ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1283 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25641 - 25660 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25641 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25642 | ร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ที่ทางราชการมีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การปฏิบัติการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในต่างประเทศ หรือการปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ อันเป็นการสนับสนุนการรักษาความมั่นคงของประเทศ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25643 | รายงานผลการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2557 | กก | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยประเทศไทยได้จัดส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๔๕ คน และเจ้าหน้าที่ ๑๙๘ คน รวม ๕๔๓ คน โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนการเตรียมเก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย จำนวน ๖ เดือน มีการสนับสนุนด้านต่าง ๆ เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยงเก็บตัวฝึกซ้อม ค่าที่พัก ผู้ฝึกสอนชาวไทย ชาวต่างชาติ อุปกรณ์ฝึกซ้อม การส่งแข่งขัน วิทยาศาสตร์การกีฬาในสาขาต่าง ๆ สวัสดิการต่าง ๆ เป็นต้น โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับผลการแข่งขัน นักกีฬาทีมชาติไทยได้เป็นเจ้าเหรียญทองเป็นอันดับที่ ๑ ของเอเชีย ทำผลงานได้ ๕๖ เหรียญทอง ๓๗ เหรียญเงิน ๓๓ เหรียญทองแดง โดยอันดับที่ ๒ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อันดับที่ ๓ สาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ จากผลการแข่งขันดังกล่าวกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจะมอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาตามหลักเกณฑ์ คือ เหรียญทอง ๒๐๐,๐๐๐ บาท เหรียญเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และเหรียญทองแดง ๕๐,๐๐๐ บาท ในเบื้องต้นจะเป็นเงินประมาณ ๕๗,๗๓๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาเงินเพื่อสนับสนุนให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจากแหล่งอื่น ๆ สำหรับมอบเป็นเงินรางวัลให้แก่นักกีฬาแทนการขอใช้จากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐ แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ทราบก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25644 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ผู้พบเห็นเหตุการค้ามนุษย์แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และคุ้มครองพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม กำหนดมาตรการริบทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดค้ามนุษย์ กำหนดมาตรการเพิ่มอำนาจทางปกครองให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายในการเข้าไปตรวจตรา และหากพบการกระทำความผิดค้ามนุษย์ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มบทลงโทษสูงขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับองค์ประกอบคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ตามร่างมาตรา ๙ ควรกำหนดให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๑๑ รวมทั้งการกำหนดกรอบการยกเว้นค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เพิ่มข้อความ “ตามที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้นำไปใช้ได้โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน” ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์จัดทำแผนบูรณาการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนบูรณาการดังกล่าวให้เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพิจารณาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์แบบเบ็ดเสร็จและมีประสิทธิภาพ (One-Stop Service Centre) เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วมกันแบบครบวงจร |
||||||||||||||||||||||||
25645 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม 2557 | อก | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ สรุปได้ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ลดลงจากเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๒.๐ และลดลงร้อยละ ๓.๙ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ ยานยนต์ Hard Disk Drive ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เครื่องประดับเพชรพลอย ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น ๒. เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมกับประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญในเอเชีย การผลิตในภาคอุตสาหกรรม เกาหลีใต้ขยายตัวร้อยละ ๒.๐ ไต้หวันขยายตัวร้อยละ ๑๑.๐ ส่วนข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ยังไม่มีการเผยแพร่ แต่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียและอินโดนีเซียขยายตัวร้อยละ ๗.๔ และ ๔.๗ ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
25646 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวน ของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการนำมาตรการที่สำคัญมารวมไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ คือ (๑) มาตรการไกล่เกลี่ยคดีอาญาซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานสอบสวน และ (๒) มาตรการชะลอการฟ้องซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานอัยการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้ ความผิดลหุโทษ และความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่ลักษณะของการกระทำเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงซึ่งผู้ต้องหาอาจกลับตนเป็นคนดีได้ และผู้เสียหายอาจได้รับการชดเชยเยียวยาตามสมควร อันจะเป็นการนำไปสู่การยอมความและยุติคดีด้วยความสมานฉันท์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๓. ให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน และให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมเป็นหลักในการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25647 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงสาธารณสุขรับร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาวิชาชีพต่าง ๆ เกี่ยวกับกระบวนการการต่ออายุใบอนุญาตวิชาชีพด้านสาธารณสุข เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร เพื่อให้มีความชัดเจนและไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงการเปิดเสรีด้านการบริการของอาเซียนเพื่อรองรับเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งผลกระทบของการบริการสาธารณสุขในการกำหนดมาตรการดังกล่าวด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25648 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย | กต | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย ที่ ๒๑๗๐ (ค.ศ. ๒๐๑๔) และที่ ๒๑๗๘ (ค.ศ. ๒๐๑๔) เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติทั้งสองฉบับ ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25649 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐกินีบิสเซา | กต | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๐๔๘ (ค.ศ. ๒๐๑๒) เกี่ยวกับสาธารณรัฐกินีบิสเซา เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ไทยมีต่อสหประชาชาติโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของไทย ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25650 | การเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA Expansion) | พณ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการให้ประเทศไทยเข้าร่วมการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ [Information Technology Agreement (ITA) Expansion] ต่อไป เพื่อให้ได้ข้อสรุป โดยใช้ข้อเสนอล่าสุดของฝ่ายไทยที่เข้าร่วมการประชุมเจรจา ITA Expansion ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งสมาชิกที่เข้าร่วมเจรจาได้ถอนสินค้าจาก Attachment A ออก ๑๔ รายการ ตรงกับสินค้าอ่อนไหวของไทย ๑๑ รายการ ทำให้ไทยมีสินค้าอ่อนไหวในขณะนี้ จำนวน ๔๐ รายการ (ลดลงจากเดิม ๕๑ รายการ) แบ่งเป็นสินค้า removal (ขอถอนออกจากการยกเลิกภาษี) ๓ รายการ, สินค้า ex-out [เปิดตลาดบางส่วนจากระดับ HS (Harmonized System) ๖ หลัก] ๒ รายการ และสินค้า staging (มีระยะเวลาในการยกเลิกภาษี) ๓๕ รายการ เป็นพื้นฐานในการเจรจาต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเจรจาควรคำนึงถึงข้อตกลงทางการค้าที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศภาคีต่าง ๆ ให้สอดคล้องกัน และควรกำหนดรหัสสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการนำเข้าสินค้าในอนาคต การให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบจากการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงฯ อย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถกำหนดมาตรการรองรับต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทราบเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน และสามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25651 | ขอขยายเวลาการดำเนินงานโครงการความร่วมมือจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย โดย UNESCO ร่วมกับ OECD | ศธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการความร่วมมือจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย โดยองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization : UNESCO) ร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) จากเดิม ๒๘ สัปดาห์ เป็น ๘๑ สัปดาห์ โดยสิ้นสุดการดำเนินงานโครงการฯ ในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการประสานกับ UNESCO และ OECD เพื่อให้การจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาดังกล่าวมีความสอดคล้องกับคำแถลงนโยบายด้านการศึกษาของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ด้วย ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการยังคงใช้ในกรอบวงเงินเดิม จำนวน ๑๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท (๒๕๒,๐๐๐ ยูโร) โดยค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ (๑๕๑,๒๐๐ ยูโร) ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาที่ได้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลังไว้แล้ว จำนวน ๖,๐๗๗,๕๒๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
25652 | ขอขยายเวลาชำระหนี้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร ให้แก่กลุ่มเกษตรกร ๔ กลุ่ม ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา จำนวนเงิน ๗๑๓,๑๕๔.๗๘ บาท จากวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ ไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25653 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2558 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขอผ่อนผันการดำเนินการเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ๑.๒ การเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๒,๗๓๒.๖๖๔ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และการเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ของ ขสมก. จำนวน ๑,๙๖๗.๓๒๒ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้เป็นไปตามนัยข้อ ๗ (๓) และข้อ ๑๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ รฟท. และ ขสมก. กู้เงินเพื่อเป็นเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตามกรอบวงเงินที่เสนอ โดยรัฐรับภาระหนี้และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันการกู้เงิน ตลอดจนพิจารณาวิธีการกู้เงิน รายละเอียดและเงื่อนไขในการกู้เงินดังกล่าว หรือขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งรัดการปิดบัญชีให้เป็นปัจจุบันโดยเร็วเพื่อให้การจัดทำค่าใช้จ่ายมีความชัดเจนและเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี รวมทั้งให้ รฟท. และ ขสมก. เร่งรัดการลงทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความสะดวกปลอดภัยมากขึ้น ตลอดจนให้มีการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนที่ใช้บริการและประเมินผลความคุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการยอมรับทางสังคมว่าควรจะมีการให้บริการต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25654 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒ รายการ ดังนี้ ๑.๑ จาก แผนงานบริหารหนี้ภาครัฐ งบรายจ่ายอื่น โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ จำนวน ๒๓๑,๕๑๐,๕๐๐ บาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟ ชั้น ๓ จำนวน ๒๓๑,๕๑๐,๕๐๐ บาท สำหรับชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๓ (ส่วนที่เหลือ) จำนวน ๒๒๙,๒๑๘,๒๓๓ บาท และสำหรับรองรับการดำเนินมาตรการฯ ในระยะต่อ ๆ ไป จำนวน ๒,๒๙๒,๒๖๗ บาท ๑.๒ จาก แผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ งบรายจ่ายอื่น โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จำนวน ๒,๔๖๐,๘๐๖,๔๐๐ บาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จำนวน ๒,๔๖๐,๘๐๖,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และปีต่อ ๆ ไป ๒. มอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ โดยจะใช้การจัดสรรในรูปแบบของเงินกู้หรือการตั้งงบประมาณตามปกติ ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการขอปรับแผนการใช้งบประมาณในลักษณะนี้อีกและเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการดังกล่าวภายใน ๓๐ วัน |
||||||||||||||||||||||||
25655 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารนวัตกรรมสุขภาวะอาหารและนิติกรรม 1 หลัง (ส่วนที่เหลือ) ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ | ศธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารนวัตกรรมสุขภาวะอาหารและนิติกรรม จากวงเงินตามสัญญา จำนวน ๓๘๗,๗๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๒๖,๓๐๘,๕๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารฯ ดังกล่าว จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับค่าก่อสร้างอาคารฯ ดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๓๔๑,๐๔๖,๘๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๕๙,๒๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๓๒,๒๙๗,๒๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว สำหรับส่วนที่ขาดอยู่ จำนวน ๒๔๙,๕๔๙,๖๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป สมทบกับเงินนอกงบประมาณของมหาวิทยาลัยฯ อีกจำนวน ๘๕,๒๖๑,๗๐๐ บาท ตามสัดส่วนระหว่างเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินที่เพิ่มขึ้นให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) ดำเนินการใช้สิทธิ์ของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อบังคับเอาจากผู้รับจ้างรายเดิมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25656 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารเรียนสหศึกษา 1 หลัง ของมหาวิทยาลัยบูรพา | ศธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยบูรพาเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารเรียนสหศึกษา จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ จำนวน ๑๙๖,๘๗๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๒๗๔,๖๒๖,๗๕๐ บาท โดยค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้นใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยสมทบ จำนวน ๗๗,๗๕๖,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวให้มหาวิทยาลัยบูรพาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
25657 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 14 | กต | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองเพิร์ท เครือรัฐออสเตรเลีย โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ประเด็นเศรษฐกิจภาคทะเล (Blue Economy) ได้แก่ ให้ความเห็นต่อร่าง Blueprint for the Indian Ocean Blue Economy พิจารณาเข้าร่วมการจัดตั้ง Blue Economy Core Group ของแอฟริกาใต้ และเข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง Indian Ocean Economy ที่มอริเชียส ในปี ๒๕๕๘ ๒. ประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล ได้แก่ พิจารณาความพร้อมในการร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการประสานงานและความร่วมมือด้านบริการค้นหาและช่วยเหลือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ๓. ประเด็นการค้าและการลงทุน ได้แก่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติด้านการค้า ข้อมูลเศรษฐกิจ และความตกลงด้านเศรษฐกิจที่ไทยเป็นภาคีร่วมกับรัฐสมาชิกอื่นในกรอบ IORA ๔. ประเด็นการท่องเที่ยว ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรี IORA ด้านการท่องเที่ยว ครั้งที่ ๑ ของเซเชลส์ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๕. ประเด็นการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม ได้แก่ สนับสนุนการจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านวัฒนธรรม |
||||||||||||||||||||||||
25658 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 182/2557 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 191/2557) | นร11 | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๘๒/๒๕๕๗ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ) ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๑/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย [โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นประธานกรรมการ] และคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย [โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานกรรมการ]
|
||||||||||||||||||||||||
25659 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งได้ดำเนินการในเรื่องการพัฒนารัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย ๑.๑ การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ๑.๒ การวางระบบการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ โดยนำระบบบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) มาใช้ในการดำเนินการ ๑.๓ การปฏิรูปการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ๑.๔ การสร้างความโปร่งใสในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ๑.๕ การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๖ การพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๗ แผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ ๑.๘ สิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ๑.๙ เงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ๒. เห็นชอบให้ดำเนินการตาม ๒.๑ ข้อ ๒.๑.๑.๖ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทิศทางของธุรกิจโทรคมนาคมและเสนอแนวทางดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยใช้เงินรายได้ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ๒.๒ ข้อ ๒.๓ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) โดยให้มีหน้าที่ครอบคลุมถึงออกเกณฑ์กำกับดูแลการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้บริหาร ติดตามและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ รวมถึงการสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหา ส่วนงานด้านการกำกับนโยบายและการกำกับในฐานะผู้ถือหุ้น/เจ้าของกิจการยังคงเป็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังหารือร่วมเพื่อกำหนดกรอบในการกำกับดูแลในรายละเอียดต่อไป ๒.๓ ข้อ ๒.๔.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพในการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ของโครงการจัดซื้อรถโดยสารก๊าซธรรมชาติขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และสำหรับการจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๒.๔ ข้อ ๒.๕ ให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๕ ข้อ ๒.๘ ให้ยกเลิกสิทธิประโยชน์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการของรัฐวิสาหกิจและสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายและวงเงินที่ชัดเจนสำหรับสิทธิประโยชน์อื่น โดยต้องพิจารณาให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น |
||||||||||||||||||||||||
25660 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน - 31 ตุลาคม 2557) | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอรายงานผลการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑ (วันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) ซึ่งรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาสาระสำคัญประกอบด้วย การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ การบริหารราชการแผ่นดิน ทั้ง ๑๑ นโยบาย ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ทั้งนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลมีข้อเสนอแนะว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้รัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการเร่งรัดการกำกับดูแลงานในความรับผิดชอบให้ผลการปฏิบัติราชการเป็นไปตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีที่กำหนดไว้ รวมถึงกำหนดเป้าหมายผลผลิตและผลสัมฤทธิ์ของงานที่เป็นรูปธรรมในแต่ละแผนงาน/โครงการที่สำคัญของหน่วยงานที่กำกับดูแลเพื่อให้ส่วนราชการได้ถือปฏิบัติอย่างจริงจัง
|
.....