ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 414 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8261 - 8280 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8261 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2563 | อก. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการผู้สอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีบัญชี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8262 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน
พ.ศ. ๒๕๔๗
เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบกิจการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน
และหลักเกณฑ์การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นของธนาคาร
เพื่อให้การดำเนินงานของธนาคารออมสินเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงการที่ธนาคารออมสินได้มาซึ่งทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการบังคับหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8263 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Structural Reform Ministerial Meeting) ครั้งที่ 3 | นร.11 | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค
(Structural Reform Ministerial Meeting : SRMM) ครั้งที่ ๓ ในวันพุธที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
โดยผ่านระบบการประชุมทางไกลร่วมกับรัฐมนตรีของเศรษฐกิจเอเปคให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีฯ
โดยไม่มีการลงนาม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
(SRMM) มีวาระการหารือ เช่น แนวทางการฟื้นตัวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจมหาภาคและจุลภาคที่ส่งเสริมการฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
(๒) สาระสำคัญร่างแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมฯ เช่น
ตระหนักถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปโครงสร้าง
ทบทวนวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคและรับรองการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
เน้นย้ำความสำคัญของเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างและภารกิจอื่น ๆ
(๓)ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ เช่น ส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นแก่นานาประเทศผ่านการเน้นย้ำในเวทีการประชุมรัฐมนตรีเอเปค
การพัฒนากฎระเบียบที่มีความโปร่งใสและบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
และการพัฒนาที่ครอบคลุมทั่วถึง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ ๓ (Ministerial Statement of the Third Structural
Reform Ministerial Meeting)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวและให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเป็นหลักการว่า
เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับต่าง ๆ ASEAN
APEC หรือ RCEP หรือการประชุมกรอบความร่วมมือต่าง
ๆ แล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนให้ทุกส่วนราชการทราบด้วย
และการปฏิรูปโครงสร้างในระยะ ๕ ปีต่อไป ในการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค
ควรกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการจัดทำรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น
แผนงานระยะเวลาดำเนินการ และตัวชี้วัด ให้เกิดความชัดเจน และ La Serena
Roadmap ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับบทบาทสตรีเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 และบริบทการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วควรต้องพิจารณากลุ่มเป้าหมายอื่นในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8264 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 96) พ.ศ. 2536 พ.ศ. .... | พณ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๙๖) พ.ศ. ๒๕๓๖ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๖) พ.ศ. ๒๕๓๖ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีการนำเข้าสินค้าเครื่องจักรที่สามารถใช้เพื่อประโยชน์ในการละเมิดลิขสิทธิ์เทปเพลง วีดีโอเทป
และแผ่นซีดี แล้ว ประกอบกับปัจจุบันมีกลไกป้องปราบการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. ๒๕๓๗ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
ด้วยเช่นกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8265 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 1 คัน | นร.04 | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง จำนวน
๑ คัน ระยะเวลา ๒๖ เดือน (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔-กรกฎาคม ๒๕๖๖)
ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๒,๔๐๐ ซีซี อัตราค่าเช่าคันละ ๓๓,๑๗๐
บาทต่อคันต่อเดือน ภายในวงเงิน ๘๖๒,๔๒๐ บาท
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ผลผลิตการริหารจัดการของรัฐบาล งบดำเนินการ จำนวน ๑๓๒,๖๘๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน
๗๒๙,๗๔๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี
เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้
ขอให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับเงื่อนเวลาของภารกิจดังกล่าว
และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8266 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 24 | กค. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔ (ASEAN+3
Finance Ministers’ and Central Bank Govemors’
Meeting : AFMGM+3) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่
๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ในรูปแบบการประชุมทางไกล มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการประชุม AFMGM+3 เช่น
การพัฒนาและแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาค
โดยที่ประชุมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๔ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๖ และในปี ๒๕๖๕
จะขยายตัวที่ร้อยละ ๔ ตามลำดับ และ (๒) การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔
ซึ่งที่ประชุมได้มีการปรับปรุงเพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบหรือขัดต่อการประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ เช่น การเพิ่มข้อความเพื่อแสดงการสนับสนุนโครงการกองทุนประกันภัยพิบัติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8267 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. .... | รง. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ
และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน
และเพื่อให้การทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำมีมาตรฐาน เพื่อให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8268 | ขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น สมัยพิเศษ | พน. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ
การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น สมัยพิเศษ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ให้การรับรองในถ้อยแถลงร่วมฯ นี้
ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าว โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ
การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (The Special AMEM-METI Consultations Meeting) ในวันที่ ๒๑ มิถุนายน
๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศญี่ปุ่นในการส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
การพัฒนาพลังงานสะอาด และการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพื่อมุ่งสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8269 | (ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 - 2570 | ศธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
(ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ซึ่งเป็นแผนที่กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการร่วมกันเชิงบูรณาการ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (๒๕๖๑-๒๕๘๐)
และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา
เพื่อให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพเป็นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองคุณภาพ
ภายใต้ปรัชญา “เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการดูแล พัฒนา และเรียนรู้อย่างรอบด้าน
ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย อย่างมีคุณภาพ
และเท่าเทียม ตามศักยภาพ ตามวัย และต่อเนื่อง
บนพื้นฐานของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสอดคล้องกับหลักการพัฒนาศักยภาพและความต้องการจำเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล
โดยคำนึงถึงความสุข ความเป็นอยู่ที่ดี การคุ้มครองสิทธิ
และความต้องการพื้นฐานของเด็กปฐมวัย
รวมทั้งการปฏิบัติต่อเด็กทุกคนโดยยึดหลักศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม
การเป็นที่ยอมรับของผู้เกี่ยวข้องกับเด็ก
และการกระทำทั้งปวงเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ”
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น ขอแก้ไขจาก
“ภาวะโภชนาการเกิน (อ้วน)” เป็น “ภาวะน้ำหนักเกิน(อ้วน)” ขอแก้ไข “ดีเด่น (Good Practices)” เป็น “ดีเด่น (Best
Practices)” “วิธีปฏิบัติดีเด่น (Good Practices)” เป็น “ดีเด่น (Best Practices)” เป็น
“วิธีปฏิบัติดีเด่น (Best Practices)” สร้างความรู้ความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานในภาพรวมทั้งระบบ
และควรจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นและเพียงพอกับภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อให้การพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๐๘/๑๐๒๒ ลงวันที่
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8270 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับเด็กและเยาวชน ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับเด็กและเยาวชน
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า
กรมกิจการเด็กและเยาวชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริมให้มีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้โดยจัดทำรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กกับภัยออนไลน์ประจำปีจัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับแนวทางปกป้องคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์
การพนันออนไลน์ อีสปอร์ต ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์
เพื่อขับเคลื่อนงานเชิงนโยบายภายใต้การบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินโครงการการพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัลเพื่อนำมาพัฒนาสมรรถนะด้านดิจิทัล
และพัฒนาให้เป็นอาสาสมัครดิจิทัลประจำหมู่บ้านในการทำหน้าที่เป็นแกนกลางส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ดิจิทัลให้แก่ประชาชนในทุกกลุ่ม
ทุกวัย ในทุกชุมชน/หมู่บ้านทั่วประเทศ
รวมทั้งได้จัดทำร่างระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่ถูกทารุณกรรมจากการสื่อออนไลน์เพื่อกำกับดูแลการใช้สื่อออนไลน์ให้มีประสทธิภาพ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8271 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกฐานะศาลแขวงนครไทย ศาลแขวงพยัคฆภูมิพิสัย และศาลแขวงเวียงป่าเป้า เป็นศาลจังหวัด พ.ศ. .... | สว. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกฐานะศาลแขวงนครไทย
ศาลแขวงพยัคฆภูมิพิสัย และศาลแขวงเวียงป่าเป้า เป็นศาลจังหวัด พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
มีข้อสังเกตว่า เห็นสมควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานศาลยุติธรรมควรประสานงานกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการยกฐานะของศาลแขวงขึ้นเป็นศาลจังหวัด
เพื่อมิให้เกิดข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานเมื่อได้เปิดทำการศาลแล้ว
และในชั้นต้นอาจมีความจำเป็นต้องจัดสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แทนหน่วยงานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งต้องคำนึงถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านอาคารสถานที่
ด้านบุคลากร และด้านอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งควรกำหนดกรอบอัตรากำลังของบุคลากรให้ชัดเจนและพิจารณว่าจะใช้วิธีเกลี่ยอัตรากำลังหรือการขออัตรากำลังเพิ่ม
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติยกฐานะศาลแขวงนครไทย
ศาลแขวงพยัคฆภูมิพิสัย และศาลแขวงเวียงป่าเป้า เป็นศาลจังหวัด พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ในเรื่องใดได้หรือไม่ประการใด แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8272 | ผลการพิจารณารายงานการศึกษา เรื่อง การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากด้านการผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการศึกษา
เรื่อง การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากด้านการผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน
ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
ได้มีข้อเสนอแนะดังนี้ ๑) พิจารณาปรับแนวทางการนำนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐสู่การปฏิบัติ
๒) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชนตามแนวฐานวิถีชีวิตใหม่
๓) สร้างมาตรการที่เสริมความเข็มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ๔)
สร้างมาตรการจูงใจให้แก่ภาคเอกชนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
๕)
ยกระดับผลิตภัณฑ์จากพืชเกษตรเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและส่งเสริมพืชเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
๖) สร้างมาตรการเพื่อกระตุ้นบรรยากาศในการซื้อขายผลิตภัณฑ์ชุมชน และ ๗)
พัฒนาข้อมูล (Big Data)
เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
ซึ่งปัจจุบันการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชนเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
แล้ว เช่นการพัฒนาหลักสูตรและทักษะให้แก่วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการในระดับฐานราก
การพัฒนาแพลตฟอร์ม รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชนอย่างทั่วถึง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8273 | รายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2550 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 | กค. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การจำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง
การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ สรุปได้ ดังนี้ (๑) ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด
โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๓๐๒,๕๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) จำหน่ายหุ้นสามัญบริษัท
บางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด และหุ้นสามัญบริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด
(มหาชน) โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๑,๐๗๕,๐๐๐ บาท
และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝาก
เพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8274 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 | สธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ โดยมอบหมายสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณากรณีคนต่างด้าวขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงแนวปฏิบัติการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย
ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นว่าควรให้กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการประกันสุขภาพของประเทศให้พัฒนาตอบสนองความต้องการของคนต่างประเทศควบคู่ไปด้วย
และควรมีการเชื่อมข้อมูลการเข้าออกประเทศของผู้เอาประกันระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบริษัทผู้รับประกันภัยโดยตรง
เนื่องจากเป็นสาระสำคัญในการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
และเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียด วิธีการ
และขั้นตอนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ที่ได้ปรับปรุงในครั้งนี้ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้ทราบอย่างถูกต้อง
และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8275 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาต และการขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์ พ.ศ. .... | นร.09 | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาต
และการขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต
หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์ พ.ศ. .... ของกระทรวงกลาโหม มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงการอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต
และการออกใบแทนใบอนุญาต สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยปรับปรุงการขออนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาต
และการขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต
หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน
และกำหนดระยะเวลาการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน
รวมทั้งกำหนดให้ยื่นคำขอโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคำขอ และเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุญาต ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8276 | ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พุทธศักราช 2477 ว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือ ฉบับที่ .. | กห. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนด (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๗
ว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือ ฉบับที่ .. มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๑๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพุทธศักราช
๒๔๗๗ ว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือ ฉบับ ๑๖ ในส่วนประกอบของสายกระบี่สำหรับทหารสัญญาบัตร
(สายกระบี่) ของกองทัพเรือ ให้มีเพียงชนิดเดียว เพื่อความสง่างาม
มีความสะดวกในการใช้งาน และเป็นรูปแบบเดียวกับเหล่าทัพ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8277 | ขออนุมัติหลักการในการอุดหนุนทางการเงินและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพิ่มเติม จำนวน 3 โรง | ศธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการอุดหนุนทางการเงิน
และให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มีคุณภาพ เพิ่มเติมอีกจำนวน ๓
โรง ได้แก่ โรงเรียนดาราวิทยา โรงเรียนนราวิทย์อิสลาม และโรงเรียนสมานมิตรวิทยา
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ เพื่อให้การอุดหนุนด้านอาคารเรียน อาคารประกอบ
และสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยตั้งงบประมาณเป็นรายปี
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแลโครงการตามพระราชดำริฯ ดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และในระยะต่อไปควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพทางวิชาการของครูและผู้เรียน
โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ การพัฒนาทักษะชีวิตผู้เรียนและการแนะแนวการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และพิจารณาสร้างความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เหมาะสมกับความต้องการและอัตลักษณ์ของนักเรียนในพื้นที่
รวมทั้งกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
โดยให้กำหนดตัวชี้วัดในระดับกิจกรรมที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ต่อผู้เรียนในมิติคุณภาพการศึกษา
(ทักษะด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะอาชีพ)
และตัวชี้วัดที่สะท้อนเรื่องการมีงานทำของนักเรียน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มีคุณภาพ) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8278 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 | ทส. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๓ และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ สรุปได้ (๑) รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.
๒๕๖๓ ได้เสนอสถานการณ์และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ระดับภูมิภาค
และภายในประเทศ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา จำนวน ๑๑ สาขา
ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ พ.ศ. ๒๕๖๓
และได้คาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและนำเสนอข้อมูลเชิงนโยบาย (๒) รายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ซึ่งพบว่าหน่วยงานต่าง ๆ สามารถดำเนินได้ครบถ้วน จำนวน ๑๑๑ ข้อเสนอแนะ (ร้อยละ ๙๓
ของข้อเสนอแนะทั้งหมด) จากทั้งหมด๑๑๙ ข้อเสนอแนะ ๑๑ สาขา
และยังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ๘ ข้อเสนอแนะ สำหรับข้อเสนอแนะที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้
เพราะต้องมีกระบวนการการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน
บางข้อเสนอแนะเป็นการศึกษาวิจัยและนวัตกรรม ทำให้การดำเนินการต้องใช้งบประมาณสูง
และใช้ระยะเวลานาน
นอกจากนี้ได้รายงานปัญหาและอุปสรรคในภาพรวมจากการติดตามการดำเนินงานดังกล่าว และแนวทางแก้ไขปัญหาด้วย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วม
การสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ตลอดจนจัดให้มีระบบติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
และควรมีการสนับสนุนการบูรณาการข้อมูลและกำหนดกรอบความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและปรับปรุงข้อมูลภาพและการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ลุ่มน้ำต่าง
ๆ ให้เป็นปัจจุบัน
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8279 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/2564 | นร.14 | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๒๔๘.๕๒
ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
ปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ จำนวน ๒,๘๕๔ รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
โครงการของจังหวัดที่ต้องระบุในแผนพัฒนาจังหวัด
ขอให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติตรวจสอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
หากยังมิได้กำหนดอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัด
เห็นควรให้ไปดำเนินการบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัดให้ครบถ้วนก่อน
ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตรวจสอบ
หากพบว่าเป็นหน่วยรับงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรง หากมิใช่ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8280 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน | พม. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ
และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|