ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 835 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 16681 - 16700 จากข้อมูลทั้งหมด 124206 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16681 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร | วธ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศิลปากรเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๑๒๔,๖๘๔,๓๖๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16682 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 (เพิ่มเติม) | กค | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยขยายระยะเวลาให้ผู้บริจาคเงินหรือทรัพย์สินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ไปหักเป็นค่าลดหย่อน/รายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากสิทธิการหักรายจ่ายตามปกติอีกเป็นจำนวนร้อยละ ๕๐ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.๒ มาตรการจ้างงานผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ในการปรับปรุง ซ่อมแซมที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาจ้างงานผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความเหมาะสม ๒. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วยมาตรการทางการคลัง (เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน มาตรการช่วยเหลือผู้เช่าที่ดินราชพัสดุที่ประสบอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ) มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง) และมาตรการทางการเงินผ่านกลไกของสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัย และดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และโปร่งใส โดยเร็วที่สุด ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้ทันต่อสถานการณ์ตามขั้นตอนที่กำหนด และสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินอันจะเป็นการประหยัดงบประมาณ และจะได้รับการหักลดหย่อน และหักค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีเงินได้ในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16683 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (นายพสุ โลหารชุน) | อก | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งนายพสุ โลหารชุน ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16684 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2560 และคาดการณ์เดือนตุลาคม 2560 | อก | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกันยายน ๒๕๖๐ และคาดการณ์เดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ดัชนีอุตสาหกรรมภาพรวม การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ที่ขยายตัวร้อยละ ๔.๒ เช่นกัน และขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ ๓ ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ ๑๑๔.๖ โดยจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ ๔.๕-๕.๐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งขยายตัวร้อยละ ๔.๒ โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่คาดว่าจะขยายตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางอื่นที่มิใช่ยางรถยนต์ รถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16685 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2560) | นร | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16686 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำเงินจากแหล่งต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ เช่น เงินงบประมาณ เงินกองทุน มาใช้ในการดำเนินการขับเคลื่อนการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการจัดหาเครื่องมือ/อุปกรณ์เก็บข้อมูลด้านอัตลักษณ์ (สแกนใบหน้า/ม่านตา) เพื่อใช้ประกอบการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มเก็บข้อมูลแรงงานประมงก่อนขยายไปสู่แรงงานอื่น ๆ ให้ครบทุกประเภท ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกจากกลุ่มนายทุนและให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๒.๒ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนและติดตามโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและการแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการดำเนินการให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหนี้สินด้วย เช่น การจัดตั้งสถาบันการเงินหรือกองทุนเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีส่วนร่วมในการนำส่งเงินแก่สถาบันการเงินหรือกองทุนดังกล่าวด้วย ๒.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในระยะต่อไป เช่น การปรับเพิ่มวงเงิน การปรับปรุงประเภทของสวัสดิการต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น การเพิ่มร้านค้าที่ประชาชนสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าและบริการได้ ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลและตรวจสอบที่รอบคอบ รัดกุม เพื่อป้องกันการทุจริตด้วย ๓. การบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายวิษณุ เครืองาม) ประสานงานกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เพื่อให้พิจารณาทบทวนแนวทางการปฏิรูปตำรวจ โดยแยกภารกิจด้านงานสอบสวนออกมาให้ชัดเจน โดยอาจให้บุคคลจากภายนอกที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่มีความรู้ความสามารถทางนิติศาสตร์และการพิจารณาอรรถคดีมาปฏิบัติหน้าที่ในงานสอบสวนได้ ๓.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ได้แก่ ๓.๒.๑ ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการเร่งสำรวจพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง และให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือให้เหมาะสมต่อสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย ๓.๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ โดยให้ดำเนินมาตรการเชิงป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การจัดทำแผนการระบายน้ำ แผนการประชาสัมพันธ์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเตรียมแผนอพยพประชาชนเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นด้วย ๓.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหาย รวมทั้งส่งเสริมให้ประกอบอาชีพเสริมต่าง ๆ ในระยะต่อไป เช่น การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ๓.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ได้แก่ ๓.๓.๑ ขยายหรือขุดลอกคูคลองที่เป็นทางระบายน้ำต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่รับน้ำ เช่น บริเวณบึงสีไฟ บึงบอระเพ็ด ลุ่มน้ำห้วยหลวง ๓.๓.๒ นำโครงการเกี่ยวกับการจัดทำคลองระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาอุกทกภัยในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น โครงการระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ๓.๓.๓ ศึกษาความเหมาะสมและพิจารณาจัดทำแนวทางการระบายน้ำจากแม่น้ำป่าสักลงสู่ทะเลอ่าวไทยเพิ่มเติมอีกเส้นทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16687 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16688 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดในร่างประกาศฯ (๑) กำหนดข้อยกเว้นในข้อ ๓ เพื่อให้ยกเว้นการดำเนินการด้านความมั่นคงทางพลังงาน (๒) ในบริเวณที่ ๓ ให้ยกเว้นการใช้บังคับหลักเกณฑ์ความสูงของอาคารกับการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่เป็นโครงสร้างที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคมหรือกิจการสาธารณูปโภคของรัฐ และ (๓) ให้การกระทำใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติของพื้นที่พรุ และป่าชายเลน เว้นแต่เป็นการดำเนินการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ในพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรี ให้ใช้ประโยชน์ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาวิเคราะห์ถึงเหตุจำเป็นหรือสภาพความรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตที่จำเป็นจะต้องออกประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรการคุ้มครองที่จะกำหนดบทพื้นฐานทางวิชาการต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่แนบท้ายประกาศให้ชัดเจน และควรจัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS database) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพื้นที่ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ ในการประกาศพื้นที่เพื่อคุ้มครองทรัพยากรสำคัญที่มีมาตรการคุ้มครองในบริเวณพื้นที่ที่จะประกาศ ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ให้ทราบและรับรู้ และควรมีมาตรการและกลยุทธ์ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรมีการบังคับใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบที่อาจมีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากภาครัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16689 | ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16690 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน 2560 | ยธ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๒ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ เรื่อง เช่น พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๕ เรื่อง เช่น ร่างพระราชบัญญัติการทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๑ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงานในกลุ่มมาตรการปฏิรูประเทศ จำนวน ๗ เรื่อง เช่น เรื่อง สร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16691 | การขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่สมาคมอาเซียน - ประเทศไทย | กต | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งคำของบประมาณเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศ งบเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมอาเซียน-ประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๒ และปีต่อ ๆ ไป ปีละ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับ รวมทั้งไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนจัดให้มีกลไกการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณของสมาคมอาเซียน-ประเทศไทย เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16692 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 13 (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.2 (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๓ (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑.๒ (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๖-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในระหว่างการประชุมระดับสูง รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑.๒ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาฯ การจัดทำและการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions) จะต้องอยู่ภายใต้หลักการ แนวทาง และวิธีการของอนุสัญญาฯ สะท้อนถึงขีดความสามารถของสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน การดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะต้องไม่สร้างภาระที่เกินความจำเป็นแก่ประเทศกำลังพัฒนา การเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มระดับการดำเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ ในประเด็นการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้านการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างขีดความสามารถ รวมถึงการกำหนดนโยบายและการใช้มาตรการใด ๆ ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควรพิจารณากลไกที่เหมาะสมโดยไม่ให้กระทบต่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพ การเข้าถึงเงินทุน การสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมไทย และส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคอุตสาหกรรมไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบท่าทีของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16693 | การร่วมรับรองเอกสารภายใต้ความรับผิดชอบของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน | พณ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสาร ASEAN Declaration on Innovation ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การสร้างงาน และส่งเสริมการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม โดยใช้นวัตกรรมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตและการแข่งขันของอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการเจ้าของเรื่องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นการส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงและร่วมมือในการพัฒนาและใช้นวัตกรรมระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในระดับท้องถิ่น เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในตลอดห่วงโซ่ของการพัฒนาไว้ในร่างเอกสารดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสาร ๓ ฉบับ คือ (๑) เอกสาร ASEAN Declaration on Innovation (๒) เอกสาร AEC 2025 Trade Facilitation Strategic Action Plan และ (๓) เอกสาร ASEAN Work Programme on Electronic Commerce 2017-2025 เพื่อนำเสนอผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑๓-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16694 | ขอความเห็นชอบโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559/60 เพิ่มเติม | กค | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เพิ่มจำนวนเกษตรกรเป้าหมายของโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี ๒๕๕๙/๖๐ เพิ่มเติม จากเดิม (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) จำนวน ๒๑๒,๘๕๐ ราย เป็น จำนวน ๒๖๐,๓๘๙ ราย และเพิ่มงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๘๕๙.๕๐ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก จำนวน ๑,๙๖๕.๕๐ ล้านบาทต่อปี รวมระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๓,๙๓๑ ล้านบาท เป็น จำนวน ๒,๓๙๕.๒๕ ล้านบาทต่อปี รวมระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๔,๗๙๐.๕๐ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ที่เพิ่มขึ้น ให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ถูกต้องเป็นไปตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และเป้าหมายของโครงการฯ อย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการต่าง ๆ ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐในลักษณะเดียวกันด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการปรับปรุงและฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อที่เกษตรกรจะได้นำวงเงินค่าใช้จ่ายในส่วนที่ยังไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไปดำเนินการปรับปรุงและฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบูรณาการให้ความช่วยเหลือในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16695 | แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2560/61 | พณ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๐/๖๑ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๐/๖๑ วงเงินงบประมาณ ๔๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาถึงศักยภาพของสถาบันเกษตรกรในการให้สินเชื่ออย่างรอบคอบ และคำนึงถึงวงเงินกู้อื่นตามสัญญากู้เงินเดิม เพื่อมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับภาระหนี้สินตามมาภายหลัง และรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทราบเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะต้องไม่ก่อให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์เพื่อทำการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และใช้กลไกตลาดในการบริหารจัดการราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณของภาครัฐในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๐/๖๑ และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการในภาพรวม รวมถึงเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการให้ถูกต้องทั่วถึง เพื่อประกอบการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฯ ของสถาบันเกษตรกรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16696 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | สว | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยสรุปได้ ดังนี้
๑. การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะพิจารณาหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยจะกำหนดแนวเขตเวนคืนเฉพาะที่จำเป็นและให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และคำนึงถึงความปลอดภัยด้านวิศวกรรมจราจร รวมถึงการบำรุงรักษาทางพิเศษ โดยได้จัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบด้านต่าง ๆ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการกำหนดค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ได้พิจารณาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ และคู่มือหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนของกระทรวงคมนาคม โดยคำนึงถึงราคาซื้อขายตามปกติในท้องตลาด ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และความเสียหายอื่น ๆ ที่ผู้ถูกเวนคืนได้รับ และได้ตรวจสอบข้อมูลราคาจดทะเบียนจำนอง ราคาเสนอขายที่ดิน ราคาซื้อขายที่ดินในบริเวณใกล้เคียง ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่มีการตีราคาไว้เพื่อการเสียภาษีบำรุงท้องที่ สภาพและทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ เหตุและวัตถุประสงค์ของการเวนคืน ๒. กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัดได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ใต้ทางด่วนและพื้นที่ว่างใกล้เคียง และมอบพื้นที่ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และใช้พื้นที่เพื่อจัดระเบียบการจอดรถตู้โดยสารสาธารณะ นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้นำพื้นที่ในเขตทางพิเศษใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ตามแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ในเขตทางพิเศษควบคู่ไปกับการพัฒนาใช้ประโยชน์ในเชิงสาธารณะ สำหรับการวางแผนสำรวจการสร้างทางพิเศษและการกำหนดทางขึ้น-ลงทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะได้นำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ มาเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาความเหมาะสมทางวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการการทางพิเศษในอนาคตต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16697 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การศึกษาและเตรียมความพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนยานพาหนะของประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและเตรียมความพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนยานพาหนะของประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและเตรียมความพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนยานพาหนะของประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การศึกษาและเตรียมความพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนยานพาหนะของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ และได้เสนอแนวทางการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ เช่น การประกาศกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมการปลดปล่อยมลพิษเขตพื้นที่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติหรือศิลปกรรมอันควรแก่การอนุรักษ์ เขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม จำต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ในการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เนื่องจากต้องเข้าข่ายเงื่อนไขตามกฎหมายจึงจะสามารถดำเนินการได้ การแยกอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าออกมาเป็นอีก ๑ ประเภท ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทนี้จะต้องขอมีมิเตอร์ใหม่ การขยายระยะเวลาการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล อาจจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ลงทุนบางรายที่ไม่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16698 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการกับเอกชนและข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๒๑ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ และให้แจ้งสำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16699 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนสิงหาคม 2560 | นร02 | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้
๑. ผลงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ (๑) เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การบรรเทาสาธารณภัย การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การดำเนินงานแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และการประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านสุขภาพ การแพทย์และสาธารณสุข และ (๒) เดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และความคืบหน้าการดำเนินโครงการ Gov Channel ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน ๒. ผลงานตามประเด็นการปฏิรูป (๑) เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและเมือง การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเยาวชนและแรงงานไทย และการพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SMEs และ (๒) เดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจ และความคืบหน้าการดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐ ๓. ผลงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (๑) เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ ความคืบหน้าการคัดกรองความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างต่างด้าว การอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ (๒) เดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน การสร้างความมั่นคงและการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ๔. ผลงานสำคัญอื่น ๆ (๑) เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และ (๒) เดือนต่อไป (ตุลาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16700 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (FEALAC FMM) ครั้งที่ 8 ณ สาธารณรัฐเกาหลี และเอกสาร Busan Declaration ฉบับที่รับรองโดยที่ประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ 8 | กต | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (Foreign Ministers'' Meeting of the Forum for East Asia-Latin America Cooperation : FEALAC FMM) ครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี และเอกสาร Busan Declaration ฉบับที่รับรองโดยที่ประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๘ มีสาระสำคัญครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดหลักสูตรอบรมเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามยาเสพติด การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีและเยาวชนในประเทศสมาชิก รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและนักวิทยาศาสตร์ระหว่าง ๒ ภูมิภาค เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๘ ได้รับรองเอกสาร Busan Declaration ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการมุ่งแสวงหาท่าทีร่วมระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกาเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก และยินดีกับข้อริเริ่มต่าง ๆ ภายใต้กรอบ FEALAC รวมถึงการจัดตั้งกองทุน FEALAC (FEALAC Fund) โดยไทยได้เสนอข้อความเพิ่มเติมในเอกสารดังกล่าว ข้อ ๑๐ เรื่องความจำเป็นในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา รวมทั้งผู้แทนจากสาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่นเสนอให้ปรับแก้ในข้อ ๑๔ ให้สะท้อนความห่วงกังวลต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๘ ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|