ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1622 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32421 - 32440 จากข้อมูลทั้งหมด 124466 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32421 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทนนายเฉลิมพร พิรุณสาร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32422 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๘ คน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ๒. นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ๓. นายชาญวิทย์ เอนกสัมพันธ์ ๔. นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง ๕. นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ๖. นายโฆสิต สุวินิจจิต ๗. พลตำรวจโท รชต เย็นทรวง ๘. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล
|
||||||||||||||||||||||||
| 32423 | แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระฯ จำนวน 3 ราย | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และให้มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ทราบทั่วกันต่อไป ตามที่คณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ผู้แทนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการด้านสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ เป็นประธานกรรมการ แทนนายวีรวัธน์ ธีรประสาธน์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยอม รอตมงคลดี ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นกรรมการสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ แทนศาสตราจารย์เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ที่เลื่อนขึ้นเป็นประธานกรรมการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๓. พลตำรวจตรี ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ผู้แทนจากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสุขภาพ แทนนายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๔. นายกฤษฎา ให้วัฒนานุกูล ผู้แทนจากมูลนิธิประชาคมราชบุรี เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม แทนนางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32424 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) | รง | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายปกรณ์ อมรชีวิน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๒. นายพานิช จิตร์แจ้ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระะทรวงแรงงาน ๓. นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||
| 32425 | รายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย | อก | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปผลการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องกันนิคมทั้งด้านการเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง จัดหาเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรกลหนักไว้อย่างเพียงพอในทุกพื้นที่ ขอรับการสนับสนุนกำลังพลจากกระทรวงกลาโหมตรวจสอบเฝ้าระวังคันกั้นน้ำตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในกรณีที่คันกั้นน้ำชำรุด มีการรั่วซึม จะเร่งซ่อมโดยทันที และตรวจสอบระดับน้ำในคลองต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อนิคม โดยประสานและได้รับความร่วมมือจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการควบคุมการระบายน้ำผ่านพื้นที่นิคม มิให้เกิดความเสียหายต่อนิคมอุตสาหกรรม ๒. สรุปผลการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ และผู้ประกอบการเข้าทำความสะอาด ซ่อมแซมเครื่องอุปกรณ์ รวมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในการฟื้นฟูโรงงานแล้ว จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูพื้นที่มีข้อจำกัดที่ระดับน้ำภายนอกนิคมต้องลดต่ำกว่าคันกั้นน้ำเดิม เพื่อให้คันกั้นน้ำมีความแข็งแรง ดังนั้น สวนอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จึงเริ่มสูบน้ำออกจากพื้นที่ล่าช้ากว่าพื้นที่อื่น ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครมีข้อจำกัดด้านภูมิประเทศ ทำให้ระดับน้ำลดลงช้า จึงยังไม่สามารถสูบน้ำออกจากนิคมได้ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่ทุกแห่งให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยประมาณการว่าภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมทุกแห่ง ผู้ประกอบการจะเข้าฟื้นฟูโรงงาน ซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ได้ และจะมีผู้ประกอบการบางรายเริ่มประกอบการได้ ทั้งนี้ ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ คาดว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะสามารถเริ่มประกอบการได้ ๓. กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Export and Import Band (JICA) และ Japan External Trade Organization (JETRO) ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้รับทราบประเด็นปัญหา ข้อวิตกกังวลและความประสงค์ที่จะขอรับความช่วยเหลือ โดยต้องการทราบความชัดเจนของภาครัฐในการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ต้องการให้นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีระบบการป้องกันปัญหาอุทกภัยของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การช่วยเหลือในด้านเงินทุน เทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เพื่อซ่อมแซมบูรณะโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและเครื่องจักรกลต่าง ๆ และการอำนวยความสะดวกในการจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ กระบวนการหรือพิธีการทางกฎหมายในการนำเข้าส่งออกสารเคมีและวัตถุดิบที่จำเป็นในการฟื้นฟูกิจการ ๔. JICA เสนอความช่วยเหลือและการสนับสนุนต่อภาคอุตสาหกรรมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะเร่งด่วน เป็นการสนับสนุนเครื่องจักรอุปกรณ์ รถสูบน้ำ เพื่อช่วยเหลือสำหรับการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ระยะสั้น เป็นการสนับสนุนทางวิชาการในการออกแบบและก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรม และการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันและการฟื้นฟูการประกอบการอย่างเร่งด่วนทั้งด้านวิชาการและการเงิน สำหรับระยะกลางและระยะยาว เป็นการสนับสนุนการศึกษาการป้องกันอุทกภัยในภาพรวมของประเทศ และสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย และความช่วยเหลือทางเทคนิคอื่น
|
||||||||||||||||||||||||
| 32426 | ขอให้รัฐมนตรีแจ้งข้อมูลผลการดำเนินงาน | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกกระทรวง กรม จัดทำรายงานผลการดำเนินงานในความรับผิดชอบตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๓ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย แล้วจัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันอังคารที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมและประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการวิเคราะห์และจัดระบบข้อมูลก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32427 | การส่งข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | ทก | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีประชาชนได้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยผ่านสายด่วน call center 1111 กด 5 เป็นจำนวนมาก และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานที่ call center สามาถตอบคำถามของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจอันดี จึงเห็นควรให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาฯ ส่งข้อมูลและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในลักษณะคำถาม/คำตอบ (Q : A) ไปยังสำนักงาน ก.พ.ร. โดยด่วน เพื่อรวบรวมให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานที่ call center ใช้เป็นข้อมูลในการตอบคำถามและชี้แจงให้แก่ประชาชนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32428 | ร่างกฎกระทรวงการสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม บุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก พ.ศ. .... | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม บุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม ๒. ร่างกฎกระทรวงกระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กรณีเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์ในเบื้องต้น หากผู้รับบุตรบุญธรรมยังคงประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมอยู่ ให้มีการเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยา ๒.๒ กำหนดให้สืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม เพื่อดำเนินการให้คำปรึกษาเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน ๒.๓ กรณีจำเป็นต้องหารือร่วมกันในการวางแผนและดำเนินการให้คำปรึกษาเยียวยา ให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๒.๔ กำหนดให้ออกหนังสือรับรองเพื่อประกอบการขอจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม หรือยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา ๑๕๙๘/๓๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยหนังสือรับรองมีอายุหกเดือนนับแต่วันที่ออกหนังสือ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32429 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร ซึ่งเป็นการติดตั้งกล้องที่จุดผ่านแดนถาวร ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ที่ว่าการศุลกากร เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณพื้นที่ที่มีการเข้า - ออกของบุคคล สินค้า และยานพาหนะ โดยเชื่อมโยงข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (ระยะที่ ๑) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโทรทัศน์วงจรปิด (ระยะที่ ๒) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
| 32430 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ : ด้านโครงข่ายระบบขนส่งและการอำนวยความสะดวกทางการค้า | สว | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ : ด้านโครงข่ายระบบขนส่งและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รวบรวมผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
๑. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการขนส่งทางราง ๑.๑ กระทรวงคมนาคมกำหนดแผนพัฒนาระบบขนส่งจราจร (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) ๑๐ ปี เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางราง ๑.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน (พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗) ประกอบด้วย งานโยธา งานอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม งานรถจักร และก่อสร้างทางคู่ ๑.๓ โครงการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้า ICD ๑.๔ ริเริ่มพัฒนาโครงการระบบรถไฟความเร็วสูง ๕ เส้นทาง จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ หนองคาย ปาดังเบซาร์ อุบลราชธานี และระยอง และปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีแผนงานเตรียมการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ๑.๕ กระทรวงคมนาคมมีแผนงานการลงทุนแบบ PPPs จำนวน ๒๐ โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวง (บางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา) โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล โครงการทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอก และโครงการรถไฟฟ้าสีม่วง สีน้ำเงิน เป็นต้น ๑.๖ กระทรวงคมนาคมจัดทำหน่วยงาน จำนวน ๓ หน่วยงาน ได้แก่ ธุรกิจการเดินรถ ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ธุรกิจซ่อมบำรุง และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ดำเนินโครงการ Airport Rail Link ๒. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการขนส่งทางน้ำ ๒.๑ กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาท่าเรือทางลำน้ำและท่าเรือชายฝั่งสำหรับการขนส่งสินค้า ได้แก่ โครงการก่อสร้างท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานีขนส่งสินค้าทางน้ำ จังหวัดอ่างทอง โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือ A แหลมฉบัง และโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒.๒ พัฒนาท่าเรือเพื่อการขนส่งและ Logistics เช่น การก่อสร้างท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ท่าเรือสงขลาแห่งที่ ๒ และท่าเรือเชียงแสน ๓. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการขนส่งทางอากาศ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาเขตปลอดอากร ณ สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่ ๔๑๓ ไร่ เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Services) ๔. การบริหารจัดการระบบขนส่ง ๔.๑ มีคณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ๔.๒ มีแผนพัฒนาระบบขนส่งจราจร (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) เพื่อบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบขนส่งและจราจรในอนาคต ๑๐ ปี
|
||||||||||||||||||||||||
| 32431 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. .... | ศธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติมาตรา ๔ (๑๐) (ค) ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป บทบัญญัติมาตรา ๔ (๖) (ข) ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป และบทบัญญัติมาตรา ๔ (๘) (ค) ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ๑.๒ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ๒๕๒๔ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓ กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาแพทย์แผนไทยและสาขาวิชาการบัญชี เพิ่มขึ้น ๑.๔ ปรับเปลี่ยนชื่อปริญญาในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ เป็นสาขาวิชาบริหารัฐกิจ ๑.๕ กำหนดปริญญา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต เพิ่มขึ้น ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ และ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ ที่ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรฐมนรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32432 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบุญเรือง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบุญเรือง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32433 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต | ทส | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ใช้กรอบการเจรจาของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๕ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งที่ ๕ (COP15/CMP5) ซึ่งรัฐสภาเห็นชอบแล้วเป็นกรอบการเจรจาสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งที่ ๗ (COP17/CMP7) ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกา ไปพลางก่อน โดยสาระสำคัญของร่างกรอบการเจรจา ประกอบด้วย ๑.๑ ยืนยันหลักการสำคัญ คือ หลักการของความเสมอภาค (Equity) ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ (Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities) การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) การขจัดปัญหาความยากจน (Poverty Eradication) และหลักการภายใต้ข้อตกลงแคนคูนที่ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ และที่ประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๖ ๑.๒ ให้ประเทศที่พัฒนาแล้วสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในด้านการเงินและการลงทุน การเสริมสร้าง ถ่ายทอด และพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยี และการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากร ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ๑.๓ เห็นควรสนับสนุนให้มีพันธกรณีต่อเนื่องสำหรับประเทศในภาคผนวกที่ ๑ ภายใต้พิธีสารเกียวโต รวมถึงสนับสนุนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยในการต่อหรือยืดอายุของพันธกรณีแรก ๒. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ร่างกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งต่อ ๆ ไป ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอรับกลับไปพิจารณาทบทวนแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 32434 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง คุณภาพชีวิตประชาชนไทยด้านสาธารณสุข ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | สว | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง คุณภาพชีวิตประชาชนไทยด้านสาธารณสุข ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข มีดังนี้
๑. เสริมสร้างกระบวนการบริหารจัดการภาคประชาชนที่จะทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน พร้อมที่จะพัฒนาในทุกด้าน โดยการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านสาธารณสุขของประชาชนที่ให้ความสำคัญ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาและการสร้างสุขภาพแทนการซ่อมสุขภาพ ๒. สร้างเครือข่ายแนวราบ โดยมีการศึกษาวิจัยทดสอบรูปแบบการป้องกัน ควบคุมโรคโดยภาคส่วนประชาชนมีส่วนร่วม เช่น การพัฒนารูปแบบการป้องกัน แก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ในชุมชน การพัฒนารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์เพื่อสุขภาวะชุมชน ๓. ภาครัฐผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขมีบทบาทกำหนดนโยบายระบบกำลังคน และวางยุทธศาสตร์ในการวางแผนกำลังคนด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ สนับสนุน ติดตาม กำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของบริบทสังคม เศรษฐกิจของประเทศ และประชาคมอาเซียน โดยกำหนดทิศทางการผลิตกำลังคนด้านสาธารณสุขร่วมกับสภาวิชาชีพ และสถาบันการศึกษา ๔. ส่งเสริมการวิจัยสาธารณสุขชุมชน โดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับภูมิปัญญาชาวบ้าน และเทคโนโลยีที่เหมาะสม พัฒนา ต่อยอด เชื่อมโยงสู่ระบบสุขภาพภาคประชาชน ด้วยการพัฒนาวิชาการ รวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค วินิจฉัย รักษาโรค และภัยสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ๕. ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและวิทยาการแก่ชุมชนที่ได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น การจัดสรรนมผงให้แก่ทารกแรกเกิด ที่แม่มีการติดเชื้อเอดส์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก และการออกกำลังกายแบบวิถีไทย ๖. มีรถพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ออกให้บริการประชาชนในชุมชนกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งมีระบบส่งต่อไปรับการรักษาโรงพยาบาลต่าง ๆ และสนับสนุนด้านวิชาการการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรถพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Unit)
|
||||||||||||||||||||||||
| 32435 | ขออนุมัติดำเนินโครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ | กษ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานโครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๔ เมษายน - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ ในกรอบวงเงินจำนวน ๔๐.๙๒๘๖ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมการด้านต่าง ๆ ได้แก่ การก่อสร้างศาลาไทย (Thai Pavilion) ในส่วนพืชสวนเพื่อสุขภาพ (Relax and Heal Zone) ศาลากล้วยไม้ไทย (Thai Orchid Pavilion) ในส่วนนวัตกรรมและการศึกษา (Innovation and Education Zone) และก่อสร้างซุ้มแสดงนิทรรศการในส่วนพืชสวนเพื่อพลังงานสีเขียว (Green Engine Zone) พร้อมตกแต่งนิทรรศการในแต่ละส่วน ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการโอนหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่เกิดจากการดำเนินโครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ให้หน่วยงานในต่างประเทศ และการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผัก ผลไม้ และสมุนไพรของไทยได้มีส่วนร่วมในการศึกษาดูงาน รวมถึงการแสดงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านการผลิตที่ได้มาตรฐานของประเทศไทย สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องจัดเตรียมงบประมาณสำหรับการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจำนวนมาก จึงควรใช้งบประมาณอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ควรมีการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการภาคเอกชนให้มากขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรไทยเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และมีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32436 | ข้อตกลงให้บริการสืบค้นและตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศตามสนธิสัญญา PCT ของสำนักงาน IP Australia | พณ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงนามระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาออสเตรเลีย (IP Australia) เรื่อง ข้อตกลงว่าด้วยการให้บริการสืบค้นและตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศตามสนธิสัญญา (Patent Cooperation Treaty - PCT) ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการลงนามข้อตกลงดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานสิทธิบัตรออสเตรเลียเป็นผู้ให้บริการสืบค้นและตรวจสอบคำขอจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรของไทยตามระบบ PCT โดยเฉพาะผู้ที่ประสงค์จะจดสิทธิบัตรในประเทศออสเตรเลีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32437 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ "การกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล" | สสป | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ “การกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล” ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ หน่วยงาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยในส่วนของสภาที่ปรึกษาฯ มีความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล ประกอบด้วย
๑. นโยบายการเพิ่มผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรมรายกลุ่ม ๒. นโยบายแรงงานต่างด้าว ๓. นโยบายด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ๔. นโยบายด้านการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๕. นโยบายด้านขับเคลื่อนศักยภาพในการแข่งขันรายอุตสาหกรรม ๖. นโยบายด้านโลจิสติกส์แห่งชาติ ๗. นโยบายด้านการส่งเสริมความเข้มแข็งและขีดความสามารถ SMEs ไทยภายใต้บริบทการเปิด AEC ๘. นโยบายด้านการส่งเสริมการค้าชายแดนและการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคและประเทศที่สาม ๙. นโยบายด้านการพัฒนาภาคการเกษตร ๑๐. การทบทวนระยะเวลาการใช้นโยบายของรัฐบาลที่อาจมีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๑๑. นโยบายการจัดตั้งหน่วยงานในการป้องกันและเยียวยาภัยพิบัติจากธรรมชาติ ๑๒. นโยบายการรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย ๑๓. การทบทวนนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทแบบขั้นบันไดในการปรับ ๑๔. นโยบายการกำหนดมาตรการรองรับสถานการณ์ด้านเงินเฟ้อ ๑๕. นโยบายการปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ๑๖. นโยบายด้านการกีฬาและนันทนาการ ๑๗. นโยบายการสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจภาคบริการและการท่องเที่ยว ๑๘. นโยบายด้านสังคม ๑๙. นโยบายด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
|
||||||||||||||||||||||||
| 32438 | การจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และอนุมัติในหลักการให้ ธ.ก.ส. กู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ภายในวงเงินไม่เกิน ๒๖๙,๑๖๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินกู้และดอกเบี้ย รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากโครงการทั้งหมด ส่วนรายละเอียดขั้นตอนและวิธีการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32439 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง | สว | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์มี ดังนี้
๑. เร่งออกพระราชบัญญัติธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเสร็จแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทบทวนก่อนส่งให้กระทรวงพาณิชย์ยืนยันเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. การนำกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมาใช้บังคับให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยติดตามความเคลื่อนไหว ตรวจสอบและกำกับดูแลพฤติกรรมทางการค้าของผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ตามกฎหมายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค โดยให้ผู้บริโภคมีโอกาสเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า มีการวิเคราะห์ต้นทุนของราคาสินค้าว่าราคาสินค้าเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่ และมีปริมาณสินค้าเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32440 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ | สธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เปลี่ยนไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงแต่งตั้ง นายโสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. ของกระทรวงสาธารณสุข ๒. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) ได้แต่งตั้งให้นายนพรัตน์ เบญจรัตนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||
.....
