คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “นกเตน” ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้ผลกระทบด้านการเกษตรทั้งสิ้นรวม ๕๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เลย สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ บึงกาฬ นครพนม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู สกลนคร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี กรุงเทพ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร ตรัง ภูเก็ต พังงา และสตูล
               ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร มีดังนี้
                   ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๕๒๒,๓๗๔ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๕,๑๑๐,๓๒๗ ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๔,๔๓๕,๖๗๙ ไร่ พืชไร่ ๔๓๙,๗๕๘ ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๒๓๔,๘๙๐ ไร่
                   ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๕๓,๘๓๑ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๖๐,๑๒๔ ไร่ กุ้ง/ปู/หอย ๙๓๓ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๘๓,๐๖๕ ตารางเมตร
                   ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๙๑,๑๖๖ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๔,๗๒๗,๖๙๔ ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ ๙๘,๒๓๙ ตัว สุกร ๙๙,๘๕๘ ตัว แพะ - แกะ ๕,๒๓๒ ตัว สัตว์ปีก ๔,๕๒๔,๓๖๕ ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๔,๕๖๔.๕๐ ไร่
               ๓. การดำเนินการช่วยเหลือด้านการเกษตร ประกอบด้วย การแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จำนวน ๘ ฉบับ ของกรมชลประทาน การคาดการณ์การเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน ๑๕ ฉบับ ของกรมพัฒนาที่ดิน การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ รถยนต์บรรทุกน้ำ รวมทั้งสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์ สำหรับความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว รวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๕.๐๔ ล้านบาท เกษตรกร ๔๑,๑๒๖ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔) โดยสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงวดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๑,๔๕๔.๗๘ ล้านบาท เกษตรกร ๔๐,๙๓๐ ราย ซึ่ง ธ.ก.ส. สาขา ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วจำนวน ๓๑๔.๕๑ ล้านบาท เกษตรกร ๖,๖๘๔ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
               ๑. นายสังเวียน บุญโตดำรง     ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร (นักบริหาร ๑๐)
                                                   อัตราเงินเดือน ๕๑,๑๗๐ บาท
               ๒. นายสกล วรรณพงษ์          ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์
                                                   (นักบริหาร ๑๐) อัตราเงินเดือน ๖๖,๓๕๐ บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งได้ซื้อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินจำนวนภาษีที่ถึงชำระในแต่ละปีภาษีให้แก่บุคคลธรรมดาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน ๕ ล้านบาท เป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุดที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามเงื่อนไข ดังนี้
                   ๑.๑   ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินจำนวนภาษีที่พึงชำระในแต่ละปีภาษีเท่ากับเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด แต่ไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
                   ๑.๒   ต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีภายใน ๕ ปีภาษีนับแต่วันที่ได้โอนกรรมสิทธิ์ โดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษีติดต่อกันเป็นเวลา ๕ ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
                   ๑.๓   ผู้มีเงินได้ต้องไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง หรือไม่มีชื่อเป็น หรือเคยเป็น “เจ้าบ้าน” ในทะเบียนบ้านที่ใช้เป็นหลักฐาน ยกเว้นถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองหรือคู่สมรสตามทะเบียนบ้าน
                   ๑.๔   กรณีผู้มีเงินได้มีคู่สมรส ให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยได้เพียงแห่งเดียว
                   ๑.๕   ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยเป็นผู้ใช้สิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยกู้ยืมซื้อบ้านสำหรับกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย
                   ๑.๖   ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยเป็นผู้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุดเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๗๑ (พ.ศ. ๒๕๕๒)
                   ๑.๗   ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยเป็นผู้ใช้สิทธิยกเว้นเงินได้จากการขายที่อยู่อาศัยเดิมและซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔๑ (พ.ศ. ๒๕๔๖)
                   ๑.๘   กรณีเป็นการกู้ร่วม โดยผู้กู้ร่วมมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองและเคยใช้สิทธิหักลดหย่อนหรือยกเว้นกับกรมสรรพากรแล้ว ผู้กู้ร่วมจะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีในส่วนของเงินได้ที่ใช้กู้ร่วม
                   ๑.๙   ต้องมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕
                   ๑.๑๐ ผู้มีเงินได้ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๕ ปีนับแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องไม่เคยผ่านการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์มาก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
               ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคาร มูลค่าไม่เกินห้าล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นจำนวนเท่ากับภาษีเงินได้ที่ต้องเสีย แต่ไม่เกินร้อยละสิบของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด และรวมกันแล้วไม่เกินห้าแสนบาท และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีการแก้ไขหลักการที่เป็นสาระสำคัญ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
               ๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
               ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี
               ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดลพบุรี

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. อนุมัติวงเงินค่าก่อสร้าง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ แผนงานพัฒนาด้านสาธารณสุข ผลผลิตการบริการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ สร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคให้ประชาชน รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ค่าที่ดิน/สิ่งก่อสร้าง รายการค่าปรับปรุงอาคารผู้ป่วยในพิเศษ ๑๔ ชั้น ต่อเนื่อง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระยะเวลาดำเนินการ ๑๕ เดือน ตามผลการจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคา ในวงเงิน ๒๘๓,๖๑๖,๖๕๔.๐๒ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินได้ถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔ จากกรมบัญชีกลางแล้ว จำนวน ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒๙,๘๖๕,๕๐๐ บาท ที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่ขาดอีกจำนวน ๒๓,๓๓๔,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๒๗,๖๑๖,๖๕๔.๐๒ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
               ๒. ให้สภากาชาดไทยได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง 
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป 
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
          ๑. นายวิจักร อากัปกริยา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๖ 
สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๒. นายเกรียงศักดิ์ หงษ์โต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๙ 
สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๓. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๑๒ 
สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๔. นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๑๗ 
สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย  ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
          ๑. นายอภินันท์ โปษยานนท์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง) เลขที่ตำแหน่ง ๒  สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๒. นายปรีชา กันธิยะ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา (นักบริหาร ระดับสูง) เลขที่ตำแหน่ง ๑ กรมการศาสนา
          ๓. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (นักบริหาร ระดับสูง) เลขที่ตำแหน่ง ๑ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
          ๔. นายชาย นครชัย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (นักบริหาร ระดับสูง) เลขที่ตำแหน่ง ๑ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจเยี่ยมเพื่อติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดน่าน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปผลการตรวจเยี่ยมได้ ดังนี้
               ๑. การตรวจติดตามสถานการณ์ทั่วไป ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่านคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูสภาพความเสียหาย โดยจังหวัดน่านได้กำหนดยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาอุทกภัยโดยแบ่งพื้นที่เป็น ๓ ตอน ได้แก่ ตอนเหนือ ๗ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสองแคว อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอปัว และอำเภอท่าวังผา ใช้ยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ การวางระบบชะลอน้ำและการกักเก็บน้ำบางตอนไว้ ตอนกลาง ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอแม่จริม อำเภอสันติสุข อำเภอบ้านหลวง และอำเภอภูเพียง ใช้ยุทธศาสตร์การระบายน้ำในพื้นที่เทศบาล การขุดสระ หนองน้ำ การยกขอบแนวกั้นน้ำ เหมืองฝาย และการจัดระบบน้ำสาขา และตอนใต้ ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเวียงสา อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น ใช้ยุทธศาสตร์การระบายน้ำในแม่น้ำน่านให้ไหลไปยังเขื่อนสิริกิติ์โดยเร็ว
               ๒. การช่วยเหลือประชาชนของหน่วยทหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ได้มีการช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เกิดอุทกภัยในระลอกแรก โดยจัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ ตามที่ได้แบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบในการขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ โดยกองทัพภาคที่ ๓ สนับสนุนรถน้ำจัดทำน้ำดื่ม และกองบัญชาการช่วยรบที่ ๓ สนับสนุนรถครัวสนามจัดทำอาหารร้อนบรรจุกล่องแจกจ่ายในพื้นที่อำเภอเวียงสา และอำเภอท่าวังผา เมื่อน้ำลดลงได้ช่วยเหลือในการฟื้นฟู เก็บกวาดขยะ และสิ่งปฏิกูล โดยให้ความเร่งด่วนกับพระตำหนักธงน้อยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับกองพลพัฒนาที่ ๓ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๓๑ สนับสนุนการฟื้นฟูด้วยการซ่อมแซมถนนและตลิ่งที่พังทลายในพื้นที่อำเภอเวียงสา จนถึงปัจจุบัน
               ๓. ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สมควรได้รับการพิจารณาแก้ไขด้วยการบูรณาการทุกส่วนราชการ เพื่อให้สามารถป้องกันปัญหาอุทกภัยของจังหวัดน่านในระยะยาว ๓ ประการ มีดังนี้
                   ๓.๑ การใช้เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดจะสามารถใช้ได้เมื่อเกิดภัยแล้ว และต้องประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ จึงทำให้การเตรียมการที่จะเผชิญกับอุทกภัยทำได้ไม่เต็มที่และไม่ทันเวลา ประกอบกับในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีหน่วยงานราชการที่สามารถคาดการณ์การเกิดอุทกภัยได้อย่างแม่นยำ จึงสมควรที่จะปรับปรุงระเบียบ และหลักเกณฑ์ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้งบประมาณจากเงินทดรองราชการในขั้นการป้องกัน เพื่อเตรียมการให้พร้อมก่อนเกิดภัย เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนได้ทันท่วงที
                   ๓.๒ ปัจจุบันจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการประสานแผนงานและโครงการในการบรรเทาอุทกภัยเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณของตนเพื่อร่วมบูรณาการและลดข้อจำกัดด้านงบประมาณของทางจังหวัดในภาพรวม เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันเวลา จึงสมควรให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดแนวทางปฏิบัติระดับนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ในการบรรเทาภัยเยียวยาและชดเชยตามขีดความสามารถ
                   ๓.๓ ปัญหาของเขื่อนธงน้อย ปัจจุบันเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำไหลมากกว่าการใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยทางจังหวัดดำเนินการรวบรวมรายละเอียดเพื่อหาข้อสรุปและเสนอกระทรวงพลังงานทราบปัญหาต่อไป ส่วนการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ภูเขาควรได้รับการพัฒนาการอยู่รวมกันของคนกับป่า สำหรับการเพิ่มเติมฝายชะลอน้ำ การสร้างระบบเตือนภัยในพื้นที่ห่างไกล และการสร้างเส้นทางอพยพของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งทางจังหวัดน่านจะเสนอความต้องการงบประมาณจากรัฐบาลและขอรับการสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากจังหวัดทหารบกน่าน และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๓๑ สำนักงานพัฒนาภาค ๓ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย 
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
          ๑.  นายมนัส แจ่มเวหา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงาน
ปลัดกระทรวง 
          ๒.  นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) 
สำนักงานปลัดกระทรวง 
          ๓. นายช.นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง
สูง) สำนักงานปลัดกระทรวง 
          ๔. นายกุลิศ สมบัติศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) 
สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย 
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
          ๑. นายประวิทย์ เคียงผล รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการจัดหางาน
          ๒. นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรม
พัฒนาฝีมือแรงงาน
          ๓. นายอาทิตย์ อิสโม ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดี
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
          ๔. นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลักกระทรวง ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ
สำนักงานประกันสังคม

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ 
เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๒/๒๕๕๔  ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๘/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง มอบหมายให้
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
          ๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ เขต
ตรวจราชการที่ ๖ เขตตรวจราชการที่ ๗ เขตตรวจราชการที่ ๑๕ และเขตตรวจราชการที่ ๑๖ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๒. รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการใน
พื้นที่ เขตตรวจราชการที่ ๑๐ เขตตรวจราชการที่ ๑๑ และเขตตรวจราชการที่ ๑๒ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๓. รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการใน
พื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๓ เขตตรวจราชการที่ ๕ และเขตตรวจราชการที่ ๙ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๔. รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) กำกับการติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ 
เขตตรวจราชการที่ ๑ และเขตตรวจราชการที่ ๘ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๕. รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ 
เขตตรวจราชการที่ ๒ และเขตตรวจราชการที่ ๔ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๖. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) กำกับและติดตามการปฏิบัติ
ราชการในพื้นที่ เขตตรวจราชการที่ ๑๓ และเขตตรวจราชการที่ ๑๔ ของสำนักนายกรัฐมนตรี
          ๗. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) กำกับและติดตามการ
ปฏิบัติราชการในพื้นที่ เขตตรวจราชการที่ ๑๗ และเขตตรวจราชการที่ ๑๘ ของสำนักนายกรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๙ คณะ โดยให้คณะกรรมการคงอยู่ต่อไป จำนวน ๘ คณะ ยกเลิก ๑ คณะ และแต่งตั้งใหม่ จำนวน ๑ คณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
          ๑. คณะกรรมการคงอยู่ต่อไป จำนวน ๘ คณะ ดังนี้
               ๑.๑ คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนค่าเรื่องจักรกลของกรมทางหลวงโดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ โดยตัดลำดับที่ ๗ และ ๙ ขององค์ประกอบเดิม และเปลี่ยนกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการขององค์ประกอบเดิมในลำดับที่ ๑๓ และ ๑๔   “เป็นผู้ช่วยเลขานุการ” และให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการได้ไม่เกิน ๒ คน รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเดิมที่แต่งตั้งโดยชื่อในลำดับที่ ๘ เป็น “ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการเครื่องจักรกล ๑ ท่าน” และขอเพิ่ม “ผู้ทรงคุณวุฒิด้านงานทางอีก ๑ ท่าน” โดยให้ประธานกรรมการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๒ ปี และติดต่อกันไม่เกิน ๒ วาระ
    ๑.๒ คณะกรรมการขนส่งแห่งอาเซียน
    ๑.๓ คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
    ๑.๔ คณะกรรมการแห่งชาติในการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย
    ๑.๕ คณะกรรมการร่วมถาวรไทย-มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์
    ๑.๖ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ
    ๑.๗ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการชุดเดิม โดยขอเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการ จาก นายศรีสุข จันทรางศุ  เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการ
     ๑.๘ คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนและขนส่งข้ามแดนแห่งชาติ เป็น “คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ” โดยมีองค์ประกอบคงเดิม และขอปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่ขอเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่กำกับ ดูแลเฉพาะการดำเนินงานตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross-Border Transport Agreement - CBTA)
๒.  คณะกรรมการที่ยกเลิก จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการดำเนินงานด้านความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ
          ๓. คณะกรรมการที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอแต่งตั้งใหม่ จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ มีองค์ประกอบ คือ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่น รวม ๒๘ ราย มีหน้าที่ ประสาน ติดตาม ประมวลผล จัดทำข้อมูลเสนอต่อรัฐบาลเพื่อปรับปรุงแก้ไข กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงด้านการขนส่งระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ทำกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ พิจารณากำหนดท่าทีฝ่ายไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนภูมิภาค (Regional Transit Transport Coordinating Board: TTCB) และมอบหมายให้ผู้แทนเข้าร่วมประชุม เป็นต้น

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงมหาดไทยเพิ่มเติมให้กับจังหวัดที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๒๓ จังหวัด ๆ ละ ๑๐ ล้านบาท รวม ๒๓๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 
ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุ
ราชการ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง วาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด”) รับทราบการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) มีรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นผู้อำนวยการ และให้ทุกกระทรวงให้ความร่วมมือและแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด นั้น ขณะนี้ ศพส. ได้เร่งรัดดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแล้ว แต่ในการดำเนินการดังกล่าวต้องได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ จึงให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการให้ความสำคัญกับการมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมประชุม ให้มอบหมายผู้แทนระดับสูงหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเพื่อร่วมกันปรึกษาหารือและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง การเบิกจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่าวให้การดำเนินการที่มีลักษณะเป็นการป้องกันก่อนเกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินสามารถเบิกจ่ายจากเงินทดรองราชการได้ด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐพิจารณาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติที่ชัดเจนสอดคล้องกับข้อเท็จจริง และเป็นความจำเป็นเร่งด่วนก่อน แล้วเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางในการสนับสนุนงบประมาณในภาพรวมก่อนที่จะจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป