ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 957 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19121 - 19140 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19121 | โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภูมิภาคผ่านโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของหมู่บ้าน หรือการดำเนินกิจการสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสุธี มากบุญ) เสนอเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เห็นควรให้ดำเนินการ ๑.๑ ในส่วนของระยะเวลาในการดำเนินโครงการ หากเป็นโครงการที่ดำเนินการได้เอง ให้เบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ส่วนโครงการที่เป็นการจ้างเหมาให้ก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันจะทำให้การดำเนินโครงการต้องล่าช้าออกไป ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป พร้อมชี้แจงเหตุผลความจำเป็นโดยละเอียด ๑.๒ ในขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกโครงการ ให้คณะกรรมการระดับอำเภอในแต่ละพื้นที่พิจารณากลั่นกรองโครงการโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนส่วนรวมในแต่ละหมู่บ้านจะได้รับเป็นสำคัญ และจะต้องไม่เป็นโครงการเพื่อการจัดซื้อครุภัณฑ์หรือซ่อมแซมอาคารสถานที่ต่าง ๆ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยนำโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ มาพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ในฐานะหน่วยงานหลักวางแผนการดำเนินโครงการให้ชัดเจนเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยนำข้อจำกัด ปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการครั้งก่อนมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งให้มีการกำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอนด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และให้นำเสนอโครงการดังกล่าวต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อบรรจุไว้เป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลที่ต้องติดตามเร่งรัดเป็นกรณีพิเศษ ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยนำผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการดำเนินโครงการดังกล่าวมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการรายงานผลการดำเนินโครงการต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19122 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมต่ำกว่า ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๑,๒๗๘ รายการ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๕๐๐ ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕๑ รายการ และที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๖ รายการ โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔๐,๓๘๘.๘ ล้านบาท จากวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้นจำนวน ๒๓๑,๒๕๕.๙ ล้านบาท สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๖ รายการ เห็นสมควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เจ้าของเรื่องพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๖ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๓ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เสนอในครั้งนี้ หากเป็นรายการที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ นั้น สามารถปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๔ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเฉพาะรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนฯ และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19123 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของเอเปค ครั้งที่ 6 | ศธ | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของเอเปค ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่ ๔-๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของเอเปค ครั้งที่ ๖ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ Education Growth : Competencies, Employability and Innovation มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการศึกษา และรับรองยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเอเปค รวมทั้งแถลงการณ์ร่วมด้านการศึกษาของเอเปค มีสมาชิกเขตเศรษฐกิจเข้าร่วมทั้งสิ้น ๑๙ เขตเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้ให้ความเห็นชอบและรับรองในเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ คือ ยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเอเปค ระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๗๓ และแถลงการณ์ร่วมด้านการศึกษาของเอเปค โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทยได้นำเสนอรายงานด้านการศึกษาของประเทศไทยหัวข้อ “การเตรียมคนสู่การทำงาน” (Employability) ต่อที่ประชุมฯ ๒. การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทย-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฮ่องกงในเรื่องการทำความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษา ระหว่างไทย-ฮ่องกง การให้ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาของไทย และการทำโครงการ Sister School กับสถานศึกษาของไทยเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19124 | การกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๖ คณะ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ ให้คณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้ง ๖ คณะ นำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการจัดทำแผนงานดังกล่าวเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง แผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙)] มาประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ๑.๒ เมื่อสำนักงบประมาณพิจารณาข้อเสนอการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และสรุปภาพรวมข้อเสนอเบื้องต้นการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เรียบร้อยแล้ว ให้สำนักงบประมาณนำเสนอรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19125 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 12 (CMP12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1 (CMA 1) | ทส | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๒ (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๒ (CMP 12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑ (CMA 1) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในระหว่างการประชุมระดับสูง และมอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ผู้แทนพิเศษของประธานกลุ่ม ๗๗ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย กรณีที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไม่ได้พำนักในราชอาณาจักรโมร็อกโก รวมทั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบต่อกรอบท่าทีเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุม COP 22 การประชุม CMP 12 และการประชุม CMA 1 มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงภายใต้ความตกลงปารีส จะคำนึงถึงหลักการของความเป็นธรรม ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ และมุ่งหวังให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินงานตามพันธกรณีของตนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ พิธีสารเกียวโต และความตกลงปารีส รวมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มระดับการดำเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่หลักการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นธรรม รวมทั้งยกระดับการให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้านการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติฯ จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐภาคี จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกรอบท่าทีการเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19126 | การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลังสิ้นสุดการจดทะเบียน | รง | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลังสิ้นสุดการจดทะเบียน ได้แก่ (๑) มาตรการดำเนินการหลังสิ้นสุดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา (๒) ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และ (๓) ขยายระยะเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล และกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19127 | ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 โดยมีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง | กต | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Sustainable Development Goals 2030 : SDGs) ทั้ง ๑๗ เป้าหมาย และ ๑๖๙ เป้าประสงค์ โดยมีปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy : SEP) เป็นแนวทาง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ทุกส่วนราชการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติในทุกกระบวนการ โดยการจัดทำงบประมาณจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักความมีเหตุผล หลักความพอเพียง ประหยัดคุ้มค่า ความจำเป็นตามสถานการณ์ปัจจุบัน และแผนแม่บทระยะ ๕ ปี/๒๐ ปี ที่คำนึงถึงการคาดการณ์ในอนาคตภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล นโยบายความมั่นคง แผนแม่บทด้านต่าง ๆ ให้มีการบูรณาการตามภารกิจและงบประมาณใน ๓ มิติ ประกอบด้วย มิติยุทธศาสตร์ (Agenda) และมิติกระทรวง/หน่วยงาน (Function) ที่จะต้องบูรณาการร่วมกับจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในมิติพื้นที่ (Area) เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและพัฒนาในระดับพื้นที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะนำไปสู่ความมีวินัยด้านการเงินการคลัง สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง (SEP for SDGs) ให้สอดคล้องกับแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนปฏิบัติการระยะ ๕ ปี และ ๑ ปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการ ปี ๒๕๖๐ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จและเกิดผลสัมฤทธิ์ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อเป็นการสานต่อพระราชปณิธานและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19128 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายอาณัติ ชวนะเกรียงไกร และนายปัญญา หาญลำยวง) | กก | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นายอาณัติ ชวนะเกรียงไกร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายปัญญา หาญลำยวง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19129 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 3 ราย 1. นายวิชัย คงรัตนชาติ ฯลฯ) | รง | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายวิชัย คงรัตนชาติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางเพชรรัตน์ สินอวย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19130 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) (นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ และ นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์) | ศอบต | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19131 | การพิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (นายธัชพล กาญจนกูล) | พม | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายธัชพล กาญจนกูล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ครั้งที่ ๙/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19132 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (จำนวน 3 คน 1 นายนราธร วงศ์วิเศษ ฯลฯ) | กค | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายนราธร วงศ์วิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง ๒. นายนิธิศวร์ ตั้งสง่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง ๓. นายรุจพงศ์ ประภาสะโนบล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19133 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๖/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖๗/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19134 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๔ ตุลาคม ๒๕๕๙) เกี่ยวกับการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนงานให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง (SEP for SDGs) กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และประเด็นการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้วย เมื่อสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมแผนงานในภารกิจหลักฯ เสร็จ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำไปบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการแผนงาน/โครงการ และการพิจารณาจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย สำรวจความต้องการใช้เครื่องมือและเครื่องจักรกลทางการเกษตรของเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น และให้การสนับสนุนเครื่องมือและเครื่องจักรกลทางการเกษตรแก่กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวตามลำดับความพร้อมในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมือเครื่องจักรกลดังกล่าว ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19135 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลง/สนธิสัญญาการส่งผู้รายข้ามแดน | กต | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลง/สนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ทั้งหมด แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19136 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร05 | 20/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับทุกส่วนราชการน้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในเรื่องต่าง ๆ ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และเป็นแนวทางในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ต่อไป ๒. ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการพิจารณานำร่องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในหน่วยงาน รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนการผลิต Solar Cell ภายในประเทศ รวมถึงการทำลาย Solar Cell ที่ไม่ใช้งานแล้วด้วย นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว และให้กำหนดเป้าหมายและแผนปฏิบัติการเพื่อลดภาระงบประมาณค่าสาธารณูปโภคทุกประเภทของแต่ละหน่วยงานโดยมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติประสานงานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมรายชื่อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ รวมทั้งผู้กลับใจ ผู้หลงผิด หรือผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามนัยมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านที่ดินทำกินแก่กลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างเหมาะสม โดยให้เร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๔. ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาพรวม เพื่อให้ทุกส่วนราชการสามารถดำเนินการให้สอดคล้องกัน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๕. ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๔/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นั้น ให้คณะกรรมการดังกล่าวเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงระบบค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19137 | การเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช | นร04 | 19/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
๑. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาร่วมงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพอย่างเข้มแข็งต่อไป ทั้งในเรื่องการเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกิน ที่พัก รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดประสบปัญหาเรื่องใด หรือมีเรื่องควรรายงานรัฐบาล หรือแจ้งข่าวใด ๆ ให้ติดต่อศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ซึ่งตั้งอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล โทรศัพท์หมายเลข ๑๑๑๑ ๓. ให้ดูแลรักษาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ประดิษฐานตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนเช่นเดิม แต่การใช้ถ้อยคำใต้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เคยใช้มาแต่เดิม เช่น คำว่า “ทรงพระเจริญ” หรือ “ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา” ให้เปลี่ยนถ้อยคำหรือข้อความนั้นให้เหมาะสม ทั้งนี้ หากจะมีการเปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์หรือติดผ้าดำขาวแสดงความไว้อาลัย การนำพระบรมฉายาลักษณ์เดิมออกและติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ต้องกระทำโดยต่อเนื่องกันทันที โดยให้ส่วนราชการทุกแห่งถือปฏิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ไปยังหน่วยงานของไทยในต่างประเทศด้วยว่า เรื่องนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และโบราณราชประเพณี ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นไประยะหนึ่งแล้ว จะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ ต่อไป โดยคณะรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ในระหว่างนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนในส่วนที่จำเป็น ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นจะทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งไม่กระทบต่อกรอบเวลาการทำงานต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ ๕. ให้ ศตส. ร่วมกับทุกส่วนราชการเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานพระราชพิธีทั้งหมดเพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของชาติต่อไป ๖. ให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุใช้เวลาในช่วงเวลา ๓๐ วัน (จนถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เน้นการเสนอรายการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่าง ๆ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในรูปแบบการถ่ายทอดความรู้สึกและความประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจให้ดำเนินการในช่วงที่มีการเสด็จพระราชดำเนินพ้นจากช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว อาจพิจารณาเสนอรายการปกติได้ แต่ควรเน้นการให้ความรู้การพัฒนามากกว่าการบันเทิง หรืออาจพิจารณาสลับสับเปลี่ยนกับการนำเสนอผลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแนวพระราชดำริในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเกษตร การชลประทาน การวิจัย การศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นต้น เมื่อพ้นกำหนดช่วงเวลา ๓๐ วันแล้ว ขอให้สถานีวิทยุโทรทัศน์พิจารณาจัดรายการตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นสำคัญ ๗. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงานราชบัณฑิตยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษาเรียกขานเรื่องต่าง ๆ ที่เหมาะสม การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตลอดจนวิธีแสดงความจำนงขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย ๘. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนด้านการจราจร การถวายอารักขา และการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะวันเสด็จพระราชดำเนิน และวันเวลาภายหลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพได้ ๙. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุโดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และให้ส่วนราชการอื่น ๆ โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทยเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไปด้วย ๑๐. ให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลและจัดเตรียมการต้อนรับกรณีที่มีพระประมุข ประมุข และพระราชวงศ์ หรือผู้นำแห่งรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศเดินทางมาประเทศไทยเนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีดังกล่าว ๑๑. ให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดพิมพ์หนังสือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อแจกจ่ายให้แก่คณะรัฐมนตรีและประชาชน ๑๒. ให้กระทรวงมหาดไทยให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจและพร้อมที่จะชี้แจงแก่ประชาชนในพื้นที่ให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป ๑๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงการคลังชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อนักท่องเที่ยวหรือธุรกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม ๑๔. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการเผยแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หรือยุยงให้เกิดความแตกแยก และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าได้แพร่ภาพหรือข้อความดังกล่าวเป็นอันขาด เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ๑๕. การจัดงานรื่นเริงบันเทิงต่าง ๆ ในช่วงเวลา ๓๐ วันแรกนับแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ให้ผู้จัดพิจารณาตามความเหมาะสม โดยงดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง เช่น การแสดงดนตรี แต่ยังสามารถจัดงานประชุม งานมงคลสมรส กฐิน งานลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศลหรือศาสนกิจตามประเพณีได้ การเลี้ยงหรือชุมนุมสังสรรค์หรือการแสดงทางวัฒนธรรมที่ทำในอาคาร และเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มตามที่จัดเป็นปกติหรือได้เตรียมการไว้แล้ว เช่น การต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าร่วมประชุม ให้จัดได้ตามความเหมาะสม โดยถือความเหมาะสมและความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19138 | การเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น "พระบิดาแห่งการปฎิรูปข้าวไทย" และ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน เป็น "พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย" | นร | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเปลี่ยนข้อความในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ จากเดิม “รัชกาลปัจจุบัน” เป็น “รัชกาลที่ ๙” ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19139 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับทราบความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาเร่งด่วน โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ปรับโครงสร้างการบริหารงาน (๒) ปรับการบริหารงานบุคคลและการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก (๓) ปรับระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและจัดการศึกษา และ (๔) ปรับเนื้อหาหลักสูตร สำหรับร่างแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๔ มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และแผนการขับเคลื่อนและการปฏิรูปด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา ซึ่งประธานที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า กระทรวงศึกษาธิการควรเผยแพร่ประเด็นดังกล่าวในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” และเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งพิจารณาประเด็นการปฏิรูปการศึกษาให้ครอบคลุมทุกประเด็นการพัฒนา และให้รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาต่อไป ๒. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการของร่างแผนปฏิบัติการโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในส่วนของการอนุมัติงบประมาณเห็นควรแบ่งการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ระยะที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๒ และระยะที่ ๓ ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๗๙ และให้ สกว. รับความเห็นจากที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการฯ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๓. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับการขอความเห็นชอบกรอบอัตรากำลังพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๓ แห่ง ปีงบประมาณ ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยเห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายละเอียดการดำเนินการที่สะท้อนให้เห็นความจำเป็นในเรื่องกรอบอัตรากำลังให้ชัดเจน พร้อมทั้งให้รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19140 | ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโต อย่างมีคุณภาพ | สธ | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขจุดอ่อนของนโยบายและยุทธศาสตร์ฉบับที่แล้ว และคำนึงถึงความต่อเนื่องและประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ รวมถึงเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการแก้ไขป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพการเกิดและการเจริญเติบโตของเด็กปฐมวัย ซึ่งร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ฉบับนี้ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) พัฒนากฎหมาย นโยบายและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง (๒) พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขและสร้างการเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม (๓) พัฒนาระบบจัดสวัสดิการสังคม และ (๔) พัฒนาระบบสารสนเทศและการสื่อสารสังคม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมมาตรการที่เอื้อต่อการสร้างครอบครัวและมีบุตรให้สอดคล้องกับหลักแนวคิดของแผนดังกล่าวในส่วนของการสนับสนุนการผลิตสื่อสร้างสรรค์ที่มีรูปแบบหลากหลายที่ให้ความรู้ในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัย การจัดให้สถานประกอบการมีการจ้างงานที่ยืดหยุ่น และการจัดให้มีระบบช่วยเหลือพิเศษสำหรับครอบครัวที่ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่น อัตราการตายของทารกแรกเกิด ซึ่งประเทศไทยสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ แต่ในบางจังหวัดกลับพบว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
.....