ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1630 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32581 - 32600 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32581 | การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ 1 ตุลาคม 2554 (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ให้แก่ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย จำนวน ๔ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายตุลย์ ไตรโสรัส นักการทูตชำนาญการ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายสุทัศน์ เศรษฐบุญสร้าง) ๑.๒ นายธีระพงษ์ วัฒนวงษ์ภิญโญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักประสานงานการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายสุทัสน์ เศรษฐบุญสร้าง) ๑.๓ นางณัฏฐา สุนทราภา นักการทูตชำนาญการ กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) ๑.๔ นายปรีชาพร สุวัฒโนดม วิศวกรโยธาปฏิบัติการ สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง ช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) ๒. สำหรับเงินเลื่อนเงินเดือนให้ปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
32582 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32583 | การแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 5 คณะ | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๑/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม ๕ คณะ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ ๑.๒ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย แรงงาน และประชาสัมพันธ์) รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นประธานกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ ๑.๓ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายสังคม) รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เป็นประธานกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ ๑.๔ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขานุการ ๑.๕ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตร และการท่องเที่ยว) รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เป็นประธานกรรมการ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขานุการ ๒. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการฯ ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมการฯ มีมติประการใด ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคราวนั้นเป็นผู้ลงนามในบันทึกเสนอมติคณะกรรมการฯ ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติและเสนอคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๒.๑ ทราบ หากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ หรือเห็นชอบตามมติคณะกรรมการฯ หรือ ๒.๒ ทราบ หรือ ๒.๓ พิจารณา แล้วแต่กรณี เว้นแต่นายกรัฐมนตรีจะเห็นควรดำเนินการประการอื่น ๓. เห็นชอบการมอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะต่าง ๆ ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน ดังนี้ ๓.๑ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ติดตามเร่งรัดการดำเนินการนโยบายเร่งด่วนในข้อ "๑.๑ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย ๑.๓ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง ๑.๕ เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๖ เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ" ๓.๒ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย แรงงาน และประชาสัมพันธ์) ติดตามเร่งรัดการดำเนินการนโยบายเร่งด่วนในข้อ "๑.๒ กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็น "วาระแห่งชาติ" ๑.๑๖ เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง" ๓.๓ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายสังคม) ติดตามเร่งรัดการดำเนินการนโยบายเร่งด่วนในข้อ "๑.๑๓ สนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น ๑.๑๔ พัฒนาระบบประกันสุขภาพ ๑.๑๕ จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน" ๓.๔ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ติดตามเร่งรัดการดำเนินการนโยบายเร่งด่วนในข้อ "๑.๗ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๘ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค ๑.๙ ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ๑.๑๐ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน ๑.๑๑ ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน" ๓.๕ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตร และการท่องเที่ยว) ติดตามเร่งรัดการดำเนินการนโยบายเร่งด่วนในข้อ "๑.๔ ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน ๑.๑๒ เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ"
|
||||||||||||||||||||||||
32584 | (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ เป้าหมายและ และยุทธศาสตร์ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ มุ่งพัฒนาสู่ “สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง” ๑.๒ พันธกิจ ได้แก่ สร้างสังคมเป็นธรรมและเป็นสังคมที่มีคุณภาพ ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิต ได้รับการคุ้มครองทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างทั่งถึงและเท่าเทียม พัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีคุณธรรม เรียนรู้ตลอดชีวิต มีทักษะและการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย และพัฒนาฐานการผลิตและบริการให้เข้มแข็งและมีคุณภาพบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญา ๑.๓ วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเป็นสังคมสันติสุข พัฒนาคนไทยทุกกลุ่มวัยอย่างเป็นองค์กรรวมทั้งทางกาย ใจ สติปัญญา อารมณ์ คุณธรรม จริยธรรม พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ คุณภาพ และยั่งยืน รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เพียงพอต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ๑.๔ เป้าหมายหลัก ได้แก่ ความอยู่เย็นเป็นสุขและความสงบสุขของสังคมไทยเพิ่มขึ้น คนไทยมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีสุขภาวะดีขึ้น และสถาบันทางสังคมมีความเข้มแข็งมากขั้น รวมทั้งเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่เหมาะสมตามศักยภาพของประเทศ ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งภาคเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการบริหารจัดการแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ สู่การปฏิบัติ ๒. ให้ สศช. รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศใน (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ควรครอบคลุมประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระดับโลก (Global Economy) ที่ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย การปรับตัวของประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจโลก การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเด็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญา (Creative Economy) และประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Economy) การปรับโครงสร้างการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นฐานการผลิตภาคเกษตร และความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรมียุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม เป็นยุทธศาสตร์หลักปรากฏอยู่ใน (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ เพื่อให้เกิดการแปลงนโยบายชาติไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม การให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการสนับสนุนธุรกิจบริการสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อระบบสุขภาพในภาพรวม โดยไม่ควรระบุโครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพของประเทศไว้ใน (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ จนกว่าจะได้มีข้อมูลจากการศึกษาผลกระทบและกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันผลกระทบของโครงการฯ ต่อระบบบริการสุขภาพและระบบกำลังคนด้านสุขภาพในภาพรวม การเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และวัฒนธรรมของชาติ เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยพัฒนาส่งเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง เกี่ยวเนื่องกับภาคบริการและวัฒนธรรมของชาติ การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวและยั่งยืน โดยพัฒนาส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ อุตสาหกรรมสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อการพัฒนาที่สมดุลยั่งยืน รวมทั้งข้อเสนอแนะต่อภาพรวม วิสัยทัศน์ และทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ข้อเสนอแนะต่อยุทธศาสตร์การพัฒนา และข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ สู่การปฏิบัติ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดส่งความเห็นเพิ่มเติมให้ สศช. ภายในวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อ สศช. เร่งดำเนินการปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
32585 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 | กค | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินดำเนินการ ๑,๒๘๗,๐๐๔.๖๐ ล้านบาท แบ่งเป็น แผนการก่อหนี้ใหม่ ๔๖๙,๑๖๖.๗๖ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ๖๔๐,๘๓๗.๘๔ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง ๑๗๗,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ การกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรบรรจุแผนการบริหารหนี้สาธารณะในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีวงเงินการก่อหนี้ค่อนข้างสูง เช่น กรุงเทพมหานคร และพัทยา ไว้ภายใต้กรอบวงเงินนี้ด้วย และควรพิจารณาทางเลือกในการกู้เงินสำหรับโครงการตามแผนการก่อหนี้ใหม่และความคุ้มค่าในการลงทุน รวมทั้งวิเคราะห์ศักยภาพการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ของหน่วยงานเจ้าของโครงการเพื่อลดภาระงบประมาณในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอนาคต ทั้งนี้ หากมีการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะในระหว่างปี ควรนำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรเป็นรายจ่ายเพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้แล้ว และผลการกู้เงินจริงเพื่อประกอบการพิจารณาปรับแผนฯ เพื่อให้การปรับแผนเป็นไปตามข้อเท็จจริงจากการดำเนินการและไม่กำหนดวงเงินกู้ที่เกินความจำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32586 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และการเช่าบ้านพักข้าราชการประจำในต่างประเทศ | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการส่งออกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและค่าเช่าบ้านพักข้าราชการประจำในต่างประเทศ ในวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๗๗,๖๓๐,๙๐๐ บาท และไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละแห่งกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการส่งออกพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
32587 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อีกตำแหน่งหนึ่ง (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อเนื่อง และยังคงเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่ง ส่วนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อันพึงมีพึงได้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32588 | การแต่งตั้งข้าราชการ | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32589 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) | กก | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นางแสงจันทร์ วรสุมันต์ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมพลศึกษา ๒. นายเสกสรร นาควงศ์ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
32590 | การแต่งตั้งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุพรรณี ไพรัชเวทย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ
(นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32591 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิพนธ์ ฮะกีมี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง กรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32592 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ดังนี้
๑. ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ๒. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
32593 | การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) | มท | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามข้อมูลครัวเรือนผู้ประสบภัยเบื้องต้นของจังหวัด จำนวน ๓๖ จังหวัด ในกรอบครัวเรือน จำนวน ๓๓๔,๐๓๙ ครัวเรือน จำนวนเงิน ๑,๖๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นจำนวนครัวเรือนที่ประเมินเบื้องต้น จังหวัดต้องมีการตรวจสอบให้มีความถูกต้องชัดเจนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ ก่อนการจ่ายเงินช่วยเหลือ และให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ทั้งหมด โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารออมสินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย จำนวน ๑๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยตกลงในรายละเอียดของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) กับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32594 | การใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินสำรองให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๕ ล้านตัน ในวงเงิน ๔,๑๙๕.๓๑๙ ล้านบาท ไปก่อน จนกว่าจะได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณชดใช้คืนต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. ให้ครบถ้วนจากงบประมาณแผ่นดินในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดย อคส. ประสานงานกับ ธ.ก.ส. เพื่อขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เป็นไปด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว กขช. อาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อช่วยพิจารณา กลั่นกรอง ตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของ กขช. ต่อไป จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของ กขช. รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32595 | งบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณดำเนินการโดยโอนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน ๒๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว เพื่อไปดำเนินการในพื้นที่อื่น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการยกระดับราคาข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงให้เกษตรกร โดยการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๒ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๒ และการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ รชต. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๒] เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||
32596 | การเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2554/55 ที่เก็บเกี่ยวและขายผลผลิตก่อนเริ่มโครงการรับจำนำ และการช่วยค่าเมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกรที่พื้นที่เพาะปลูกเสียหายเกินกว่าร้อยละ 50 | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด ที่ พณ ๐๔๐๙/๓๒๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ จากเดิม “อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔” เป็น “อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เกษตรกรสามารถได้รับความช่วยเหลือภายใต้โครงการรับจำนำข้าวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ตามผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ พื้นที่และผลผลิตที่เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประมาณการพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวในเดือนสิงหาคม - กันยายน ๒๕๕๔ จะมีพื้นที่เก็บเกี่ยวทั้งหมด จำนวน ๘.๘ ล้านไร่ ผลผลิต ๔.๕๕๔ ล้านตัน (ผลผลิตภาคกลางเฉลี่ยไร่ละ ๕๕๔ กก. และภาคเหนือเฉลี่ยไร่ละ ๔๙๘ กก.) และได้ประมวลพื้นที่ที่ประสบความเสียหายประมาณ ๕.๒๓๒ ล้านไร่ ๒.๒ ให้การเยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน ๒๕๕๔ (ก่อนโครงการรับจำนำข้าวนาปี ๒๕๕๔/๕๕ เริ่ม ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔) ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท เมื่อคูณกับผลผลิตที่ผลิตได้ในช่วงดังกล่าว ๔.๕๕๔ ล้านตัน จะต้องจ่ายเงินเยียวยารวม ๖,๕๔๔ ล้านบาท (๑,๔๓๗ บาท/ตัน x ๔.๕๕๔ ล้านตัน) ๒.๓ เกษตรกรที่พื้นที่เสียหายเกินกว่า ๕๐% ทั้งประเทศประมาณ ๗๐% ของพื้นที่ ๕.๒๓๒ ล้านไร่ (หรือ ๓.๖๖๒ ล้านไร่) ให้ได้รับการช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับที่รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ คือ ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ตามที่เสียหายจริง แต่ไม่เกินรายละ ๑๐ ไร่ ในอัตราไร่ละ ๑๐ กก. หรือเป็นมูลค่าไร่ละ ๑๘๐ บาท ๒.๔ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖๕๙.๑๖ ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เป็นผู้นำไปช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ๓. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด ที่ พณ ๐๔๐๙/๓๒๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ข้อ ๒ บรรทัดที่ ๗ - ๘ ให้ชัดเจน จากเดิม “...เห็นควรให้เยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตไปในช่วงดังกล่าว ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท ...” เป็น “...เห็นควรให้เยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตไปในช่วงดังกล่าว รวมทั้งกรณีเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากประสบอุทกภัย ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท ...” ๔. งบประมาณสำหรับการช่วยค่าเมล็ดพันธุ์ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32597 | การรายงานความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ | พม | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๗ กันยายน - ๒๒ กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน ๙ อำเภอ ๙๒ ตำบล ๘๔๒ หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน ๔๐,๘๕๙ ครัวเรือน ๑๒๒,๕๗๗ ราย มีผู้เสียชีวิต ๗ ราย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ ๖๘๘,๘๓๗.๒๕ ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้ดำเนินการจัดหาที่พักพิงชั่วคราว จำนวน ๑๙๗ ครัวเรือน มอบถุงยังชีพ จำนวน ๑๒๓,๗๐๙ ราย และเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๒,๐๑๖ ราย เป็นเงิน ๑๐,๐๘๐,๐๐๐ บาท อยู่ระหว่างการพิจารณาช่วยเหลือ ๗,๒๒๑ ราย จ่ายค่าชดเชยพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ๖๕,๓๓๐.๗๕ ไร่ เป็นเงิน ๑๑๙.๖๙ ล้านบาท รวมทั้งการจัดทำบางระกำโมเดล เพื่อป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นระบบทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยดำเนินการปรับปรุงระบบผันน้ำยม - น่าน (Water way) โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ คลองผันน้ำสวรรคโลก - พิชัย พร้อมอาคาร งบประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท ขุดลอกคลองระบายน้ำ DR 2.8 และ DR 15.8 พร้อมปรับปรุงอาคาร งบประมาณ ๓๐ ล้านบาท และปรับปรุงประตูระบายน้ำบางแก้ว งบประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท ก่อสร้างแก้มลิง บึงตะเคร็ง งบประมาณ ๒๐๐ ล้านบาท และปรับปรุงแหล่งเก็บกักน้ำขนาดเล็ก ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด ๒. จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน ๑๑ อำเภอ ๑๑๗ ตำบล ๑,๑๗๑ หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน ๙๐,๖๖๔ ครัวเรือน ๑๙๒,๐๓๕ ราย มีผู้เสียชีวิต ๕ ราย บ้านเรือนเสียหายบางส่วน จำนวน ๒ หลัง พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ ๗๘,๔๘๓ ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ทางจังหวัดร่วมกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายการเมือง ได้จัดทีมสำรวจเยี่ยมครอบครัวผู้ประสบภัย ให้คำปรึกษาแนะนำและฟื้นฟูสภาพจิตใจ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน ๒๕,๘๓๐ ราย และเงินสงเคราะห์ครอบครัว จำนวน ๕,๓๐๐ ราย ในพื้นที่ ๓๒ ตำบล นอกจากนี้ ได้เร่งรัดการก่อสร้างโครงการชลประทานอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ๔ แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก่อ ห้วยน้ำชุนใหญ่ ห้วยนา และคลองลำถง รวมทั้งขออนุมัติโครงการชลประทานอ่างเก็บน้ำแผนงานปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยเล็ง ห้วยท่าพล ห้วยน้ำชุนน้อย บ้านเสลี่ยงแห้ง ๓ ห้วยยาง บ้านนางั่ว ห้วยน้ำเฮี้ย และซับมะนาว รวมถึงจัดทำแผนการระบายน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางอย่างเป็นระบบ
|
||||||||||||||||||||||||
32598 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | สธ | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร) ประเภทบริหารระดับสูง กรมควบคุมโรค ๒.นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร) ประเภทบริหารระดับสูง กรมสุขภาพจิต ๓. นายอภิชัย มงคล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร) ประเภทบริหาร ระดับสูง สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข ๔. นางวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร) ประเภทบริหารระดับสูง กรมการแพทย์ ๕. นายสุพรรณ ศรีธรรมมา ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร) ประเภทบริหาร ระดับสูง กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ๖. นายนิทัศน์ รายยวา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร) ประเภทบริหาร ระดับสูง สำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข ๗. นายโสภณ เมฆธน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร) ประเภทบริหาร ระดับสูง สำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข ๘. นายสมชัย นิจพานิช ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร) ประเภทบริหาร ระดับสูง สำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข ๙. นายบุญชัย สมบูรณ์สุข ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร) ประเภทบริหารระดับสูง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
|
||||||||||||||||||||||||
32599 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) | นร | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้ง นายวิเชียร ชวลิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32600 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพระนาย สุวรรณรัฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....