ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1623 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32441 - 32460 จากข้อมูลทั้งหมด 124466 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32441 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ 5 | กห | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทยและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอินโดนีเซีย เป็นประธานร่วม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ รับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานหลังจากการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๔ และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมด้านการข่าว (JISC) รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการ (JCOSC) และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมด้านการฝึกและศึกษา (JTESC) ๒. ประธานร่วมทั้งสองฝ่ายของคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ตกลงจะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และปฏิบัติตามข้อผูกพันที่ลงนามโดยทั้งสองฝ่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการดำเนินงานในหัวข้อทั้งหมดที่ตกลงกันในการประชุมฯ ดังนี้ ๒.๑ ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการจัดทำบันทึกความเข้าใจและระเบียบปฏิบัติประจำว่าด้วยการลาดตระเวนร่วมทางทะเลระหว่างกองทัพไทยและกองทัพอินโดนีเซียให้เสร็จสิ้น รวมถึงการหารือเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการติดตามอย่างเร่งด่วน การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บังคับการหมู่เรือของกองทัพเรืออินโดนีเซีย จากกองกำลังเฉพาะกิจด้านความมั่นคงทางทะเลหน่วยบัญชาการทางเรือภาคตะวันตก เป็นกองกำลังเฉพาะกิจสงครามทางทะเลหน่วยบัญชาการทางเรือภาคตะวันตก รวมถึงการใช้การฝึกทางยุทธวิธีสำหรับขั้นตอนการติดต่อสื่อสาร ซึ่งกองทัพเรือไทยจะประสานงานกับกองทัพเรืออินโดนีเซียต่อไป ๒.๒ ฝ่ายอินโดนีเซียตกลงที่จะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเยือนอินโดนีเซียของนักเรียนเตรียมทหาร รวมทั้งคณะแพทย์และพยาบาลของกรมแพทย์กองทัพบก เพื่อเยี่ยมชมสถาบันทางการทหารต่าง ๆ ของอินโดนีเซีย โดยใช้อากาศยานทหารของกองทัพทั้งสองร่วมกันตามหลักการประจำปี ๒.๓ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ได้รับการสนับสนุนจากการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ที่ครอบคลุมกิจกรรมเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การต่อต้านการก่อการร้าย และการแพทย์ทหาร เป็นต้น และเห็นด้วยกับแนวคิดในการจัดโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการฝึกร่วม/ผสม ๒.๔ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสนับสนุนการประสานสอดคล้องและการบูรณาการความร่วมมือด้านการข่าวระหว่างกรมข่าวทหาร กองทัพไทยกับหน่วยข่าวกรองทางยุทธศาสตร์ กองทัพเรืออินโดนีเซีย เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในรายงานของคณะอนุกรรมการร่วมด้านทางการข่าว ต่อคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ๒.๕ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมใด ๆ ตามประเภทของการฝึกต่าง ๆ ซึ่งริเริ่มโดยกองทัพไทยและกองทัพอินโดนีเซีย โดยให้เป็นต้นแบบสำหรับการใช้งานในระดับอาเซียน ๒.๖ ประธานร่วมทั้งสองฝ่ายหารือถึงความเข้าใจร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการและคณะอนุกรรมการร่วมด้านการฝึกและศึกษา ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวควรจัดการประชุมอย่างต่อเนื่อง และยอมรับร่วมกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสมาชิกของคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการและคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ๒.๗ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะปฏิบัติตามแผนกิจกรรมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ให้ความเห็นชอบร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32442 | ขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจ่ายเงินเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำนวน ๑,๐๙๗,๑๙๒,๑๓๖.๖๙ บาท กรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังชำระเงินค่าฐานรากที่พิพาท จำนวน ๖๔๘,๐๑๗,๕๓๘.๐๖ บาท [ค่าฐานราก (เงินต้น) จำนวน ๖๐๗,๒๑๗,๕๑๒.๙๖ บาท และดอกเบี้ยนับถัดจากวันผิดนัดถึงวันฟ้อง จำนวน ๔๐,๘๐๐,๐๒๖.๑๐ บาท] พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๐๗,๒๑๗,๕๑๒.๙๖ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ซึ่งคำนวณดอกเบี้ยได้วันละ ๑๒๔,๗๗๐.๗๒ บาท ให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) (โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมธนารักษ์ และกระทรวงการคลังชำระเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับจากวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ๒. สำหรับงบประมาณให้ดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น มีความจำเป็นต้องจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและมีวงเงินเหลือจ่ายจำนวนจำกัด จึงเห็นควรให้กรมธนารักษ์ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการผ่อนผันการนำรายได้ส่งคลังเพื่อนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมธนารักษ์เร่งพิจารณาดำเนินโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตโดยปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้แล้วเสร็จ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการละเมิด ตามนัยพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเร็ว ๔. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการไล่เบี้ยความเสียหายในการชำระหนี้ดังกล่าวจากเอกชนคู่สัญญาที่เป็นต้นเหตุของความเสียหายในครั้งนี้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32443 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554) | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๑๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวม ๑๒๔ อำเภอ ๘๖๗ ตำบล ๕,๗๕๒ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๘๘๖,๐๖๒ ครัวเรือน ๕,๐๕๑,๒๓๕ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๔ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๖๐๖ ราย สูญหาย ๓ คน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๔๗ จังหวัด ๒. การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่อนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓) ใน ๖๒ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๒,๒๘๙,๕๖๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๑,๔๔๗,๘๑๐ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๑๔,๐๓๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๑ (ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ๓. การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ ๕๔๗/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีหน้าที่อำนวยการ ประสานแผน และบูรณาการการปฏิบัติงาน รวมทั้งกำกับ ดูแลการปฏิบัติงานของฝ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ นอกจากนี้ ได้สั่งการทุกจังหวัดเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวของจังหวัด โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ของจังหวัด โดยให้มีการเตรียมการทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ รวมทั้งให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ทั้งในระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32444 | แนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเกิดภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 | คค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ (ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๗ สายถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน - บางพลี) โดยขยายเวลายกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์ จากเดิมจากสิ้นสุดเมื่อเวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เป็นขยายเวลาออกไปถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ กำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ (ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๗ สายถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน - บางพลี) ตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32445 | การเดินทางไปประชุมเรื่อง ความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเดินทางไปประชุมเจรจากับฝ่ายจีน และเจรจาหารือ ๔ ฝ่าย เรื่อง การปฏิบัติในการร่วมมือลาดตระเวนและการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ นครปักกิ่ง โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหัวหน้าคณะ และคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย ผู้แทนกรมเอเชียตะวันออกและผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนกองบังคับการตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๒. เห็นชอบกรอบการปฏิบัติในการร่วมมือบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ ความร่วมมือในการลาดตระเวนและบังคับใช้กฎหมาย โดยยึดหลักการการเคารพอธิปไตยของทุกประเทศ การปฏิบัติจะไม่มีการล่วงล้ำเขตแดน ไม่มีการปฏิบัติที่มีผลเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศ และการปฏิบัติจะจำกัดเฉพาะในลำน้ำโขง ไม่มีการปฏิบัติการบนบก สำหรับการลาดตระเวนจะเริ่มจากศูนย์บัญชาการใหญ่ที่กวนเหล่ย ลงมาตามลำน้ำโขงจนถึงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำแล้วลาดตระเวนกลับไปโดยไม่มีการปฏิบัติในเขตแดนของไทย ๒.๒ การเตรียมการดำเนินการร่วม ๔ ฝ่ายในระดับปฏิบัติ การเจรจาที่ปักกิ่งจะมีการหารือแนวทางปฏิบัติ โดยฝ่ายจีนจะหารือการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการใหญ่ที่กวนเหล่ย และให้แต่ละประเทศจัดตั้งศูนย์บัญชาการของแต่ละประเทศเป็นจุดประสานงาน โดยฝ่ายจีนจะเสนอให้มีการจัดพิธีเปิดปฏิบัติการอารักขาเรือในแม่น้ำโขงร่วมกัน ๔ ฝ่าย (จีน สปป.ลาว พม่า และไทย) ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่กวนเหล่ย โดยมีผู้แทนทั้ง ๔ ฝ่ายไปร่วมพิธี และฝ่ายไทยอาจจัดเรือและเจ้าหน้าที่เดินทางไปร่วมพิธี และร่วมการลาดตระเวนเชิงสัญญลักษณ์ลงมาตามลำน้ำโขงจนถึงรอยต่อเขตแดนัที่สามเหลี่ยมทองคำด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32446 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายสมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๒. กำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเมื่อครบกำหนดทุก ๆ ๑ ปี อาจปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนคงที่ที่ได้รับ ตามผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32447 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | สช | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประดิษฐ สินธวณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทยในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32448 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย | วธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งนายมุข สุไลมาน และนายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย แทนนายณรงค์ ดูดิง และว่าที่ร้อยตรี โมฮามัดยาสรี ยูซง ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32449 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (เพิ่มเติม) | พน | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32450 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงพลังงาน) | พน | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายอธิปัตย์ บำรุง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ๒. นางบุญราศรี ทองเป็นใหญ่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32451 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยไม่ถือเป็นวันลา | วธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน (ตั้งแต่เตรียมการอุปสมบทถึงลาสิกขา) โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ ๑.๒ การใช้สิทธิการลาเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ ให้สิทธิแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการแล้ว สามารถลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้อีก สำหรับผู้ที่ไม่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคตซึ่งเป็นการใช้สิทธิการลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มรับราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยังคงได้สิทธิลาอุปสมบทและยังคงได้สิทธิในการรับเงินเดือนตามปกติ ตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑.๓ การใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี ผู้ลาจะต้องเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนจัดขึ้นเป็นโครงการอย่างชัดเจน และเข้าร่วมอบรมตามหลักสูตรศาสนศึกษา สำหรับผู้บวชระยะสั้นตามที่กรมการศาสนาหรือคณะสงฆ์กำหนด ทั้งนี้ ให้ลาได้ตามระยะเวลาที่กำหนดของโครงการฯ แต่ไม่เกิน ๑๕ วัน หากอุปสมบทเป็นเอกเทศ โดยไม่ได้เข้าร่วมโครงการจะไม่ได้รับสิทธิในการลาดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปแก้ไขพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้ข้าราชการที่ลาอุปสมบทโดยไม่ถือเป็นวันลาตามมติคณะรัฐมนตรีสามารถลาอุปสมบทได้อีกโดยมีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา ตามความเห็นของกระทรวงการคลังต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32452 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม | วธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามนัยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๓ (๑) และ (๓) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ประธานกรรมการ คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ เทียนฉาย กีระนันทน์ ๒. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๖ คน คือ ๒.๑ นายวัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ ๒.๒ นายสิน สื่อสวน ๒.๓ นางสาวนราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ๒.๔ ศาสตราจารย์ ชาติชาย ณ เชียงใหม่ ๒.๕ พลโท นิวัติ บูรณะกุล ๒.๖ นางฑิฆัมพร กองสอน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32453 | รายงานสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยาและรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 14 - 20 พฤศจิกายน 2554 และวันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2554) | ทก | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ฯ และการพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ในช่วง ๑ - ๒ วันแรกของสัปดาห์ บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนตกชุกหนาแน่น อ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ ๒ เมตร หลังจากนั้น ในช่วงปลายสัปดาห์ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศอุ่นขึ้นและมีหมอกในตอนเช้า ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดน้อยลงในระยะดังกล่าว ๑.๒ การพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ช่วงต้นสัปดาห์ถึงกลางสัปดาห์ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้มีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกชุกหนาแน่นและอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง ในช่วงปลายสัปดาห์ประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง แต่อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนภาคใต้มีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจาย คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ไม่มีการแจ้งเตือนภัย แต่ได้มีการแจ้งข่าวแผ่นดินไหว ในระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖ ครั้ง และในระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อาจมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมการรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้ ขอให้เฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32454 | การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | ทส | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดขบวนคาราวานแจกน้ำดื่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมพื้นที่ ๓๐ เขตในกรุงเทพมหานคร ๒. จัดประชุมประเมินสถานการณ์น้ำและวางแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ๓. ลงพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยและตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของราษฎรและร่วมกิจกรรมทำความสะอาดถนน ซอย เก็บและขนขยะในเขตบางพลัด บริเวณถนนจรัลสนิทวงศ์ ซอยจรัลสนิทวงศ์ ๔๖, ๖๕, ๖๘, ๗๑, ๗๓ และ ๗๕ ซอยสิรินธร ๑ และ ๓ ถนนสิรินธร (ตั้งแต่บริเวณแยกบางพลัดถึงสถานีขนส่งสายใต้เก่า) เขตจตุจักร บริเวณสี่แยกรัชโยธิน ถนนรัชดาภิเษก [ตั้งแต่บริเวณศาลฎีกา กรมส่งเสริมการส่งออกถึงหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่] บริเวณหมู่บ้านเสนานิคม ถนนลาดปลาเค้า และบริเวณรอบสี่แยกวังหิน ถนนพหลโยธิน (บริเวณโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน) เขตบางเขน ถนนพหลโยธิน (บริเวณกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกและกรมป่าไม้) และเขตลาดพร้าว บริเวณหมู่บ้านเสนานิเวศน์ ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดโครงการ "โฟม ๒๐ ใบ แลก ไข่ ๑ ฟอง" และปล่อยขบวนช่วยเหลือแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่อุทกภัยเคลื่อนที่ โดยลงพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในเขตบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ตั้งจุดโครงการขยะโฟมแลกไข่ ณ ตลาดกระโจมทอง พร้อมแจกน้ำจุลินทรีย์ ตรวจวัดคุณภาพน้ำ การใช้จุลินทรีย์น้ำบรรเทาน้ำเสียในพื้นที่ และให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะมูลฝอยในศูนย์อพยพชุมชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32455 | ดัชนีราคาและผลผลิตสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2554 และแนวโน้มเดือนพฤศจิกายน 2554 | กษ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรของเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ดัชนีราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นร้อยละ ๔.๐๙ สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น ๑๔ - ๑๕% ยางพารา สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ โดยข้าวเปลือกเจ้าความชื้น ๑๔ - ๑๕% ราคาสูงขึ้นเนื่องจากผลของนโยบายรับจำนำของรัฐบาล ยางพารา ราคาสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงดีกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สุกร ราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีสุกรเสียหายจากโรค PRRS ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ราคาสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ สินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน โดยมันสำปะหลัง ราคาลดลง เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ มีสต็อกสินค้าอยู่ในระดับสูง จึงชะลอการรับซื้อ ทำให้การส่งออกชะลอตัว และปาล์มน้ำมัน ราคาลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันพืชเพื่อบริโภคและเพื่อทดแทนพลังงานชะลอตัวในช่วงน้ำท่วม ประกอบกับสต๊อกคงเหลือน้ำมันปาล์ม ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔ อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการสั่งซื้อน้ำมันปาล์ม สำหรับในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ คาดว่าดัชนีราคาจะใกล้เคียงกับเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ แม้ว่าเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวสินค้าหลายชนิด แต่ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ตลาดซบเซา ๒. ภาพรวมด้านการผลิตสินค้าเกษตรของเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๔๓ สินค้าสำคัญที่ผลผลิตสูงขึ้น ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น ๑๔ - ๑๕% มันสำปะหลัง ยางพารา สับปะรดโรงงาน ส่วนสินค้าสำคัญที่ผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสุกร สำหรับในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ คาดว่า ดัชนีผลผลิตจะสูงขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตของข้าวนาปี และสับปะรดโรงงานออกสู่ตลาดมาก ประกอบกับมันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน เริ่มออกสู่ตลาด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32456 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 ปี 2554 และแนวโน้มปี 2554 - 2555 | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ขยายตัวร้อยละ ๓.๕ สูงกว่าไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ และร้อยละ ๒.๗ ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ ในระยะ ๙ เดือนแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๓.๑ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ขยายตัวร้อยละ ๐.๕ จากไตรมาสที่ ๒ ดังนี้ ๑.๑ ภาคการส่งออก มีมูลค่า ๖๓,๒๙๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒๗.๓ สินค้าหลัก ๆ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยที่ตลาดส่งออกยังคงขยายตัว ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป อาเซียน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และเมื่อรวม ๙ เดือนแรกของปี การส่งออกมีมูลค่า ๑๗๖,๖๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒๔.๖ ๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๙.๑ เทียบกับร้อยละ ๘.๖ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นการขยายตัวทั้งการลงทุนในเครื่องจักรเครื่องมือ และการก่อสร้าง ๑.๓ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ชะลอตัวร้อยละ ๒.๔ เทียบกับร้อยละ ๒.๗ ในไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายในสถานการณ์อุทกภัย ๑.๔ ภาคเกษตรกรรม หดตัวร้อยละ ๐.๙ เทียบกับขยายตัวร้อยละ ๖.๗ ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ๑.๕ ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ เร่งตัวขึ้นจากที่หดตัวร้อยละ ๐.๑ ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตหลักๆ เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เฉลี่ย ๙ เดือนแรกของปี ขยายตัวร้อยละ ๑.๖ ๑.๖ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเมืองไทย มีจำนวน ๔.๗ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๗ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากทวีปเอเชียเป็นสำคัญ รายได้จากการท่องเที่ยว ๑๙๗,๘๑๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๘.๙ จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เมื่อรวม ๙ เดือนแรกของปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวน ๑๔.๔ ล้านคน ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๔ ขยายตัว ร้อยละ ๑.๕ ต่ำกว่าร้อยละ ๓.๕ - ๔.๐ ที่ได้ประมาณการไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๓.๘ การบริโภคของภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๒.๕ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๔.๗ การส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๗.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๒.๒ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๔.๕ - ๕.๕ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ช่วงร้อยละ ๓.๕ - ๔.๐ การบริโภคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๔.๔ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๐.๓ การส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๙.๐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๒ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32457 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 | กษ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๖๘ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพ ฯ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ - ปัจจุบัน) ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๑๖๐,๖๖๗ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๑.๔๖ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๙.๓๗ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๕๔ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๕๕ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๒๕,๐๕๕ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๑,๓๑๙ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๔๙,๗๔๖ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๓๗,๒๔๐ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๑๙,๑๙๓ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ ๒๙.๓๔ ล้านตัว ๓. ความก้าวหน้าการช่วยเหลือ ๓.๑ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เกษตรกร ๓๓๓,๘๙๖ ราย วงเงิน ๗,๘๖๕.๗๙๕ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๓๒๕,๑๗๗ ราย วงเงิน ๗,๗๗๖.๘๒๔ ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว ๑๕๑,๗๖๗ ราย วงเงิน ๔,๒๒๕.๘๔๖ ล้านบาท ๓.๒ การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ การผลิตและใช้น้ำหมัก การสนับสนุนด้านปศุสัตว์ การอพยพสัตว์ไปอยู่ศูนย์พักพิงสัตว์ มาตรการผ่อนปรนการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย การจัดส่งเรือยนต์ตรวจการณ์และเรือท้องแบนปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบอุทกภัย และการจัดทำอาหารกล่องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32458 | รายงานผลการดำเนินงานฟื้นฟูและป้องกัน นิคม เขตประกอบการและสวนอุตสาหกรรม | อก | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานฟื้นฟูและป้องกัน นิคม เขตประกอบการและสวนอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยง ๑.๑ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟ็คตอรี่แลนด์ ผู้พัฒนาเขตฯ ได้ดำเนินการสูบน้ำตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ บริเวณพื้นที่เขตประกอบการฯ แห้งเกือบทั้งหมดตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ปัจจุบันมีบริษัท/โรงงานได้เปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ ๔ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จำนวน ๒๙ ราย (จากทั้งหมด ๙๓ ราย) ๑.๒ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ผู้พัฒนานิคมฯ ได้ดำเนินการสูบน้ำตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ แต่ยังคงสูบน้ำอยู่เพื่อรักษาระดับน้ำในนิคมให้ต่ำกว่าระดับพื้นถนน ระดับน้ำภายนอกนิคมอยู่ที่ความสูง ๑.๔๐ เมตร โดยโรงงานได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบความเสียหายและทำความสะอาดโรงงาน Big Cleaning Day เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และคาดการณ์ว่าโรงงานบางส่วนประมาณ ๖๐ - ๗๐ ราย (จาก ๙๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๗ - ๗๘) จะเริ่มประกอบกิจการได้ภายในครึ่งแรกของเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ น่าจะดำเนินการได้ครบถ้วนทุกราย ๑.๓ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ผู้พัฒนานิคมฯ ได้ดำเนินการสูบน้ำตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ปัจจุบันระดับน้ำในพื้นที่นิคมฯ อยู่ที่ ๑.๒๐ เมตร ขณะที่ระดับน้ำภายนอกนิคมยังคงอยู่ที่ ๑.๖๕ เมตร ปริมาณน้ำในนิคมฯ เหลืออยู่ประมาณ ๓.๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าจะจัดงานทำความสะอาด (Big Cleaning Day) ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จะสามารถสูบน้ำแล้วเสร็จ ๑.๔ เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ผู้พัฒนาเขตฯ ได้ดำเนินการสูบน้ำตั้งแต่วัที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ระดับน้ำในพื้นที่เขตฯ เฉลี่ยอยู่ที่ ๑.๐๔ เมตร ขณะที่ระดับน้ำภายนอกเขตฯ ยังคงอยู่ที่ ๑.๒๙ เมตร ปริมาณน้ำเหลืออยู่ประมาณ ๑๓ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ จะเข้าทำความสะอาดโรงงานได้ และกลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ จะเข้าซ่อมแซมสาธารณูปโภค ทั้งนี้ กลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ โรงงานบางส่วนจะเริ่มประกอบกิจการได้ ๑.๕ สวนอุตสาหกรรมนวนคร ผู้พัฒนาสวนฯ เริ่มดำเนินการสูบน้ำได้ในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยระดับน้ำในพื้นที่สวนฯ และระดับน้ำภายนอกสวนฯ เท่ากันอยู่ที่ ๑.๙๐ เมตร ปริมาณน้ำเหลืออยู่ ๑๗.๗๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ จะสูบน้ำเสร็จและเข้าทำความสะอาดโรงงาน ซ่อมแซมสาธารณูปโภค รวมถึงฟื้นฟูและซ่อมแซมโรงงาน ๑.๖ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ผู้พัฒนาสวนฯ จะเริ่มดำเนินการสูบน้ำในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยระดับน้ำในพื้นที่สวนฯ อยู่ที่ ๑.๙๘ เมตร ระดับน้ำนอกสวนฯ อยู่ที่ ๑.๙๐ เมตร ปริมาณน้ำภายในสวนฯ เหลืออยู่ ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าจะสูบน้ำเสร็จในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จะเริ่มเข้าซ่อมแซมสาธารณูปโภค คาดว่าจะเสร็จวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ จะเข้าทำความสะอาดโรงงาน (Big Cleaning Day) แล้วเสร็จวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๗ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ยังไม่สามารถสูบน้ำออกจากนิคมได้ เนื่องจากน้ำยังท่วมสูงอยู่ ระดับน้ำภายในพื้นที่นิคมฯ อยู่ที่ ๑.๕๖ เมตร ขณะที่ระดับน้ำภายนอกนิคมอยู่ที่ ๑.๘๖ เมตร ปริมาณน้ำเหลืออยู่ประมาณ ๓.๕๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒. การป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจะประสบอุทกภัย คณะทำงานป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการป้องกันด้วยมาตรการต่าง ๆ เพื่อรักษานิคมอุตสาหกรรม ๘ แห่งที่มีความเสี่ยงจะประสบอุทกภัย ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมเวลโกล์ว นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร และนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ปัจจุบันมาตรการป้องกันสำหรับนิคมฯ ต่าง ๆ ยังสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนด้านกำลังคนและเครื่องจักรหนักในการกู้ภัยจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นอย่างดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32459 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน ๙ คน ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการ ๑.๒ นายนนทิกร กาญจนะจิตรา กรรมการ ๑.๓ นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ กรรมการ ๑.๔ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ กรรมการ ๑.๕ พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร กรรมการ ๑.๖ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา กรรมการ ๑.๗ หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ กรรมการ ๑.๘ นายสมหมาย โค้วคชาภรณ์ กรรมการ ๑.๙ นางสาวเพรามาตร หันตรา (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) กรรมการ ๒. ยกเว้นนายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32460 | แผนงานให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยจังหวัด | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนงาน โครงการและงบประมาณตามแผนงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยจังหวัด จำนวน ๕๘ จังหวัด ตามมติคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) เสนอ ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมของโครงการตามหลักการ ดังนี้ ๑.๑ เป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม สำหรับด้านโครงสร้างพื้นฐานควรเป็นลักษณะซ่อมแซมหรือปรับปรุงเพื่อการฟื้นฟูเป็นหลัก ๑.๒ ไม่เป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนกับภารกิจ พื้นที่หรืองบประมาณจากแหล่งอื่น ๑.๓ เป็นโครงการที่มีลักษณะทำสำเร็จได้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับการฟื้นฟู เยียวยาอย่างรวดเร็ว และสามารถดำรงชีวิตตามปกติได้ ๑.๔ เป็นโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันทีตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี ๑.๕ เป็นโครงการที่มีความคุ้มค่าและประโยชน์ที่จะได้รับอย่างแท้จริง ๒. กรณีเป็นโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ประสานงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
