ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1626 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32501 - 32520 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32501 | การแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายวรพล โสคติยานุรักษ์) | กค | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32502 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุกิจ เจริญรัตนกุล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าวเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32503 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ และนาวาเอก วิโรจน์ วังแก้งหิรัญ) | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(รองนายกรัฐมนตรี นายชุพล ศิลปอาชา) ๒. นาวาเอก วิโรจน์ วังแก้วหิรัญ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
32504 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ตุลาคม ๒๕๕๔) ยกเว้นนายตระกูล วินิจนัยภาค ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายพรชัย รุจิประภา ประธานกรรมการ ๒. นายคุรุจิต นาครทรรพ กรรมการ ๓. นายตระกูล วินิจนัยภาค กรรมการ ๔. นายสุกิจ เจริญรัตนกุล กรรมการ ๕. นายปรเมธี วิมลศิริ กรรมการ ๖. นายประวิช สารกิจปรีชา กรรมการ ๗. นายกุลิศ สมบัติศิริ กรรมการ ๘. นายแล ดิลกวิทยรัตน์ กรรมการ ๙. นายอริยวิชย เอกอุฬารพันธ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
32505 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2554 (ครั้งที่ 138) | พน | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๘) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบนโยบายการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ดังนี้ ๑.๑.๑ แนวทางการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซ LPG ๑.๑.๑.๑ ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑.๑.๒ ขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ เพื่อเตรียมจัดทำบัตรเครดิตพลังงาน และปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ LPG เป็น NGV โดยตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเดือนละ ๐.๗๕ บาทต่อกิโลกรัม (๐.๔๑ บาทต่อลิตร) โดยปรับพร้อมกับการขึ้นราคา NGV ๐.๕๐ บาทต่อกิโลกรัม จนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน ๑.๑.๑.๓ กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กิโลกรัมละ ๑ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๑.๒ แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ๑.๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีก NGV ในระดับราคา ๘.๕๐ บาทต่อกิโลกรัม และคงอัตราเงินชดเชยในอัตรา ๒ บาทต่อกิโลกรัมต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องบัตรเครดิตพลังงานและการปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ LPG เป็น NGV ๑.๑.๒.๒ ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV เดือนละ ๐.๕๐ บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้ NGV มากเกินไป ๑.๑.๒.๓ ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ ๐.๕๐ บาทต่อกิโลกรัม จำนวน ๔ ครั้ง ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ - เดือนเมษายน ๒๕๕๕ ๑.๑.๒.๔ ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานรับไปพิจารณาหาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ๑.๑.๓ แนวทางการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๑.๓.๑ ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เดือนละ ๑ บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามความเหมาะสม ๑.๑.๓.๒ ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของดีเซลหมุนเร็ว อัตรา ๐.๖๐ บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเขากองทุนฯ ตามความเหมาะสม ๑.๒ ให้คณะกรรมการบริหารพลังงานพิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๓ ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ก๊าซ NGV และการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป ๑.๔ เห็นชอบแนวทางการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน วงเงินประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาประมาณ ๑ ปี โดยให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงานขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม หากกรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ และวงเงินสินเชื่อเป็นวงเงินที่สถาบันการเงินรับรองการเบิกเงินได้อย่างแน่นอน (Committed Line) ๑.๕ เห็นชอบให้หัวหน้าหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้ความร่วมมือในการตรวจประเมินแบบอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ ตามที่กฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือขนาดของอาคารและมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการออกแบบอาคารเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนด และเห็นชอบให้สำนักงบประมาณพิจารณาคำขอตั้งงบประมาณในการก่อสร้างอาคารใหม่ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ได้ตรวจประเมินแบบแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน ๖ ฉบับ (๕ ผลิตภัณฑ์) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัลลาสต์ขดลวดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ กำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานตามขนาดกำลังไฟฟ้าของหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ผู้ผลิตระบุ ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัดลมไฟฟ้าชนิดแขวนเพดาน และชนิดส่ายรอบตัวที่มีประสิทธิภาพสูง กำหนดค่าประสิทธิภาพหลังงานตามชนิดของพัดลมไฟฟ้าและขนาด ๒.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลอดมีบัลลาสต์ในตัวที่มีประสิทธิภาพสูง กำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงาน ตามขนาดกำลังไฟฟ้าที่กำหนด และอุณหภูมิสีของหลอดมีบัลลาสต์ในตัว ๒.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลอดฟลูออเรสเซนต์ขั้วเดี่ยวที่มีประสิทธิภาพสูง กำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานตามขนาดกำลังไฟฟ้าที่กำหนด รูปร่าง (หลอดแฝดและหลอดแฝดสอง) และอุณหภูมิสีของหลอดฟลูออเรสเซนต์ขั้วเดี่ยว ที่ผู้ผลิตระบุ ๒.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมอเตอร์เหนี่ยวนำสามเฟสที่มีประสิทธิภาพสูง กำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานตามขนาดกำลังด้านออกที่กำหนด และจำนวนขั้วของมอเตอร์เหนี่ยวนำสามเฟสที่ผู้ผลิตระบุ ๒.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่มีประสิทธิภาพสูง กำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานสำหรับเตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่มีประสิทธิภาพสูงทุกขนาดโดยมีค่าประสิทธิภาพพลังงานระหว่างร้อยละ ๕๓ ถึงร้อยละ ๗๐
|
|||||||||||||||||||||
32506 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมสนตรี จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑ นายสถิรพร นาคสุข ๒. นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ๓. นายสมบัติ คุรุพันธ์ ๔. นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย
|
|||||||||||||||||||||
32507 | โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกิจการลูกเสือชาวบ้าน | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยผ่านกิจการลูกเสือชาวบ้าน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
๑. รูปแบบการดำเนินโครงการฯ มุ่งเสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสืบสานความเป็นเอกลักษณ์ที่ดีงามของชาติไทย รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของภาคประชาสังคม ลดปัญหาความแตกแยก ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกให้เกิดความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันพัฒนาและแก้ปัญหาในชุมชนและสังคม นอกจากนี้ เพื่อฟื้นฟูกิจการลูกเสือชาวบ้านให้มีความยั่งยืน และเพิ่มจำนวนลูกเสือชาวบ้านในท้องที่ต่าง ๆ และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสต่าง ๆ ๒. กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ ลูกเสือชาวบ้านและประชาชนทั่วไปทั่วทุกภูมิภาค ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน รวมทั้งบุคลากรของภาคสื่อสารมวลชนทุกแขนงที่เกี่ยวข้อง ๓. ระยะเวลาขับเคลื่อนโครงการฯ ๔ ปี (ต่อเนื่อง) โดยเริ่มดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ งบประมาณในการดำเนินการปีงบประมาณละ ๑๕๐ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน ๖๐๐ ล้านบาท ๔. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งชื่อว่า คณะกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยผ่านกิจการลูกเสือชาวบ้าน เรียกย่อว่า คปด.ลส.ชบ. เพื่อบริหารจัดการโครงการฯ และให้สำนักบริหารกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางด้านอำนวยการเพื่อรองรับภารกิจด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่คณะกรรมการและโครงการฯ
|
|||||||||||||||||||||
32508 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | กษ | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินสำรองให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านตัน ในวงเงิน ๓,๘๑๘.๘๑๘ ล้านบาท ไปก่อนจนกว่าจะได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณชดใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตรา FDR + ๑ ให้แก่ ธ.ก.ส. ให้ครบถ้วน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้มีการตรวจสอบและสอบทานข้อมูลให้ถูกต้องและไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเนื่องจากนาข้าวประสบอุทกภัยไปแล้ว โดยสอบทานข้อทูลและปรับให้เป็นปัจจุบันทุก ๆ ๗ วัน ๒.๒ หน่วยงานที่ควบคุมดูแลการเก็บรักษาข้าว เช่น อ.ต.ก. และ อคส. ต้องจัดทำบัญชีควบคุมจำนวนข้าว (Stock Cards) รวมทั้งจำนวนข้าวที่นำเข้าเก็บและที่นำออกไปในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยให้มีการตรวจสอบสต็อกทุก ๆ เดือน ตลอดจนให้มีผู้ตรวจสอบบัญชีในภาพรวมของการดำเนินโครงการของแต่ละหน่วยงานด้วย
|
|||||||||||||||||||||
32509 | โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก | กค | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก และการขอชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสาระสำคัญของโครงการฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของการกู้ เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด และเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร ๑.๒ วงเงินให้กู้ ๑.๒.๑ ไม่เกินรายละ ๑ ล้านบาท ๑.๒.๒ ไม่เกินร้อยละ ๑๐๐ ของราคาประเมินที่ดินพร้อมอาคารหรืออาคารหรือห้องชุด และไม่เกินร้อยละ ๑๐๐ ของราคาซื้อขายหรือราคาก่อสร้าง ทั้งนี้ ไม่เกินเกณฑ์หลักประกันตามระเบียบปกติของ ธอส. ๑.๓ ระยะเวลาการกู้ ไม่เกิน ๓๐ ปี และอายุผู้กู้หลักที่ใช้สิทธิรวมกับจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน ๖๕ ปี ๑.๔ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ๑.๔.๑ ปีที่ ๑ - ปีที่ ๓ เท่ากับร้อยละ ๐ ต่อปี ๑.๔.๒ ปีที่ ๔ - ปีที่ ๗ กรณีสวัสดิการเท่ากับ MRR - ๐.๕๐% ต่อปี กรณีรายย่อยเท่ากับ MRR ๑.๔.๓ ปีที่ ๘ เป็นต้นไป กรณีสวัสดิการเท่ากับ MRR - ๑.๐๐% ต่อปี กรณีรายย่อยเท่ากับ MRR - ๐.๕๐% ต่อปี ๑.๕ หลักประกัน ที่ดินพร้อมอาคารที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด หรือ น.ส. ๓ ก หรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด ๒. ให้กระทรวงการคลังปรับปรุงเงื่อนไขการให้กู้ให้ชัดเจน จาก “ไม่เกินรายละ ๑ ล้านบาท” เป็น ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน ๑ ล้านบาท” และให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) รับไปประสานงานกับธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่อพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลงให้เหมาะสม และเป็นการลดภาระการชดเชยจากภาครัฐด้วย
|
|||||||||||||||||||||
32510 | การตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและแนวทางแก้ไขปัญหา | ทส | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจติดตามสถานการณ์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และแนวทางแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ บริเวณตำบลป่าแดด ช้างคลาน หนองหอย สันป่าข่อย ฟ้าฮ่าม วัดเกตุ ท่าศาลา และอำเภอสารภี บริเวณตำบลท่าวังตาล ตำบลยางเนิ้ง รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาซึ่งได้รับผลกระทบจากลำน้ำปิง ได้แก่ อำเภอสันทราย อำเภอสันกำแพง และอำเภอดอยสะเก็ด ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยโดยแจงถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารปรุงสำเร็จ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์อุทกภัย ผลการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนและการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เสนอขอรับการสนับสนุนกระสอบทราย จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ใบ เพื่อเสริมแนวป้องกันน้ำเดิมที่ชำรุด และความแข็งแรงของแนวกั้นน้ำในเขตเศรษฐกิจ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ๗ จังหวัด (จังหวัดชัยภูมิ หนองบัวลำภู ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร) และคณะกรรมการลุ่มน้ำชี ด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference System) ณ ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศอส.) กระทรวงมหาดไทย ผ่านไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยที่ประชุมได้มีการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้า ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประมาณ ๓๐ - ๔๐ มม. และในวันที่ ๒ - ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประมาณ ๓๐ - ๔๐ มม. ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ (แก้มลิง) เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยดังกล่าว ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ส่งจุลินทรีย์บอล (ดาสต้าบอล) จำนวน ๖๐,๐๐๐ ลูก ให้แก่จังหวัดลพบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีปัญหาน้ำเน่าเสีย
|
|||||||||||||||||||||
32511 | รายงานการดำเนินการตามภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน | กค | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการตามภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และได้ประชุมทางไกล (Conference) ณ จังหวัดลพบุรี โดยรายงานสถานการณ์และสาเหตุสำคัญของอุทกภัยว่า เกิดจากปัญหาประตูระบายน้ำบางโฉมศรี จังหวัดสิงห์บุรี เสียหาย และได้เสนอแนะให้แก้ไขโดยเร่งด่วน รวมทั้งได้เสนอแนะให้อพยพราษฎรไปอาศัยในค่ายทหาร และจะพิจารณาให้เกิดความสะดวกในเรื่องการใช้เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกรมบัญชีกลางได้รับไปดำเนินการแล้ว นอกจากนี้ ได้ตรวจเยี่ยมราษฎรที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี โดยมอบเงินช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๓๖๖ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๘๓๐,๐๐๐ บาท และได้สั่งการให้ส่วนราชการในสังกัดและรัฐวิสาหกิจในกำกับทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ และระดมเจ้าหน้าที่ในจังหวัดอื่น ๆ มาสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ต่อเนื่องและทั่วถึง ๒. กระทรวงการคลังได้ขยายวงเงินทดรองราชการและอนุมัติให้ปฏิบัตินอกเหนือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้กับจังหวัด ๒๙ จังหวัด และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกองทัพบก รวมเงินที่อนุมัติให้ขยายเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่จังหวัดมีอยู่เดิม เป็นจำนวนรวม ๓,๑๑๐ ล้านบาท นอกจากนี้ ได้อนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ดุลยพินิจในการใช้จ่ายเงินทดรองราชการตามที่มีความจำเป็น โดยอนุมัติให้สามารถปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ฯ ได้ด้วย ๓. การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินของธนาคารออมสิน (กรณีอุทกภัยและดินโคลนถล่ม) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งข้อมูลรายชื่อผู้ประสบภัยให้ธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ ๑๔ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๑๔๙,๗๗๙ ครัวเรือน ผลการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีจำนวนผู้มารับช่วยเหลือ รวม ๑๓๕,๕๓๘ ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๗๗,๖๙๐,๐๐๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||
32512 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 (เรื่อง การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการเกษตรปี 2554 กรณีพิเศษ) | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการเกษตรปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ) ในข้อ ๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ เป็นดังนี้
“๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ อัตรา กรอบวงเงิน และขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณที่จะดำเนินการเพื่อการนี้ ถ้ามีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเป็นการเร่งด่วน ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ หรือจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นลำดับแรกก่อน ส่วนที่เหลือให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ...”
|
|||||||||||||||||||||
32513 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32514 | การติดตามเรื่องสำคัญเร่งด่วน แนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีทุกท่านและหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ แจ้งข้อมูลการจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งโครงการที่ได้จัดทำร่วมกับภาคเอกชน ไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ สัปดาห์ เพื่อรวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องนี้ และประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ให้หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนได้ทราบหรือเข้าร่วมงานอย่างทั่วถึงต่อไป ๒. รัฐบาลได้จัดรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์คุยกับประชาชนทุกวันเสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ น. - ๐๙.๐๐ น. ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย และมีการถ่ายทอดสัญญาณไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบแนวทางการดำเนินการและแผนการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาล ดังนั้น หากรัฐมนตรีท่านใดมีเรื่องที่ต้องการจะชี้แจงต่อประชาชนขอให้รวบรวมและจัดส่งข้อมูลไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) เพื่อดำเนินการต่อไป โดยอาจเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปร่วมออกรายการเป็นครั้งคราวด้วย ๓. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยและแนวทางแก้ไขปัญหา ๓.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) พิจารณากำหนดแนวทางร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ถูกผลกระทบจากพายุโซนร้อนไห่ถางและพายุเนสาดที่ทำให้ฝนตกหนักติดต่อกัน และน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หลายจังหวัด และพายุโซนร้อนนาลแกที่อาจจะส่งผลกระทบมายังประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ ๖ - ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ และให้ประสานงานร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เพื่อแจ้งข่าวและเตือนภัยถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ให้สามารถเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเร่งดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัย และเตรียมการป้องกันไม่ให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด ๓.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานร่วมกันทุกภาครัฐ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการเร่งระบายน้ำทั่วทุกพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำท่วมสูงออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงกลาโหม เร่งดำเนินการขุดลอกคูคลอง และทำความสะอาดท่อระบายน้ำเพื่อเปิดทางไหลของน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และลดระดับน้ำท่วมได้เพิ่มมากขึ้น ๓.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือแจกถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค หรือสิ่งของต่าง ๆ แก่ผู้ที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ให้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือก่อน เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่รัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ๓.๕ ให้รัฐมนตรีทุกท่านที่รับผิดชอบในการกำกับ ติดตามการดำเนินการกู้วิกฤตจากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน) ดำเนินการเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน ทั้งในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบและการดำเนินงานตามภารกิจของกระทรวง โดยประสานงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้การดำเนินงานมีความเป็นเอกภาพ ๓.๖ ให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในการจัดทำมาตรการฟื้นฟู เยียวยา และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด โดยอาจขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนเข้าร่วมดำเนินการด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายของประชาชนโดยเร็วที่สุด
|
|||||||||||||||||||||
32515 | โครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) | มท | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ซึ่งคาดว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะต้องจัดทำบัตร ประมาณ ๑๗ ล้านบัตร โดยใช้งบประมาณในการจัดซื้อบัตร Smart Card จำนวน ๗๑๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ งบประมาณดำเนินการดังกล่าว ให้กรมการปกครองเตรียมความพร้อมในการจัดหาบัตรประจำตัวแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ล่วงหน้า และพิจารณาขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนควรเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหน้าที่ในการออกบัตรประชาชนโดยตรง โดยจะต้องคำนึงถึงการปฏิบัติตามสัญญาเดิม และความถูกต้องของรูปแบบตามที่กฎหมายกำหนด และค่าจัดทำบัตรใหม่ต้องไม่สูงกว่าค่าจัดทำบัตรเดิม นอกจากนี้ การจัดซื้อบัตร Smart Card ควรมีความมั่นคงปลอดภัย และโปรแกรมประยุกต์ที่จะใช้งานบน Smart Card หรือใช้งานร่วมกับ Smart Card มีมาตรฐานการทำงานที่เข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่แล้ว (Interoperability) อาทิ ระบบข้อมูลสุขภาพ ระบบข้อมูลทะเบียนยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้งจะต้องมีหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานในการจัดซื้อที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชากรตั้งแต่แรกเกิดของส่วนราชการทุกแห่งให้เป็นระบบเดียวกัน เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลของทุกส่วนราชการในการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยรวม |
|||||||||||||||||||||
32516 | การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซียและบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ | พณ | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซีย และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิได้ทำให้สาระสำคัญของข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้อยู่ในดุลยพินิจของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายที่จะดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ๓. เห็นชอบให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการเจรจาการซื้อขายข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลและข้าวในสต็อกของรัฐบาลกับผู้แทนหน่วยงานของรัฐบาลหรือที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลทุกประเทศ ซึ่งเป็นการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) โดยให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ได้รับความเห็นชอบจากประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ๔. เห็นชอบให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศนำผลการเจรจาต่อรองสุดท้ายในเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ปริมาณ ราคา การชำระเงิน (เงินสดหรือเงินเชื่อ) การส่งมอบ (ณ หน้าคลังสินค้าท่าเรือผู้ขายหรือท่าเรือผู้ซื้อ) และค่าประกันภัยสินค้า เป็นต้น เสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายในนามของรัฐบาลไทย |
|||||||||||||||||||||
32517 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอาณัติ วิลาสินีวรรณ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วัที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32518 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ปี 2553 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี 2554 | กค | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ แลข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ งบรายได้ค่าใช้จ่าย งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิและงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิและกระแสเงินสดของ กบข. โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ๒. ที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าที่ปรึกษา การลงทุนต่างประเทศ การให้สมาชิกกู้เงิน การลงทุนในสหกรณ์เพื่อให้สมาชิกกู้ต่อ การลาออกจากการเป็นสมาชิก การขอรับเงินปันผลจากกองทุนระหว่างที่เป็นสมาชิก การแก้ไขสูตรการคำนวณบำนาญสมาชิก การรับรองงบการเงิน ความเป็นอิสระของกรรมการผู้แทนสมาชิกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และการเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน รวมทั้งข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
32519 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซียประจำปี 2553 | พน | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (Malaysia - Thailand Joint Authority : MTJA) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในการประชุมองค์กรร่วมครั้งที่ ๙๔ และที่ประชุมสามัญประจำปี (Annual General Meeting of MTJA) ครั้งที่ ๑๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ แล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมฯ ประกอบด้วย
๑. กิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยกิจกรรมด้านการสำรวจการประเมินผลปิโตรเลียม การประเมินปริมาณสำรอง การพัฒนา การผลิตปิโตรเลียม และการกำกับดูแลด้านชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในแปลง A - 18 ในพื้นที่พัฒนาร่วม โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A - 18 รวมทั้งสิ้น ๓๐๐.๗๒ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๘๕๔ ล้านลูกบาศก์ฟุต และจากแปลง B - 17 รวมทั้งสิ้น ๘๔.๑ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๒๓๓ ล้านลูกบาศก์ฟุต ๒. ผลประกอบการในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ขององค์กรร่วม ได้จากการขายปิโตรเลียมโดยการผลิตปิโตรเลียมจากแปลง A - 18 และแปลง B - 17 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมในรูปของค่าภาคหลวง ๒๔๕,๙๔๐,๕๙๑ ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร ๕๖๘,๙๖๕,๑๐๘ ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น ๔๕๔,๖๔๘ ดอลลาร์สหรัฐ และได้นำส่งให้แก่รัฐบาลทั้งสอง ทำให้สถานะของกองทุนองค์กรร่วม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ มียอดรวม ๑๓๖,๑๒๓,๕๘๖ ดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||
32520 | แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2555 - 2559 | พม | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ ที่จะสิ้นสุดลงในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของประเทศไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ฯ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ สร้างสภาพแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยี และข้อมูลข่าวสารที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ สร้างเสริมพลังอำนาจให้แก่คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ส่งเสริมศักยภาพและความเข้มแข็งขององค์กรด้านคนพิการและเครือข่าย และยุทธศาสตร์ที่ ๕ สร้างเสริมเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อความพิการและคนพิการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ การบูรณาการหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องในการทำงานในพื้นที่เดียวกัน การสร้างเสริมเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อความพิการ คนพิการ ผู้ดูแลและครอบครัว การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการฝึกอบรมแรงงานคนพิการ รวมทั้งการสร้างโอกาสในการทำงานสำรหับคนพิการ การมีระบบค่าจ้างและสวัสดิการแรงงานคนพิการที่เป็นธรรม เพื่อให้การขับเคลื่อนประเด็นคนพิการอยู่บนฐานสิทธิอย่างแท้จริง ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะเพื่อให้แผนฉบับนี้สามารถบรรลุตามยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ และความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติฉบับที่ ๔ฯ ควรให้หน่วยงานภาครัฐตรวจสอบเว็บไซต์ของหน่วยงานให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยนช์ได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....