ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 412 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8221 - 8240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8221 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการรายงาน กำหนดระยะเวลาการเสนอรายงาน และการให้คำรับรองรายงาน ผลการปฏิบัติการตามกฎหมาย พ.ศ. .... | อก. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการรายงาน
กำหนดระยะเวลาการเสนอรายงาน และการให้คำรับรองรายงาน ผลการปฏิบัติการตามกฎหมาย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานมีหน้าที่ต้องเสนอรายงานผลการปฏิบัติการตามกฎหมาย
และได้รับการรับรองรายงานจากผู้ตรวจสอบเอกชนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้เสนอผลการปฏิบัติการตามกฎหมายดังกล่าวผ่านทางระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8222 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (1. พลเอก พอพล มณีรินทร์) | กห. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ รวม
๕ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมจะครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ สิงหาคม
๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
ดังนี้ ๑. พลเอก พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการ ๒. นายสมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือด้านการวิจัยการพัฒนา และนวัตกรรม ๓. นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
หรือบริหารธุรกิจ ๔. พลตำรวจเอก ชัยยง กีรติขจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
หรือทรัพยากรบุคคล ๕. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
การบัญชี และการงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8223 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (1. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์
อุรพีพัฒนพงศ์ ๒. นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ๓. นายนำชัย เอกพัฒนพานิชย์ ๔. นายวิชญายุทธ บุญชิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8224 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 แทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) | รง. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
เป็นกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๒๑
แทนกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8225 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค) | พณ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔)
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ประธานกรรมการ ๒. นายภูเก็ต คุณประภากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายวีระศักดิ์
เลอวิศิษฎ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายบุญเลิศ
สิริภัทรวณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางสาวอชิรญา อิงคตานุวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. รองศาสตราจารย์กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวมาลี โชคล้ำเลิศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8226 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายกรณินทร์ กาญจโนมัย และนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย) | คค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายกรณินทร์ กาญจโนมัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8227 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
(สำนักงาน กกพ.) โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานประจำปีของ กกพ.
สำนักงาน กกพ. และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า (๒)
งบการเงินและบัญชีทำการพร้อมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชีของสำนักงาน กกพ.
และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และ(๓) แผนงานที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ของสำนักงาน กกพ. และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน
และส่งเสริมการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นภายในประเทศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8229 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ
สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ
สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคยานยนต์ของสหประชาชาติ (UN
Regulation No.109) และส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8230 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกอบกับการส่งออกเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสำคัญ
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่เร่งตัวมากขึ้นในหลายประเทศ
และการมีแรงสนับสนุนจากมาตรการการคลังที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย
(๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำลงจากการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-๑๙
ระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๗
โดยประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๐
ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินไทย ยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8231 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๘
โครงการ ซึ่ง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้วรวม
๕๔ โครงการ (เป็นการดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ รวม ๓๕
โครงการ) โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๙ โครงการ แบ่งเป็น
(๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖ โครงการ
พบว่า มีโครงการที่ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด จำนวน ๑๕ โครงการ และ (๒)
โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๓ แล้ว จำนวน ๔ โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8232 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ประจำปี ๒๕๖๓ ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประกอบด้วย (๑)
งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีสินทรัพย์รวม ๘๗๗,๐๒๑ ล้านบาท
หนี้สินรวม ๔๖๘,๒๒๖ ล้านบาท ส่วนของเจ้าของ ๔๐๘,๗๙๕ ล้านบาท และ (๒)
งบแสดงกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า ๕๐๔,๔๘๘
ล้านบาท รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ๓,๘๕๘ ล้านบาท โดยมีต้นทุนจากการขายไฟฟ้า
๔๓๘,๘๕๕ ล้านบาท ต้นทุนจากการขายสินค้าและบริการ ๒,๔๑๘ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม
๔๑,๕๙๓ ล้านบาท และมีกำไรสำหรับปี ๒๕,๔๘๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8233 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยการพัฒนาสีเขียวของการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
ที่จะมีการรับรองการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
และร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในการประชุมดังกล่าว โดยร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ มีสาระสำคัญ (๑) เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การประสานงานระหว่างกันด้านนโยบายกฎระเบียบวัคซีน
การสนับสนุนให้รัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยการบริจาคหรือการส่งออกในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
การส่งเสริมการวิจัยด้านวัคซีนร่วมกันและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
การพัฒนาความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน เป็นต้น และ (๒)
เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาสีเขียวเพื่อนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและมีบูรณาการ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงปารีส
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมพลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8234 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
และการประมวลผลและการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ไตรมาสที่ ๑
ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ (๒)
แนวทางการบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และการประสานขอความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป
และ (๓) การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเรื่องสำคัญเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน
โดยเฉพาะประเด็นการแจ้งข้อมูลและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบควรต้องลงโทษผู้กระทำความผิด
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกำหนดมาตรการที่เข้มงวด
รวมถึงบทลงโทษแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8235 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8236 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 8/2564 | นร.04 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๓)
แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๔)
แนวทางการดำเนินการของสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
(๕) ข้อกำหนดการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ (๖)
มาตรการผ่อนคลายสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ (๗)
การปรับวิธีการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร
กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร
ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศ เฉพาะที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศไทย (๘)
หลักการการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) และ (๙)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8237 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยสถาบัน IMD ปี 2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งของประเทศของสถาบันการจัดการนานาชาติ
(International Institute for Management Development :
IMD)
ซึ่งได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขังของประเทศปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ๑ อันดับ
มาอยู่ในอันดับที่ ๒๘ (จากอันดับที่ ๒๙ ในปี ๒๕๖๓) แม้ว่าจะมีคะแนนรวมลดลงเป็น
๗๒.๕๑๙ คะแนน จาก ๗๕.๓๘๗ คะแนน โดยยังคงรักษาระดับอยู่ในอันดับ ๓ ของกลุ่มอาเซียน
๕ ประเทศ โดยอันดับที่ ๑-๕ ในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย
ประเทศไทย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันฯ
ของสถาบัน IMD ดังกล่าว ไปศึกษารายละเอียดของประเด็นปัญหาต่าง ๆ
ที่ยังเป็นจุดอ่อนหรือเป็นปัจจัยที่มีผลทำให้ประเทศไทยมีอันดับลดลง
และให้พิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการต่าง ๆ
เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น
การพัฒนาฐานข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระบบ ถูกต้อง ทันสมัย และการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนที่ถูกต้องและทั่วถึง
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8238 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 20/2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการรถ Mobile
พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ของกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติการปรับกรอบวงเงินโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จากเดิม
๑,๕๗๕.๔๙๕๐ ล้านบาท เป็น ๑,๕๗๕.๔๕๙๐ ล้านบาท และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการของกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครปฐม จังหวัดพิจิตร
จังหวัดตรัง จังหวัดลำปาง จังหวัดอุดรธานี รวมจำนวน ๙ โครงการ
รวมทั้งรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๔ (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๔)
และรายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (๑ ตำบล
๑ มหาวิทยาลัย) ระยะ ๓ เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๔)
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาการดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8239 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ 2 | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission-JC) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ครั้งที่ ๒ และอนุมัติให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการลงนามในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล มีสาระสำคัญเป็นการบันทึกผลการประชุม ซึ่งกำหนดแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในด้านต่าง
ๆ อาทิ การค้าการลงทุน พลังงาน สาธารณสุข การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว
การศึกษา วัฒนธรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8240 | การกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.)
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ (๑) กำหนดให้คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรมและคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม
และประเมินผลตามมาตรฐานทางจริยธรรม ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนในอัตราประธานอนุกรรมการไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
และอนุกรรมการไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ
จะมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย (๒) เห็นชอบในหลักการการกำหนดเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตร
๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าควรให้สำนักงาน ก.พ.
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว
แต่หากไม่เพียงพอเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง
ขอให้ยึดหลักความคุ้มค่าและเป็นไปเพื่อประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ
กรณีคณะอนุกรรมการที่อาจแต่งตั้งเพิ่มได้ในภายหลังนั้นควรพิจารณาตามความจำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ
ก.ม.จ. เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
รวมทั้งควรมีการทบทวนคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|