ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 418 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8341 - 8360 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8341 | ขอความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก | พณ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย ฉบับปรับปรุง
ภายใต้องค์การการค้าโลก
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทย
สำหรับบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน ๔ บริการ ได้แก่ บริการโทรศัพท์ บริการเทเลกซ์
บริการโทรเลข และบริการโทรสาร เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่ใช้ในปัจจุบัน
และเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน
หลักการขององค์การการค้าโลกและมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย
ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก
เข้าสู่กระบวนการภายใต้องค์การการค้าโลกเพื่อให้ร่างตารางข้อผูกพันที่ได้ปรับปรุงแล้วดังกล่าวมีผลผูกพันทางกฎหมายต่อไป
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างตารางข้อผูกพันดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8342 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนเมษายน 2564 | นร.11 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนเมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การปรับกรอบระยะเวลาและรูปแบบของรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยเน้นรายงานเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) การพัฒนาระบบ
eMENSCR ให้รองรับการดำเนินงานตามกลไกของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติกับการพัฒนาในระดับพื้นที่
และการเผยแพร่วีดิทัศน์ผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ สำหรับเยาวชนอายุระหว่าง
๑๒-๑๕ ปี ในรถไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๖๔ รวมทั้งได้เสนอแนะประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ การบริหารจัดการข้อมูลของรัฐ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งจัดทำสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง
๖ ด้าน โดยให้มีข้อมูลที่ชัดเจนระบุถึงความคืบหน้า ผลสัมฤทธิ์
งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ และประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ
และให้ส่งไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยเร็ว ภายในวันที่ ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๔ และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมและดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8343 | การประกาศวันจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติให้เป็นวันสำคัญของชาติ | นร.04 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่
๒๖ เมษายน ของทุกปี เป็น “วันจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ”
โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ตามที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) เสนอ รวมทั้งให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและภาพรวม
ควรกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการในระยะต่อไปที่สอดรับกับนโยบายการเปิดประเทศ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8344 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการมอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา
๔๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ จำนวน ๒ ราย
ตามลำดับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางกนกวรรณ วิลาวัลย์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8345 | แต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (นายวิลาศ เฉลยสัตย์) | มท. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง
โดยได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ ๔๕๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8346 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | สกพอ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๕๖๘,๒๒๘,๒๕๕ บาท สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วน
และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญาได้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8347 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. 2564 ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. 2564 | สธ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องเอชไอวีและเอดส์
พ.ศ. ๒๕๖๔ ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ.
๒๕๖๔ และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. ๒๕๖๔
ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ค
สหรัฐอเมริกา ร่วมกับรูปแบบการประชุมเสมือนจริง (Virtual Meeting) โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมติดตามการดำเนินการยุติปัญหาเอดส์ในฐานะภัยคุกคามด้านสาธารณสุขภายในปี
พ.ศ. ๒๕๗๓ และเร่งความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายที่
๓ ว่าด้วยสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8348 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2564 และร่างแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๔ ร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๐๗๐๓/๓๖๕ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี ๒๕๖๔
ร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-๑๙ และร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการ
เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8349 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 1 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล | ดศ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๑ (The 1st ASEAN Digital Ministers Meeting :
ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเข้าร่วมการประชุม
โดยมีเรื่องที่สำคัญ เช่น
การแลกเปลี่ยนมุมมองและวิสัยทัศน์การพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
ในภูมิภาค การอนุมัติงบประมาณจากกองทุน ASEAN ICT Fund เพื่อใช้ดำเนินโครงการและกิจกรรมสำหรับปี
๒๕๖๔ การรับรองแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. ๒๐๒๕
และการรับรองแผนงานความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระหว่างอาเซียนและคู่เจรจา
ปี ๒๕๖๔ เป็นต้น
และมอบหมายหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล
ค.ศ. ๒๐๒๕ (ASEAN Digital Masterplan 2025 : ADM 2025) ต่อไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8350 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2558) | มท. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภท เพื่อกำหนดให้การประกอบกิจการในอาคารที่ไม่ใช่ในอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารขนาดสูงมีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
และยกเลิกความในหมายเหตุ โรงงานลำดับที่ ๓ (๒) แห่งบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศ
เป็น “มาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๑๑ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒”เพื่อความถูกต้องก่อนประกาศใช้บังคับด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่า หากการดำเนินการตามประกาศดังกล่าวมีแนวเขตพื้นที่ที่อาจกระทบหรือทับซ้อนกับพื้นที่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด
กระทรวงมหาดไทยควรพิจารณาหารือร่วมกับหน่วยงานนั้นให้ได้ข้อยุติก่อน
การใช้ประโยชน์ในที่ดินตามร่างประกาศดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ
หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงาน
คำนึงถึงข้อเสนอแนะและมาตรการการใช้ที่ดินในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำที่กำหนดไว้ และกรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวอย่างเข้มงวดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8351 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. 2558) | มท. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ
พ.ศ. ๒๕๕๘) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภท ตลอดจนปรับปรุงบัญชีท้ายกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้การประกอบกิจการโรงงานได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศ
เป็น “มาตรา ๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง และมาตรา๑๑๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒”เพื่อความถูกต้องก่อนประกาศใช้บังคับด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่า หากการดำเนินการตามประกาศดังกล่าวมีแนวเขตพื้นที่ที่อาจกระทบหรือทับซ้อนกับพื้นที่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด
กระทรวงมหาดไทยควรพิจารณาหารือร่วมกับหน่วยงานนั้นให้ได้ข้อยุติก่อน
การใช้ประโยชน์ในที่ดินตามร่างประกาศฯ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงาน ควรคำนึงถึงแหล่งศิลปกรรมอื่นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถานฯ
ด้วย และการจัดทำแนวกันชน โดยใช้พื้นที่สีเขียวในพื้นที่ซึ่งอนุญาตให้มีการประกอบกิจการโรงงาน
กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวอย่างเข้มงวดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8352 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 17/2564 และครั้งที่ 18/2564 | นร.11 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๘
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ให้เป็นไปตามมติข้อ
๒ สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส) โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรค และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แผนงานที่ ๑.๒)
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในกรอบวงเงินรวม ๑,๕๗๕.๔๙๕ ล้านบาท
และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๓. อนุมัติเป็นหลักการให้ดำเนินการคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรวดเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยไม่ชักช้า
และให้รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๓ เดือน
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8353 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 | นร.14 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕
มีนาคม ๒๕๖๔. และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และข้อสั่งการของประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติในการประชุมดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้แผนพัฒนาขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญในระหว่างปี
๒๕๖๔-๒๕๖๖
ตรวจสอบและดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และการกำหนดตัวชี้วัดของแผนงานและโครงการควรกำหนดให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการดำเนินการ
เพื่อจะได้เกิดความชัดเจนว่าแผนงานหรือโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์
รวมถึงหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและยึดหลักความคุ้มค่าของการใช้จ่าย
งบประมาณ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบรรเทาปัญหาด้านทรัพยากรน้ำตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
สำหรับวางเงินงบประมาณให้หารือกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8354 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 6 | กต. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๖
ซึ่งจะมีการรับรองโดยที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๖ ในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่นครฉงซิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง มีฉันทามติ ประกอบด้วย (๑)
ร่างข้อริเริ่มของรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐบาลท้องถิ่น เป็นเอกสารข้อเสนอในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น
(๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นเอกสารการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
และ (๓)
ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะส่งเสริมการใช้ยาแผนดั้งเดิม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการรองรับกรณีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการระบายน้ำลงแม่น้ำโขงของเขื่อนจิ่งหง
สาธารณรัฐประชาชนจีน ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8355 | รัฐบาลสาธารณรัฐลัตเวียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย (นางสาวไมยา มานิกา) | กต. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวไมยา มานิกา (Ms. Maija Manika)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทยคนแรก
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจาก นายมาริส เซลกา (Mr. Maris Selga) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทยคนแรก
มิได้เข้ารับหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูต ฯ
และมิได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอักษรสาส์นตราตั้ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8356 | สรุปผลการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมต่อข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรณีการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ | สผ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมต่อข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรณีการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเร่งด่วนว่า
กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ได้เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่ก่อนและหลังเกิดอุทกภัยอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้พร้อมสำหรับการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่โดยทันที โดยการเยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยและพื้นที่ประสบภัยภายหลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย
ได้กำหนดแผนการ เช่น การมอบเงินช่วยเหลือ การเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ส่วนสถานที่สำคัญ
ได้เร่งรัดดำเนินการสำรวจความเสียหาย และขอรับการสนับสนุนงบกลางซ่อมแซม เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ
สำหรับการสร้างระบบเตือนภัย ได้กำหนดช่องทางสื่อสารผ่านสื่อต่าง ๆ
ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ การให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถประกาศเขตภัยพิบัติและสามารถใช้งบประมาณของท้องถิ่นในการดำเนินการ
เมื่อท้องถิ่นสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเขตภัยพิบัติ
เนื่องจากทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและเพิ่มขั้นตอนการปฏิบัติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8357 | ขออนุมัติการขอรับการอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยานในการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระยะที่ 3 | คค. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยานในการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส
COVID-19 ระยะที่ ๓ ในกรอบวงเงิน
๑๖๗,๑๐๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน) ดำเนินการให้ถูกต้อง
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาระดับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้โดยสารและการให้บริการ
รวมทั้งการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อให้ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยานมีความพร้อมในการดำเนินงานและสามารถรักษาระดับมาตรฐานในการให้บริการที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8358 | ร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... | นร.09 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การใช้ใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา อาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร
เครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดตามที่กฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้
รวมถึงการนำเข้า ส่งออก การขาย และการโฆษณา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
เว้นแต่กรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘ ของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8359 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำบทบัญญัติภายใต้มาตรา 30 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 มาใช้บังคับ พ.ศ. .... | กสทช. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำบทบัญญัติภายใต้มาตรา
๓๐ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับ พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญให้นำบทบัญญัติมาตรา
๓ การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๔/๑
มาตรา ๔๔/๒ มาตรา ๔๔/๓ มาตรา ๔๔/๔ และมาตรา ๔๔/๕ และส่วนที่ ๔
การกำกับการประกอบกิจการ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๔๖ ในหมวด ๒ การกำกับดูแลการประกอบกิจการ
และมาตรา ๖๕ (๑) มาตรา ๗๘ มาตรา ๘๓ วรรคสอง และมาตรา ๘๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๑๖ มาตรา ๒๗
มาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8360 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วไม่สามารถแสดงความเห็นต่อรายงานการเงินดังกล่าวได้
ตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
เนื่องจากมีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญและไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ
เช่น ลูกหนี้ระยะสั้นมีการรวมรายการที่มีข้อคลาดเคลื่อน กำหนดรหัสสินทรัพย์ในระบบ GFMIS และรหัสสินทรัพย์ตามทะเบียนคุมทรัพย์สินไม่สอดคล้องกัน
จึงไม่สามารถอ้างอิงกันได้ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตามรายงานของผู้สอบบัญชีฯ
เกี่ยวกับการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญและประเด็นที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ
ไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน รวมทั้งนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในปีต่อ
ๆ ไป ให้ถูกต้อง ตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนดด้วย
|