ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 416 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8301 - 8320 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8301 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564) | ปสส. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซี่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ พิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๔
รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๔
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการวิปรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8302 | การขยายระยะเวลาการดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในคนต่างด้าวที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 | รง. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการขยายระยะเวลาการดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในคนต่างด้าวที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ดังนี้ (๑) ขยายระยะเวลาให้คนต่างด้าวดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 การประกันสุขภาพ จากเดิมภายในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ เป็นวันที่ ๑๓
กันยายน ๒๕๖๔ (๒) ขยายระยะเวลาให้กลุ่มคนต่างด้าวที่ลงทะเบียนไม่มีงานทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
(ทร. ๓๘/๑) จากเดิมภายในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ เป็นวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ (๓)
ขั้นตอนอื่นตามที่กำหนดไว้ในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๔
ไว้ดำเนินการตามที่แนวทางที่กำหนดเดิม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่า “คนต่างด้าวที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เรียบร้อยแล้ว และได้รับผลการตรวจ
ที่แสดงว่าไม่เป็นผู้ติดเชื้อ ก่อนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่
2019 พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งยังไม่เข้ารับการตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพ จะต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 อีกครั้ง” ไปพิจารณาด้วย ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
(ฉบับที่ ..) และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ (ฉบับที่
..) รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้กระทรวงแรงงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการนำคนต่างด้าวเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อไป
เพื่อให้การดำเนินงานขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา
และหลังสิ้นสุดระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษแล้ว
ให้หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบปราบปราม จับกุมดำเนินคดี
คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8303 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2/2564 | นร.11 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่สำคัญ
ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจ
ความคืบหน้าการดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจ และพิจารณาแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของจังหวัดนำร่องในไตรมาสที่
๓ และไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๖๔ มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8304 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2564) และครั้งที่ 2 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2564) | นร.04 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) และครั้งที่ ๒
(ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔) ซึ่งสรุปรายงานดังกล่าวเป็นการรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก
เช่น การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การทะนุบำรุงศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
เป็นต้น และนโยบายเร่งด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน การปรับปรุงระบบสวัสดิการคุณภาพชีวิตของประชาชน
มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพของแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8305 | การกำกับดูแลสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) | นร. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
นับเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารและสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ
ที่มีความสะดวกรวดเร็วและเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
อย่างไรก็ดี
ปรากฏว่าข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่อยู่ในสังคมออนไลน์บางส่วนเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหรือเป็นข้อมูลปลอม (Fake news) ก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายแก่ผู้เกี่ยวข้อง
หรือต่อบุคคล เอกชน และภาครัฐ รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนสับสน
ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งวุ่นวายในสังคมได้
สมควรที่จะมีการจัดระเบียบและกำกับดูแลการนำเสนอหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ให้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปศึกษาและพิจารณาดำเนินการ
โดยให้นำแนวทางของประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการศึกษาและพิจารณาด้วย
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8306 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2564 | นร.11 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ได้แก่ โครการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม จำนวน ๓ โครงการ ของกรมการแพทย์ กรมอนามัย และกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข
ข้อเสนอแผนงาน/โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ กรณีโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดยโสธร
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8307 | ข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร.10 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ อัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และอนุมัติการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒,๒๕๔,๓๒๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
ตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
โดยให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๓๐/๑๑๑๐๘ ลงวันที่ ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เกี่ยวกับการจ้างงานตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจที่ได้รับการจัดสรรที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรายงานผลการจ้างงาน
ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
พร้อมทั้งสภาพปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจให้สำนักงาน
ก.พ. ภายในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ มีระยะเวลาสั้นเกินไป ส่วนราชการอาจดำเนินการไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนด
จึงควรขยายระยะเวลาจนถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ อีกทั้งแนวทางฯ ดังกล่าว
เป็นการบรรเทาปัญหาการว่างงานระยะสั้นเพียง ๑ ปี
ควรมีแนวทางในการแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวต่อไป
และเพื่อให้การจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจมีความคุ้มค่ามากที่สุด ควรกำหนดผลผลิตและผลลัพธ์ในการทำงานของพนักงานราชการให้ชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลและนโยบาย BCG Economy แทนที่จะให้พนักงานราชการเฉพาะกิจนี้ทำงานปกติประจำ (routine) ซึ่งไม่มีมูลค่าเพิ่มต่อการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจมากนัก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8308 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ) | นร.04 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวณัฐธ์ภัสส์
ยงใจยุทธ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8309 | การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต | นร.09 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการพิจารณาข้อหารือ
เรื่อง การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต
เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่าง
ๆ
ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัยการพิจารณาอุทธรณ์
หรือการร้องทุกข์ไว้ด้วย ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่อง การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่าง
ๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัย
การพิจารณาอุทธรณ์ หรือการร้องทุกข์ ตามที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8310 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 | กห. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Defence Ministers’ Meeting :
15th ADDM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Defence
Ministers’ Meeting Plus : 8th ADDM-Plus) (ร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ) จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างปฏิญญาฯ ADDM และร่างปฏิญญาฯ ADDM-Plus และให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
หรือผู้แทนเป็นผู้รับรองร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ (มีกำหนดการรับรองร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในช่วงการเข้าร่วมการประชุม ADDM ครั้งที่ ๑๕ และการประชุม ADDM-Plus ครั้งที่ ๘ ผ่านระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่
๑๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๑๒๐๓/๓๙๑ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ จำนวน ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8311 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาเมืองและการขนส่ง : ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน | คค. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาเมืองและการขนส่ง
: ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งที่ยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของประชาชน
การแก้ไขปัญหาการใช้เครื่องยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น
การพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ปัญหาการจราจรหนาแน่น เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๑๐๐๓/๘๐๘ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม
๒๕๖๔) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
“เมืองและการขนส่ง : ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน”
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8312 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (วัคซีน) | ดศ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ (วัคซีน) เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการติดตาม
ประเมินผลและวางแผนบริหารจัดการวัคซีนให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
และลดความสับสนของข้อมูลข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
รวมทั้งการกำหนดนโยบาย/มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติไปสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี ขึ้นไป ครัวเรือนละ
๑ คน จำนวน ๔๖,๖๐๐ คน ระหว่างวันที่
๑๗-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑) ประชาชนร้อยละ ๗๕.๒
ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ขณะที่ร้อยละ ๑๙.๓ ไม่ต้องการฉีดวัคซีน ๒)
ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ มีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
ขณะที่ร้อยละ ๕๔.๗ ไม่เชื่อมั่น ๓) ประชาชนร้อยละ ๕๖.๖ ระบุว่าการที่รัฐให้เงินชดเชยเป็นหลักประกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ มีผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๔) ประชาชนร้อยละ ๘๐.๙
เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๕)
รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
และลดความสับสนของข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ให้แก่ประชาชน ๖)
หากรัฐจะจัดเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ พบว่า ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ ระบุว่าต้องการ และร้อยละ ๕๔.๗ ระบุว่าไม่ต้องการ ๗)
ประชาชนร้อยละ ๙๐.๕ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ และ ๘)
เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ได้แก่ ค่าครองชีพ ลดภาระค่าสาธารณูปโภค จ่ายเงินชดเชย/เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
การพักชำระหนี้/ลดอัตราดอกเบี้ย และจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เช่น
ควรประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีนและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน
ควรตรวจสอบและสกัดกั้นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
ควรมีหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร
และชี้แจงถึงขั้นตอนการเข้าถึงวัคซีนที่ชัดเจน ควรกำหนดมาตรฐานของวัคซีนทางเลือกเพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนเกินควร
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8313 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน
หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗,๙๖๖,๙๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗,๕๙๓,๔๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๐,๓๗๓,๕๐๐ บาท
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณในชั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รองรับไว้แล้ว และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
คำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
และให้กระทรวงการคลัง
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการหน่วยงานที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ที่เห็นว่าควรกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหน่วยงานรับผิดชอบโครงการสามารถนำข้อมูลจากรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครางการไปประกอบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้แก่ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก
และให้คณะรัฐมนตรีกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ รายงานผลการดำเนินโครงการในระบบ eMENSCR และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประจำทุกเดือนโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8314 | รายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช 2564 | กต. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔ (Thailand’s Voluntary National
Review on the Implementation of the 2030 Agenda for
Sustainable Development 2021-VNR) และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งรายงานให้
UN DESA
ภายในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงแก้ไขรายงานฯ
ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญของรายงานฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8315 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยไม่มีเหตุผลอันควร กรณีการควบคุมแกนนำคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย | สม. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยไม่มีเหตุผลอันควร
กรณีการควบคุมแกนนำคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอเทพา
จังหวัดสงขลา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาพิจารณาหามาตรการเยียวยาความเสียหายแก่กลุ่มผู้ต้องหา
จำนวน ๑๖ คน ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายประชาชนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8316 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | พณ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๙
เนื่องจากปัจจุบันเครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพระราชบัญญัติควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า
หากหน่วยงานผู้ดูแลควบคุมสินค้าดังกล่าว พบว่าเกิดปัญหากระทบต่อความมั่นคงอันเกิดจากการนำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติ
ก็สามารถออกประกาศควบคุมการนำเข้าในภายหลังได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8317 | หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | อื่นๆ | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเสนอ ทั้งนี้
ในการกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการดังกล่าว
เห็นควรที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมพิจารณาเทียบเคียงกับองค์การมหาชนในกลุ่มเดียวกันในตำแหน่งดังกล่าวอย่างเหมาะสมและคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมใช้จ่ายจากงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ หรือหากไม่เพียงพอขอให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ
หรือพิจารณาจากแหล่งเงินอื่นมาสมทบก่อนเป็นอันดับแรก
พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8318 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมีมติที่สำคัญ เช่น (๑)
มาตรการรองรับเพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินและรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ
(๒) แนวทางการดำเนินการด้านน้ำมันปาล์มของกรมป่าไม้ (๓)
มาตรการและแนวทางขับเคลื่อนการเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม (๔)
การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี
๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8319 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์ | ยธ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์
ซึ่งได้มีการปรับแก้จากฉบับเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม
๒๕๖๓ ดังนี้ (๑) เพิ่มเติมถ้อยคำในข้อ ๒ และข้อ ๓
ซึ่งเป็นการปรับแก้ภาษาและเพิ่มเติมถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญโดยรวม (๒) เพิ่มข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑
ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อความเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ทั้งนี้ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้จัดพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ในรูปแบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา
๕ ปี และจะได้รับการต่อออายุอีก ๕ ปี
เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอมร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8320 | พิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Protocol to Amend the ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) [(สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564)] | ปสส. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๗
มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอพิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน
(Protocol to Amend the
ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|