ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 954 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 19061 - 19080 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19061 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมติดตามดูแลให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่มั่นคง และรักษาที่ดินที่ได้รับเพื่อเป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน เป็นไปตามเจตนารมณ์และขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ อาทิ การส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ และเกษตรกรรมแม่นยำสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตในการผลิตพืชกระแสหลัก และการสนับสนุนทางเลือกในการทำเกษตรกรรมยั่งยืน เช่น เกษตรอินทรีย์ ฯลฯ ให้กับเกษตรกรที่มีความพร้อม เพื่อพัฒนาอาชีพและรายได้ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติของเกษตรกรและชุมชน ไปพร้อม ๆ กัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19062 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตเชื้อเห็ดให้มีการปฏิบัติตามหลักวิชาการและถูกสุขลักษณะทำให้ได้เชื้อเห็ดที่มีคุณภาพและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านการผลิตสินค้าเกษตรของไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับ โดยควรพิจารณาการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการผลิตเชื้อเห็ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือเป็นวิสาหกิจชุมชนให้สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวได้ ภายหลังการประกาศใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19063 | สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) | ทส | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) ระหว่างวันที่ ๕-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดอุดรธานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือในประเด็นการส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การฟื้นฟูป่า และการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับภูมิภาค ASEAN รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการรับมือกับปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ด้านนโยบายการบริหารจัดการ และการดำเนินงานที่เป็นผลสำเร็จของแต่ละประเทศ ในประเด็นการส่งเสริมการฟื้นฟูป่า การหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และความเสื่อมโทรมของป่า การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การพัฒนาป่าชุมชน การเสริมสร้างศักยภาพของป่าในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. กลุ่มประเทศ CLMTV เห็นชอบกับแนวคิดริเริ่มการจัดทำความร่วมมือเพื่อเป็นหุ้นส่วนดำเนินการด้านป่าไม้ (The initiative on the CLMTV Forest Partnership) เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในภูมิภาคอาเซียน และส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมทั้งใช้เป็นแนวทางในการกำหนดกรอบความร่วมมือและจัดทำกิจกรรมร่วมกันในการฟื้นฟูและฟื้นคืนสภาพภูมิทัศน์ป่าไม้ในอนาคต โดยการเสริมสร้างศักยภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการป่าไม้ ๓. ประเทศไทย โดยกรมป่าไม้ ได้นำสรุปผลการประชุมฯ ไปรายงานต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านป่าไม้ (The Meeting of ASEAN Senior Officials on Forestry : ASOF) ครั้งที่ ๑๙ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อทราบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19064 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง รวม 2 ฉบับ | ปง | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดว่ากระทำการอันเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการพิจารณากำหนดรายชื่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณารายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดว่ากระทำการอันเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรกำหนดชื่อร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม พ.ศ. .... เป็น “ร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม พ.ศ. ....” เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นการพิจารณารายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในเรื่องใด รวมทั้งควรกำหนดให้ชัดเจนด้วยว่า กรณีบุคคลที่ถูกกำหนดว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ถ้าเห็นว่ามีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องฝ่ายเดียวให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนรายชื่อผู้นั้นออกจากรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดโดยไม่ชักช้า เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นไปตามหลักการในมาตรา ๗ แห่งร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้เมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว ๓. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการในเรื่องนี้ไปยังคณะผู้ประเมินของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (Financial Action Task Force on Money laundering : FATF) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19065 | รัฐบาลสาธารณรัฐเบลารุสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐเบลารุสประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายวลาดีมีร์ อา. โกชิน (Mr. Vladimir A. Goshin)] | กต | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวลาดีมีร์ อา. โกชิน (Mr. Vladimir A. Goshin) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเบลารุสประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สืบแทน นายวาเลรี ซาโดโค (Mr. Valery Sadoko) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19066 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... | พณ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติที่ ๒๒๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ว่าด้วยการต่ออายุมาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธ การห้ามเดิมทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลาง รวมทั้งการเพิ่มเติมข้อยกเว้น ข้อ ๑ (ซี) อีกหนึ่งข้อ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติดังกล่าว โดยให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทบัญญัติอาศัยอำนาจของร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ควรระบุให้ครบถ้วนและชัดเจนว่าเป็นการอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) (๓) และวรรคสอง กับมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับฐานอำนาจในการออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับนี้ อันมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19067 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จำนวน ๒ แปลง แปลงที่ ๑ เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๔๔ ตารางวา แปลงที่ ๒ เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๓ งาน ๐๒ ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๒ ไร่ ๓ งาน ๔๖ ตารางวา เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลห้วยกะปินำไปจัดหาผลประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ถูกถอนสภาพ โดยติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้มีการใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดตามศักยภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19068 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรณีเร่งรัดให้ดำเนินการปรับเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นระบบช่วงเงินเดือน และแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น กระทรวงศึกษาอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีการเยียวยาให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ได้รับเงินเดือนเท่าเทียมข้าราชการครู กระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ. เห็นว่าควรให้คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐพิจารณาทบทวนการปรับปรุงค่าตอบแทนทั้งระบบให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกัน เพื่อไม่สร้างภาระงบประมาณ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19069 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข | นร10 | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑,๙๒๒ อัตรา เพื่อใช้บรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาในปี ๒๕๕๙ โดยใช้งบประมาณประมาณ ๕๘๖,๓๒๓,๑๒๐ บาท/ปี ทั้งนี้ การกำหนดตำแหน่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนด ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. เสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบรรจุอัตราข้าราชการตั้งใหม่ดังกล่าวควรคำนึงถึงอัตราส่วนบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขต่อจำนวนประชากรที่เหมาะสม และมีการกระจายอย่างเป็นธรรมในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการสร้างความรับรู้ของประชาชน และการบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข เพื่อให้การบริการสาธารณสุขในภาพรวมของภาครัฐมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19070 | รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ 2 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 12 กันยายน 2559) | นร04 | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงรับไปพิจารณารายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) อีกครั้งหนึ่ง และส่งการปรับปรุงแก้ไขให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการภายในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) เพื่อเผยแพร่และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศแปลบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ในต่างประเทศ ๔. ให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดพิมพ์บทสรุปสำหรับผู้บริหารฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และจัดทำรูปแบบการกำหนดที่ง่ายต่อการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19071 | ความคืบหน้าการดำเนินงานด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพารา และความคืบหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ | อก | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพารา และความคืบหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเพื่อการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาราคายางพารา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการ (๑) จัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพารา ซึ่งได้ประกาศใช้ในประเทศแล้ว จำนวน ๓,๑๓๑ มาตรฐาน และได้เร่งรัดจัดทำ มอก. ที่เกี่ยวข้องกับยางพาราใน ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางล้อ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางอื่น และ (๒) ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางให้สามารถผลิตแผ่นยางปูพื้นที่มีคุณภาพตาม มอก. โดยได้ส่งเสริมและพัฒนาชุมชนสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดของ มอก. การทดสอบ กระบวนการผลิต และการควบคุมระบบคุณภาพของโรงงาน รวมทั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ส่งเสริมและพัฒนาชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางสตูลผลิตแผ่นยางปูพื้นให้มีคุณภาพจนได้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมาย มอก. ๒๓๗๗-๒๕๕๑ แผ่นยางปูพื้น เป็นรายแรก ๑.๒ โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรมประมาณการการดำเนินงานโครงการระยะที่ ๑ ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 ได้ประมาณร้อยละ ๒๐ ของแผนการดำเนินงาน หากต้องการดำเนินงานโครงการระยะที่ ๑ ให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และโครงการระยะที่ ๒ ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ จะต้องใช้งบประมาณในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งสิ้น ๕๖๔,๔๕๓,๘๐๐ บาท ทั้งนี้ เมื่อที่ปรึกษาโครงการได้ออกแบบก่อสร้างอาคารสำนักงานพร้อมห้องปฏิบัติการทดสอบ และสนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการของบประมาณ งบกลาง ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ส่วนของค่าชดเชยพื้นที่ตั้งโครงการ กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณค่าชดเชยพื้นที่เบื้องต้น จำนวน ๕๓,๐๕๕,๐๐๐ บาท โดยได้ชำระค่าชดเชยพื้นที่ให้กับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้แล้ว จำนวน ๓๙,๕๑๙,๖๑๙.๒๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และชำระให้กับกรมป่าไม้แล้ว จำนวน ๑๓,๕๓๕,๓๘๐.๘๐ บาท เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ แหล่งเงินสำหรับการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานหารือกับกระทรวงการคลังแล้วดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19072 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในส่วนของกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ จากเดิมกำหนดให้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ และสำหรับการดำเนินโครงการฯ ในภาคใต้กำหนดให้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นกำหนดให้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และสำหรับการดำเนินโครงการฯ ในภาคใต้กำหนดให้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และไม่ให้มีการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ อีก ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบูรณาการงานเรื่องการลดต้นทุนการผลิตกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างเป็นระบบและสามารถเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว ตลอดจนเร่งดำเนินการและกำกับดูแลการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และสอดคล้องกับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงอย่างทั่วถึง รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า การดำเนินโครงการฯ จะต้องดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19073 | การรับรองร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) | ทส | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) สำหรับการประชุม The Seventh Regional 3R Forum in Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองแอดิเลด รัฐออสเตรเลียใต้ เครือรัฐออสเตรเลีย มีสาระสำคัญเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และองค์กรด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป อีกทั้งเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยกระตุ้นกลไกการบริหารจัดการของเสียภายในประเทศให้เป็นไปตามหลักการสากล ๑.๒ อนุมัติให้รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19074 | การรับรองร่างปฏิญญานิวเดลีและแผนปฏิบัติการกรอบเซนไดของภูมิภาคเอเชียสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีแห่งเอเชียว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ประจำปี พ.ศ. 2559 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย | มท | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญานิวเดลี (New Delhi Declaration) และแผนปฏิบัติการกรอบเซนไดของภูมิภาคเอเชียสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีแห่งเอเชียว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มข้อความในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การปฏิบัติตามกรอบเซนไดฯ ในมิติสาธารณสุข การส่งเสริมหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเสริมสร้างความต้านทานต่อภัยพิบัติแก่ชุมชน การฟื้นฟูและการสร้างใหม่ที่ดีกว่า เพื่อให้ปรากฏในร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันพิจารณาและดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19075 | ทบทวนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการตลาด | พณ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวหอมมะลิตามกลุ่มเป้าหมาย ๒,๐๐๐ บาทต่อตัน (กำหนด ไร่ละ ๘๐๐ บาท รายละไม่เกิน ๑๕ ไร่) ทั้งรายที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินเข้าบัญชีให้กับเกษตรกร กรอบระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๙,๓๗๕.๓๗ ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวเสนอ ๒. ในส่วนของการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ในระยะนี้ ให้กำหนดกรอบวงเงินสินเชื่อต่อตันข้าวเปลือกหอมมะลิไว้ที่ไม่เกิน ๙,๕๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทยร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงพื้นที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินงานโครงการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19076 | การบรรจุข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (บริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล) | นร | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการบรรจุกลับ ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล พนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งศาสตราจารย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเดิมเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ ๑๐ และเจ้าหน้าที่ขององค์การมหาชน ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ มาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19077 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 10 ราย 1. นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ ฯลฯ) | กต | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๗ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ๒. นายธานี ทองภักดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายเสข วรรณเมธี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธ์รัฐสวิส ๔. นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ ๕. นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ๖. นายจักรี ศรีชวนะ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส ๗. นายชัยเลิศ หลิมสมบูรณ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก ๘. นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ๙. นายพิชยพันธุ์ ชาญภูมิดล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑๐. นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19078 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายเดชา เกื้อกูล และนายอภิจิณ โชติกเสถียร) | อก | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายเดชา เกื้อกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอภิจิณ โชติกเสถียร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19079 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (จำนวน 7 ราย 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | กษ | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา จำนวน ๗ คน เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. นางจิราวรรณ แย้มประยูร กรรมการ ๓. นายอดิศร พร้อมเทพ กรรมการ ๔. นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ กรรมการ ๕. นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท กรรมการ ๖. พลเรือเอก เริงฤทธิ์ บุญส่งประเสริฐ กรรมการ ๗. นายณพงศ์ ศิริขันตยกุล กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19080 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (จำนวน 4 ราย 1. นายกฤษฎา บุญราช ฯลฯ) | กค | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน ๔ ราย แทนผู้ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายกฤษฎา บุญราช แทน นายกำพล ศรธนะรัตน์ ๒. พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ แทน พลตำรวจเอก เจตน์ มงคลหัตถี ๓. ศาสตราจารย์นฤมล สอาดโฉม แทน ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ ๔. นางรัตนา อนุภาสนันท์ แทน นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี
|
.....