ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1625 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32481 - 32500 จากข้อมูลทั้งหมด 124466 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32481 | สรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ในช่วงระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2554 - 31 ตุลาคม 2554) | ยธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕ ตั้งแต่เปิดแผนปฏิบัติการวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) เสนอ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิกองทุนแม่ของแผ่นดิน และออกคำสั่ง เรื่อง แผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งจัดประชุมสัมมนาหมู่บ้านและชุมชนศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน จัดประชุมสัมมนาวิทยากรกระบวนการแกนนำกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๒. ผลการดำเนินงานที่สำคัญด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ๒.๑ ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ทั้งคดีผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ครอบครองเพื่อจำหน่าย ครอบครอง เสพ และอื่น ๆ ห้วงวันที่ ๑ ตุลาคม - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีผลการจับกุมทั่วประเทศ รวม ๑๕,๗๔๕ คดี ผู้ต้องหา ๑๗,๕๑๒ คน ๒.๒ มาตรการยึดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ห้วงวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๓๗๖ คดี มูลค่าทรัพย์สิน ๑๙๑.๗ ล้านบาท ๒.๓ ผลการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ทั้งระบบสมัครใจ ระบบบังคับบำบัด และระบบต้องโทษ ห้วงวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีผลการบำบัดรักษารวม ๑๕,๑๕๒ คน
|
||||||||||||||||||||||||
| 32482 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 | กษ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔- ปัจจุบัน) ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๑๓๑,๑๐๙ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๑.๒๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๙.๑๘ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๕๑ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๕๑ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๒๕,๐๕๕ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๐๔,๑๙๑ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๓๓,๒๖๒ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๐๓,๘๖๑ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๑๔,๐๒๘ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ ๒๘.๗๔ ล้านตัว ๓. สรุปความก้าวหน้าการช่วยเหลือ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้จัดส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เกษตรกร ๔๑๓,๙๑๐ ราย วงเงิน ๗,๘๖๑.๘๐ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๑๘๕,๕๕๐ ราย วงเงิน ๔,๓๙๑.๖๔๘ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว ๑๑๗,๐๕๒ ราย วงเงิน ๓,๒๕๑.๖๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 32483 | รัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางฉั่ว ซิ่ว ซาน (Mrs. Chua Siew San) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายปีเตอร์ ชาน เจอร์ ฮิง (Mr. Peter Chan Jer Hing) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32484 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และเขตประกอบการเสรีบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และเขตประกอบการเสรีบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ซึ่งพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์แล้ว ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และเขตประกอบการเสรีบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ประมาณ ๒๒ ไร่ ๒ งาน ๑๑ ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32485 | การดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามมติคณะรัฐมนตรี | ธปท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธปท. หารือกับสมาคมธนาคารไทยในการออกมาตรการทางด้านสังคมในการพักชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้เท่าเทียมกับธนาคารภาครัฐ ซึ่งมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ๑.๑ ธปท. ได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสนับสนุนให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้างได้ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๑.๒ ธนาคารสมาชิกทุกแห่งเห็นชอบที่จะกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า SMEs และลูกค้าบุคคลที่ประสบความเดือนร้อนจากอุทกภัย โดยผ่อนผันการชำระเงินต้น และ/หรือดอกเบี้ยเป็นเวลาสูงสุด ๖ - ๑๒ เดือน ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและได้รับความเสียหายมาก ธนาคารพาณิชย์จะพิจารณาพิเศษเป็นรายกรณี ๑.๓ ธปท. ได้ทบทวนหลักเกณฑ์ในการจัดชั้นและกันเงินสำรองให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยให้สถาบันการเงินสามารถคงสถานะการจัดชั้นลูกหนี้เช่นเดิมเหมือนที่เคยจัดชั้นอยู่ก่อนการได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ดังกล่าวไม่ถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) และให้ถือว่ามาตรการในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การให้สินเชื่อใหม่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงการลดเงินต้นและ/หรือ ดอกเบี้ย หรือ Reschedule เป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั่วไป รวมทั้งช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยให้สถาบันการเงินลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้าง ๑.๔ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้มีการตกลงกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลเครดิต โดยลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยสามารถชำระหนี้ได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงใหม่ หรือข้อผ่อนผันที่สถาบันการเงินผ่อนผันให้กับลูกค้าให้รายงานข้อมูลภายใต้สถานะบัญชีปกติแทนการรายงานว่าลูกหนี้ผิดชำระหนี้ ๒. มาตรการอื่นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุการณ์อุทกภัย ๒.๑ ด้านระบบการชำระเงิน เช่น ระบบการโอนเงินระหว่างธนาคาร ระบบบาทเน็ต และระบบการหักบัญชีเช็ค ได้เตรียมศูนย์สำรองไว้ที่พุทธมณฑลสาย ๗ ในส่วนระบบรองรับการโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคาร ได้ประสานกับผู้ให้บริการระบบให้มีการเตรียมความพร้อมทั้งศูนย์หลักและศูนย์สำรอง ๒.๒ ด้านการดูแลสภาพคล่องของระบบการเงิน ธปท. ยังทำธุรกรรมตามปกติเพื่อดูแลสภาพคล่องทั้งเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถทำธุรกรรมทั้งจากศูนย์หลักและศูนย์สำรอง รวมทั้งได้สื่อสารให้ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินไว้ในบัญชีที่ ธปท. เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเบิกถอนได้ตามต้องการ ๒.๓ ด้านการสำรองธนบัตร ธปท. ได้เตรียมธนบัตรไว้เพื่อการเบิกถอนของธนาคารต่าง ๆ อย่างเพียงพอ และสำรองไว้ที่ศูนย์จัดการธนบัตรที่การคมนาคมสะดวก
|
||||||||||||||||||||||||
| 32486 | การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล | ยธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล) ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอสรุปได้ ดังนี้
๑. การเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อทำความเข้าใจและบูรณาการแนวความคิดตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปทิศทางเดียวกัน ๒. การประชุมศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบการขับเคลื่อนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จำนวน ๔ ภารกิจ ได้แก่ ๒.๑.๑ การจัดตั้งกลไกการดำเนินงาน ประกอบด้วย ศพส. ระดับกระทรวง การจัดตั้งสำนักงาน ศพส. การจัดตั้งกลไกเฉพาะใน ๓ พื้นที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ สกัดกั้นชายแดนภาคเหนือ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ แก้ไขปัญหากรุงเทพมหานครและปริมณฑล และศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ แก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑.๒ การจัดทำแผนระดับต่าง ๆ รองรับปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ได้แก่ การบูรณาการประสานแผนส่วนกลาง จำนวน ๗ แผนงานหลัก การบูรณาการแผนและงบประมาณลงพื้นที่ และการให้สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดประชุมชี้แจงแผนระดับจังหวัด ในวันที่ ๒๒ - ๒๓ กันยายน ๒๕๕๔ และให้จังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ภายในเดือนตุลาคม ๒.๑.๓ การเตรียมการรองรับการปฏิบัติ เช่น การคัดเลือกและอบรมชุดปฏิบัติการมวลชนระดับอำเภอ การจัดหาสถานที่จัดทำค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ ๑ อำเภอ : ๑ ค่าย การจัดชุดปฏิบัติการปราบปรามนักค้ารายสำคัญตามเป้าหมาย และการเตรียมห้อง Operation Room ของ ศพส. เป็นต้น ๒.๑.๔ การปฏิบัติการ ๖ เร่ง ระหว่างวันที่ ๑๖ กันยายน ถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ โดยให้ทุกจังหวัดเร่งหาข้อมูลผู้ค้า ผู้เสพ กลุ่มเสี่ยง/พื้นที่เสี่ยง และเร่งจัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ รวมทั้งให้จังหวัดป้องกัน กวดขันพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษา ๒.๒ เห็นชอบแนวทางการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย แนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด แนวทางการดำเนินงานสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา และการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรองรับแผนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ๓. การประชุมเชิงปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบน เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อระดมความคิดเห็นในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ และวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหายาเสพติดร่วมกัน เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นเอกภาพโดยเฉพาะด้านการข่าว ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การเน้นการสกัดกั้นตามแนวชายแดนที่เป็นพื้นที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติด และสกัดกั้นสารตั้งต้นโดยใช้กลไกระดับอำเภอ โดยแผนบูรณาการระดับอำเภอดำเนินงานในพื้นที่ รวมทั้งเพิ่มและเสริมสร้างความเข้มแข็งของพลังแผ่นดินและพลังประชาชนที่อยู่เดิม ได้แก่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ให้มีส่วนในการสกัดกั้นโดยเฉพาะแหล่งข่าวภาคประชาชน ๔. การประชุมผู้นำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อมอบนโยบายและชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดด้วยการใช้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้แก่หน่วยงานทั้งภาคราชการและประชาชนในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๕. การประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาลและผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด
|
||||||||||||||||||||||||
| 32487 | ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อเสนอลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จากคณาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ และ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ | สผ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อเสนอลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ จากคณาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ (นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นผู้เสนอ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีที่มีคณาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ได้แถลงข้อเสนอทางวิชาการ ๔ ข้อ ในการลบล้างผลพวงของการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นข้อเสนอทางกฎหมายที่อาจจะสามารถป้องกันการรัฐประหารได้ในอนาคต ๒. ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้เสนอ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีที่เกิดความไม่สงบและความรุนแรงทางการเมือง เช่น มีการชุมนุมทางการเมืองจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ และความเสียหายต่อทรัพย์สิน รวมทั้งความเสียหายรูปแบบอื่น ๆ แม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ทำหน้าที่ตรวจสอบค้นหาความจริงและข้อเท็จจริงที่เป็นรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง แต่ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสั่งสมมานานจนเกิดความแตกแยกร้าวลึก เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ทุกคนในสังคมต้องนำพาประเทศชาติไปสู่การปรองดอง
|
||||||||||||||||||||||||
| 32488 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2554) | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ระหว่างวันที่ ๑๓ ตุลาคม - ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งานด้านเลขานุการ ได้แก่ การประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพื่อรับทราบข้อมูลและการประสานงานสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ การแต่งตั้งคณะทำงานปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ จำนวน ๘ คณะ เพื่ออำนวยการและบริหารจัดการทั้งด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านการเผยแพร่ทางสื่อวิทยุ/โทรทัศน์/เว็บไซต์ และการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ทุกรูปแบบ และประชุมคณะทำงานฯ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากสื่อ และปฏิบัติการอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย หรือตามความเหมาะสม เป็นต้น ๒. งานด้านสื่อ ได้แก่ การปรับผังรายการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) เป็นศูนย์การเผยแพร่ข้อมูลช่วยเหลือและรายงานสถานการณ์ในชื่อ “สถานีรวมใจช่วยภัยน้ำท่วม” จัดรถถ่ายทอดนอกสถานที่ พร้อมระบบเชื่อมโยงสัญญาณดาวเทียม และอุปกรณ์ห้องส่งเคลื่อนที่ประจำจุดประสบภัย จัดทีมข่าววิทยุ/ทีมข่าวโทรทัศน์ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบอุทกภัย การผลิตเอกสารข่าว/ข่าวทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษส่งเผยแพร่ผ่านสื่อและช่องทางต่าง ๆ เป็นต้น ๓. ด้านแผนงาน ได้แก่ การประกาศใช้แผนประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตของศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารกรมประชาสัมพันธ์ (Information Operation Center) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประชาสัมพันธ์โดยมีเครือข่ายปฏิบัติในส่วนภูมิภาคทุกจังหวัด และเตรียมแผนรองรับการปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับกรอบการดำเนินงานของคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
| 32489 | รายงานผลการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย (ระหว่างวันที่ 8 ตุลาคม ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554) | กห | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย (ระหว่างวันที่ ๘ ตุลาคม ถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการปฏิบัติที่สำคัญ ประกอบด้วย ๑.๑ การจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า ๑.๒ การป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๓ การป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ภายในกรุงเทพฯ ๑.๔ การผลักดันน้ำลงสู่ทะเล ๑.๕ การขุดลอกคูคลองให้น้ำไหลเร็วขึ้น ๑.๖ การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบหลัก ๑.๗ การสนับสนุนอากาศยานในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ๑.๘ การจัดตั้งศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบอุทกภัย ๑.๙ การบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ประสบอุทกภัย ๑.๑๐ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ๑.๑๑ การเตรียมการอพยพประชาชนที่ประสบอุทกภัย ๒. แผนการดำเนินการในห้วงระยะเวลาต่อไป มีดังนี้ ๒.๑ การจัดกำลังพลเฝ้าตรวจดูแลพื้นที่สำคัญตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อป้องกันดูแลพื้นที่ดังกล่าวมิให้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๒.๒ การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ การอพยพผู้ประสบอุทกภัย การช่วยเหลือและดูแลผู้ประสบอุทกภัยที่เข้ามาพักอาศัยในศูนย์พักพิงของหน่วย การสนับสนุนอากาศยานในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ประสบอุทกภัยด้วยจุลินทรีย์น้ำและจุลินทรีย์ก้อน และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ๒.๓ การจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการและคณะกรรมการบริหารศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการ (ศปก. และ กปก.) เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และบูรณะฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ได้แก่ การซ่อมสร้าง ปรับปรุงเส้นทางคมนาคม และอาคารสถานที่ การพัฒนาแหล่งน้ำ ผลิตน้ำดื่ม ขุดลอกคูคลอง และบำบัดน้ำเสีย การพัฒนาชุมชน สาธารณูปโภคต่าง ๆ และฟื้นฟูอาชีพ การขนส่งและการรักษาพยาบาล รวมทั้งการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32490 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับโกตดิวัวร์ | กต | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๑๙๔๖ (ค.ศ. ๒๐๑๐) ที่ ๑๙๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๑) และที่ ๑๙๘๐ (ค.ศ. ๒๐๑๑) เกี่ยวกับโกตดิวัวร์เพิ่มเติม เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ไทยมีต่อสหประชาชาติโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของไทย ดังนี้ ๑.๑ ข้อมติ ที่ ๑๙๔๖ (ค.ศ. ๒๐๑๐) ข้อ (๕) ให้ยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธสำหรับอุปกรณ์ทางทหารที่ไม่ใช่อาวุธสังหาร เพื่อใช้สนับสนุนปฏิบัติการของกองกำลังรักษาความมั่นคงของโกตดิวัวร์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจากคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น เพื่อติดตามการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ๑.๒ ข้อมติ ที่ ๑๙๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๑) ข้อ (๑๒) กำหนดรายชื่อบุคคลเพิ่มเติม จำนวน ๕ คน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อกระบวนการสันติภาพและการปรองดองของโกตดิวัวร์ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีโกตดิวัวร์ ญาติสนิท และบุคคลใกล้ชิด ๑.๓ ข้อมติ ที่ ๑๙๘๐ (ค.ศ. ๒๐๑๑) ข้อ (๑) ให้ขยายมาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธการห้ามนำเข้าเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนจากโกตดิวัวร์ การห้ามเดินทางผ่านหรือเข้ามาในดินแดน และการอายัดทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งในโกตดิวัวร์ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ข้อ (๘) ให้มาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธครอบคลุมถึงการจัดหายานพาหนะให้แก่กองกำลังรักษาความมั่นคงของโกตดิวัวร์ (เพื่อป้องกันมิให้มีการใช้ยานพาหนะดังกล่าวในกิจกรรมทางทหาร) ข้อ (๙) ให้ยกเว้นการคว่ำบาตรทางอาวุธเฉพาะกรณีที่เป็นอาวุธวัสดุที่เกี่ยวข้อง ยานพาหนะ การจัดฝึกอบรม และการให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขออย่างเป็นทางการของรัฐบาลโกตดิวัวร์และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อติดตามการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อโกตดิวัวร์ ล่วงหน้าแล้วเท่านั้น ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 32491 | กรอบการเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ที่ยังไม่มีผลใช้บังคับ จำนวน 10 ฉบับ | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นำเสนอกรอบการเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งเป็นกรอบมาตรฐานต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบสำหรับการนำไปเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงกับกลุ่มประเทศคู่เจรจาของไทย ได้แก่ ประเทศที่จะขอเปิดเจรจาใหม่และที่จะขอเปิดเจรจาแก้ไข (ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว) ประเทศที่เจรจาแล้ว แต่ยังมีประเด็นติดค้าง (ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว) และประเทศที่จะทำการเจรจาในอนาคต พร้อมทั้งพิจารณากรณีการอนุมัติประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ของไทยภายใต้กรอบการเจรจาดังกล่าวให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ๑.๒. เห็นชอบความตกลงและอนุสัญญาที่ยังไม่มีผลใช้บังคับ จำนวน ๑๐ ฉบับ และเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้ ๑.๒.๑ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งซิมบับเวและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และผลได้จากทุน ๑.๒.๒ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐเอกราชปาปัวนิวกีนี เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๓ อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรโมร็อกโก เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๔ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสุลต่านบรูไนดารุสซาลามและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๕ อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐทาจิกิสถาน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๖ อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเคนยา เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๗ อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งไอร์แลนด์ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และผลได้จากทุน ๑.๒.๘ อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนียและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๙ อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๒.๑๐ อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนีย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการทางการทูตเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงและอนุสัญญาตามข้อ ๑.๒ แล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติในการบริหารการจัดเก็บภาษี และเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ ในสถานะของอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ที่มีผลบังคับใช้ให้กับผู้ประกอบการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน และส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเทคโนโลยีระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการ |
||||||||||||||||||||||||
| 32492 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้นายทหารประทวนชั้นยศ จ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก อัตราเงินเดือนจ่าสิบเอกพิเศษ พันจ่าเอกพิเศษ พันจ่าอากาศเอกพิเศษ และนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี ถึงร้อยเอก เรือเอก เรืออากาศเอก มีสิทธิได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณกรณีที่พระราชบัญญัติประกาศใช้แล้ว จะมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นจำนวน ๒๖,๘๒๖,๒๔๐ บาท จึงเห็นควรที่กระทรวงกลาโหมจะพิจารณาตั้งค่าใช้จ่าย ไปพิจารณาดำเนินการ |
||||||||||||||||||||||||
| 32493 | การปรับปรุงแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) | กค | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๔) ฉบับปรับปรุง สำหรับจัดสรรวงเงินในส่วนของภาครัฐ จำนวน ๒๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนในปีแรก จำนวน ๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพิจารณาจัดสรรวงเงินที่เหลือ จำนวน ๑๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะต่อไป และให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนเพื่อเทคโนโลยีสะอาด Clean Technology Fund (CTF) ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนโครงการของภาครัฐด้านพลังงานทดแทนและการขนส่ง รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในพื้นที่เมือง โดยเฉพาะในอาคารแต่ละประเภท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการลงทุนฯ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ฉบับเดิม และในการดำเนินโครงการดังกล่าว ควรขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรภาครัฐในด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและคาร์บอนต่ำ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32494 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - ปากีสถาน | พณ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - ปากีสถาน และให้สามารถแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ |
||||||||||||||||||||||||
| 32495 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งงบประมาณปี พ.ศ. 2554 | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติเพื่อความมั่นคง และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ จาก ๓ รายการ วงเงินรวม ๑๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น ๕ รายการ วงเงินรวม ๑๑๔,๙๗๒,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยรายการที่มีการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการป้องกันการสูญเสียดินแดนชายฝั่งแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติเพื่อความมั่นคง จำนวน ๒ รายการ เป็นเงิน ๕,๑๒๐,๐๐๐ บาท ได้แก่ ๑.๑.๑ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านสองคอน หมู่ ๒ (ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ความยาว ๒๐๐ เมตร เป็นเงิน ๓,๐๙๘,๔๐๐ บาท ๑.๑.๒ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน (ต่อเนื่องเขื่อนเดิมเหนือน้ำ) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ความยาว ๒๘๐ เมตร เป็นเงิน ๒,๐๒๑,๖๐๐ บาท ๑.๒ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ จำนวน ๒ รายการ เป็นเงิน ๑๒,๘๘๐,๐๐๐ บาท ได้แก่ ๑.๒.๑ ซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำหลังสวน บริเวณหลังเทศบาลเมืองหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ความยาว ๒๑๐ เมตร เป็นเงิน ๘,๘๘๗,๔๐๐ บาท ๑.๒.๒ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บ้านฟากปาว หมู่ที่ ๑๔ ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ความยาว ๒๐๐ เมตร เป็นเงิน ๓,๙๙๒,๖๐๐ บาท ๑.๓ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ ได้แก่ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำบางปะกง บริเวณวัดหัวเนิน ตำบลลาดขวาง อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ความยาว ๑๗๐ เมตร เป็นเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๑,๙๗๒,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณเพื่อเป็นค่างานตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32496 | ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมหรือยกเลิกการเป็นสมาชิกของสมาคม จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้รับและเป็นผลดีต่อการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งต้องพิจารณาถึงรายจ่ายตามข้อผูกพันที่จะต้องชำระเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมตามข้อบังคับของสมาคม และฐานะทางการคลังเป็นสำคัญ ๑.๓ การจ่ายเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นสมาชิก ให้เบิกจ่ายได้ตั้งแต่ปีงบประมาณที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมัครเป็นสมาชิกตามจำนวนเงินค่าบำรุงที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสมาคม โดยให้ตั้งจ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ๑.๔ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบนี้ ๑.๕ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้ว โดยไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือเป็นการเบิกจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมตามระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ของเทศบาล หรือการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบอื่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล) ไม่ใช่กิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือมีกฎหมายกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ ประกอบกับการออกระเบียบกำหนดให้การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นรายจ่ายอื่น ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖๗ (๙) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๗๔ (๙) พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๘๕ (๑๐) อาจเป็นการเกินอำนาจที่กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ไว้ อย่างไรก็ตาม การที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือองค์การบริหารส่วนตำบลเข้าเป็นสมาชิกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ ต้องดำเนินการปรับปรุงกฎหมายจัดตั้งของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว หรือกำหนดให้มีสันนิบาตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเทียบเคียงได้กับพระราชบัญญัติสหกรณ์ จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจึงสามารถออกระเบียบเพื่อรองรับการเบิกจ่ายได้ต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32497 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเร่งรัดในการจัดให้มีทางด่วนสารสนเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ฉบับใหม่ | ทก | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเร่งรัดในการจัดให้มีทางด่วนสารสนเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Memorandum of Understanding on the Joint Cooperation in Further Accelerating the Construction of the Information Superhighway and Its Applications in the Greater Mekong Subregion) ฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการผลักดันกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศภาคีสมาชิกความตกลงลุ่มแม่น้ำโขงสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ก่อนการลงนาม เพื่อประโยชน์ของฝ่ายไทยและมิใช่การแก้ไขในสาระสำคัญ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสามารถดำเนินการได้โดยประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปอีก ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับใหม่ ดังกล่าว โดยให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมอบหมายต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32498 | สรุปผลการหารือเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบอุทกภัยฯ | นร | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครายงานสรุปผลการหารือเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบอุทกภัยฯ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๕ หน่วยงานเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย สมาคมอู่กลางแห่งประเทศไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อสรุป ๕ แนวทางการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
๑. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้มีการยกเว้นค่าติดตามทวงถามและเบี้ยปรับล่าช้า การพักชำระค่างวดเช่าซื้อ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันการเงินที่ให้เช่าซื้อ หรือสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ๒. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับการซ่อมรถยนต์ สมาคมอู่กลางให้ความคุ้มครองผู้บริโภคกรณีรถยนต์ประสบอุทกภัยยังไม่มีราคากลางเป็นมาตรฐาน เช่น ข้อมูลรายละเอียดการซ่อมที่ชัดเจน รายละเอียดของชิ้นงาน ทั้งนี้ จะประสานให้สมาชิกรับทราบแนวทางการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป ๓. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ทำประกันภัย กรณีประสบปัญหาความล่าช้าในการซ่อมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ทำประกันภัย ให้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยหรือสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เพื่อเร่งรัดดำเนินการ หรือหากผู้บริโภคมีความสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ทุกประเภทที่ทำไว้กับบริษัทประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย หรือสำนักงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๔. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน สำหรับการช่วยเหลือดังกล่าวสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ประสานไปยังสมาชิกของสมาคม เพื่อเชิญให้เข้าร่วมโครงการซ่อมแซมบ้านผู้ประสบอุทกภัย อยู่ระหว่างการตอบรับยืนยัน โดยผู้บริโภคอาจขอคำแนะนำเบื้องต้นจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านก่อน ๕. คำแนะนำการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัย โดยการไฟฟ้านครหลวงได้จัดทำคู่มือคำแนะนำ ข้อควรปฏิบัติ การใช้ไฟฟ้าก่อนและหลังน้ำท่วม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้บริโภค
|
||||||||||||||||||||||||
| 32499 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายขอบเขตการให้ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้า และปรับปรุงขั้นตอนตลอดจนระยะเวลาในการดำเนินการจดทะเบียนให้เกิดความชัดเจนและรวดเร็ว รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32500 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 9 เดือน ปี 2554 (มกราคม - กันยายน) | พณ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ ๙ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ (มกราคม - กันยายน ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกในระยะ ๙ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการส่งออก ๑๗๙,๕๗๗.๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๕ ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า ๕,๓๙๑,๕๕๒.๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๘๙ สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๖.๗ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ยางพารา สินค้าอาหารประเภทอาหารทะเล ผัก ผลไม้ฯ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และน้ำตาล รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ ๒๐ สิ่งพิมพ์ นาฬิกาและส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีที่หักทองคำออกแล้ว ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๓.๔ (การส่งออกอัญมณีรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐.๑ ทองคำส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๙) เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์ สำหรับตลาดส่งออก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกกลุ่มตลาด โดยตลาดหลักส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๐ ตลาดศักยภาพสูงส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒.๑ และตลาดศักยภาพระดับรองส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๓ ๒. การนำเข้าในระยะ ๙ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการนำเข้า ๑๗๔,๒๙๗.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐.๐ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๘.๔ สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๔.๗ สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๓ สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓.๑ และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๐
|
||||||||||||||||||||||||
.....
