ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1629 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32561 - 32580 จากข้อมูลทั้งหมด 124466 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32561 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 1 | กค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๓๖๓,๙๖๐.๘๐ ล้านบาท จากเดิม ๑,๒๘๗,๐๐๔.๖๐ ล้านบาท เป็นเงิน ๑,๖๕๐,๙๖๕.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบแผนการกู้เงินของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรอบวงเงินการค้ำประกันเงินกู้คงเหลือซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการเงินกู้และวงเงินการค้ำประกันเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 32562 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554) | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวม ๑๔๔ อำเภอ ๑,๐๑๙ ตำบล ๗,๑๙๗ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๙๐๓,๔๕๗ ครัวเรือน ๕,๑๔๘,๓๒๗ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๔ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๕๖๒ ราย สูญหาย ๒ คน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๔๒ จังหวัด ๒. การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒.๑ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดประชุม Video Conference เกี่ยวกับการช่วยเหลือ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติกับผู้ว่าราชการจังหวัด ๖๒ จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุม ๒.๒ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้อำนวยการเขตกรุงเทพมหานคร ๓๐ เขต เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อซักซ้อมและชี้แจงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๓. สรุปสถานการณ์ภัยหนาว และการช่วยเหลือ กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ ๕๔๗/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน มีหน้าที่อำนวยการ ประสานแผน และบูรณาการการปฏิบัติงาน รวมทั้งกำกับ ดูแลการปฏิบัติงานของฝ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว สำหรับสถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ปัจจุบัน) มีจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ ๘.๐ - ๑๕.๙ องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า ๘.๐ องศาเซลเซียส) จำนวน ๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่อำเภออมก๋อย รวม ๖ ตำบล ๙๕ หมู่บ้าน ประชาชนเดือนร้อน ๑๗,๖๘๙ ครัวเรือน ๕๗,๙๕๙ คน
|
|||||||||||||||||||||
| 32563 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัยของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 7 - วันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 และ วันที่ 15 - วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554) | ทก | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และพยากรณ์อากาศ ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ ๗ - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกและอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิลดลง ๒ - ๔ องศาเซลเซียส โดยมีอากาศหนาวจัดบริเวณยอดดอยทางภาคเหนือ ทำให้เกิดน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ส่วนช่วงกลางสัปดาห์ถึงปลายสัปดาห์ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกหรือฝั่งอ่าวไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ๑.๒ การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันข้างหน้า (ช่วงวันที่ ๑๕ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนช่วงกลางสัปดาห์ถึงปลายสัปดาห์บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ช่วงวันที่ ๘ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) พื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ราบลุ่มในภาคใต้ ให้ประชาชนเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก (ในบางพื้นที่) ส่วนพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี บางพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม กรุงเทพมหานคร เนื่องจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนจะยังคงมีอิทธิพลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักมีระดับขึ้น - ลง ตามสภาวะน้ำขึ้น - ลงได้บ้าง และมวลน้ำจากภาคเหนือยังลงมาไม่หมด โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่หลังคันกั้นน้ำเสี่ยงต่อภัยน้ำหลากอันเนื่องจากคันกั้นพังทลายได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32564 | คำสั่งแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ | นร | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ๒. คำสั่งแต่งตั้งให้นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
|
|||||||||||||||||||||
| 32565 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เรื่อง การกำหนดใช้เลขหมายโทรศัพท์เลขหมายเดียวและคลื่นความถี่เฉพาะกรณีฉุกเฉิน | สว | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา และผลการดำเนินการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่อง การกำหนดใช้เลขหมายโทรศัพท์เลขหมายเดียวและคลื่นความถี่เฉพาะกรณีฉุกเฉิน ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. การกำหนดใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉินเลขหมายเดียวทั่วประเทศ ปัจจุบันกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีศูนย์ประสานงานเหตุฉุกเฉิน ๑๙๒ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) โดยเป็นเลขหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดสรรให้กับ ศภช. ในการใช้แจ้งเหตุฉุกเฉินและสาธารณภัยต่าง ๆ ๒. การศึกษาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. .... (ในขณะนั้น) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการกำหนดการใช้ ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้จัดสรรคลื่นความถี่สำหรับติดต่อประสานงานในการปฏิบัติหน้าที่และภารกิจร่วมกันของหน่วยงานของรัฐกับประชาชนในการสนับสนุนงานของหน่วยของรัฐทั้งในภาวะปกติและกรณีประเทศเกิดภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉิน และให้กรมป้องกันและบรรเทาสารธารณภัยมีหน้าที่ดูแลการใช้คลื่นความถี่กลางในระดับประเทศ ระดับเขตภูมิภาค และระดับจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||
| 32566 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมทะเบียนประวัติราษฎรและการอุทธรณ์ พ.ศ. .... | นร | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจำหน่ายเรื่องการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมทะเบียนประวัติราษฎรและการอุทธรณ์ พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งไม่ให้ดำเนินการต่อไป ออกจากสารบบของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32567 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์อุทกภัย ๑.๑ ด้านการแพทย์ ได้แก่ การบริการประชาชนในพื้นที่อุทกภัย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในจังหวัดต่าง ๆ จัดบริการแบบหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ประจำจุด และสัญจรตามบ้านเรือน ตั้งโรงพยาบาลสนามในจังหวัดซึ่งมีน้ำท่วมบริเวณกว้าง และโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง และอุบัติเหตุฉุกเฉิน ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งเยี่ยมผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งติดอยู่ตามบ้าน ๑.๒ ด้านการเฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาด ได้ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคระบาด ๑๐ โรคที่สำคญ เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ โรคฉี่หนู ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์การคัดกรองโรคเบื้องต้น กำหนดให้มีรายการเวชภัณฑ์ และจัดให้มีเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์พักพิงและตามหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ดำเนินการประเมินความเสี่ยงของการเฝ้าระวังและควบคุมโรคและดำเนินกิจกรรมควบคุมโรคที่ศูนย์พักพิง รวมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังการระบาดของโรคในสถานการณ์อุทกภัย ๑.๓ ด้านสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม ได้ผลิตชุดป้องกันโรคด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม “ชุดนายสะอาด” เป็นชุดป้องกันโรคด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ถุงดำขนาดใหญ่สำหรับใส่ขยะ ถุงดำขนาดเล็กสำหรับใส่อุจจาระ น้ำยาล้างจาน สบู่ เจลล้างมือ หยดทิพย์ (คลอรีนน้ำ) ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เพื่อนำน้ำมาอุปโภค และเมกะคลีน พลัส ใช้บำบัดน้ำเสียที่ท่วมขังเป็นเวลานาน รวมทั้งให้คำแนะนำการทำน้ำสะอาดใช้ในภาวะน้ำท่วม ตลอดจนเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยของอาหารและน้ำ โดยใช้ชุดตรวจภาคสนามดำเนินการสุ่มตัวอย่างและตรวจสอบคุณภาพด้วยชุดตรวจโคลิฟอร์มสำหรับการปนเปื้อนโคลิฟอร์ม แบคทีเรีย และการตรวจวัดปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือด้วยชุดตรวจคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำ และร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดในชุมชน (Big cleaning day) ในพื้นที่ที่เข้าสู่สภาวะปกติ ๑.๔ การให้บริการทางสุขภาพจิต ในระยะน้ำท่วมได้ให้บริการด้านสุขภาพจิตโดยหน่วยแพทย์สุขภาพจิตในพื้นที่ต่าง ๆ ตามศูนย์พักพิง โรงพยาบาลสนาม และลงเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัย ๑.๕ การส่งอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ปฏิบัติงานในศูนย์พักพิงและโรงพยาบาลสนามทุกแห่ง โดยมี อสม. ร่วมปฏิบัติการสนับสนุนการดูแลสุขภาพประชาชนผู้ประสบภัยในชุมชน และในศูนย์พักพิง ดำเนินงานด้านฟื้นฟูสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยดำเนินการในหน่วยแพทย์ของกรุงเทพมหานคร ๑.๖ การป้องกันเวชภัณฑ์ขาดแคลน ได้มอบให้องค์การเภสัชกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดำเนินการในมาตรการประสานกับโรงงานผู้ผลิตทดแทนให้เพียงพอแล้ว กำหนดช่องทางการส่งที่มีประสิทธิภาพโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย และจัดตั้งศูนย์ประสานข้อมูลความต้องการเวชภัณฑ์ที่องค์การเภสัชกรรม เพื่อเฝ้าระวังและจัดหายาทดแทนได้ทันท่วงที ๑.๗ การสนับสนุนบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับปัญหาการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอันเนื่องจากอุทกภัย ได้แก่ การจัดเตียงรองรับผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในภูมิภาคให้เพียงพอต่อการส่งต่อผู้ป่วยหนักจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และประสานกับกรุงเทพมหานครเพื่อให้การสนับสนุนบริการด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข โดยเน้นยุทธศาสตร์การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เชิงรุก โดยพาหนะ รถสิบล้อ รถยีเอ็มซี และเรือ ไปตามชุมชนและบ้านเรือนที่ประสบน้ำท่วมสูง ๒. การดำเนินการฟื้นฟูในจังหวัดที่มีน้ำท่วมคงอยู่และลดลง ได้กำหนดกิจกรรมด้านการฟื้นฟูหน่วยบริการและระบบบริการใน ๔๕ วันที่ครอบคลุมในประเด็นการฟื้นฟูหน่วยบริการให้สามารถบริการได้ดังเดิม ที่ครอบคลุมการเปิดบริการในสถานบริการ การให้บริการนอกสถานที่ ในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และการซ่อมแซมสถานบริการ การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค การฟื้นฟูสุขอนามัยที่ครอบคลุมคุณภาพอาหารและน้ำ การล้างตลาด การปรับปรุงระบบประปาและคุณภาพสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูสุขภาพจิตของประชาชน ๓. การสนับสนุนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานบริการสาธารณสุขและหน่วยแพทย์ต่าง ๆ ประกอบด้วย ยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ยาตำราหลวง ยาทาแก้น้ำกัดเท้า เตียงพับ เปลพับ เตียงสนามเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ชุดกรองน้ำ เสื้อชูชีพ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือพายพลาสติก เรือพายไฟเบอร์
|
|||||||||||||||||||||
| 32568 | แนวทางป้องกันการขาดแคลนยาจำเป็นจากปัญหาประสบอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 | สธ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางป้องกันการขาดแคลนยาจำเป็นจากปัญหาประสบอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ผู้รับอนุญาตผลิตยา ที่สถานที่ผลิตได้รับความเสียหายจากอุทกภัย สามารถว่าจ้างผู้ผลิตยารายอื่นผลิตยาทดแทนได้เป็นการชั่วคราว จนกว่าโรงงานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจะสามารถกลับมาทำการผลิตได้อีกครั้ง โดยตำรับยาที่จะผลิตในสถานที่ผลิตทดแทนต้องมีสูตร ฉลาก เอกสารกำกับยา ขนาดบรรจุ เอกสารการควบคุมคุณภาพและรายละเอียดอื่น ๆ เหมือนกับทะเบียนตำรับยาเดิม แต่ให้ผ่อนผันการส่งข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการผลิต และการศึกษาความคงสภาพยาภายหลัง ให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาได้ที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ วัน ๒. การนำเข้ายาบางรายการ โดยเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากว่าจ้างโรงงานผลิตยาที่เสียหายจากอุทกภัยจนผลิตไม่ได้ หรือกรณีที่ผู้ผลิตซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประสงค์ที่จะนำเข้ายาจากต่างประเทศมาเพื่อทดแทนยาที่ตนผลิตไม่ได้ หากมีความจำเป็นให้ขอความร่วมมือองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้นำสั่งยา เพื่อทดแทนรายการที่ผลิตไม่ได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานได้รับการยกเว้นการขึ้นทะเบียนตำรับยาตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓. ขอความร่วมมือจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งมีความพร้อมในด้านการจัดส่งสินค้าเป็นผู้กระจายยาไปยังพื้นที่เป้าหมายทั่วทั้งประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 32569 | มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุข | คค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงดินแดง - ดอนเมือง และช่วงดอนเมือง - อนุสรณ์สถาน โดยรัฐบาลรับภาระชำระค่าผ่านทางให้บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานแทนประชาชนผู้ใช้ทางยกระดับอุตราภิมุข เนื่องจากเหตุอุทกภัยเป็นการชั่วคราว ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกาของวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกาของวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๔,๕๐๓,๐๕๕.๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรายละเอียดในการเบิกจ่าย ให้กระทรวงคมนาคมทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กรมทางหลวงทำบันทึกข้อตกลงกับบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานบนทางยกระดับอุตราภิมุข ในการตกลงเข้าร่วมดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุข
|
|||||||||||||||||||||
| 32570 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ครั้งที่ 1/2554 | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติที่ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธาน กฟย. เสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๔๘๙.๒๐ ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมือง ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในส่วนของการฟื้นฟูทางวิ่ง ทางขับ ระบบสาธารณูปโภค เครื่องช่วยการเดินอากาศ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันออก (ด้านกองทัพอากาศ) ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๑๑,๘๙๘ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานโครงการบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนทางหลวงสายหลัก และโครงข่ายสำคัญที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ของกรมทางหลวง จำนวน ๗๐๘ โครงการ (สายทาง) และให้สนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๔,๕๙๔.๓๐ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบทอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ของกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๕๔๙ สายทาง และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๔ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๙๕๖.๒๙ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานแผนงาน/โครงการฟื้นฟู เยียวยาด้านสถานศึกษาซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมต่อไป โดยให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม และความซ้ำซ้อนของการใช้จ่าย
|
|||||||||||||||||||||
| 32571 | ขออนุมัติลงนามใน Note Verbale ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย | กต | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศ ลงนามใน Note Verbale ตอบรับการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้หัวข้อ Programme concerning the mitigation and relief efforts to restore loss from the recent flood disaster in the Kingdom of Thailand ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวจะเป็นการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ อาทิ เครื่องปั้มน้ำ เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ การดำเนินงานความร่วมมือดังกล่าว สามารถตอบสนองความเดือดร้อนของประชาชนชาวไทยที่ประสบปัญหาอุทกภัยได้อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ โดยการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง สพร. กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยเป็นงบประมาณจากรัฐบาลญี่ปุ่น ๒. ให้ สพร. เป็นหน่วยงานผู้ดำเนินโครงการ (Implementing Agency) ลงนามในเอกสารย่อยสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการที่ระบุใน Note Verbale ได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32572 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ 1/2554 | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติที่ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ กฟย. เสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ภายใต้แผนงานฟื้นฟูผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและการวางระบบการบริหารจัดการในอนาคตของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๔ โครงการ วงเงิน ๑๑๒.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งในและนอกนิคม และโครงการความช่วยเหลือในการระบายน้ำจากนิคมอุตสาหกรรม และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ เห็นชอบในหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติมครั้งที่ ๓) วงเงินรวม ๑๑,๔๖๐.๐๑ ล้านบาท ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย โดยใช้หลักเกณฑ์พิจารณาตามเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามข้อมูลครัวเรือนผู้ประสบภัยเบื้องต้น ของกรุงเทพมหานคร จำนวน ๓๐ เขต ในกรอบครัวเรือน จำนวน ๖๒๑,๓๕๕ ครัวเรือน จำนวนเงิน ๓,๑๐๖,๗๗๕,๐๐๐ บาท โดยที่กรุงเทพมหานครต้องมีการตรวจสอบข้อมูล รับรองความถูกต้อง ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของครัวเรือนผู้ประสบภัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ ก่อนการจ่ายเงินช่วยเหลือ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารออมสิน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตกรุงเทพมหานคร และให้สามารถถัวจ่ายจำนวนครัวเรือนในเขตได้ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๔ เห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน และวงเงินงบประมาณชดเชยการดำเนินการไม่เกิน ๔,๔๓๑ ล้านบาท และให้ธนาคารออมสินแยกบัญชีการดำเนินการดังกล่าวออกมาอยู่ในบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) และให้เพิ่มเติมข้อกำหนดในการอนุมัติสินเชื่อโดยให้โครงการลงทุนในระบบและโครงสร้างพื้นฐานของระบบป้องกันอุทกภัยที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐจะกำหนดขึ้น และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๕ เห็นชอบในหลักการของแผนงาน/โครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และสำนักงบประมาณได้พิจารณาในรายละเอียดแล้ว ประกอบด้วย ๗ กระทรวง ๒ ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง รวมวงเงิน ๔,๔๑๑,๘๔๔,๓๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบกลางปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๔,๑๔๖,๓๘๔,๓๐๐ บาท และงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒๖๕,๔๖๐,๐๐๐ บาท และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมต่อไป โดยให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม และความซ้ำซ้อนของการใช้จ่าย
|
|||||||||||||||||||||
| 32573 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32574 | ผลการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเรื่อง ความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง | นร | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ) เป็นประธานการประชุม และเห็นชอบให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยผลการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเจรจาหารือกับจีนเรื่องสาระ รายละเอียด และเงื่อนไขในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง รวมถึงแนวทางในการจัดตั้งกลไกความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง ๔ ประเทศ ได้แก่ จีน สปป.ลาว พม่า และไทย และกลไกย่อย (Sub - Mechanism) ภายใต้กลไก ๔ ประเทศ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ความมั่นคงใหม่ในแม่น้ำโขง ตามที่ระบุไว้ในถ้อยแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ๔ ฝ่าย ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสามารถพิจารณาผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมคณะเดินทางไปร่วมประชุมดังกล่าวตามความเหมาะสม ๒. ในเบื้องต้นนี้ ให้ยึดถือแนวทางความร่วมมือในการลาดตระเวนและการบังคับใช้กฎหมาย (Cooperation in Patrol and Law Enforcement) และการไม่ล่วงละเมิดอธิปไตยน่านน้ำของแต่ละประเทศเป็นกรอบในการเจรจา เพื่อให้สามารถดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมโดยเร็ว ๓. ให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการปฏิบัติของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจที่ระบุไว้ในถ้อยแถลงร่วมในกลไกย่อย พร้อมทั้งเป็นหน่วยติดต่อประสานงาน (Contact Points) กับกลไกย่อยจีน สปป.ลาว และพม่า ๔. ให้กองทัพบกพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายให้กองทัพภาคที่ ๓ ในการปรับการใช้กำลังให้สอดคล้องกับภารกิจรักษาความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดนและการสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขงของกลไกย่อยฝ่ายไทย ๕. ให้กองทัพบกพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่อำเภอเชียงแสนโดยเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป
|
|||||||||||||||||||||
| 32575 | ร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันอุทกภัย การลดผลกระทบ การบรรเทา การฟื้นฟู และการบูรณะ | กต | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันอุทกภัย การลดผลกระทบ การบรรเทา การฟื้นฟู และบูรณะ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านอุทกภัยและการฟื้นฟู โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีที่สุด และเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานการให้ความช่วยเหลือด้านการบรรเทา การฟื้นฟู และการบูรณะภายหลังภัยพิบัติ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบต่อการออกร่างแถลงการณ์ดังกล่าวร่วมกับผู้นำอาเซียนอีก ๙ ประเทศ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ |
|||||||||||||||||||||
| 32576 | การจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between ASEAN and ROK on Forest Cooperation) | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between ASEAN and ROK on Forest Cooperation) โดยความตกลงนี้ เป็นความตกลงที่รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีจัดทำเพื่อเป็นเวทีให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเจรจาในเรื่องการก่อตั้งองค์การความร่วมมือด้านการป่าไม้เอเชีย และอำนวยความสะดวกเรื่องความร่วมือทางด้านการป่าไม้ ผลักดันโครงการต่าง ๆ พร้อมกับแปลงนโยบายป่าไม้ที่มีความเหมาะสมและเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองแล้วไปสู่การปฏิบัติ เพื่อการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าและการเสื่อมโทรมของป่าไม้ในบริบทของการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และกำหนดให้การปฏิบัติตามความตกลงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในของคู่ภาคีแต่ละฝ่าย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามความตกลงดังกล่าวในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
|
|||||||||||||||||||||
| 32577 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 2 | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งให้นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งต่อไปอีก เป็นครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32578 | รายงานผลการดำเนินงาน ป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม | อก | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน ป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย คณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้ประชุมร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้พัฒนานิคมในการจัดทำแผนฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ที่ประสบอุทกภัยแล้ว ๗ แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟ็คตอรี่แลนด์ สวนอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งภาพรวมของแผนการฟื้นฟู ประกอบด้วย งานสูบน้ำ งานทำความสะอาดพื้นที่นิคมและโรงงาน งานซ่อมแซมอาคาร/สิ่งปลูกสร้าง งานฟื้นฟูสาธารณูปโภค (น้ำประปา, ไฟฟ้า) งานรื้อถอนและขนย้ายเครื่องจักร งานติดตั้งเครื่องจักรใหม่ และงานฟื้นฟูซ่อมแซมเครื่องจักร ปัจจุบันนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมแต่ละแห่งอยู่ในขั้นตอนแรกของการดำเนินงานซ่อมคันดินและสูบน้ำออก ๒. การป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจะประสบอุทกภัย คณะทำงานป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการป้องกันด้วยมาตรการต่าง ๆ โดยทุ่มเทสรรพกำลังจากทุกหน่วยงาน เพื่อรักษานิคมอุตสาหกรรม ๘ แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมเวลโกลว์ นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร และนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร มิให้ถูกน้ำท่วมเสียหายเพิ่มเติมอีก โดยมาตรการในเชิงป้องกันของนิคมฯ ที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมความสูงของพนังกั้นน้ำ เขื่อนหรือคันดิน พร้อมกับการตรวจตราความเข้มแข็งของพนังกั้นน้ำอย่างใกล้ชิด การจัดหาเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรหนัก การขุดลอกคูคลองและการกำจัดเศษขยะเพื่อให้น้ำระบายได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น การย้ายและจัดเก็บสารเคมีอันตรายไว้ในที่ปลอดภัย การจัดเวรยามเฝ้าระวังความสูงของน้ำและสภาพของคันดิน การทำความเข้าใจกับชุมชน และการเตรียมแผนอพยพ เป็นต้น ปัจจุบันมาตรการป้องกันสำหรับนิคมฯ ต่าง ๆ ยังสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านกำลังคนและเครื่องจักรหนักในการกู้ภัยจากกระทรวงกลาโหมเป็นอย่างดี ๓. การตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังภายในพื้นที่นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังภายในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม โดยดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำตั้งแต่ระยะที่น้ำภายในและภายนอกนิคมอยู่ในระดับเดียวกันจนกระทั่งน้ำแห้งโดยตรวจสอบเป็นระยะ ๆ ต่อเนื่อง กรณีที่ตรวจคุณภาพน้ำไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องหยุดสูบน้ำออกชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดำเนินการบำบัดและฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐาน ดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่มีการสูบน้ำ รวมทั้งหากพบถังสารเคมีจะตรวจวิเคราะห์และจำแนกความเป็นอันตรายของสารเคมีและเก็บรวบรวมไว้ในที่ปลอดภัย และเมื่อระดับน้ำลดลงจนเหลือระดับ ๓๐ เซนติเมตรจากระดับพื้นหรือจนถึงระดับตะกอนดินจะต้องหยุดทำการสูบน้ำ และทำการตรวจสอบคุณสมบัติของตะกอนว่าเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือไม่
|
|||||||||||||||||||||
| 32579 | โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | ยธ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 32580 | ขอปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2555 - 2557 | พณ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) จาก “เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายอาหารเสนอ” เป็น “เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลาป่น) ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายอาหารเสนอ” ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
.....
