ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 833 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 16641 - 16660 จากข้อมูลทั้งหมด 124206 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16641 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2560 | อก | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีมติเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) การจัดทำแผนสิ่งแวดล้อม การวางแนวทางให้การรถไฟทางคู่เชื่อมโยงจากพื้นที่ EEC สามารถต่อไปยังทวาย-ย่างกุ้ง-ติลาวา ซึ่งจะเชื่อมโยงไปจนถึงอินเดีย (๒) โครงการลงทุนท่าเรือหลัก ๓ แห่ง และการเชื่อมโยงโดยระบบรถไฟทางคู่อย่างไร้รอยต่อ (๓) ระเบียบการร่วมทุนเอกชนให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนใน EEC (๔) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC และการประกาศเป็นเขตส่งเสริมในเบื้องต้น (๕) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation : EECi) และ (๖) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายและรายงานผลการดำเนินการต่อสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มเติมในพื้นที่ EEC จะต้องพิจารณาเงื่อนไขและแนวทางการส่งเสริมให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกันในแต่ละเขตส่งเสริม เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสนับสนุนให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่น และควรเร่งรัดการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนา EEC เพื่อให้การดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนงานมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในภาพรวมได้อย่างเป็นระบบ เป็นต้น รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ในประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องตระหนักถึงและควรมีการดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศที่ยังขาดความเชื่อมโยงทั้งภายในประเทศและกับประเทศอาเซียน รวมถึงการให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติ และ SMEs ภายในประเทศเข้ามาลงทุนใน EEC ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16642 | (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 | ทส | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดย (ร่าง) นโยบายและแผนฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบนโยบายและทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างบูรณาการในระยะ ๒๐ ปีข้างหน้า และเพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการระยะกลาง (๕ ปี) และสามารถนำไปขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ๔ นโยบายหลัก คือ (๑) จัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างมั่นคงเพื่อความสมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน (๒) สร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืน (๓) ยกระดับมาตรการในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔) สร้างความเป็นหุ้นส่วนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความบางส่วนใน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ให้เกิดความเหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิดโอกาสให้สามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการประเภทใหม่ ๆ ได้ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม (ร่าง) นโยบายและแผนฯ เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16643 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... | ยธ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจทั่วไปของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้การมอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16644 | ร่างพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร06 | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยกำหนดให้มีศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายใน เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการประสานกิจการการข่าวกรอง การต่อต้านข่าวกรอง และการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ร่วมกับหน่วยข่าวกรองอื่นภายในประเทศ กำหนดเครื่องมือหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับกิจการการข่าวกรอง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับกิจการการข่าวกรอง การต่อต้านข่าวกรอง การข่าวกรองทางการสื่อสาร และการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลหรือเอกสารที่เป็นประโยชน์แก่การข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี (๑) ร่างมาตรา ๔/๒ ซึ่งกำหนดให้ “การจัดซื้อ จัดจ้าง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดตามมาตรา ๔/๑ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ” ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีบทบัญญัติดังกล่าวเนื่องจากต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว และ (๒) ร่างมาตรา ๔/๔ วรรคสาม ซึ่งกำหนดให้ “... หากไม่ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้รายงานนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว” ควรแก้ไขเป็น “... หากไม่ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้รายงานรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป” เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ และความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขข้อความในบันทึกหลักการและเหตุผลให้สอดคล้องกับร่างมาตรา ๔/๕ และควรพิจารณาถึงการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทำงานที่มีการใช้เทคนิคและการดำเนินกรรมวิธีทางเครื่องมือสื่อสารเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในกิจการข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16645 | ขออนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินและขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเพิ่มกรอบวงเงินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๘,๓๐๐ ล้านบาท เป็น ๙,๐๗๘ ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการฯ จากเดิม ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑) เป็น ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๕๓-๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับวงเงินที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๗๗๘ ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องตามแผนการดำเนินงานของโครงการที่กำหนดไว้ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และในการดำเนินโครงการ ให้กรมชลประทานปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เป็นไปตามกรอบเวลาและวงเงินที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16646 | รายงานผลโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปี 2559 | พม | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปี ๒๕๕๙ ซึ่งผลการติดตามและประเมินผล มีผลสำรวจที่ยืนยันว่าการดำเนินโครงการฯ เป็นการลงทุนกับเด็กที่คุ้มค่าเนื่องจากทำให้แม่และเด็กได้เข้าสู่บริการสาธารณสุข ส่วนผลกระทบของเงินอุดหนุนต่อการเลี้ยงดูเด็กและพัฒนาการของเด็กไม่อาจวัดผลได้ในระยะสั้น และเห็นชอบกรณีการยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดว่า ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระบบประกันสังคม และเริ่มดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สำหรับภาระงบประมาณจากการให้สิทธิ์เด็กในระบบประกันสังคมที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ให้จัดทำรายละเอียดพร้อมแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลสถานะของผู้ขอรับสิทธิ์ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่างแท้จริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ทำหน้าที่คัดกรองสิทธิ์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายในทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ และผู้คัดกรองสิทธิ์มีความเข้าใจในหลักเกณฑ์ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และควรมีการประเมินจำนวนครัวเรือนยากจนที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่คาดว่าจะมีสิทธิ์ขอรับเงินอุดหนุนฯ และงบประมาณที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาและการจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์บูรณาการการดำเนินโครงการฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมของการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยทั้งระบบ รวมทั้งให้เร่งประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้สามารถนำผลการประเมินดังกล่าวไปปรับปรุงการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริงต่อไป ๔. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๔.๑ พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลังและฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งปรับปรุงระบบการเชื่อมโยงข้อมูลการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ ได้บรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ๔.๒ ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและรับรองสิทธิ์จากเดิมที่เป็นการใช้กลไกในพื้นที่โดยใช้ดุลยพินิจของผู้รับรอง เพื่อให้เกิดการเข้าถึงผู้มีสิทธิ์อย่างแท้จริง ตามข้อสังเกตจากรายงานการติดตามประเมินผลโครงการฯ ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16647 | แนวทางในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย กรณีนำเรือออกนอกระบบ | กษ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดซื้อเรือประมง น.โชคพิกุลทอง ๒ พร้อมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ จำนวน ๑ ลำ เพื่อไว้ใช้ในราชการของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว เห็นควรให้กรมประมงดำเนินการปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในรายการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของหน่วยงานหรือโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์หรือจากการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือประมงดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16648 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๓๔๙ หน่วยงาน จาก ๘,๔๑๑ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๖ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ดังนี้ (๑) หน่วยงานภาครัฐต้องนำส่งงบการเงินให้กรมบัญชีกลางเพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมของภาครัฐให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ (๒) ควรให้มีการบูรณาการการบริหารสินทรัพย์และเงินลงทุนของกลุ่มส่วนราชการ (๓) ควรจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้สอดคล้องกับฐานะการเงินขององค์การมหาชนและหน่วยงานอิสระ (๔) ควรให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกำหนดแนวทางการบริหารเงินฝากธนาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ (๕) ควรมีการเพิ่มการใช้จ่ายของ อปท. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ น่าเชื่อถือ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ และตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเงินการคลังได้อย่างถูกต้อง ๒. ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งบันทึกและส่งข้อมูลงบการเงินภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กำหนด รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้การบันทึกและส่งข้อมูลรายงานการเงินประจำปีเป็นเกณฑ์การประเมินของผู้บริหารระดับหน่วยงานนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด ๓. ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีหน่วยงานที่มีรายได้เงินงบประมาณมากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ เห็นควรพิจารณานำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายในลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า และความเหมาะสม เพื่อให้เม็ดเงินได้กระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเป็นการแบ่งเบาภาระทางการคลังของประเทศ รวมทั้งควรเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16649 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗๐,๘๓๖,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16650 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบินในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินบุรีรัมย์) | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบินในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินบุรีรัมย์) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สนามบินบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นด่านศุลกากร เพื่อเป็นที่สำหรับการนำของเข้า การส่งของออก การผ่านแดน การถ่ายลำ และการศุลกากรอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตรวจพิจารณารวมกับร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบิน ในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร และกำหนดที่ใด ๆ ให้เป็นด่านพรมแดน พ.ศ. .... เป็นฉบับเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการก่อสร้างขยายต่อเติมอาคารที่พักผู้โดยสาร การก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยานและทางขับเพิ่มเติมของสนามบินบุรีรัมย์ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงเร่งดำเนินการจัดสรรพื้นที่สำหรับดำเนินพิธีการศุลกากรนำเข้าส่งออกสินค้า รวมทั้งหาแนวทางและมาตรการในการพัฒนาหรือส่งเสริมให้มีการใช้สนามบินที่เปิดเป็นสนามบินศุลกากรแล้ว อาทิ สนามบินอุดรธานี และสนามบินนครศรีธรรมราช เพื่อให้สนามบินดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการเป็นสนามบินศุลกากรมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16651 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและลักษณะของการจัดซื้อจัดจ้างที่สามารถใช้วิธีเฉพาะเจาะจง โดยการเชิญผู้ประกอบการที่มีอาชีพขายหรือรับจ้างนั้นโดยตรงมายื่นเสนอราคา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16652 | ร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน 15 ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๑ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑๕ ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดเขตควบคุมศุลกากร ราคาศุลกากร ด่านศุลกากร ค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม การยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากร การยกเว้นอากร การเก็บและการขนถ่ายสินค้าอันตราย การจัดตั้งและการแจ้งเลิกเขตปลอดอากร คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอต่าง ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบางท้องที่ในจังหวัดสระแก้ว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเชียงราย จังหวัดตาก จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตรัง จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา เป็นเขตควบคุมศุลกากร พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ราคาและกำหนดราคาศุลกากร พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบิน ในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร และกำหนดที่ใด ๆ ให้เป็นด่านพรมแดน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากรสำหรับก๊าซธรรมชาติและพลังงานไฟฟ้าที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของสินค้าอันตราย การเก็บและการขนถ่ายสินค้าอันตรายที่อยู่ในเขตศุลกากรและที่นำออกไปจากเขตศุลกากร รวมทั้งวิธีการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้าอันตรายดังกล่าว พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาของในที่เก็บรักษาหรือในคลังสินค้าของศุลกากร พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต การอนุญาต และการแจ้งเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง และท่าเรือรับอนุญาต พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต และการอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งเลิกการดำเนินการเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต และการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๔. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร และของที่ปล่อยออกไปจากเขตปลอดอากรเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งของในเขตปลอดอากร พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16653 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2560) | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๐) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในระหว่างวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนและประชาชนได้รับทราบถึงสาระสำคัญ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตลอดจนประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว รวมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวในช่วงปลายปีที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายทางภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในโอกาสต่อไป และควรให้ความสำคัญกับการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวของประชาชนที่มีการกระจายตัวลงสู่เศรษฐกิจชุมชนและท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฐานรากและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16654 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 24 | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) ครั้งที่ ๒๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม APEC FMM ครั้งที่ ๒๔ ที่ประชุมฯ หารือ ๔ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและการโยกย้ายกำไรไปต่างประเทศ (BEPS) (๓) การบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และ (๔) การเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมทั้งได้หารือในประเด็นอื่น ๆ เช่น ความคืบหน้าของโครงการจัดการกองทุนภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดน (Asia Region Funds Passport) เพื่ออำนวยความสะดวกการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ร่วม (Joint Ministerial Statement) ของการประชุม APEC FMM ครั้งที่ ๒๔ สำหรับการประชุม APEC FMM ครั้งที่ ๒๕ จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ณ ประเทศปาปัวนิวกินี ๒. การประชุม ABAC’s Executive Dialogues with APEC Finance Ministers ที่ประชุมฯ ได้หารือในประเด็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยสนับสนุนให้เพิ่มระดับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคเอเปคผ่านการร่วมลงทุนของภาคเอกชน พร้อมทั้งพัฒนากฎหมายและระเบียบต่าง ๆ เพื่อรองรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนการให้เงินสกุลท้องถิ่นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค และเน้นย้ำบทบาทของเทคโนโลยีทางการเงิน (Fin Tech) เพื่อให้การเข้าถึงบริการทางการเงินเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีเสถียรภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ปลัดกระทรวงการคลังด้านกิจการระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น ฮ่องกงได้เชิญชวนให้นักธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทยเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น สหรัฐอเมริกาได้สอบถามถึงนโยบายต่าง ๆ ของไทยที่สหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญ รวมทั้งต้องการให้ไทยซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น และไทยได้เสนอข้อมูลนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเพิ่มโอกาสและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16655 | ขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ | กษ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร แบ่งเป็น ๔ ด้าน คือ (๑) การแก้ไขปัญหาหนี้สิน (๒) การปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (๓) การบริหารจัดการภายในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และ (๔) การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการเจรจากับสถาบันเจ้าหนี้เพื่อการจัดการหนี้ และรอรับการสำรวจข้อมูลหนี้สินเกษตรกร รวมถึงพิจารณาร่างข้อเสนอปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เป็นระยะเวลา ๑๘๐ วัน (นับจากวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ อนุมัติแผนและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน ๒,๓๐๓,๒๖๗,๗๓๓.๖๘ บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินเพื่อการจัดการหนี้ จำนวน ๑,๓๔๑,๗๒๗,๘๕๙.๒๑ บาท จึงเห็นควรให้ใช้จ่ายจากวงเงินดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16656 | การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด | กษ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒ โครงการ ในกรอบวงเงิน ๔,๓๔๒.๖๕๙๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ครัวเรือนละ ๓,๐๐๐ บาท เนื่องจากพายุตาลัสและเซินกา กรอบวงเงิน ๓,๕๙๒.๖๕๙๐ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกรอบวงเงิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา) จำนวน ๑,๑๙๗,๕๕๓ ครัวเรือน ทั้งนี้ เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ที่ไม่ได้ระบุว่าเกิดจากพายุตาลัสและเซินกา หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับรองคุณสมบัติของเกษตรกรที่ขอรับการช่วยเหลือว่าเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและเซินกา เห็นควรให้สามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ เช่นเดียวกันได้ ๑.๑.๒ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ครัวเรือนละ ๓,๐๐๐ บาท เนื่องจากพายุทกซูรี หย่อมความกดอากาศต่ำ และร่องมรสุม กรอบวงเงิน ๗๕๐ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประมาณการเบื้องต้น จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ มีเกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน ๒๔๑,๓๑๑ ครัวเรือน) ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องตรวจสอบรายชื่อเกษตรกรอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้วในช่วงพายุตาลัสและเซินกา ๑.๒ การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่โครงการปรับเปลี่ยนระบบผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ ๑๓ ทุ่ง กรอบวงเงิน ๑๒๗.๖๑๐๐ ล้านบาท เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำข้อมูลหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดหาเมล็ดพันธุ์พืช วิธีการดำเนินงาน ระยะเวลาดำเนินงาน และข้อมูลการสำรวจความต้องการในพื้นที่ให้ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการดังกล่าวในโอกาสแรกก่อน หากมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ การชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี ๖ เดือน สำหรับสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จำนวน ๖๒๒ แห่ง สมาชิก จำนวน ๑๓๘,๓๑๗ ราย และมูลหนี้ต้นเงินกู้ จำนวน ๑๕,๕๖๘ ล้านบาท เห็นควรให้ชดเชยดอกเบี้ยในกรอบวงเงิน ๒๓๓.๕๑๐๐ ล้านบาท (ต้นเงินกู้ ๑๕,๕๖๘ ล้านบาท x อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี x ๖ เดือน) โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หากไม่เพียงพอให้เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ตรวจสอบเป้าหมายและมูลหนี้ให้มีความเป็นปัจจุบันก่อน และให้ดำเนินการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรแทนสมาชิก โดยยึดการให้ความช่วยเหลือ ๑ สัญญา ๑ ครัวเรือน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือระดับครัวเรือนอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแลการให้ความช่วยเหลือให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือเกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง รวมทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรในครั้งนี้จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญต่อการลงทุนการพัฒนาเทคโนโลยีของระบบเตือนภัยทางธรรมชาติที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ ตลอดจนการให้ความรู้กับเกษตรกรด้านการวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ ความต้องการของตลาด และลักษณะของภัยพิบัติในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16657 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมปศุสัตว์และประมง กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง | กษ | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร แบ่งเป็น ๔ ด้าน คือ (๑) การแก้ไขปัญหาหนี้สิน (๒) การปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (๓) การบริหารจัดการภายในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และ (๔) การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการเจรจากับสถาบันเจ้าหนี้เพื่อการจัดการหนี้ และรอรับการสำรวจข้อมูลหนี้สินเกษตรกร รวมถึงพิจารณาร่างข้อเสนอปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เป็นระยะเวลา ๑๘๐ วัน (นับจากวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ อนุมัติแผนและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน ๒,๓๐๓,๒๖๗,๗๓๓.๖๘ บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินเพื่อการจัดการหนี้ จำนวน ๑,๓๔๑,๗๒๗,๘๕๙.๒๑ บาท จึงเห็นควรให้ใช้จ่ายจากวงเงินดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16658 | การขอความเห็นชอบต่อเอกสารที่จะมีการลงนามหรือการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารที่จะมีการร่วมลงนาม และ/หรือรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ (31st ASEAN Summit) และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รวมทั้งสิ้น ๒๓ ฉบับ ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนาม และ/หรือรับรองเอกสาร รวมทั้งสิ้น ๒๒ ฉบับ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในตราสารขยายจำนวนอัครภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน ๑ ฉบับ ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมิได้เป็นผู้ลงนามในตราสารฯ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับผู้แทนเพื่อลงนามในตราสารฯ ต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารที่จะมีการลงนามหรือการรับรองดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศนำร่างฉันทามติอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างด้าว ของกระทรวงแรงงาน ไปเจรจาในคณะมนตรีประสานงานอาเซียน เพื่อยืนยันให้ชัดเจนและถูกต้องตรงกันว่าร่างฉันทามติฯ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ก่อนนำเสนอในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16659 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการส่งเสริมสตรี สันติภาพ และความมั่นคงในอาเซียน (Draft Joint Statement on Promoting Women, Peace and Security in ASEAN) | พม | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบถ้อยคำและสารัตถะในร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการส่งเสริมสตรี สันติภาพ และความมั่นคงในอาเซียน (Draft Joint Statement on Promoting Women, Peace and Security in ASEAN) เป็นเอกสารที่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ จะรับรองร่วมกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ ในระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยสาระสำคัญของถ้อยคำและสารัตถะในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เช่น การส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งสันติภาพและการป้องกัน ความมุ่งมั่นในการจัดการกับต้นตอของสาเหตุของความขัดแย้งทางอาวุธ การให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างบุรุษและสตรีในสังคม การสนับสนุนการบูรณาการมิติทางเพศ การเสริมสร้างขีดความสามารถของสตรีในฐานะผู้สร้างสันติภาพในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย ผู้ต่อรอง และ/หรือ ผู้ตอบสนองรายแรกในระดับภูมิภาค ประเทศ และท้องถิ่น ยกระดับบทบาทขององค์กรระหว่างรัฐบาลระหว่างประเทศในการสนับสนุนการปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อผูกพันในระดับโลก ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา (ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development : AMMSWD) และรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี (ASEAN Ministerial Meeting on Women : AMMW) ของประเทศไทย มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ไปยังสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานอาเซียน ภายในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๑.๓ ให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16660 | ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (ASEAN Declaration to Prevent and Combat Cybercrime) ในการประชุมสุดยอด ผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 31 (31st ASEAN Summit) | ตช | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบนำปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (ASEAN Declaration to Prevent and Combat Cybercrime) ฉบับที่ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๑๑ ให้การรับรองไว้แล้ว เข้ารับความเห็นชอบในวาระการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ (31st ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญ เช่น การให้ความสำคัญของการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์และหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ สนับสนุนการร่างกรอบการทำงานระดับภูมิภาคเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และแผนปฏิบัติการระดับชาติในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก โดยพิจารณาจากผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....