คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (กสศ.) เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (สบร.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
               ๒. ให้ สบร. รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๒.๑ ความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรใช้ชื่อร่างระเบียบฯ ว่า "ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ...." และเพิ่มเติมให้ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ศสบ.) ในฐานะที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กสศ. ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย รวมทั้งควรกำหนดให้ชัดเจนว่าเมื่อการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (สศส.) แล้วเสร็จ ให้อำนาจหน้าที่ของ ศสบ. สบร. ตามร่างระเบียบฯ เป็นของ สศส.  นอกจากนี้ควรเพิ่มเติมเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กสศ. ในร่างข้อ ๙ ว่าควรเพิ่มเติมให้การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์มีความสอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ระยะ ๕ ปี และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาว และให้ กสศ. มีหน้าที่     ในการติดตามประเมินผลภาพรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศด้วย
                   ๒.๒ ข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ว่า ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อการแต่งตั้ง กสศ. เท่านั้น ซึ่งในการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ (๘) ดังกล่าว นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๗) ได้เคยมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว กรณีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินและฟื้นฟูพัฒนาอาชีพเกษตรกรและผู้ยากจน พ.ศ. .... ว่า การออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ (๘) ดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นการออกระเบียบเพื่อวางระเบียบปฏิบัติราชการของส่วนราชการ แต่ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินและฟื้นฟูพัฒนาอาชีพเกษตรกรและผู้ยากจนฯ มิได้มีสาระสำคัญในการวางระเบียบปฏิบัติราชการ แต่เป็นการออกระเบียบเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการฯ จึงไม่สามารถกระทำได้ ดังนั้น เมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ มีสาระสำคัญเป็นเพียงการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ จึงไม่สามารถกระทำได้ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๗)

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาทอง ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ตำบลบ่อ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน และตำบลบ้านพี้ ตำบลสวด ตำบลบ้านฟ้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
               ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวง เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นควรปรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติขึ้นใหม่และเปลี่ยนแปลงจำนวนเนื้อที่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ควรเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อรักษาสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อคำนึงถึงขอบเขตการซ้อนทับของพื้นที่ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (โคกกลอย)-ต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุมรวมทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต ที่บ้านนาใน และที่บ้านท่าเรือ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน ตามโครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (โคกกลอย)-ต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุมรวมทางเลี่ยงเมืองภูเก็ต ที่บ้านนาใน และที่บ้านท่าเรือ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
               ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง และให้กรมทางหลวงเร่งรัดก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคและช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัดในเขตเมืองภูเก็ตในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ....
                   ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
                   ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....
                   ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....
                   ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
               ๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ ๒๒ (22nd GMS Ministerial Conference) เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยที่ประชุมฯ ได้หารือถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานของแผนงาน GMS ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และการรับรองแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS รวมทั้งที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ เช่น กรอบการดำเนินงานแผนปฏิบัติการฮานอย ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งการพัฒนาเชิงพื้นที่ใน GMS และการจัดทำกรอบการลงทุนของภูมิภาค ปี ๒๕๖๕ ประกอบด้วยแผนงาน/โครงการลงทุน และโครงการความช่วยเหลือทางวิชาการ เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานของแผนงาน GMS ในอนาคต รวมถึงรับทราบกำหนดการการประชุมที่เกี่ยวข้องกับแผนงาน GMS ที่จะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๑ ได้แก่ การประชุมสุดยอดผู้นำแผนงาน GMS ครั้งที่ ๖ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดบาเรีย-วุงเตา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๓ และเวทีหารือการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๐ กำหนดจะจัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในปี ๒๕๖๑
               ๒. เห็นชอบข้อเสนอแผนการดำเนินงานระยะเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานแผนงาน GMS ได้แก่ (๑) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๒) ด้านการขนส่งข้ามพรมแดน (๓) ด้านการผลิตสินค้าและบริการ (๔) ด้านการพัฒนาบุคลากร (๕) การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฮานอย (๖) ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน (๗) ด้านการบูรณาการความร่วมมือ และ (๘) ด้านความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ โดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ ๖-๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยการประชุม ๓ เวที ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๐ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๘ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
               ๑. การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๐ ได้รับรองข้อเสนอการจัดตั้งโครงการ Mekong Water Data Initiative ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาโครงการสำหรับการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง โดยฝ่ายไทยได้เน้นย้ำบทบาทของไทยในการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนา และส่งเสริมการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน
               ๒. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ ได้ติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือ New Tokyo Strategy 2015 ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งเน้นย้ำการพัฒนาเชิงการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยฝ่ายไทยได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อในภูมิภาค และแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ Third Country Training Program อย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
               ๓. การประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๘ ได้ทบทวนความร่วมมือที่ผ่านมาและหารือทิศทางในอนาคต โดยฝ่ายไทยได้เน้นย้ำประเด็นสำคัญ เช่น บทบาทของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ การสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกดำเนินการในโครงการของกรอบความร่วมมือ MGC (Mekong-Ganga Cooperation) ที่ยังคั่งค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ เป็นต้น

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบแห่ง สปป.ลาว ได้มีการลงนามร่วมกันในบันทึกการประชุม (Agreed Minutes) และที่ประชุมได้ปรึกษาหารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ เช่น ความร่วมมือรักษาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามแนวชายแดนระดับจังหวัด-แขวง ความร่วมมือในการรักษาเส้นเขตแดนร่วมไทย-ลาว ความร่วมมืออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า-ออกเมืองตามจุดผ่านแดน และการยกระดับจุดผ่านแดนและการเปิดจุดผ่านแดน เป็นต้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นและข้อเสนอเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) การเสนอการเพิ่มเวลาในการเปิด-ปิดด่านประเพณีหนองดา เมืองสีโคดตะบอง นครหลวงเวียงจันทน์ และจุดผ่อนปรนบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย จากเวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๓๐ น. เป็นเวลา ๐๖.๐๐-๑๗.๐๐ น. พร้อมทั้งเสนอยกระดับด่านประเพณีขึ้นเป็นด่านท้องถิ่น และ (๒) ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันพัฒนาบริเวณชายแดนเลียบตามแม่น้ำโขง และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้เพิ่มเติมวันมีผลใช้บังคับในร่างกฎกระทรวงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยเพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างกฎกระทรวงให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับวันที่พิธีสารมาดริดมีผลผูกพันประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบผลการพิจารณาและข้อสังเกตร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว และการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการดำเนินกระบวนการพิจารณาในคดีอาญา)] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
               ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว และการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการดำเนินกระบวนการพิจารณาในคดีอาญา) (นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า ควรชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว และการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการดำเนินกระบวนการพิจารณาในคดีอาญา) ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรอร่างพระราชบัญญัติฯ ของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาไปพร้อมกันต่อไป
               ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาทนายความ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวในส่วนของการพิจารณาคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว และการพิจารณาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการเรียกประกันและหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย การเพิ่มบทบัญญัติที่เป็นการกำหนดให้ศาลไม่ประทับฟ้องหากปรากฏว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต หรือโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบจำเลย หรือโดยมุ่งหวังผลอย่างอื่นยิ่งกว่าประโยชน์ที่พึงได้โดยชอบ ไปประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการยกร่าง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดมหกรรมทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี การก่อตั้งอาเซียน “The International Fleet Review to Commemorate the 50th Anniversary of ASEAN Establishment” จัดโดยกระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) ระหว่างวันที่ ๑๓ ถึงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ เมืองพัทยา ประกอบด้วยกิจกรรมการสวนสนามทางเรือนานาชาติ การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ครั้งที่ ๑๑ และการฝึกผสมแบบพหุภาคีกองทัพเรืออาเซียน ครั้งที่ ๑ ทั้งนี้ การจัดมหกรรมทางเรือนานาชาติฯ ครั้งนี้ จะเป็นการแสดงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน รวมทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทนำด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้มีการฝึกผสมทางเรือร่วมกันครบทุกประเทศเป็นครั้งแรก รวมถึงยังเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศต่าง ๆ ได้ใช้ประเทศไทยเป็นเวทีในการประชุมหารือระหว่างกันของผู้บัญชาการกองทัพเรือต่างประเทศ หรือผู้แทน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และอนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปแล้ว โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างบันทีกความเข้าใจฯ ดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับเสรีภาพในการผ่านแดนตาม General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) และ Agreement on Trade Facilitation ในกรอบขององค์การการค้าโลกที่ไทยเป็นภาคี จึงต้องพิจารณาด้วยว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสามของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อนการลงนาม ดังนั้น เพื่อให้เรื่องในลักษณะดังกล่าวมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนถูกต้องตรงกัน จึงเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อยุติโดยด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งภายในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์  เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งขาติ [เกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ....) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ....
                   ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
                   ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....
                   ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....
                   ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ....
                   ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
                   ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....
                   ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....
                   ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ....
                   ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
                   ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....
                   ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....
                   ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                   ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ....
                   ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
                   ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....
                   ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....
                   ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ (United Nations Partnership Framework : UNPAF) ฉบับที่ ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑ ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย พร้อมผู้แทนหน่วยงานภายใต้ทีมงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย (United Nations Country Team : UNCT) เป็นผู้ลงนามฝ่ายสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ รวมถึงการปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือดังกล่าว โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ปรับเพิ่มเรื่องความร่วมมือในการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และเรื่องการขยายการแลกเปลี่ยนด้านนวัตกรรม และมอบหมายส่วนราชการที่มีภารกิจเกี่ยวข้องติดตามและร่วมกับ UNCT ขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้กรอบ UNPAF ต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ