ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1622 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32421 - 32440 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32421 | ขอความเห็นชอบโครงการ Integrated Community-based Forest and Catchment Management through an Ecosystem Service Approach (CBFCM) | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทน ลงนามร่วมกับผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) ในเอกสารโครงการ Integrated Community - based Forest and Catchment Management through an Ecosystem Service Approach (CBFCM) โดยสาระสำคัญของโครงการ CBFCM สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ การดำเนินโครงการ CBFCM เป็นความตกลงของฝ่าย UNDP กับผู้ปฏิบัติฝ่ายไทย (Implementing Partner) คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสนับสนุนงบประมาณสมทบที่ไม่อยู่ในรูปเงินสด (In kind) โดยสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่ดำเนินงานโดยงบประมาณปกติของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๒๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๑.๒ การดำเนินโครงการ CBFCM เป็นการสร้างกลไกการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายด้านการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ลุ่มน้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ของประเทศ โดยคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศเชิงลุ่มน้ำอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน ๑.๑.๓ หน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการ CBFCM คือ การกำหนดกรอบแนวทางและแผนการดำเนินโครงการให้สามารถเชื่อมโยงกับประเด็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานการดำเนินงาน ให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการ (Project Board) เพื่อกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการให้บรรลุผลตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๔ หน้าที่ความรับผิดชอบของ UNDP ในการดำเนินโครงการ CBFCM คือ การเป็นหน่วยสนับสนุนโครงการ (Project Assurance) มีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการโครงการในกำกับดูแลโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดและติดตามตรวจสอบโครงการเพื่อให้โครงการดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสนับสนุนงบประมาณสมทบโครงการ CBFCM หากมีการแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ แต่เกี่ยวข้องกับงบประมาณโครงการควรให้สำนักงบประมาณร่วมพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32422 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟบริเวณจุดตัดกับทางหลวงชนบท ขก. ๑๐๒๗ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32423 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาล ตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32424 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายทวี รัตนชูเอก ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ ๒. นางปาริชาติ สรเทศน์ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
32425 | การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกปี พ.ศ. 2558 (รอบคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ 2016 ณ เมืองรีโอเดจาเนโรสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล) "เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา" | กก | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ จังหวัดชลบุรี ภายในกรอบวงเงินรวมไม่เกิน ๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สมาคมยกน้ำหนักจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ใช้ในการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งประมาณการรายได้และสิทธิประโยชน์จากการจัดการแข่งขันฯ จัดส่งให้คณะกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณา และเสนอขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จัดทำแผนดำเนินงานการจัดหางบประมาณจากการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชนที่สนับสนุนการแข่งขันอย่างชัดเจน พร้อมทั้งหาแนวทางในการผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดหางบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32426 | ผลการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีกระทรวงและหน่วยงานได้แจ้งผลการพิจารณา รวมทั้งสิ้น ๒๑ แห่ง (๑๕ กระทรวง และ ๖ หน่วยงาน) โดยส่วนใหญ่ยืนยันให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการพิจารณาต่อไป ในส่วนร่างกฎหมายที่ยังมิได้แจ้งผลการพิจารณาอีก ๗ กระทรวง [สำนักนายกรัฐมนตรี (แจ้งมาแล้วบางหน่วย) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม] สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยังคงดำเนินการพิจารณาให้ต่อไปจนกว่าจะได้รับแจ้งให้ยุติการพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
32427 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางผจงสิน วรรณโกวิท ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแตวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32428 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32429 | แผนงานการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงานการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. วิสัยทัศน์สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ คือ “เป็นองค์กรหลักในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติอย่างยั่งยืนสู่ความเป็นสากล” ๒. พันธกิจของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ประกอบด้วย ๒.๑ เสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการ ตลอดจนแผนงาน/โครงการในการดำเนินงานด้านเอกลักษณ์ของชาติต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๒ ดำเนินการให้มีการบูรณาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติมิให้ซ้ำซ้อนกัน และให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและนโยบายของรัฐบาล ๒.๓ ส่งเสริม สนับสนุน และประสานการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านเอกลักษณ์ของชาติของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒.๔ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายดำเนินงานด้านการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ๒.๕ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของชาติ ๒.๖ การศึกษาวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ๓. ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๓.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของเอกลักษณ์ของชาติและปลูกฝังจิตสำนึกให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ๓.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การสร้างระบบและกลไกในการควบคุม ตลอดจนการกำหนดมาตรการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเอกลักษณ์ของชาติ ๓.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การประสานและขยายความร่วมมือกับกลุ่มเครือข่ายในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ๓.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
32430 | การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ โดยกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการได้ตามมาตรา ๑๓(๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างได้เองวันละ ๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32431 | การขยายระยะเวลาดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว โดยให้มีการจัดเก็บภาพใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือแรงงานต่างด้าว (ข้อมูล Bio Data) เพื่อประกอบการออกใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าวออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๙๐ วัน (นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔) ทั้งนี้ เพื่อให้แรงงานต่างด้าวที่รายงานตัวจดทะเบียนและขออนุญาตทำงานได้รับใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องเพื่อใช้แสดงตัวยืนยันตัวบุคคลในการตรวจสอบปราบปรามจับกุมของเจ้าหน้าที่ต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นควรประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปผลการดำเนินการ ปัญหาอุปสรรค จากการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทย รวมถึงผู้ติดตามที่เป็นบุตรอายุไม่เกิน ๑๕ ปี เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งให้มีการประสานเชื่อมโยงข้อมูล Bio Data แรงงานต่างด้าว แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32432 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำลูกกา - บึงยี่โถ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำลูกกา - บึงยี่โถ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลบึงคอไห ตำบลบึงทองหลาง ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลพืชอุดม ตำบลลำไทร ตำบลลาดสวาย และตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา และตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32433 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสันทราย และตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสันทราย และตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสันทราย และตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ กับถนน อปท. ชร. ๑๐๕๐ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32434 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมุกดาหาร และตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมุกดาหาร และตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมุกดาหาร และตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32435 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายการรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้เป็นไปตามลำดับ ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ๒. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
32436 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 | ทก | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักสถิติเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้คำปรึกษา แนะนำ และกำกับการดำเนินงานตามโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32437 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ โพธิวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32438 | รายงานผลการพิจารณาความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัย" | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัย” ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นของและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ควรกำหนดนโยบาย การจัดสรรงบประมาณ และการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะการออกกฎหมายและวางมาตรการเพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้นำเรื่องของระบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นวาระสำคัญในการกำหนดนโยบายของท้องถิ่นและจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ควรกำหนดนโยบายมาตรฐานเฉพาะสำหรับที่อยู่อาศัยและชุมชนในย่านที่อยู่อาศัยดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ มีคุณค่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และมีความหมายต่อชุมชนเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสภาพการณ์และบริบทเฉพาะชุมชน และมีความสอดคล้องกับกฎหมายข้อบังคับที่เป็นที่ยอมรับและสามารถปฏิบัติได้ทั้งในระดับท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในชนบท ควรมีการส่งเสริมให้ประชาชนสร้างบ้านด้วยบล็อกประสานดินซีเมนต์ แทนบ้านไม้ ส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตบล็อกประสานภายในประเทศโดยใช้มาตรฐานการผลิตที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นผู้กำหนด ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของประชาชนในท้องถิ่นเพื่อผลิตบล็อกประสานดินซีเมนต์โดยผ่านกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์บล็อกประสานและรับรองบล็อกประสานเป็นวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกับวัสดุก่อสร้างทั่วไป กำหนดนโยบายและส่งเสริมให้ธนาคารของรัฐสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านชนบทหลังละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ ๘๐๐ บาท (เพื่อไม่ให้ก่อหนี้มากเกินไป) จัดกรอบงบประมาณเพื่อพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยไปสู่โครงการบ้านมั่นคงเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำกรอบงบประมาณเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ยากไร้ และผู้ไม่มีรายได้เพียงพอ และส่งเสริมการใช้นวัตกรรมอื่น ๆ ในการก่อสร้างบ้าน นอกเหนือจากบล็อก ประสาน เช่น ไม้ไผ่ ไม้ยางพารา ๔. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัด ควรดำเนินมาตรการป้องกันการบุกรุกสร้างบ้านในพื้นที่สาธารณะด้วยการจัดทำผังเมืองและแสดงขอบเขตที่ชัดเจน และจัดทำประชาคมเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ พัฒนา และจัดสรรที่ดินในบริเวณใกล้เคียงที่เหมาะสในการสร้างที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อย ควรส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดให้เหมือนบ้านจัดสรร คือไม่เกินหน่วยละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและลดการใช้พลังงานในการเดินทางด้วยรถยนต์จากชานเมืองสู่ใจกลางเมือง และควรส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อยในหัวเมืองภูมิภาคให้เหมือนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล คือ ไม่เกินหลังละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรร
|
||||||||||||||||||||||||
32439 | การปรับรูปแบบกลไกเจรจาภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ASEAN - China FTA - Joint Committee : ACFTA - JC) ขึ้นแทนที่คณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ASEAN - China Trade Negotiating Committee : ACTNC) โดยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของไทย (อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของจีน เป็นประธานร่วม ทั้งนี้ เหตุผลในการเปลี่ยนสถานะของคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ไปเป็นคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน เนื่องจากคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ได้เจรจาจัดทำความตกลงการสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีนเสร็จสิ้นแล้ว ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการกำกับการดำเนินการ (Implementation) ตามความตกลงดังกล่าว จึงเห็นควรปรับเปลี่ยนสถานะของคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ไปเป็นคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะปัจจุบัน รวมถึงการพิจารณาจัดทำและปรับปรุงข้อบทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
32440 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2554 | กค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ และไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ (มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๔) ๑.๑ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๕๕๑.๙๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๑๒๐.๗๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒๘.๐๐ ๑.๒ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕๔,๑๗๘.๔๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๐๒ ของมูลค่านำเข้ารวม ๑.๓ มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๕ กลุ่มสินค้า ตั้งแต่ร้อยละ ๕.๒๙ ถึง ๘๐.๓๔ ๑.๔ สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอม มูลค่านำเข้า ๙๓.๐๕๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๙.๔๐๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๙.๙๓ ผลไม้ มูลค่านำเข้า ๘๘.๖๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๒.๗๕๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓๔.๕๓ และเลนซ์ มูลค่านำเข้า ๖๒.๒๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๖.๐๐๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗๑.๘๒ ๑.๕ สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๕ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๕ อันดับแรก ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ดอกไม้ เลนซ์ ไวน์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ และผลไม้ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๐.๓๔, ๗๑.๘๒, ๕๑.๔๖, ๓๙.๗๗ และ ๓๔.๕๓ ตามลำดับ ๒. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ (เมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๔) ๒.๑ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๕๔๖.๘๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๑๕๖.๘๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๔๐.๒๔ ๒.๒ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕๗,๓๔๔.๒๗๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๐.๙๕ ของมูลค่านำเข้ารวม ๒.๓ มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๒ กลุ่มสินค้า ตั้งแต่ร้อยละ ๒๒.๗๓ ถึง ๑๔๓.๘๓ ๒.๔ สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า ๙๒.๘๙๘ ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น ๒๓.๔๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓๓.๗๕ นาฬิกาและอุปกรณ์ มูลค่านำเข้า ๗๐.๗๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๔๑.๗๓๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๔๓.๘๓ และเลนซ์ มูลค่านำเข้า ๖๙.๓๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๙.๓๓๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗๓.๒๒ ๒.๕ สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๒ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๕ อันดับแรก ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ นาฬิกาและอุปกรณ์ เลนซ์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ดอกไม้ และแว่นตา มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔๓.๘๓, ๗๓.๒๒, ๗๑.๕๐, ๖๕.๗๗ และ ๖๓.๐๙ ตามลำดับ
|
.....