ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1621 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32401 - 32420 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32401 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 15 | กห | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองทัพบกเปลี่ยนแปลงโครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ ๑๕ จากเดิมดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๕๑ วงเงินรวม ๑๖,๙๗๐,๗๗๘,๐๕๔ บาท เป็นตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงินรวม ๑๘,๐๓๒,๒๔๑,๘๐๐ บาท สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว กองทัพบกได้รับจัดสรรงบประมาณไปแล้ว จำนวน ๑๖,๗๒๗,๙๐๙,๐๐๐ บาท คงขาดงบประมาณอีก จำนวน ๑,๓๐๔,๓๓๒,๘๐๐ บาท นั้น กองทัพได้รับการเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อการนี้ไว้แล้วในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๐๓๔,๓๓๒,๘๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่ขาดอยู่อีก จำนวน ๒๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นสมควรให้กองทัพบกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงสภาพหน่วยอีกปีละประมาณ ๙๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สมควรที่กองทัพบกจะเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเท่าที่จำเป็นตามแผนการใช้จ่ายในภาพรวมของแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศของกองทัพบกต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32402 | พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและ ความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 21 ในนามผู้แทนราชอาณาจักรไทย | ยธ | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบเรื่องพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (United Nations Commission on Crime Prevention and Criminal Justice - CCPCJ) สมัยที่ ๒๑ เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๔ - ธันวาคม ๒๕๕๕ อันเป็นการยกระดับการดำเนินการทูตพหุภาคีอย่างสร้างสรรค์และสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ๑.๒ เห็นชอบให้หลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ก.พ. ร่วมกันพิจารณาถวายตำแหน่ง “เอกอัครราชทูต” ให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่อาจไม่เอื้อต่อการแต่งตั้งก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้เสด็จไปประจำการที่กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้มีตำแหน่ง และเอกสิทธิ์/ความคุ้มกันทางการทูตเทียบเท่าเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา พร้อมทั้งให้เร่งรัดดำเนินการโดยด่วน ๒. เห็นชอบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการพิจารณาถวายตำแหน่ง “เอกอัครราชทูต” ให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ [เรื่อง มาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖)] โดยให้กำหนดตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) เพิ่มใหม่เป็นการชั่วคราวในกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๑ ตำแหน่ง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษ ในการปฏิบัติหน้าที่ประธาน CCPCJ สมัยที่ ๒๑ โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ยุบเลิกตำแหน่งเมื่อสิ้นสุดภารกิจในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ๓. อนุมัติในหลักการให้เบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทรงปฏิบัติภารกิจและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและการต้อนรับประมุขต่างประเทศ และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 32403 | ผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตอุทกภัย | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) พร้อมคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและเข้าพบบุคคลสำคัญระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อขอบคุณรัฐบาลและประชาชนญี่ปุ่นในการให้ความช่วยเหลือประเทศไทยอย่างทันท่วงทีตั้งแต่ช่วงต้นที่เกิดอุทกภัยและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจในมาตรการของไทยในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และร่วมประชุมกับสมาพันธ์องค์กรเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น (Keidanren) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลจากการเข้าเยี่ยมคารวะและเข้าพบบุคคลสำคัญระดับสูงของญี่ปุ่น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ขอความร่วมมือรัฐบาลไทยในการพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบ เพื่อนำมาทดแทนส่วนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราและใบอนุญาตทำงานแก่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ การจัดหาน้ำบริสุทธิ์ (purified water) และน้ำสะอาด (clean water) ที่เพียงพอสำหรับการทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์ในช่วงของการเข้าไปฟื้นฟูระบบการผลิต และการจัดหาระบบไฟฟ้าให้ทันเวลาในการเข้าไปฟื้นฟูระบบการผลิต พร้อมทั้งเสนอให้มีมาตรการป้องกันระยะสั้นในปีหน้าและดำเนินการลงทุนด้านระบบบริหารการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและอุตสาหกรรมที่อยู่พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญต่อการเพิ่มบทบาทของญี่ปุ่นในการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตในระดับอนุภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ (North - South Economic Carridor : NSEC) ๑.๒ ผลการประชุมร่วมกับสมาพันธ์องค์กรเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น (Keidanren) โดยสมาพันธ์องค์กรเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่นได้เสนอขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบ ให้กับบริษัทที่ได้รับและไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ที่นำเข้ามาทดแทนส่วนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และการอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราและใบอนุญาตทำงานแก่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศทั้งของบริษัทที่ได้รับและไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูระบบการผลิตในบริษัทที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๑.๓ ผลการหารือกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และภาคเอกชนของญี่ปุ่น ได้มีการชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมและความก้าวหน้าของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย ว่าขณะนี้การฟื้นฟูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายมีความคืบหน้าเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ส่วนหนึ่งจากการสนับสนุนทีมผู้เชี่ยวชาญและเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น พื้นที่ชุมชนหลายแห่งเริ่มกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ โดยรัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน และด้านคุณภาพชีวิต รวมทั้งชี้แจงให้ฝ่ายญี่ปุ่นทราบถึงกลไกการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและการฟื้นฟูประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาระยะสั้น คือ การสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุนว่าก่อนฤดูฝนปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อมิให้เกิดวิกฤตอุทกภัย ในขณะที่เป้าหมายระยะยาว จะครอบคลุมเรื่องการลงทุนด้านบริหารจัดการน้ำในระยะยาวอย่างยั่งยืน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ การวางแผนการใช้ที่ดิน การพิจารณาพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่เพื่อรองรับอุตสาหกรรม การจัดหาแหล่งเงินเพื่อการพัฒนา การพัฒนาธุรกิจประกันภัย การปรับระบบการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ รวมทั้งการปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร พิจารณาเร่งรัดการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบ เพื่อนำมาทดแทนส่วนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และอำนวยความสะดวกพิธีการศุลกากรที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว เพื่อให้โรงงานที่ได้รับผลกระทบสามารถติดตั้งเครื่องจักรได้เร็วที่สุด ๓. ให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยการประปาส่วนภูมิภาค จัดหาน้ำบริสุทธิ์และน้ำสะอาดที่เพียงพอสำหรับการทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์ในช่วงของการเข้าไปฟื้นฟูระบบการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ๔. ให้กระทวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดเตรียมระบบไฟฟ้าให้พร้อมจ่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่กลับเข้าสู่ระบบการผลิต ๕. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||
| 32404 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นไม่ดำเนินคดีตามมาตรา 76 และ 81 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 | มท | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้อำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรา ๗๖ และมาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อเป็นการเยียวยาคนต่างด้าวซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรา ๗๖ และมาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้แก่คนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาลงนามในประกาศฯ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32405 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 4/2554 | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุม กพต. รับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) การดำเนินงานของ กพต. ที่ผ่านมา (โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของ กพต. และความก้าวหน้าการดำเนินงานระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม ๒๕๕๔ แผนงบประมาณแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และการสั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนออกจากพื้นที่) ๑.๒ ที่ประชุม กพต. มีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการและแผนงานต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๒.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการรักษาความปลอดภัยครู จำนวน ๑๕ โครงการ ได้แก่ โครงการมาตรการรักษาความปลอดภัยครู โครงการพัฒนาห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ๔ อำเภอ) โครงการภาษาอาเซียนชายแดนใต้ โครงการส่งเสริมการจัดการศึกษาชายแดนภาคใต้รองรับการรวมกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน ปี ๒๕๕๘ โครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ ๒ (ปีการศึกษา ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘) โครงการทุนการศึกษาระดับ ปวส. สำหรับนักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาศักยภาพสถานศึกษาอาชีวศึกษา จังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นส่วนราชการระดับคณะ โครงการบูรณะและฟื้นฟูทหาร ตำรวจ และประชาชนที่มีความพิการของช่องปาก ขากรรไกร และใบหน้าเนื่องจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โครงการจัดตั้งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา โครงการก่อสร้างศูนย์ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและยากจน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาแบบบูรณาการ (ศอ.บต.) โครงการจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี (TK PARK) โครงการต้นแบบศูนย์ทางไกลเพื่อการศึกษาและพัฒนาในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๘๔ พรรษา (อิสลามวิทยาลัย) ๑.๒.๒ เห็นชอบในหลักการแผนการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ โดยให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณภายใต้กรอบวงเงินที่รัฐบาลจะต้องชดเชยระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑ รวมแล้วไม่เกิน ๕๕๐ ล้านบาท ต่อไป โดย ๑.๒.๒.๑ ให้แยกเป็นบัญชีธุรกรรมดำเนินตามนโยบายรัฐบาล (Public Service Account : PSA) สำหรับ ๘ โครงการ ได้แก่ โครงการสินเชื่อรากหญ้า Ibank โครงการสินเชื่อหาบเร่ แผงลอยและอาชีพอิสระ โครงการสินเชื่อเพื่อโครงการพัฒนาอาชีพของรัฐ โครงการสินเชื่อแรงงานไทยในมาเลเซีย โครงการรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบ โครงการวิสาหกิจชุมชน โครงการสินเชื่อเครื่องแต่งกายมุสลิม และโครงการสินเชื่อฮาลาลรายย่อย ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ จำนวนเงิน ๕,๖๐๐ ล้านบาท เฉพาะที่มีการดำเนินการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) โดยรัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างอัตรากำไรให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) เท่ากับอัตรากำไรสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีแบบมีกำหนดระยะเวลา (Standard Profit Rate for Prime Corporate Customer with Long Term Financing : SPRL) - ๓.๘๕ ของเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ๑.๒.๒.๒ ให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายงบประมาณตามที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐาน ธอท. ปล่อยสินเชื่อภายใต้ ๘ โครงการทั้งหมดให้แก่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ โดยเป็นงบประมาณที่รัฐจะต้องชดเชยระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑ และใช้อัตรากำไร SPRL ในปัจจุบัน (ร้อยละ ๗.๗๕) ซึ่งทำให้อัตรากำไรที่รัฐบาลต้องชดเชยเท่ากับร้อยละ ๓.๙๐ (๗.๗๕ - ๓.๘๕) ของเงินต้นคงเหลือโดยประมาณการงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องชดเชยรวมระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑ รวมแล้วไม่เกิน ๕๕๐ ล้านบาท ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติที่ประชุม กพต. โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป สำหรับในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการโครงการที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันทั้งภายในหน่วยงานเดียวกันและระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อน รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วนของปัญหา เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32406 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | มท | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นเงินจำนวน ๑๑๗,๗๒๒,๓๘๕ บาท และให้ส่วนราชการที่ดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติจ่ายเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ก่อนได้รับเงินประจำงวด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพสมโภช และการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เสนอ ๒. อนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน ๑๑๗,๗๒๒,๓๘๕ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน
|
||||||||||||||||||||||||
| 32407 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๓. นายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
|
||||||||||||||||||||||||
| 32408 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายปสันน์ เทพรักษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจักริน ฉายะพงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๓. นายบรรสาน บุนนาค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ ๔. นายธฤต จรุงวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ๕. นางสาวทัศนาวดี เมี้ยนเจริญ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย ๖. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ๗. นายมารุต จิตรปฏิมา ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์สาธารณรัฐสิงคโปร์
|
||||||||||||||||||||||||
| 32409 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) | มท | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งรองศาสตราจารย์ ประภาษ ไพรสุวรรณา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนนายสุกิจ เจริญรัตนกุล ที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32410 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางวิภารัตน์ อัศววิรุฬหการ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32411 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง | มท | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ชุดใหม่ จำนวน ๑๔ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ชุดเดิม ได้ลาออกทั้งคณะ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายพระนาย สุวรรณรัฐประธาน กรรมการ ๑.๒ นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา กรรมการ ๑.๓ นายถวัลย์วงศ์ ธีระวิทยภิญโญ กรรมการ ๑.๔ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร กรรมการ ๑.๕ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ กรรมการ ๑.๖ นายภาณุ อุทัยรัตน์ กรรมการ ๑.๗ ศาสตราจารย์ ธีรวุฒิ บุณยโสภณ กรรมการ ๑.๘ นายจุมพล สำเภาพล กรรมการร ๑.๙ พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ กรรมการ ๑.๑๐ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ กรรมการ ๑.๑๑ นายสมชัย สัจจพงษ์ กรรมการ ๑.๑๒ เรืออากาศเอก ศิริเดช จุลเปมะ กรรมการ ๑.๑๓ นายเถลิง อยู่บำรุง กรรมการ ๑.๑๔ นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการ ๒. ส่วนกรณีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป และนายสมชัย สัจจพงษ์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังเห็นชอบเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32412 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) แทนตำแหน่งที่ว่าง | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายยงยุทธ กปิลกาญจน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32413 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จำนวน ๖ ราย เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวัลลภ พลอยทับทิม เป็นประธานกรรมการ ๑.๒ นายเฉลิมพร พิรุณสาร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นายสมชัย เพียรสถาพร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายสุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ นายพลฑิตย์ ภุกพิบูลย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ รองศาสตราจารย์ วินัย ล้ำเลิศ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้เริ่มวาระการดำรงตำหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32414 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายชัยภัฎ สมบูรณ์ดำรงกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ทั้งนี้ นายชัยภัฎ สมบูรณ์ดำรงกุล จะต้องลาออกจากการเป็นพนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ก่อนวันที่ลงนามในสัญญาจ้าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32415 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทนนายเฉลิมพร พิรุณสาร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32416 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๘ คน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ๒. นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ๓. นายชาญวิทย์ เอนกสัมพันธ์ ๔. นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง ๕. นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ๖. นายโฆสิต สุวินิจจิต ๗. พลตำรวจโท รชต เย็นทรวง ๘. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล
|
||||||||||||||||||||||||
| 32417 | แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระฯ จำนวน 3 ราย | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และให้มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ทราบทั่วกันต่อไป ตามที่คณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ผู้แทนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการด้านสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ เป็นประธานกรรมการ แทนนายวีรวัธน์ ธีรประสาธน์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยอม รอตมงคลดี ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นกรรมการสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ แทนศาสตราจารย์เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ที่เลื่อนขึ้นเป็นประธานกรรมการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๓. พลตำรวจตรี ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ผู้แทนจากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสุขภาพ แทนนายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๔. นายกฤษฎา ให้วัฒนานุกูล ผู้แทนจากมูลนิธิประชาคมราชบุรี เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม แทนนางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32418 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) | รง | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายปกรณ์ อมรชีวิน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ๒. นายพานิช จิตร์แจ้ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระะทรวงแรงงาน ๓. นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||
| 32419 | รายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย | อก | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปผลการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องกันนิคมทั้งด้านการเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง จัดหาเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรกลหนักไว้อย่างเพียงพอในทุกพื้นที่ ขอรับการสนับสนุนกำลังพลจากกระทรวงกลาโหมตรวจสอบเฝ้าระวังคันกั้นน้ำตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในกรณีที่คันกั้นน้ำชำรุด มีการรั่วซึม จะเร่งซ่อมโดยทันที และตรวจสอบระดับน้ำในคลองต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อนิคม โดยประสานและได้รับความร่วมมือจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการควบคุมการระบายน้ำผ่านพื้นที่นิคม มิให้เกิดความเสียหายต่อนิคมอุตสาหกรรม ๒. สรุปผลการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ และผู้ประกอบการเข้าทำความสะอาด ซ่อมแซมเครื่องอุปกรณ์ รวมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในการฟื้นฟูโรงงานแล้ว จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูพื้นที่มีข้อจำกัดที่ระดับน้ำภายนอกนิคมต้องลดต่ำกว่าคันกั้นน้ำเดิม เพื่อให้คันกั้นน้ำมีความแข็งแรง ดังนั้น สวนอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จึงเริ่มสูบน้ำออกจากพื้นที่ล่าช้ากว่าพื้นที่อื่น ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครมีข้อจำกัดด้านภูมิประเทศ ทำให้ระดับน้ำลดลงช้า จึงยังไม่สามารถสูบน้ำออกจากนิคมได้ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่ทุกแห่งให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยประมาณการว่าภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมทุกแห่ง ผู้ประกอบการจะเข้าฟื้นฟูโรงงาน ซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ได้ และจะมีผู้ประกอบการบางรายเริ่มประกอบการได้ ทั้งนี้ ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ คาดว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะสามารถเริ่มประกอบการได้ ๓. กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Export and Import Band (JICA) และ Japan External Trade Organization (JETRO) ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้รับทราบประเด็นปัญหา ข้อวิตกกังวลและความประสงค์ที่จะขอรับความช่วยเหลือ โดยต้องการทราบความชัดเจนของภาครัฐในการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ต้องการให้นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีระบบการป้องกันปัญหาอุทกภัยของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การช่วยเหลือในด้านเงินทุน เทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เพื่อซ่อมแซมบูรณะโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและเครื่องจักรกลต่าง ๆ และการอำนวยความสะดวกในการจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ กระบวนการหรือพิธีการทางกฎหมายในการนำเข้าส่งออกสารเคมีและวัตถุดิบที่จำเป็นในการฟื้นฟูกิจการ ๔. JICA เสนอความช่วยเหลือและการสนับสนุนต่อภาคอุตสาหกรรมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะเร่งด่วน เป็นการสนับสนุนเครื่องจักรอุปกรณ์ รถสูบน้ำ เพื่อช่วยเหลือสำหรับการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ระยะสั้น เป็นการสนับสนุนทางวิชาการในการออกแบบและก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรม และการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันและการฟื้นฟูการประกอบการอย่างเร่งด่วนทั้งด้านวิชาการและการเงิน สำหรับระยะกลางและระยะยาว เป็นการสนับสนุนการศึกษาการป้องกันอุทกภัยในภาพรวมของประเทศ และสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย และความช่วยเหลือทางเทคนิคอื่น
|
||||||||||||||||||||||||
| 32420 | ขอให้รัฐมนตรีแจ้งข้อมูลผลการดำเนินงาน | นร | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกกระทรวง กรม จัดทำรายงานผลการดำเนินงานในความรับผิดชอบตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๓ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย แล้วจัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันอังคารที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมและประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการวิเคราะห์และจัดระบบข้อมูลก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
