งหอภาพยนตร์แห่งชาติให้เป็นองค์การมหาชน เพื่อให้หอ ภาพยนตร์แห่งชาติสามารถบริหารงานได้อย่างอิสระ คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของ ก.พ.ร. ที่ให้เพิ่มเติมหมวด 7 การยุบ เลิกในร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ โดยให้หอภาพยนตร์แห่งชาติสิ้นสุดลงภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการ ประกาศจัดตั้ง เว้นแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้คงสภาพหอภาพยนตร์แห่งชาติดังกล่าวต่อไป รวมทั้งข้อสังเกตของคณะ รัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับการแสดงภาพเคลื่อนไหวมีวิธีการที่หลากหลาย จึงสมควร พิจารณาการใช้ถ้อยคำในร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ให้ครอบคลุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนการกำหนดเพิ่มเติมหมวด 7 การยุบเลิก ซึ่งให้ยุบเลิกหอภาพยนตร์แห่งชาติภายในระยะเวลา 5 ปี ตามความเห็นของ ก.พ.ร. อาจทำให้เกิด ปัญหาในการสรรหาผู้มาปฏิบัติงานในหอภาพยนตร์แห่งชาติ จนเป็นเหตุให้การจัดตั้งองค์การมหาชนไม่บรรลุวัตถุ ประสงค์ได้ จึงควรพิจารณาปรับปรุงเป็นให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามระยะเวลาที่กำหนดแทนการยุบเลิก เพื่อให้การดำเนินการของหอภาพยนตร์แห่งชาติเป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
938 | ผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่าง
เป็นทางการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 2 - 3 สิงหาคม 2550 เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 40 และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการติดตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ที่กรุงเทพ ฯ การส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงาน และความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทย และพบกับประธานสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ซึ่งมีประเด็น หารือเรื่องความแตกต่างของร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 กับรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 ในส่วนที่เกี่ยวกับ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการเจรจาความตกลงการค้าเสรีทวิภาคี กับต่างประเทศ รวมทั้งรับฟังการบรรยายสรุป และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในมินดา เนาและสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กับเลขาธิการสำนักงานที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านกระบวนการสันติ ภาพ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังนี้ กระทรวงวัฒนธรรม รับผิดชอบการจัดทำโครง การ/แผนปฏิบัติการความร่วมมือทางวัฒนธรรม (Executive Program for Cultural Exchange) ระหว่างปี พ.ศ. 2551 -พ.ศ. 2553 กับฟิลิปปินส์ กระทรวงพลังงาน เร่งรัดการจัดตั้งคณะทำงานด้านพลังงานกับฟิลิปปินส์เพื่อนำไปสู่ ความร่วมมือด้านพลังงานชีวภาพและเอธานอล อุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้าน พลังงานนิวเคลียร์ และติดตามความร่วมมือด้านพลังงานร้อนใต้ดิน (Geothermal) กับฟิลิปปินส์ กระทรวงคมนาคม ติดตามกำหนดการเจรจาความตกลงทางการบินกับฟิลิปปินส์ กระทรวงกลาโหม ติดตามกำหนดการประชุมคณะ กรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางทหารไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 23 - 24 พฤศจิกายน 2550 และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประสานกับสำนักเลขาธิการที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านกระบวนการสันติ ภาพในมินดาเนา เพื่อเชิญนายเฮซูส ดูเรซา เลขาธิการสำนักงานที่ปรึกษา ฯ เยือนไทยในโอกาสแรก ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการต่างประเทศประสานและติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติตามผลการเยือนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
939 | ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. .... | วธ | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และ
วีดิทัศน์ พ.ศ. .... ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงบทบัญญัติตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์ และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งปรับ ปรุงระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการตรวจพิจารณา และส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเกี่ยวกับองค์ ประกอบของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมเป็น กรรมการในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานหลัก มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยขึ้น มีฐานะเป็นหน่วยงานสังกัด กระทรวงวัฒนธรรม นั้น เป็นการกำหนดให้มีหน่วยงานขึ้นใหม่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 ที่กำหนดว่าในการร่างกฎหมายเพื่อใช้บังคับในเรื่องใดก็ตาม ไม่ควรมีข้อกำหนดในรายละ เอียดให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องมีหน่วยงานเพื่อดูแลเป็น การเฉพาะ ก็ให้ขอทำความตกลงไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาตามความเหมาะ สม ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
940 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 25/09/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ) รับร่างพระ
ราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องอีกครั้งหนึ่ง พร้อมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดการ ควบคุมในลักษณะของกฎหมายกลาง และกำหนดให้มีคณะกรรมการองค์การมหาชน โดยมีประธาน ก.พ.ร. เป็น ประธานกรรมการ และเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นกรรมการและเลขานุการ และความเห็นของคณะกรรมการพิจารณา เงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) ที่จะควบคุมเรื่องค่าตอบแทนบุคลากร น่าจะไม่สอดคล้องและกระทบกับหลักความเป็น อิสระ เพราะหากมีการควบคุมองค์การมหาชนใดมาก ความเป็นอิสระก็จะน้อยลง ซึ่งก็จะเป็นส่วนราชการไปโดย ปริยาย และในการตั้งองค์การมหาชนบางองค์การ ไม่ตรงกับอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการที่กำกับองค์การมหา ชนนั้นโดยตรง เช่น การตั้งองค์การมหาชนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแต่ให้ไปอยู่ในสังกัดของหน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยว ข้องกับการศึกษาโดยตรง เป็นต้น ซึ่งการปรับปรุงแก้ไข อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การมหาชน แต่อาจพิจารณาจัดระบบองค์การมหาชนดังกล่าวให้มาสังกัดส่วนที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ไปพิจารณาด้วย |
.....