ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 951 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19001 - 19020 จากข้อมูลทั้งหมด 123969 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19001 | โครงการเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมยามค่ำคืน เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ | นร | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมยามค่ำคืน เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. โครงการเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมยามค่ำคืน เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีวัตถุประสงค์สำคัญและกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ถึงพระราชกรณียกิจ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแก่พสกนิกรชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ๒. สถานที่และรูปแบบการจัดงาน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และบริเวณพื้นที่ของหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการบูรณาการฯ ที่อยู่นอกพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เปิดให้บริการพิเศษตอนกลางคืนร่วมกัน โดยใช้งบประมาณของแต่ละหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ เช่น มิวเซียมสยาม หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เป็นต้น และมีกรุงเทพมหานครสนับสนุนการจัดงานในด้านการดูแลรักษาความสะอาด ความปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์การจัดงาน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการจัดงานโดยการประชาสัมพันธ์ผ่าน www.thailandtourism.org และช่องทางอื่น ๆ ของ ททท.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19002 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | ยธ | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19003 | ร่างบันทึกความร่วมมือด้านไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แห่งราชอาณาจักรไทย | ดท | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Cooperation in the Postal Field between the Ministry of Internal Affairs and Communications of Japan and the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand) มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือ ๕ ด้าน คือ (๑) การแบ่งปันข้อมูลและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น (๒) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างการไปรษณีย์ญี่ปุ่น และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (๓) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเอกชน/รัฐของญี่ปุ่น และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (๔) สนับสนุนให้มีการดำเนินงานตามข้อเสนอเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือต่าง ๆ และ (๕) คงความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากฝ่ายญี่ปุ่นภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ ไว้เป็นการเฉพาะภายในภาครัฐและบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นับตั้งแต่วันที่มีการลงนามจนกระทั่งครบระยะเวลา ๓ ปี หลังจากร่างบันทึกความร่วมมือฯ หมดอายุลง โดยจะมีการลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในระหว่างการจัดงาน ITU Telecom World 2016 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. อนุมัติให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฉบับดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19004 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2559 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 23 | กค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๖-๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ ๒๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐเปรู โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ ที่ประชุมได้เน้นความสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีส่วนร่วมและการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เพื่อขจัดความยากจนและลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะกลับไปสู่ความยากจนอีกครั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ๒. การประชุมร่วมของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะชะลอตัว ที่ประชุมแนะนำให้มีการใช้เครื่องมือนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นภาคอุปสงค์และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (๒) การดำเนินตามกรอบ Environment and Social Framework ซึ่งจะขยายการคุ้มครองคนและสิ่งแวดล้อมในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารโลก โดยคาดว่าจะบังคับใช้ได้ในปี ๒๕๖๑ และ (๓) การหารือการเพิ่มทุนสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๘ โดยสมาคมฯ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการระดมทุนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเงินทุนที่เพิ่มขึ้นมากเพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ๓. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๔ มีการหารือเกี่ยวกับ (๑) การสนับสนุนวิสัยทัศน์ของธนาคารโลกเพื่อรองรับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒) การสนับสนุนข้อเสนอการคำนวณการถือหุ้นของประเทศสมาชิกในการเพิ่มทุนของธนาคารโลกเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของธนาคารโลกในการขจัดความยากจน ๔. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย (๑) การประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าการธนาคารโลกและผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า ไทยจำเป็นต้องเร่งรัดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมนวัตกรรม และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ (๒) การประชุมหารือทวิภาคีกับรองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของรายงาน Systemic Country Diagnostic จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถกำหนดมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน และได้กล่าวถึงความต้องการของประเทศไทยในการเพิ่มอันดับของประเทศในรายงาน Doing Business รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการเกษตรของไทย และความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และ (๓) การประชุมหารือทวิภาคีกับสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยสถาบันการเงินฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ระบบการเงินและตลาดตราสารหนี้มีความเข้มแข็ง ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ๕. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ ๒๓ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของโลกยังคงเผชิญความท้าทายต่าง ๆ สมาชิกเอเปคจะต้องร่วมมือกันเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคควบคู่ไปกับการรักษาความยั่งยืนทางการคลัง (๒) เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค และเห็นชอบแผนกลยุทธ์การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู และ (๓) หารือประเด็นที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเซบู ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโดยเน้นการเชื่อมโยงศูนย์รวมข้อมูลความรู้การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน การสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ประชาชนทุกภาคส่วน และการบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศสมาชิกผ่านการสนับสนุนให้มีการทำประกันภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19005 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... | กค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เพื่อคุ้มครองการจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้มีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ อาทิ การดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ในระยะแรกอาจกำหนดให้สำนักนโยบายและแผนรัฐวิสาหกิจของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับผิดชอบงานด้านการเสนอแนะนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ และการประมวลผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมของกระทรวงการคลังรับผิดชอบงานดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการสนับสนุนฯ และแหล่งเงินได้ของกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ในระยะแรกสำหรับการดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนในระยะต่อไป ในการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙) (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19006 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด) | นร09 | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค ๒ ความผิด) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาโดยกำหนดเพิ่มกรณีการอายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพื่อใช้ค่าปรับ แก้ไขเพิ่มเติมให้มีโทษปรับในความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส และปรับปรุงอัตราโทษปรับในภาค ๒ ความผิด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19007 | การขอความเห็นชอบบัญชีรายการสินค้าจากเขตอุตสาหกรรมเกซองที่ได้ปรับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์เป็นฉบับปี 2012 ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods พร้อมบัญชีรายการสินค้าจากเขตอุตสาหกรรมเกซองที่ได้ปรับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ โดยปรับพิกัดการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการขององค์การศุลกากรโลกที่จะมีการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์เป็นประจำทุก ๆ ๕ ปี เพื่อให้บัญชีรายการสินค้าดังกล่าวมีความทันสมัยสอดคล้องกับพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับที่ ๑๐๑๒ โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธกรณีที่ไทยผูกพันไว้เดิม ๑.๒ มอบหมายให้กรมศุลกากรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการยกร่างประกาศกรมศุลกากรและคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรให้มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods และแจ้งผลให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนทราบการเสร็จสิ้นของกระบวนการภายในของประเทศไทยของเอกสาร Decision to Endorse the Transposed Lists of Goods for the Treatment for Certain Goods in the Rules of Origin, Annex 3 of the Agreement on Trade in Goods ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความชัดเจนในการเทียบเคียงระบบฮาร์โมโนซ์ฉบับปี ๒๐๐๗ กับ ฉบับปี ๒๐๑๒ ร่วมกัน เพื่อให้มีการระบุพิกัดศุลกากรในใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและแบบฟอร์มต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน มีมาตรฐานเดียวกัน และลดความสับสนของผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าส่งออก นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจรับทราบบัญชีรายการสินค้าฯ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19008 | มาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ [ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการการจ้างงานผู้สูงอายุ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการจ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเข้าทำงาน ทั้งนี้ เฉพาะรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการจ้างผู้สูงอายุในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการทบทวนมาตรการการจ้างงานผู้สูงอายุให้ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุที่มีทักษะ (รายได้มากกว่า ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน) และสามารถทำงานได้ เพื่อป้องกันการขาดแคลนแรงงานทักษะเฉพาะด้าน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) โดยให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้รับข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อาทิ การนำที่ราชพัสดุมาสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ต้องพิจารณาความเหมาะสมทางผังเมืองในการกำหนดพื้นที่พักอาศัย และโดยที่มาตรการดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน โดยการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุบนที่ราชพัสดุเป็นการดำเนินการโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วนการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุบนพื้นที่อื่นที่ให้นำหลักการของโครงการบ้านมั่นคงและบ้านประชารัฐมาใช้นั้น จะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย ดังนั้น ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว กระทรวงการคลังจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ ต่อไป ไปพิจารณาด้วย ๓. เห็นชอบมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) โดยให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อาทิ การให้สินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้สูงอายุ ธนาคารควรมีกระบวนการคัดกรองการให้สินเชื่อที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายของลูกหนี้ และควรติดตามดูแลคุณภาพของลูกหนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงควรกำหนดให้เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลโครงการ นอกจากนี้ ทั้งภาครัฐและสถาบันการเงินควรมีแนวทางให้ความรู้แก่ประชาชนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ Reverse Mortgage เพื่อให้ผู้กู้มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน และควรพิจารณาให้ผู้ที่อยู่ในที่อยู่อาศัยเดียวกับผู้กู้สามารถเป็นผู้กู้ร่วมในสินเชื่อดังกล่าวได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบในหลักการบูรณาการระบบบำเหน็จบำนาญ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางของระบบบำเหน็จบำนาญในภาพรวมให้สอดคล้องกัน และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อให้มีระบบการออมเพื่อการดำรงชีพยามชราภาพเพียงพอหลังเกษียณครอบคลุมลูกจ้างทั้งระบบ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อาทิ การส่งเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติควรเป็นอัตราร้อยละคงที่ตลอดระยะเวลาที่เป็นสมาชิกและสามารถเพิ่มอัตราการสะสมได้ตามความประสงค์เช่นเดียวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือไม่ การขยายเงื่อนไขการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้รวมถึงแรงงานที่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญอื่นอยู่แล้ว โดยนายจ้างไม่ต้องสมทบทุน และความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐในฐานะนายจ้างของพนักงานราชการและลูกจ้างชั่วคราว นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติควรพิจารณาถึงความซ้ำซ้อนกับกองทุนที่มีอยู่เดิม เช่น กองทุนประกันสังคม โดยอาจปรับปรุง พัฒนา และฟื้นฟูกองทุนที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นแทนการจัดตั้งกองทุนเพิ่มใหม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ๕. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๖. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกิจการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อให้สมาชิกได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนอย่างเหมาะสมต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19009 | การเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายการเป็นสมาชิกของยูเนสโกภายหลังได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกรายปี จำนวนปีละ ๑,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๓๕,๐๐๐ บาท เห็นควรให้จังหวัดสตูลจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19010 | โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แก่ผู้ประกอบกิจการได้เช่นเดียวกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ โดยใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเดียวกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ และให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารออมสินได้รับจากการปล่อยสินเชื่อ โดยให้ธนาคารออมสินบริหารจัดการวงเงินของโครงการได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบกิจการการผลิต การให้บริการ ค้าส่งและค้าปลีก ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอันดับแรก ๑.๒ รับทราบการขยายวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สำหรับลูกค้ารายย่อย) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จากเดิมกรอบวงเงินโครงการไม่เกิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินโครงการไม่เกิน ๒,๕๐๐ ล้านบาท โดยใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเดิม ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ธนาคารออมสินพิจารณาขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยตามภาระและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง และให้กระทรวงการคลังติดตามประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงของปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการ รวมทั้งเป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาปรับปรุงการกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในระยะต่อไปได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ธนาคารออมสินควรนำปัญหา อุปสรรคในการดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้ดำเนินการไปแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงานของธนาคารออมสินให้เหมาะสมเพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบกิจการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19011 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จากสิ้นสุดโครงการเดือนกันยายน ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดโครงการเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจน รอบคอบ เช่น การกำหนดพื้นที่ การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ เป็นต้น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่ก่อนดำเนินงานโครงการฯ จัดทำรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในคราวนี้ ก็เห็นควรให้ยกเลิกการดำเนินการและส่งคืนงบประมาณในส่วนที่เหลือ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19012 | ขออนุมัติ "แผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 สำหรับช่วงปี พ.ศ. 2560 - 2564" | สธ | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติ “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ สำหรับช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔” ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง (๒) ยุทธศาสตร์พัฒนาระบบการตรวจจับโรคและภัยสุขภาพให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ (๓) ยุทธศาสตร์ดำเนินการควบคุมโรคและภัยสุขภาพอย่างรวดเร็ว เป็นระบบ มีความเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย และ (๔) ยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบสนับสนุนการดำเนินงานและบริหารจัดการ และให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการจัดทำแผนปฏิบัติการ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ สำหรับช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินการเพื่อรายงานประจำปีต่อองค์การอนามัยโลก ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการที่เห็นควรมีการกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานสนับสนุนที่สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่ของหน่วยงานในแต่ละยุทธศาสตร์ และให้มีการบูรณาการเชื่อมโยงกับแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขขอรับการประเมินผลการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศจากองค์การอนามัยโลกตามเครื่องมือการประเมินผลโดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกร่วมกับผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินดังกล่าวด้วย ๓. งบประมาณสำหรับการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ สำหรับช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการสาธารณสุข เพื่อใช้เป็นแผนหลักในการดำเนินการด้านสาธารณสุขของประเทศโดยบูรณาการและรวบรวมแผนยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวควรแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และประเด็นการปฏิรูปประเทศ แล้วนำเสนอสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง แผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19013 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 23 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 8 - 10 กันยายน 2559 | อก | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเน้นการหารือแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีในการปรับเปลี่ยน SMEs ให้เป็นหัวจักรในการขับเคลื่อนความเจริญเติบโตและความมั่งคั่ง โดยการมุ่งไปสู่ความทันสมัยของ SMEs ใน ๔ ด้าน ประกอบด้วย การส่งเสริมนวัตกรรม และการเชื่อมโยงเครือข่าย SMEs การสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs โดยการแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล การส่งเสริม SMEs ที่ดำเนินธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SMEs สีเขียว) ให้เข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าโลก และการส่งเสริม SMEs สู่ความเป็นสากล โดยไทยได้นำเสนอกรอบแนวทางในการส่งเสริมและการพัฒนา SMEs ของไทยซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ Thailand ๔.๐ ของรัฐบาลที่มุ่งเป้าในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และนำเสนอผลสำเร็จจากการจัดการสัมมนาแนวทางส่งเสริม SMEs สีเขียวเพื่อเข้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไทยจะร่วมมือกับสาธารณรัฐเปรูในการต่อยอดและผลักดันให้เกิดยุทธศาสตร์ในระดับเอเปคเพื่อการส่งเสริม Micro, Small and Medium Enterprises (MSMEs) ให้เป็นธุรกิจสีเขียวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒. ที่ประชุมได้มีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีกรอบทิศทางการมุ่งไปสู่ความทันสมัยของ SMEs ซึ่งจะนำเสนอในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๔ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู และให้การรับรองแผนยุทธศาสตร์ฉบับที่ ๓ ของคณะทำงานเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ปี ๒๐๑๗-๒๐๒๐)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19014 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 3 (เมษายน - มิถุนายน 2559) | นร11 | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๓ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๙) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ กรอบการลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ ณ ไตรมาส ๓ มีการปรับปรุงกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจช่วงไตรมาส ๓ ส่งผลให้วงเงินเบิกจ่ายลงทุนในภาพรวมลดลงสุทธิ ๙๙,๘๔๔ ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจที่ปรับลดวงเงินเบิกจ่ายที่สำคัญ เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้านครหลวง ทำให้กรอบการเบิกจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เปลี่ยนแปลงไปเป็น ๔๒๗,๙๙๙ ล้านบาท (ลดลง ๑๐๕,๑๖๘ ล้านบาท) ๑.๒ เป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๓ ตั้งเป้าเบิกจ่ายงบลงทุนรวม ๙๓,๖๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๑.๙ จากเป้าหมายทั้งปี คือ ๔๒๗,๙๙๙ ล้านบาท โดยสามารถเบิกจ่ายได้ ๕๖,๗๑๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๐.๖ จากเป้าหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่า หากรัฐวิสาหกิจใดไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมายจะถูกยกเลิกการสนับสนุนงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณตรวจสอบรายละเอียดและเหตุผลของรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมายแล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19015 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | สว | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีผลการปฏิบัติงานในภาพรวมเกี่ยวกับการให้บริการสนับสนุนเพื่อการดำเนินงานในด้านนิติบัญญัติ และการพัฒนาองค์กรเพื่อให้งานด้านนิติบัญญัติเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเกินกว่าเป้าหมายตามแผนการปฏิบัติงาน ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับการให้บริการสนับสนุนเพื่อการดำเนินงานในด้านนิติบัญญัติ ตามผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามแผนปฏิบัติงาน ส่วนการพัฒนาองค์กรเพื่อให้งานด้านนิติบัญญัติเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามผลการปฏิบัติงานสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามแผนปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19016 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 65/2559 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม | สลธ.คสช. | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๕/๒๕๕๙ เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม สั่ง ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19017 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2559 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๖/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19018 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 - 30 เมษายน 2560 | กค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๒,๒๖๘ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป ประกอบด้วย ๑.๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๑,๗๘๓ ล้านบาท ๑.๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๕๒ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๔๘๕ ล้านบาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเชื่อมการเดินทางสาธารณะของประชาชนอย่างครบวงจรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่เกิดขึ้นจริงผ่านคณะกรรมการการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป รวมถึงรายงานการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการตามมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยด่วนด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสมอย่างประหยัด โดยผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรเร่งดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง (Post Audit) ของข้อมูลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในการออกบัตรให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสำหรับลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ควรมีการเร่งดำเนินการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนที่มาใช้บริการโดยเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเริ่มใช้ได้ทันภายในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19019 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 22 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกรอบงานความร่วมมือสำหรับประกาศนียบัตรแสดงความรู้ความสามารถของการเดินเรือใกล้ฝั่งที่ออกโดยประเทศสมาชิกอาเซียน (๒) ร่างกรอบแนวทางการดำเนินงานระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะอาเซียน ๒.๐ (๓) ร่างแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการขนส่งอาเซียน-จีน (๔) ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การขนส่งอาเซียน-จีน (๕) ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียน-ญี่ปุ่นด้านการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภาคการขนส่งฉบับใหม่ (๖) ร่างวิสัยทัศน์และแผนปฏิบัติการโลจิสติกส์สีเขียว (๗) ร่างแผนปฏิบัติการภูมิภาคว่าด้วยความปลอดภัยท่าเรือ และ (๘) ร่างกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนโดยยานพาหนะทางถนน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารในข้อ (๑)-(๗) ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในเอกสารข้อ (๘) และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ การพิจารณาถึงแนวโน้มและความต้องการขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างผู้ประกอบการไทยกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลในการเจรจากำหนดท่าทีของประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างประเทศในภูมิภาคที่ชัดเจน และการกำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดให้บริการศูนย์ข้อมูลเผยแพร่ข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม การพิจารณากำหนดท่าทีความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบรางกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการเร่งกำหนดมาตรฐานของระบบรางเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบรางในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเร่งกำหนดแผนพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรระบบราง เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางได้ในอนาคต ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19020 | รายงานผลการประชุมมอบนโยบายการนำแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559 - 2560 ไปสู่การปฏิบัติ และการเสนอวีดิทัศน์รายงานผลการประชุม ฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมมอบนโยบายการนำแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ เป็นประธาน มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กรอบความคิดการดำเนินงานตามแผนฯ เป็นการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านชุมชนที่มีเป้าหมายในการรักษาสภาพหมู่บ้านชุมชนที่ไม่มีปัญหายาเสพติดให้มีความยั่งยืน หมู่บ้านชุมชนที่มีสถานการณ์ปัญหายาเสพติดให้สามารถลดระดับความรุนแรงลงหรือไม่มีปัญหา โดยยึดยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ๕ ปี ๒. กำหนดเป้าหมายผลลัพธ์การขับเคลื่อนแผน ๖ ระยะ ทุก ๓ เดือน เพื่อติดตามประเมินผลความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผน รวมทั้งปรับกลยุทธ์ ๓. แนวทางการดำเนินงานเน้น ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการด้านป้องกันยาเสพติด ดำเนินการใน ๓ กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มสถานศึกษา กลุ่มแรงงาน และกลุ่มประชาชนทั่วไปและเยาวชนนอกสถานศึกษา (๒) มาตรการด้านการบำบัดรักษา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรับดูแลเรื่องการบำบัดผู้เสพผู้ติดทั้งระบบ และ (๓) มาตรการด้านการปราบปรามยาเสพติดเกี่ยวกับระดับพื้นที่ มาตรการสกัดกั้นซึ่งจะยกระดับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ และมาตรการด้านกฎหมาย ๔. ได้มีการดำเนินการ Re-X-Ray เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน ทบทวน และพัฒนาการปฏิบัติในช่วงระยะต่อไป ๕. กำหนดมาตรการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้แก่ การให้ความดีความชอบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ และการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและปล่อยปละละเลย ๖. การจัดสรรงบประมาณลงสู่จังหวัดและอำเภอประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ๗. สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ที่สำนักงาน ป.ป.ส.
|
.....