ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 839 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 16761 - 16780 จากข้อมูลทั้งหมด 124206 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16761 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... | สว | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายของประเทศ ซึ่งควรมีการสร้างเสริมพลังงานของประชาชน การให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการศึกษา และการสร้างจิตสำนึกรักชาติของประชาชน รวมทั้งการกำหนดประเด็นการรักษาและผดุงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสังคมไทย สำหรับข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านอื่นหรือสาขาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และในการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเฉพาะด้านจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการระดับพื้นที่และทิศทางภาพรวมของประเทศ ความหลากหลายของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และช่วงอายุของกรรมการ นอกจากนี้ ในส่วนกระบวนการบริหารจัดการยุทธศาสตร์ชาติเกี่ยวกับการให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายและจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ จะได้จัดทำแนวปฏิบัติรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยวิธีการปรึกษาหารือเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ (Public Consultation) รวมทั้งจะได้พัฒนาระบบติดตาม การตรวจสอบและการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติแบบปิดที่เน้นการบูรณาการจากการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนจะได้จัดทำและเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ประชาชนทราบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16762 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4066 สายปาลอบาต๊ะ - โกตาบารู ตอนปาลอบาต๊ะ - บ้านทอน พ.ศ. .... | คค | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๖๖ สายปาลอบาต๊ะ-โกตาบารู ตอนปาลอบาต๊ะ-บ้านทอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๖๖ สายปาลอบาต๊ะ-โกตาบารู ตอนปาลอบาต๊ะ-บ้านทอน ในท้องที่อำเภอยี่งอ อำเภอบาเจาะ และอำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16763 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ | วท | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะนำเข้าหรือส่งออกกากกัมมันตรังสีต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้ากากกัมมันตรังสีหรือใบอนุญาตส่งออกกากกัมมันตรังสีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และปริมาณของกากกัมมันตรังสีที่สามารถปล่อยทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ การกำหนดให้ผู้ก่อให้เกิดกากกัมมันตรังสีมีหน้าที่หลักในการจัดการกากกัมมันตรังสีที่เกิดจากการดำเนินการของตน การกำหนดให้การดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสีหรือเครื่องกำหนดรังสีเป็นไปด้วยความปลอดภัยสามารถป้องกันอันตรายจากผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม การยับยั้ง การป้องกัน การตรวจจับ การหน่วงเวลา และการเผชิญเหตุความมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งการกำกับดูแลวัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการของผู้รับใบอนุญาตให้มีความปลอดภัย ความมั่นคงปลอดภัยและพิทักษ์วัสดุนิวเคลียร์ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ปรับปรุงความหมายของคำว่า “การปล่อยทิ้ง” ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย และกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ขอรับใบอนุญาตต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงทั้ง ๖ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตในการนำกากกัมมันตรังสีเข้ามาในราชอาณาจักร และการส่งกากกัมมันตรังสีออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และปริมาณในการปล่อยทิ้งกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดการกากกัมมันตรังสี โดยผู้ก่อให้เกิดกากกัมมันตรังสีและกากกัมมันตรังสีที่ส่งให้หน่วยงานของรัฐจัดการ พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การออกใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16764 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายถนนเลียบคลองทวีวัฒนาผ่านซอยเพชรเกษม 69 เชื่อมกับถนนบางบอน 3 พ.ศ. .... | มท | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายถนนเลียบคลองทวีวัฒนาผ่านซอยเพชรเกษม ๖๙ เชื่อมกับถนนบางบอน ๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายถนนเลียบคลองทวีวัฒนาผ่านซอยเพชรเกษม ๖๙ เชื่อมกับถนนบางบอน ๓ ในท้องที่แขวงบางแคเหนือ แขวงหลักสอง เขตบางแค และแขวงหนองค้างพลู แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำหลังจากการก่อสร้างด้วยเพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และการพิจารณากำหนดผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับต่อไป ควรพิจารณากำหนดขนาดถนนตามแนวผังเมืองโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนสายใหม่ให้มีความเหมาะสมและสอดรับกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนดไว้ เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16765 | รายงานประจำปี 2559 คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร01 | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๙ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ มีสาระสำคัญ ๔ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวถึงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ ก.ก.ถ. รวมทั้งคณะอนุกรรมการคณะต่างๆ ที่ ก.ก.ถ. ได้แต่งตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือ กำกับ ดูแล ในภารกิจสำคัญก่อนที่จะเสนอ ก.ก.ถ. พิจารณา ๒. ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของ ก.ก.ถ. และคณะอนุกรรมการฯ ต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ส่วนที่ ๓ การเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๔. ส่วนที่ ๔ ภาคผนวก ประกอบด้วย คำสั่ง ก.ก.ถ. แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการ/คณะทำงาน และประกาศ ก.ก.ถ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16766 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2560 เรื่อง การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) | สลธ.คสช. | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16767 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อก | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ที่จะเรียกเก็บจากการผลิตแร่แต่ละชนิดตามที่กำหนด ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามบัญชีแนบท้ายร่างกฎกระทรวง โดยกำหนดค่าธรรมเนียมไว้ ๖ ประเภท ได้แก่ (๑) ค่าธรรมเนียมในการออกอาญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาต (๒) ค่าธรรมเนียมรายปี (๓) ค่าธรรมเนียมการรังวัด (๔) ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตประทานบัตร และค่าโอนสิทธิการทำเหมือง (๕) ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด และ (๖) ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบ ทดลอง หรือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่เกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้จากค่าภาคหลวงแร่และค่าธรรมเนียมการให้บริการที่มีการปรับอัตราใหม่ภายหลังจากที่มีการประกาศบังคับใช้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16768 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 4 ฉบับ | กษ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครปฐม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔.ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16769 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พณ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มวันใช้บังคับของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับชื่อร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ เห็นควรตัดการระบุหมายเลขฉบับที่ออก เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้กำกับดูแลเส้นทางเดินของปุ๋ยยูเรียมิให้นำไปใช้เป็นวัตถุระเบิด สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหม และเห็นควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ได้สองทางเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามแนวทางของภาครัฐซึ่งสอดคล้องกับหลักสากลได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16770 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers Meeting : ALMM) และร่วมพิธีเปิดงานประชุมวิชาการโลกด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ครั้งที่ ๒๑ [XXI World Congress on Safety and Health at Work 2017 (World Congress 2017)] ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๒-๔ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ มีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ รัฐมนตรีแรงงานทุกประเทศมีความเห็นสอดคล้องกันที่จะสนับสนุนร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการปรับปรุงพัฒนางานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย โดยในส่วนของประเทศไทยได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันจะให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนและพัฒนางานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของแรงงานในอาเซียนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีแรงงานอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศได้มีการลงนามร่วมกันในแถลงการณ์ร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ เช่น การยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยโดยการพัฒนาและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีหรือวิธีการทำงานเพื่อลดอันตราย เป็นต้น ๒. การเข้าพิธีเปิดงานประชุมวิชาการโลกด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ครั้งที่ ๒๑ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย โดยมีนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์เป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมในพิธีเปิดประมาณ ๓,๐๐๐ คน ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากประเทศชั้นนำทั่วโลกประมาณ ๑๐๐ ประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16771 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสุชาติ หาญชนะชัยกูล) | กษ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุชาติ หาญชนะชัยกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) (วิศวกรชลประทานทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16772 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับคดีแพ่ง | ยธ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งในหัวข้อ “การแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติที่ดีเลิศ” (International Conference on Enforcement of Civil Judgment : Sharing Experiences towards Best Practices) ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร อันเป็นกิจกรรมในโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบังคับคดีแพ่งที่สะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) ของธนาคารโลก (World Bank) โดยจากผลประชุมดังกล่าวกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดนโยบายการดำเนินงานด้านการบังคับคดีแพ่ง ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายแพ่งที่สำคัญเพื่อเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ การจัดการประชุมเสวนาในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาปรับปรุงเพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติที่ดีต่อไป (๒) การประสานความร่วมมือในการพัฒนางานด้านบังคับคดีแพ่งระหว่างหน่วยงานผู้ปฏิบัติในประเทศสมาชิกอาเซียนและการผลักดันให้ความร่วมมือมีผลในกรอบอาเซียน และ (๓) การพัฒนาประสิทธิภาพของการบังคับคดีแพ่ง และปรับปรุงอันดับของประเทศไทยภายใต้ Ease of Doing Business ในด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) ให้ดีขึ้น รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ [International Union of Judicial Officers (UIHJ)] ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16773 | ผลการประชุมสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก ครั้งที่ 5 | กษ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership Plenary Assembly : GSP PA) ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี โดยมีผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์) ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประธานกลุ่มความร่วมมือด้านดินระดับภูมิภาคเอเชีย (Asian Soil Partnership : ASP) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การติดตามผลการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านดินของแต่ละภูมิภาค (๒) ที่ประชุมขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิกในการผลักดันนโยบายและแผนการดำเนินงานของประเทศให้สอดคล้องกับแนวทางตามความสมัครใจในการจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืนสู่การปฏิบัติ (The Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management : VGSSM) (๓) รับทราบผลการดำเนินงานของ GSP เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมวันดินโลกซึ่งประเทศสมาชิกร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรม (๔) เห็นชอบการจัดตั้งเครือข่าย International Network of Black Soils (INBS) และ (๕) เห็นชอบให้ประธานองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation : CSIRO) ประเทศออสเตรเลีย เป็นประธานของเครือข่ายการจัดการข้อมูลดิน (International Network of Soil Information Institutions, INSII) ๑.๒ การประชุมฯ ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวง กรม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรดินสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในหลายมิติ รวมทั้งต่างประเทศให้ความสำคัญกับประเด็นมลพิษทางดินซึ่งเชื่อมโยงถึงความปลอดภัยของอาหาร โดยมองย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของอาหารว่ามาจากดินที่ปลอดภัย ไม่มีมลพิษ ปราศจากการตกค้างของสารเคมี ตามหัวข้อวันดินโลก ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ อีกทั้งประเด็นดังกล่าวได้รับการบรรจุใน VGSSM ซึ่งอาจมีแนวโน้มถูกหยิบยกเป็นมาตรฐานการผลิตสินค้าภาคเกษตรต่อไปในอนาคต ดังนั้น ในฐานะที่ไทยจะยกระดับสู่การเป็นครัวโลกอาจใช้การดำเนินงาน ASP เป็นช่องทางในการแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินการจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืนเพื่อติดตามอาหารที่ปลอดภัย ผ่านการดำเนินกิจกรรมวันดินโลก และใช้โอกาสในเวทีระดับชาติและสากลต่าง ๆ แสดงบทบาทในการผลักดัน และเชิญชวนหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยร่วมเฉลิมฉลองวันดินโลกในหัวข้อที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำหนดไว้ และบูรณาการการทำงานร่วมกัน ๒. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินแห่งเอเชียร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16774 | การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 | มท | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๖ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าคณะในการประชุมฯ โดยได้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น การดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องการข้ามแดน ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน การคมนาคมขนส่ง การค้าขายสินค้าเกษตรของประชาชนบริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน และการบริหารจัดการจุดผ่านแดน เป็นต้น และผลการหารือระหว่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น โครงการเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำสตึงเมนัม ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติตามแนวชายแดน และการรับซื้อสินค้าเกษตร เป็นต้น รวมถึงการหารือทวิภาคีกลุ่มเล็กระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และสมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. การดำเนินการในเรื่องใด ๆ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกันหรือมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประสานหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชาให้ได้ข้อยุติร่วมกันก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16775 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน พ.ศ. ๒๕๒๘ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยยกเลิกอำนาจการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน รวมถึงอำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ปรับปรุงบทบาทภารกิจของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนเพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายและแผนงานในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน โดยการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนเพื่อทำหน้าที่บริหารและขับเคลื่อนกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบหลักการและเนื้อหาสาระของการกำหนดร่างระเบียบทั้ง ๒ ฉบับ ให้มีความชัดเจนและเหมาะสม และสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรมีการประสานและเชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วกับหน่วยงานทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอรับการสนับสนุนเพื่อเร่งฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพและรายได้ตามความสนใจให้กับเกษตรกรและผู้ยากจน โดยนำแนวทางตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจนกลับมาประสบปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถชำระคืนได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16776 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสาานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2560) | นร | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๒/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๖๓/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16777 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ การลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2560 | อื่นๆ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศที่สำคัญต่าง ๆ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ต่อไป อาทิ (๑) การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (๒) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร (๓) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ (๔) มาตรการฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ (๕) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ๒. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ประสานธนาคารออมสินให้มีการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าให้กับ สทบ. เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการติดตามประเมินผลโครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท พร้อมทั้งให้ สทบ. เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ ที่มอบหมายให้ สทบ. ติดตามประเมินผลในภาพรวมของโครงการ และจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบด้วย (๑) ขั้นตอนการอนุมัติและการจัดสรรเงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน (๒) ความก้าวหน้าการอนุมัติและการจัดสรรเงินของ สทบ. ให้กับกองทุนหมู่บ้าน (๓) พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินสินเชื่อของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากโครงการฯ และ (๔) การประเมินผลกระทบของการใช้จ่ายของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านต่อระบบเศรษฐกิจ และรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทราบ ๓. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานข้อมูลและจัดส่งรายงานแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค ให้กระทรวงคมนาคมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินมาตรการสนับสนุน SMEs ผ่านการร่วมลงทุน ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ เนื่องจากการดำเนินงานยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร โดยขอให้ธนาคารทั้ง ๓ แห่ง รายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบเป็นระยะ ๆ และเร่งรัดการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ พิจารณาหาเครื่องชี้วัดที่สามารถสะท้อนการปรับตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก และรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทราบต่อไป ๖. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำโครงการพัฒนาด้านการเกษตร “โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทุกสามเดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16778 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (HLC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 5 | กห | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) ไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๕ ซึ่งจัดขึ้น ณ จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พลเอก อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประธานร่วม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับทราบในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๓๑ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ จังหวัดภูเก็ต (๒) การประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ ๕ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๓ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ จังหวัดชลบุรี และ (๓) การประชุมคณะทำงานร่วมกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศเมียนมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ๒. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การเพิ่มความร่วมมือในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย การศึกษาและการฝึก การแลกเปลี่ยนการเยือนของกำลังพลและครอบครัว และ (๒) การขยายความร่วมมือในโครงการความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนการขยายพื้นที่โครงการผืนป่าอาเซียนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ๓. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาขอความร่วมมือกับฝ่ายไทยในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การเฝ้าระวังการเพิ่มจำนวนของชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย (๒) การสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (National Ceasefire Agreement : NCA) รวมทั้งขอความร่วมมือฝ่ายไทยไม่ให้กลุ่มที่ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงเข้ามาจัดการประชุมในไทย และ (๓) การจัดระเบียบการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้มีการส่งสินค้าผ่านได้เฉพาะทางสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เพื่อลดช่องทางรายได้ของชนกลุ่มน้อย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16779 | ร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรให้มีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาบ้านเมือง รองรับการจัดการประชากรของประเทศไทยในประชาคมอาเซียนในการอำนวยความสะดวกเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนยิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาการจดทะเบียนการเกิดของเด็กที่ไร้รากเหง้าให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งแก้ไขปัญหาการแจ้งย้ายที่อยู่ การกำหนดเลขประจำบ้าน การจัดทำทะเบียนบ้านและทะเบียนบ้านชั่วคราวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแก้ไขถ้อยคำในร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับราชการบริหารของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น การให้ผู้อำนวยการทะเบียนกลางมีหน้าที่กำหนดเลขประจำตัวแก่บุคคลที่ได้จดทะเบียนการเกิดที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทย การเพิ่มเติมเรื่องการทะเบียนราษฎรในต่างประเทศ เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มข้อความในร่างมาตรา ๓๔ จาก “ให้นายทะเบียนอำเภอและนายทะเบียนท้องถิ่น กำหนดเลขประจำบ้าน ให้กับบ้านทุกหลังที่ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายอื่น...” เป็น “ให้นายทะเบียนอำเภอและนายทะเบียนท้องถิ่นกำหนดเลขประจำบ้าน ให้กับบ้านทุกหลังที่ปลูกสร้างในที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายอื่น...” และกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบคัดกรองกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด รอบคอบ และรัดกุม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัตินี้ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16780 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [แก้ไขเพิ่มเติมให้บริษัทจำกัดดำเนินการได้ในประเด็นหุ้นกู้แปลงสภาพการทยอยให้หุ้น (Vesting) สิทธิที่จะซื้อหุ้นในราคาที่กำหนด (ESOP) และหุ้นบุริมสิทธิ] และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | พณ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการกำหนดข้อยกเว้นให้บริษัทจำกัดสามารถซื้อหุ้นคืนได้ต้องมีความชัดเจนและเป็นกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โดยอาจเทียบเคียงได้กับมาตรา ๖๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ และควรมีการประเมินผลกระทบและความคุ้มค่าในการเสนอปรับปรุงกฎหมายในส่วนนี้ ตลอดจนแนวทางอื่นที่จะทำให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางการประเมินตามโครงการ Ease of Doing Business ของธนาคารโลก (World Bank) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๒๒ หุ้นส่วนและบริษัท เพื่อลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ และเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะที่เป็นวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความผิดและบทกำหนดโทษในส่วนของการแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญ ๒. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมการพิจารณาออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการออกหลักทรัพย์และการเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชน รวมทั้งควรกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และสนับสนุนให้บริษัทจำกัดสามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวในการระดมทุนได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....