ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1621 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32401 - 32420 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32401 | การทบทวนความจำเป็นต้องคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (ขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย) | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ปรับรายชื่อกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ลำดับที่ ๒๔ ผู้อำนวยการสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และลำดับ ๒๕ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง (กรมทรัพยากรน้ำ) เนื่องจากสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และสำนักบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย อยู่แล้ว ๒. ขอแก้ไขชื่อตำแนห่งของกรรมการลำดับที่ ๑๕ จาก “อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” เป็น “อธิบดีกรมเจ้าท่า”
|
||||||||||||||||||||||||
32402 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ และระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. กำหนดให้ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการการเมือง และข้าราชการตำรวจ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น กรณีมีเหตุพิเศษซึ่งจะต้องวางหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการลาแตกต่างจากที่ระเบียบกำหนด ให้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีกำหนดระเบียบเป็นการเฉพาะได้ โดยให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ๓. กำหนดให้ส่วนราชการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลาและยกเลิกวันลา สำหรับการลาป่วย ลาพักผ่อน หรือลากิจส่วนตัว ๔. กำหนดให้ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ ๕. เพิ่มจำนวนวันลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งให้แก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง เมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ อีก ๑๐ วันทำการ ๖. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาของข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ๗. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||
32403 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ยและเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด ในท้องที่อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจร และการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32404 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522) | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. ตัดข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดดที่กระจกกันลมหน้าของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารมาตรฐาน ๒(จ) ที่มีจำนวนที่นั่งไม่เกิน ๑๒ ที่นั่ง และมาตรฐาน ๓(ฉ) ออกไป เนื่องจากปัจจุบันเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการติดฟิล์มกรองแสงขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งของรถ จึงทำให้รถประเภทและลักษณะเดียวกันแต่มีจำนวนที่นั่งเกินกว่า ๑๒ ที่นั่ง ไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการติดฟิล์มกรองแสงดังกล่าว ๓. เพิ่มเติมให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจประกาศกำหนด ประเภท ลักษณะของรถที่จะอนุญาตให้ติดวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดดที่กระจกกันลมหน้าและหลัง รวมทั้งกำหนดคุณลักษณะ ขนาด และประสิทธิภาพของวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดด ๔. กำหนดให้อุปกรณ์ป้องกันด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้ายของรถเป็นเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถเพิ่มเติม ๕. ตัดข้อกำหนดเกี่ยวกับส่วนยื่นท้ายของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และเพิ่มเติมให้การติดตั้งอุปกรณ์อื่นซึ่งไม่รวมถึงกันชนท้าย เช่น บันไดขึ้นลงโดยต้องมีความยาวตามที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกำหนด ๖. กำหนดให้ความสูงของรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของต้องไม่ทำให้การทรงตัวของรถต่ำกว่าเกณฑ์ที่อธิบดีกรมการขนส่งประกาศกำหนด ๗. แก้ไขส่วนยื่นท้ายของรถจากไม่เกินกึ่งหนึ่งเป็นไม่เกินสองในสามของช่วงล้อ และตัดข้อยกเว้นที่กำหนดส่วนยื่นท้ายของรถที่มีส่วนบรรทุกเป็นตู้ทึบ และรถที่มีทางขึ้นลงหรือติดตั้งอุปกรณ์ในการขนถ่ายที่ด้านท้ายส่วนบรรทุก กำหนดให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศกำหนดเพื่อไม่ให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีขนาดยาวเกินไปและมากเกินความจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||
32405 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) ซึ่งข้ามแม่น้ำโขง ต่อจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๒ สายหนองคาย - ต่อเขตเทศบาลนครอุบลราชธานีควบคุม ตอนทางแยกเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร ที่ กม. ๐ + ๕๑๖.๘๘๗ เป็นสะพานที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ๒. กำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมแก่รถยนต์ ดังนี้ ๒.๑ รถยนต์โดยสารประจำทางระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในเส้นทางมุกดาหาร - สะหวันนะเขต และเส้นทางสะหวันนะเขต - มุกดาหาร ๒.๒ รถยนต์ที่ขับขึ้นมาจากทางประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ความนี้ไม่ใช้บังคับกับรถยนต์ที่เป็นสินค้านำเข้าหรือผ่านแดนซึ่งมีคนขับ ๒.๓ รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายละจำนวน ๕๐ คัน ตามที่ได้แจ้งรายละเอียดหมายเลขทะเบียนต่อหัวหน้าหน่วยบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพ ๒ |
||||||||||||||||||||||||
32406 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระในปีงบประมาณ 2555 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยที่ ขสมก. ได้กู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเหมาซ่อม ค่าเช่ารถ และซื้อรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ซึ่งถึงกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินวงเงิน ๒,๕๖๗.๙๐๙ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการ เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับปรุงเส้นทางการเดินรถประจำทางใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับการเดินรถในเส้นทางที่มีระยะยาว แต่มีผลการดำเนินงานขาดทุน โดยปรับระยะทางและกำหนดท่าต้นทางและปลายทางให้เหมาะสม พร้อมทั้งวางแผนจัดการปัญหาภาระหนี้สินที่มีอยู่และหาแนวทางในการเพิ่มรายได้โดยปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ ควรเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรของรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาทางการเงิน และให้ ขสมก. มีการบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะรายการที่มีอัตราการเพิ่มสูง เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าประชาสัมพันธ์ เป็นต้น อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๖๐ วัน ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมร่วมกันพิจารณาในภาพรวมเพื่อปรับลดรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของ ขสมก. ให้เหมาะสมตามความจำเป็นด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32407 | ขออนุมัติใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำหรับโครงการขยายทางหลวงหมายเลข 4 สายตรัง - พัทลุง ตอนบ้านนาโยงเหนือ - เขาพับผ้า (บ้านนาวง) ให้เป็น 4 ช่องจราจรของกรมทางหลวง | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมทางหลวงใช้พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติเขาปู่ - เขาย่า ในเขตจังหวัดพัทลุงและจังหวัดตรัง เนื้อที่ ๓๔๓ ไร่ ๔๒ ตารางวา และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเขาบรรทัด แปลงที่ ๑ ตอนที่ ๑ เนื้อที่ ๗๐ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขาบรรทัด แปลงที่ ๒ ตอนที่ ๒ เนื้อที่ ๕๗ ไร่ ๓ งาน ๔๘ ตารางวา ซึ่งอยู่ในเขตทางหลวงและเป็นพื้นที่ที่กรมทางหลวงได้รับอนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ ให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อสร้างทางและแก้ไขเขตทางใหม่ ทางหลวงหมายเลข ๔ สายพัทลุง - ตรัง (เขาพับผ้า) ท้องที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดตรัง ๑.๒ ให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข ๔ สายตรัง - พัทลุง ตอนบ้านนาโยงเหนือ - เขาพับผ้า (บ้านนาวง) ให้เป็น ๔ ช่องจราจร โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มเติมใน ๓ มาตรการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้แก่ การตัดต้นไม้ในเขตทาง ให้ดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็น โดยไม่ให้ตัดต้นไม้นอกเขตพื้นผิวจราจรที่จะก่อสร้าง การกำกับดูแลในระหว่างจัดเตรียมพื้นที่และการก่อสร้างมิให้ขุดตักดินในเขตทางและบริเวณใกล้เคียงมาใช้ในการก่อสร้าง และให้คงสภาพตามลักษณะภูมิประเทศเดิม และการกำกับผู้รับจ้างออกแบบก่อสร้าง และ/หรือผู้ดำเนินการก่อสร้างให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลโครงการฯ ด้วย ๒. ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ (เรื่อง แนวทางพิจารณาการก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในประเด็นการพิจารณาติดตั้งชุดสัญญาณเตือนภัย ขับขี่ยานพาหนะขณะมีสัตว์ป่าข้ามถนนในช่วงกลางคืน การปรับขนาดของท่อเพื่อให้สัตว์สามารถลอดได้ และการก่อสร้างระบบการระบายน้ำข้างทาง รวมทั้งความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้นำเสนอประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว เกี่ยวกับการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32408 | ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2553 - 2555) ภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม (ระยะ 5 ปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕) ภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม (ระยะ ๕ ปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการตามแผนปฏิบัติการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๐ หน่วยงาน ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น และตรวจสอบผลการดำเนินงานของแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการได้แจ้งผลการดำเนินงานให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบ จำนวน ๒๑ หน่วยงาน ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการ จำนวน ๓๙ โครงการ เป็นเงิน ๗๑๕.๕๔๖๔ ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านการเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๒๔ แผนงาน/โครงการ เป็นเงิน ๓๓๔.๕๕๐๑ ล้านบาท ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๕ แผนงาน/โครงการ เป็นเงิน ๖๙.๐๕๘๙ ล้านบาท ด้านการจัดการภัยในภาวะฉุกเฉิน จำนวน ๒ แผนงาน/โครงการ เป็นเงิน ๐.๘๓๓๖ ล้านบาท และด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๘ แผนงาน/โครงการ เป็นเงิน ๓๐๑.๑๐๓๘ ล้านบาท ๒. สำหรับหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการกรณีไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จะดำเนินการโดยปรับเป็นงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๑ โครงการ งบประมาณ ๓๒๔.๓๖๗๖ ล้านบาท ยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนแผนงาน/โครงการ ให้ทันต่อสถานการณ์ จำนวน ๒ โครงการ งบประมาณ ๓.๐๒๐๐ ล้านบาท รวมทั้งใช้งบประมาณอื่น (งบจังหวัด/งบกลาง) และไม่ระบุแหล่งงบประมาณ จำนวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๒๒.๒๘๒๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
32409 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวงฆ้อง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวงฆ้อง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่บางส่วนของตำบลวงฆ้อง และบางส่วนของตำบลมะต้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32410 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกระบวนการรับรองการเป็นสมาคมที่มีสิทธิและอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค พ.ศ. .... ตามแผนพัฒนากฎหมายสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2553 - 2554 | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกระบวนการรับรองการเป็นสมาคมที่มีสิทธิและอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค พ.ศ. .... ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. กำหนดให้มีการรับรองได้เฉพาะสมาคมที่มีผลงานการดำเนินการด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือต่อต้านการแข่งขันอันไม่เป็นธรรมทางการค้าที่จดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ๓. กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติกรรมการของสมาคม ๔. กำหนดให้ยื่นคำขอรับการรับรองได้ ๒ ช่องทาง คือ ยื่นด้วยตนเองต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ๕. กำหนดให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาคำขอรับการรับรองให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่รับคำขอ เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๑๕ วัน ๖. กำหนดอายุหนังสือรับรองให้มีผลใช้บังคับได้เป็นระยะเวลา ๔ ปี นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๗. กำหนดให้สมาคมยื่นคำขอรับการรับรองได้ใหม่เมื่อพ้นกำหนด ๓ เดือน นับแต่วันที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีมติไม่ให้การรับรอง ๘. สมาคมที่ได้รับการรับรองต้องปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประกาศกำหนด ๙. สมาคมที่ได้รับการรับรองก่อนที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้หนังสือรับรองยังคงมีผลใช้บังคับได้อีก ๔ ปี ๑๐. กำหนดให้ระเบียบและประกาศที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้มีผลใช้บังคับได้ต่อไป เพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้
|
||||||||||||||||||||||||
32411 | ขอความเห็นชอบโครงการ Integrated Community-based Forest and Catchment Management through an Ecosystem Service Approach (CBFCM) | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทน ลงนามร่วมกับผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) ในเอกสารโครงการ Integrated Community - based Forest and Catchment Management through an Ecosystem Service Approach (CBFCM) โดยสาระสำคัญของโครงการ CBFCM สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ การดำเนินโครงการ CBFCM เป็นความตกลงของฝ่าย UNDP กับผู้ปฏิบัติฝ่ายไทย (Implementing Partner) คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสนับสนุนงบประมาณสมทบที่ไม่อยู่ในรูปเงินสด (In kind) โดยสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่ดำเนินงานโดยงบประมาณปกติของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๒๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๑.๒ การดำเนินโครงการ CBFCM เป็นการสร้างกลไกการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายด้านการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ลุ่มน้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ของประเทศ โดยคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศเชิงลุ่มน้ำอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน ๑.๑.๓ หน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการ CBFCM คือ การกำหนดกรอบแนวทางและแผนการดำเนินโครงการให้สามารถเชื่อมโยงกับประเด็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานการดำเนินงาน ให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการ (Project Board) เพื่อกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการให้บรรลุผลตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๔ หน้าที่ความรับผิดชอบของ UNDP ในการดำเนินโครงการ CBFCM คือ การเป็นหน่วยสนับสนุนโครงการ (Project Assurance) มีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการโครงการในกำกับดูแลโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดและติดตามตรวจสอบโครงการเพื่อให้โครงการดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสนับสนุนงบประมาณสมทบโครงการ CBFCM หากมีการแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ แต่เกี่ยวข้องกับงบประมาณโครงการควรให้สำนักงบประมาณร่วมพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32412 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟบริเวณจุดตัดกับทางหลวงชนบท ขก. ๑๐๒๗ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32413 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาล ตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32414 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายทวี รัตนชูเอก ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ ๒. นางปาริชาติ สรเทศน์ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
32415 | การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกปี พ.ศ. 2558 (รอบคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ 2016 ณ เมืองรีโอเดจาเนโรสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล) "เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา" | กก | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ จังหวัดชลบุรี ภายในกรอบวงเงินรวมไม่เกิน ๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สมาคมยกน้ำหนักจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ใช้ในการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งประมาณการรายได้และสิทธิประโยชน์จากการจัดการแข่งขันฯ จัดส่งให้คณะกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณา และเสนอขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จัดทำแผนดำเนินงานการจัดหางบประมาณจากการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชนที่สนับสนุนการแข่งขันอย่างชัดเจน พร้อมทั้งหาแนวทางในการผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดหางบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32416 | ผลการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีกระทรวงและหน่วยงานได้แจ้งผลการพิจารณา รวมทั้งสิ้น ๒๑ แห่ง (๑๕ กระทรวง และ ๖ หน่วยงาน) โดยส่วนใหญ่ยืนยันให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการพิจารณาต่อไป ในส่วนร่างกฎหมายที่ยังมิได้แจ้งผลการพิจารณาอีก ๗ กระทรวง [สำนักนายกรัฐมนตรี (แจ้งมาแล้วบางหน่วย) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม] สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยังคงดำเนินการพิจารณาให้ต่อไปจนกว่าจะได้รับแจ้งให้ยุติการพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
32417 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางผจงสิน วรรณโกวิท ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแตวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32418 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32419 | แผนงานการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงานการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. วิสัยทัศน์สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ คือ “เป็นองค์กรหลักในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติอย่างยั่งยืนสู่ความเป็นสากล” ๒. พันธกิจของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ประกอบด้วย ๒.๑ เสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการ ตลอดจนแผนงาน/โครงการในการดำเนินงานด้านเอกลักษณ์ของชาติต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๒ ดำเนินการให้มีการบูรณาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติมิให้ซ้ำซ้อนกัน และให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและนโยบายของรัฐบาล ๒.๓ ส่งเสริม สนับสนุน และประสานการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านเอกลักษณ์ของชาติของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒.๔ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายดำเนินงานด้านการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ๒.๕ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของชาติ ๒.๖ การศึกษาวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ๓. ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๓.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของเอกลักษณ์ของชาติและปลูกฝังจิตสำนึกให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ๓.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การสร้างระบบและกลไกในการควบคุม ตลอดจนการกำหนดมาตรการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเอกลักษณ์ของชาติ ๓.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การประสานและขยายความร่วมมือกับกลุ่มเครือข่ายในการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ๓.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
32420 | การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ โดยกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการได้ตามมาตรา ๑๓(๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างได้เองวันละ ๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
.....