ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 953 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19041 - 19060 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19041 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลานิล ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลานิล หากดำเนินการในส่วนเฉพาะที่มีการเปิดเหมืองไปแล้ว เพื่อทำเหมืองแร่ในระดับลึกลงไปจากเดิมตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั้น ไม่สอดคล้องกับหลักความปลอดภัยในการทำเหมืองเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุเหมืองถล่มได้ง่าย อันจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง แต่การทำเหมืองที่มีการขออนุญาตนี้ ได้มีการกันพื้นที่เป็น Buffer Zone เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวไว้แล้ว ๒. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลานิล ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑๒/๒๕๕๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับและติดตามการดำเนินการของผู้ที่ได้รับอนุญาตต่อเนื่องเป็นระยะๆ โดยให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขในการอนุญาตอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนและชุมชน ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข อาทิ เห็นควรให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการจัดตั้งกองทุนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และสนับสนุนให้มีการเฝ้าระวังสุขภาพและสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการวางแผนการตอบสนองความต้องการใช้แร่หินปูนของประเทศในระยะยาวให้สอดคล้องกับข้อจำกัดทางทรัพยากรในปัจจุบันไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19042 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พนาสิทธิ์ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน | อก | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พนาสิทธิ์ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓/๒๕๔๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับและติดตามการดำเนินการของผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะ ๆ โดยให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขในการอนุญาตอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนและชุมชน ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดตั้งกองทุนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)และสนับสนุนกรเฝ้าระวังด้านสุขภาพและสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษารายละเอียดของการใช้ประโยชน์และความจำเป็นทางเศรษฐกิจของการทำเหมืองแร่วุลแฟรมและซีไลต์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และให้มีมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ในรูปวัตถุดิบทั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือป้องกันการลักลอบส่งออกแร่ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19043 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ (ASEAN Ministerial Conference on Cybersecurity) และงาน Singapore International Cyber Week | ดท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ (ASEAN Ministerial Conference on Cybersecurity) และงาน Singapore International Cyber Week ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมสัมมนาและงานนิทรรศการ GovernmentWare (GovWare) มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ในระดับผู้นำประเทศ การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในและระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายในการรับมือกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานสากลในการรักษาความปลอดภัยทางสารสนเทศ ความจำเป็นของการมีหน่วยงานหรือบุคคลเพื่อการติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมมาตรฐานสากล การสร้างมาตรการเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ๒. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ (ASEAN Ministerial Conference on Cybersecurity) มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีอาเซียน ภายใต้หัวข้อต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดทิศทางของยุทธศาสตร์และนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศของอาเซียน การกำหนดลำดับความสำคัญของขอบเขตการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศในอาเซียน การหลอมรวมความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศในอาเซียนให้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และการพิจารณาองค์ประกอบสำคัญที่จะรวมไว้ในยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศของอาเซียน โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นในประเด็นการกำหนดลำดับความสำคัญของขอบเขตการดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศในอาเซียน ซึ่งต้องคำนึงถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ กฎหมาย กฎระเบียบ ทรัพยากรที่มีอยู่ และระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องร่วมมือกันในทุกระดับในการรับมือกับภัยคุกคามผ่านเวทีหารือ การจัดฝึกอบรม และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ๓. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและสารสนเทศของสิงคโปร์ โดยเสนอให้เพิ่มเติมสาขาความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศเข้าไปเป็นสาขาที่ ๑๔ ภายใต้กรอบการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการไทย-สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Programme : CSEP) รวมทั้งหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมาเลเซีย โดยประเด็นที่มีการหารือมุ่งเน้นการตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมศักยภาพบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ๔. การศึกษาดูงาน ณ สำนักงานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) ด้านนวัตกรรม (The INTERPOL Global Complex for Innovation : IGCI) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการประสานงานความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยคณะผู้แทนได้เยี่ยมชมอาคารและศูนย์ต่าง ๆ ของ IGCI พร้อมรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับภาพรวมการทำงานของ INTERPOL
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19044 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ภัทรเจริญไมนิ่ง จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ภัทรเจริญไมนิ่ง จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ตามคำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับและติดตามการดำเนินการของผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะ ๆ โดยให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขในการอนุญาตอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนและชุมชน ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวด้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมควรศึกษารายละเอียดของการใช้ประโยชน์และความจำเป็นทางเศรษฐกิจของการทำเหมืองแร่ดิกค์ไคต์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และให้มีมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ในรูปวัตถุดิบทั้งโดยถูกต้องตามกฎหมาย หรือการลักลอบส่งออกแร่ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19045 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท สิรินิธิ จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา | อก | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการทำเหมืองแร่ของบริษัท สิรินิธิ จำกัด หากดำเนินการในส่วนเฉพาะที่มีการเปิดเหมืองไปแล้ว เพื่อทำเหมืองแร่ในระดับลึกลงไปจากเดิมตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั้น ไม่สอดคล้องกับหลักความปลอดภัยในการทำเหมืองแร่เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุเหมืองถล่มได้ง่าย อันจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง แต่การทำเหมืองที่มีการขออนุญาตนี้ได้มีการกันพื้นที่เป็น Buffer Zone เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวไว้แล้ว ๒. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท สิรินิธิ จำกัด จังหวัดนครราชสีมา ตามคำขอประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับและติดตามการดำเนินการของผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ โดยให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขในการอนุญาตอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนและชุมชน ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย อาทิ เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับดูแลให้ผู้ถือประทานบัตรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ และระบบนิเวศเขาหินปูนของพื้นที่อนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองหินทั้งหมด การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ในภาพรวม และการวางแผนการตอบสนองความต้องการใช้แร่หินปูนของประเทศในระยะยาวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19046 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการจัดส่งข้อมูลวิเคราะห์ปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศเดิม และข้อเสนอการจัดแบ่งส่วนราชการใหม่ในภาพรวมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งขณะนี้ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19047 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | มท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางระกำ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลโคกพุทรา ตำบลรำมะสัก ตำบลทางพระ ตำบลคำหยาด ตำบลยางซ้าย ตำบลอ่างแก้ว ตำบลอินทประมูล ตำบลบางพลับ ตำบลสามง่าม ตำบลบ่อแร่ และตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ โดยในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินควรกำหนดแนวเขตปฏิรูปที่ดิน พร้อมทั้งสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ และให้โบราณสถานทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในเขตที่กำหนดตามร่างกฎกระทรวงฯ เป็นพื้นที่ดินเพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ เห็นควรให้เพิ่มประเภทและขนาดโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรม และการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงของแต่ละเมือง ตลอดจนการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ นอกจากนี้ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชนที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19048 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร พ.ศ. 2555) | มท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมไม่ควรที่จะให้มีโรงงานอุตสาหกรรม หรือหากมีก็ควรเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ให้บริการแก่ชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ตลอจนให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมและที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม เพื่อรักษาพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณค่าของประเทศ และให้มีการประเมินผลผังเมืองรวมจังหวัดยโสธรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีการปรับปรุงผังเมืองได้อย่างเหมาะสมทันการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19049 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ ตำบลไสไทย ตำบลทับปริก และตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | คค | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ ตำบลไสไทย ตำบลทับปริก และตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สาย ง ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองกระบี่ ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ ตำบลไสไทย ตำบลทับปริก และตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีส่วนแคบที่สุดสองร้อยเมตร และส่วนกว้างที่สุดห้าร้อยเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรตรวจสอบแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนให้ชัดเจน เนื่องจากมีบางท้องที่ที่เสนอขอตราพระราชกฤษฎีกาในครั้งนี้ได้มีการกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19050 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตราด พ.ศ. 2556) | มท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมือง ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ด้วย ในส่วนของที่ดินประเภทอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยว ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ไม่ควรที่จะให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นใหม่ หรือหากมี ก็ควรเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ให้บริการแก่ชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และเนื่องจากจังหวัดตราดมีโอกาสขยายตัวระดับสูงจากการเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จึงเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินริมแม่น้ำและลำคลองอย่างเข้มงวด และมีการประเมินผลผังเมืองรวมจังหวัดตราดอย่างสม่ำเสมอ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19051 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวสุลักขณา ธรรมานุสติ) | นร10 | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุลักขณา ธรรมานุสติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19052 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในส่วนของงบทำการ จำนวน ๑๔,๗๓๖.๓๐๕๐ ล้านบาท สำหรับงบลงทุน กยท. ได้เสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามระเบียบว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นหน่วยงานที่นำเสนอในภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ กยท. ที่จะต้องคำนึงถึงนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งโครงการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร โดยจะต้องให้ความสำคัญในการนำเงินกองทุนพัฒนายางพารามาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐตามอำนาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ภายใต้พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการจัดทำรายงานการประเมินผลโครงการที่ได้ดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาลและโครงการและกิจกรรมสำคัญที่ กยท. ดำเนินการเอง รวมทั้งการเร่งจัดทำยุทธศาสตร์ยางพาราฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแนวทางและงบประมาณในการดำเนินงานของ กยท. ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในระยะต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19053 | ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... | กก | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัตินโยบายการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ในการจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ แผนปฏิบัติการด้านการกีฬา รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้การปฏิบัติงานในด้านนโยบายและการบริหารการกีฬาของประเทศมีเอกภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ตามร่างมาตรา ๑๘(๘) มีอำนาจในการกำกับ ติดตาม และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ อาจจะเป็นการสร้างขั้นตอนและเพิ่มความซับซ้อนที่เกินความจำเป็น เนื่องจากกองทุนฯ มีคณะกรรมการบริหารกองทุนและคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยทำหน้าที่ในการบริหารและควบคุมอยู่แล้ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19054 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบทบัญญัติเพิ่มเติมเรื่องการจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนตำบล สภาเด็กและเยาวชนเทศบาล สภาเด็กและเยาวชนเขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกระดับมีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการขับเคลื่อนงานของสภาเด็กและเยาวชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในร่างมาตรา ๖ วรรคสอง (๔) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเรื่องการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กพิการ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีร่างกายพิการหรือทุพพลภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือใดทางการศึกษา ตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ รวมทั้งได้กำหนดเรื่องสิทธิของคนพิการ และหน้าที่ของสถานศึกษา ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการไว้ตามพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนั้น การกำหนดแนวทางการดำเนินการเรื่องดังกล่าวควรคำนึงถึงความสอดคล้องของกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ทันภายในกำหนดเวลาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19055 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวนิยะดา วิทยาศัย และ นายสุทธิพงษ์ ปังคานนท์) | สธ | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนิยะดา วิทยาศัย ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. นายสุทธิพงษ์ ปังคานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19056 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนตุลาคม 2559 | นร02 | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม ๒๕๕๙) เช่น การจัดกิจกรรมถวายความอาลัยและสนับสนุนงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ ๒ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แนวทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะที่ได้รับจากกลไก UPR การดูแลปัญหาค่าครองชีพของประชาชน การบริหารจัดการตลาดสินค้าเกษตร การพัฒนาผู้ประกอบการ และการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ สัตว์ป่า และการคุ้มครองสัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES และการควบคุมการค้างาช้าง การจัดกิจกรรม Digital Startup เพื่อก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพ การแจ้งเตือนประชาชนดูแลสุขภาพในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงเน้น ๖ โรคสำคัญช่วงฤดูหนาว การแจ้งเตือนเกษตรกรให้ระวังโรคและศัตรูพืช และโรคระบาดในสัตว์ปีกในช่วงปลายฝนต้นหนาว การบริหารจัดการน้ำและมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร การเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานสภาผู้บริหารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Telecom World 2016) การเตรียมร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๒ เดือนต่อไป (ธันวาคม ๒๕๕๙) เช่น โครงการน้อมเกล้าฯ ถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดกิจกรรมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่ประชาขนที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การประชุมระดับรัฐมนตรีเชียตะวันออกด้านครอบครัวและด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ การดำเนินการเรื่องการลดต้นทุนการผลิต การดำเนินโครงการพัฒนาการเกษตรครบวงจรในพื้นที่ที่มีศักยภาพ การดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ การคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าตามอนุสัญญา CITES และการคุ้มครองการค้างาช้าง การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมรายได้ของประชาชน การแก้ไขปัญหา IUU และวางมาตรฐานการผลิตและตรวจสอบสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ การสัมมนาในหัวข้อ “Digital Communication : ต่อยอดทฤษฎีลงมือปฏิบัติ” และการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. ให้กรมประชาสัมพันธ์และโฆษกกระทรวงติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ตรงตามเป้าหมาย ข้อสงสัยของประชาชน รวมทั้งให้ชี้แจงข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ ที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทันท่วงทีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19057 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม [ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] [มาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม] | กค | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล) และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม) รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติฯอาจจะส่งผลกระทบให้การจัดเก็บรายได้ของภาษีนิติบุคคล แตกต่างจากวิธีการคำนวณแบบเดิม จึงต้องติดตามและประเมินผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ และกำหนดแนวทางในการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการอนุญาตให้ใช้และการอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน (Functional Currency : FC) ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์ที่มีความโปร่งใส และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของผู้ประกอบการภายใต้พระราชบัญญัติฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติรวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19058 | ขอขยายระยะเวลามาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม 3 ฉบับ) | กค | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นใบทรัสต์ และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอนหรือก่อทรัพย์สิทธิหรือสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์ฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการแก้ไขระยะเวลาการบังคับใช้ของร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงมหาดไทยที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาตามข้อ ๑ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาหามาตรการจูงใจอื่นนอกเหนือจากมาตรการทางด้านภาษีควบคู่กันไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19059 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. .... | รง | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล และการขึ้นทะเบียน เพื่อให้นายจ้างและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดำเนินการ อันจะเป็นกลไกสำคัญในการกำกับดูแล และบริหารจัดการด้านความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข อาทิ การเพิ่มเติมคำจำกัดความ เพิ่มข้อความ เพิ่มรายละเอียด ตลอดจนแก้ไขหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ บางประการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19060 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | พณ | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ (ของอธิบดีกรมการค้าภายใน) ระยะเวลาสัญญา ๕ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (พฤศจิกายน ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐) ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตุลาคม ๒๕๖๔) อัตราค่าเช่าไม่เกินเดือนละ ๓๕,๒๘๐ บาท (ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด) ในวงเงินทั้งสิ้น ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีผู้มีสิทธิรับรถยนต์ประจำตำแหน่งเกษียณอายุราชการก่อนที่จะครบกำหนดสัญญาเช่ารถยนต์ และผู้มารับตำแหน่งคนถัดไปไม่ประสงค์จะใช้รถยนต์คันดังกล่าว ทำให้รัฐเสียประโยชน์ต้องจ่ายค่าเช่ารถยนต์โดยไม่ได้นำมาใช้เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง ดังนั้นหากกรมการค้าภายในได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าวแล้ว ก็ให้พิจารณาดำเนินการใช้ประโยชน์จากรถยนต์ประจำตำแหน่งตามวัตถุประสงค์แรกเริ่มจนครบกำหนดตามระยะเวลาของสัญญาเช่า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....