ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 990 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19781 - 19800 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19781 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 8 (The 8th Mekong - Japan Economic Ministers Meeting) | นร11 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๘ (The 8th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบต่อแผนงาน (Work Programme) ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision : MIDV) ประกอบด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่น ในช่วง ๕ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๓) รวมทั้งเห็นชอบต่อแถลงข่าวร่วม (Joint Media Statement) ซึ่งมีสาระสำคัญในการรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างภาครัฐและเอกชนภายใต้กรอบความร่วมมือประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ พร้อมทั้งสั่งการให้คณะทำงานประสานการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมตามแนวทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก-ตะวันออก (AMEICC WEC) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ฯ โดยใช้กลไกติดตามประเมินผล PDCA (Plan Do Check Act) เพื่อให้สามารถรายงานผลในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ ต่อไป ๒. แนวทางการดำเนินการต่อไป ๒.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันการดำเนินงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งผลักดันการดำเนินงานการอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่ง และการค้าในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และสนับสนุนการดำเนินแผนงานโครงการ (Work Programme) ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อมุ่งให้เกิดการเชื่อมโยงการผลิตระหว่างไทยและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป ๒.๒ การประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่น ครั้งที่ ๘ มีกำหนดจัดในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ (The 28th ASEAN Summit) และการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๙ มีกำหนดจัดขึ้นในปี ๒๕๖๐ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงของการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๙ (The 49th ASEAN Economic Ministers’ Meeting)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19782 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 50/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 6 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 51/2559 เรื่อง การดำเนินการกับของที่เก็บในเขตปลอดอากรและเขตประกอบการเสรีและของที่ใช้เป็นยุทธภัณฑ์เพื่อบรรเทาสาธารณภัย | สลธ.คสช. | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๐/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๖ สั่ง ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๑/๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการกับของที่เก็บในเขตปลอดอากรและเขตประกอบการเสรีและของที่ใช้เป็นยุทธภัณฑ์เพื่อบรรเทาสาธารณภัย สั่ง ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19783 | รายงานผลคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เดินทางเยือนสหราชอาณาจักร | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) เดินทางเยือนสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือน ซึ่งมีสาระสำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งสภานักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council) เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในทักษะและการศึกษาเพื่อส่งเสริมการค้า เพิ่มนวัตกรรม และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาตนเองให้เติบโตได้ การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การส่งเสริมภาพพจน์สินค้าไทยว่าเป็นสินค้าคุณภาพและเร่งประชาสัมพันธ์ตราสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็งในตลาดยุโรป รวมทั้งการให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจของไทย-สหราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19784 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๘๒/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19785 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสภาการศึกษา หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา และเลือกกรรมการ รวมทั้งแก้ไขระยะเวลาในการดำเนินการสรรหา การเลือก และการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่เป็นการล่วงหน้าให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มจำนวนกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษาที่เป็นผู้แทนจากภาคเอกชน โดยปรับลดจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิลงเพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เป็นผู้ใช้กำลังคน การกำหนดให้ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และให้มีปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและปลัดกระทรวงแรงงานเป็นกรรมการโดยตำแหน่งเช่นเดิม การกำหนดให้มีผู้แทนจากองค์กรศาสนาต่าง ๆ ทำหน้าที่ในการพิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติหรือการอื่นใดเกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นว่า หากมีการเพิ่มกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการสภาการศึกษา ตามความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นั้น เห็นควรเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการศึกษาเอกชน ด้านการศึกษาพิเศษ ด้านการกีฬา กิจการเยาวชน ลูกเสือ ยุวกาชาด และเนตรนารี ในคณะกรรมการสภาการศึกษา เพื่อให้สัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีความสอดคล้องกับกรรมการโดยตำแหน่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19786 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๗๐๐ ครั้ง รวมจำนวน ๒๔,๑๑๓ เรื่อง และประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ ขอให้แก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน และการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๒๓ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๗๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19787 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน เพื่อให้การบริหารงานและการปฏิบัติภารกิจของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ข้อความในร่างมาตรา ๑๕ เป็น “การบัญชีของสถาบัน ให้จัดทำตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐ และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุของสถาบัน ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ...” เพื่อให้สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี โดยมาตรฐานการบัญชีภาครัฐกำหนดขึ้นจากบริบทของการดำเนินงานในภาครัฐที่มิได้มีวัตถุประสงค์ในการมุ่งค้าหากำไรเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการจัดทำงบการเงินรวมของแผ่นดิน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19788 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 3 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๓๖,๐๐๕.๔๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๔๘,๘๕๐.๔๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๑๒,๘๔๔.๙๖ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๘,๒๙๑.๕๓ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๔,๔๖๓.๕๕ ล้านบาท เป็น ๑๓๒,๗๕๕.๐๘ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การปรับโครงสร้างหนี้ การบริหารความเสี่ยง และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ภายในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19789 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวชลิดา โชไชย) | นร08 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชลิดา โชไชย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19790 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายปรีชา มงคลหัตถี) | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปรีชา มงคลหัตถี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19791 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาคารเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19792 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนชนเกษมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๗๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19793 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยแก้ไขการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น แก้ไขให้ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่สั่งการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง เพื่อให้ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ในสังกัดของทุกหน่วยงานอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19794 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมขั้นตอนการปฏิบัติงานในการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้มีความชัดเจน กระชับ รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อนำมาประกอบหรือเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และกำหนดอายุของใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตลอดจนปรับอัตราโทษ และปรับปรุงกระบวนการลงโทษทางอาญาให้ใช้การเปรียบเทียบคดีได้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการปรับปรุงสาระสำคัญบางประการในร่างพระราชบัญญัติฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19795 | ขออนุมัติท่าทีไทยและร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - อิหร่าน ครั้งที่ 1 | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าสำหรับการหารือกับอิหร่าน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๑ ซึ่งไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงต้นไตรมาส ๔ ของปี ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยเสนอท่าทีไทยในการจัดทำความตกลงสิทธิพิเศษทางการค้า (Preferential Trade Agreement : PTA) ระหว่างไทยกับอิหร่าน การทำธุรกรรมทางการเงิน การขยายการค้าสินค้าเกษตร การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ๑.๒ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับอิหร่าน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้คำนึงถึงมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านที่ยังคงมีอยู่ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน โดยหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย) เพื่อให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน รวมทั้งรูปแบบวิธีการชำระเงินที่เหมาะสมกับไทยและอิหร่าน และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยด้วย โดยอาจพิจารณาจากแนวทางการดำเนินงานของประเทศอื่นที่มีการทำธุรกรรมกับอิหร่านมาแล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19796 | การร่วมรับรองเอกสารภายใต้ความรับผิดชอบของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) จำนวน ๑๐ ฉบับ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) จำนวน ๒๑ ฉบับ และกรอบการตรวจสอบและประเมินผลสำหรับ AEC Blueprint 2025 (AEC 2025 Monitoring & Evaluation Framework) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรู้ความเข้าใจและเตรียมแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทนำของไทยในเวทีอาเซียน การแสวงหาโอกาสและใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงสู่การพัฒนาภายในประเทศให้มากขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละแผนปฏิบัติการรายสาขาควรร่วมกันวางกลไกในการติดตามประเมินผลการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19797 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ซึ่งประกอบด้วย ๒ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๔๑๔,๓๖๖.๑๒ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๔๓,๑๗๖.๙๒ ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๘๗๑,๑๘๙.๒๐ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๔๕,๔๕๒.๐๑ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๙๒๘.๑๑ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะสำหรับการกู้เงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๓,๓๔๖.๕๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดของ ขสมก. ไปประกอบการพิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการหนี้และแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อให้มีผลประกอบการและฐานะการเงินที่ดีขึ้น ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกด้วย รวมทั้งควรมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศภาครัฐให้เพียงพอ อาทิ การบริหารความเสี่ยงทันทีที่เบิกเงินกู้ การเบิกเงินกู้ให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ และการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นต่อการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการลงทุนระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19798 | แนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลังปี 2559/60 | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ (๒) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ปี ๒๕๕๙/๖๐ (๓) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ และ (๔) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๕๖๗.๗๒๕ ล้านบาท แยกเป็นวงเงินสินเชื่อ ๔,๘๐๐ ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ยรวม ๕๖๗.๗๒๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังทราบ และเมื่อสิ้นสุดโครงการควรที่จะประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าของโครงการเพื่อประโยชน์ในการจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาที่ครอบคลุมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังประเภทต่าง ๆ โดยมีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ที่จะมีการขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การดำเนินโครงการจะต้องมีความเหมาะสม ไม่มีความซ้ำซ้อน และทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจในการดำเนินโครงการอย่างชัดเจนและทั่วถึง รวมทั้งกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานให้ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลและเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบมากที่สุด นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนด้านการตลาด ทั้งการขยายตลาดและการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากการรวบรวมของสถาบันเกษตรกร/ผู้ประกอบการไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง และการศึกษาแนวทางการผลักดันไปสู่การแปรรูปขั้นสูงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น โดยให้สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่มันสำปะหลังที่รวบรวมได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19799 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและการใช้จ่ายงบประมาณ จากวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และรับทราบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวนทั้งสิ้น ๒๒๓ แห่ง ซึ่งเป็นการรับเปลี่ยนภายในจังหวัดเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ศักยภาพน้ำบาดาล และปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมทั้งปรับให้ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยยังอยู่ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และสอดคล้องกับกรอบแนวทางที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันในฤดูแล้งปีต่อไป สำหรับการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการฯ เนื่องจากในปัจจุบันเป็นห้วงฤดูฝน ซึ่งมีบางพื้นที่ประสบภาวะน้ำท่วมจึงให้พิจารณาปรับเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19800 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ | พน | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ได้รับยกเว้นไม่ต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยยังคงต้องถือปฏิบัติในส่วนของการกำกับดูแลบริษัทในเครือตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการเห็นชอบในเรื่องการจำกัดความรับผิดชอบทางกฎหมาย ดังนั้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จะต้องคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจต่อประเทศชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....