ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1284 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25661 - 25680 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25661 | ขออนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในพื้นที่ กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก (เดิม) จังหวัดนนทบุรี | กห | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุญาตให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) ก่อสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในพื้นที่กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก (เดิม) จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีความสูงและเนื้อที่ไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ จำนวน ๓ รายการ ได้รับการยกเว้นการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. อาคารสโมสรริมน้ำ ๑ หลัง สูง ๑๖.๓๖ เมตร (อยู่ในบริเวณที่ ๒ ความสูงควบคุมไม่เกิน ๑๒ เมตร) เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงจำเป็นต้องดำเนินการถมดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันอุทกภัย จึงทำให้มีความสูงเกินข้อกำหนดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๒ (ข) (๑) จำนวน ๔.๓๖ เมตร ๒. อู่จอดเรือ พื้นที่ ๑๓,๐๐๐ ตารางเมตร (อยู่ในบริเวณที่ ๒ พื้นที่ควบคุมไม่เกิน ๒,๐๐๐ ตารางเมตร) เนื่องจากมีความจำเป็นในการก่อสร้างอู่จอดเรือให้เพียงพอกับยุทโธปกรณ์ของหน่วยและไม่มีพื้นที่อื่นใดที่เหมาะสมในการก่อสร้าง จึงทำให้อู่จอดเรือมีพื้นที่เกินกว่าข้อกำหนดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๒ (ข) (๕) จำนวน ๑๑,๐๐๐ ตารางเมตร ๓. อาคารที่พักชั้นนายสิบ จำนวน ๑๐ หลัง (ขนาด ๔๘ ครอบครัว) และอาคารที่พักชั้นนายร้อย จำนวน ๔ หลัง (ขนาด ๓๒ ครอบครัว) ซึ่งอยู่ในบริเวณที่ ๓ ความสูงควบคุมไม่เกิน ๑๖ เมตร โดยที่อาคารที่พักชั้นนายสิบ มีความสูง ๒๗.๒๕ เมตร และอาคารที่พักชั้นนายร้อยมีความสูง ๒๐.๘๕ เมตร เนื่องจากกองทัพบกมีความจำเป็นในการก่อสร้างอาคารที่พักให้เพียงพอกับกำลังพลพร้อมครอบครัวที่จะเข้าพักอาศัยของหน่วยและไม่มีพื้นที่อื่นใดที่เหมาะสมในการก่อสร้าง จึงทำให้มีความสูงของอาคารทั้งสองมีความสูงเกินกว่าข้อกำหนดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๒ (ค) (๑) จำนวน ๑๑.๒๕ เมตร และจำนวน ๔.๘๕ เมตร ตามลำดับ |
|||||||||||||||||||||||||||
25662 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะทางการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ (ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ จังหวัด กลุ่มจังหวัด หน่วยงานอิสระ องค์การมหาชน และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ) กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน ๘,๑๘๘ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๘,๓๘๘ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๘๐ ซึ่งผลการวิเคราะห์พบว่า กลุ่มรัฐวิสาหกิจมีสินทรัพย์รวมมากที่สุด มูลค่ารวม ๑๑.๘๑ ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินและธุรกิจพลังงาน สำหรับรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐมีสินทรัพย์รวม ๙.๑๒ ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่ดินราชพัสดุ เงินกู้ในภาพรวม ๗.๔๓ ล้านล้านบาท เป็นของรัฐบาลกลาง ๓.๗๒ ล้านล้านบาท รองลงมาเป็นของรัฐวิสาหกิจ ๓.๖๗ ล้านล้านบาท รายได้ในภาพรวมเป็นของรัฐวิสาหกิจ ๔.๙๘ ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้ของธุรกิจพลังงานและการไฟฟ้า รองลงมาเป็นรายได้ของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ๒.๘๐ ล้านล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายต้นทุนขายและบริการในภาครัฐวิสาหกิจและค่าใช้จ่ายบุคลากรของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาปรับปรุงลักษณะการวิเคราะห์ให้สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความเสี่ยงทางการคลังของภาครัฐในภาพรวม การให้ความรู้ในด้านการบันทึกข้อมูลทางบัญชีให้กับเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้สามารถจัดทำบัญชีได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด รวมทั้งให้มีการแยกการรายงานในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินและไม่ใช่สถาบันการเงินออกจากกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เนื่องจากการรายงานฐานะของกองทุนและทุนหมุนเวียนเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรายงานการเงินรวมภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เคยมีข้อสั่งการ (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗) เกี่ยวกับเรื่องกองทุนต่าง ๆ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ และส่งให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) วิเคราะห์ และเสนอแนวทางการปรับปรุงพัฒนา หรือยกเลิกกองทุนเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณของกองทุนหมุนเวียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและกองทุนอื่น ๆ ของทุกหน่วยงานเพื่อนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) พิจารณาประกอบการจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้น จึงให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25663 | การขอความเห็นชอบต่อปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน | กห | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. ปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศมุ่งสู่ความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมอาเซียน (Joint Declaration of the ASEAN Defence Ministers on Defence Cooperation towards Peaceful and Prosperous ASEAN Community) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกาศเจตนารมณ์ การกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการร่วมกันของกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคและสร้างสังคมที่มีความสงบสุขและสันติภาพในอาเซียนร่วมกัน ที่แสดงออกถึงความพอใจในผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๘ อย่างสอดคล้องกับหัวข้อความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ เพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีความสันติสุขและมั่งคั่งในการดำรงเป้าหมายการเป็นภูมิภาคที่มีความแน่นแฟ้น สันติสุข และเข้มแข็ง ๒. แผนปฏิบัติการ ๓ ปี (ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙) เป็นแผนปฏิบัติงานที่มีความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติงาน ๓ ปี (ปี ๒๕๕๔-๒๕๕๖) มีวัตถุประสงค์เพื่อการคงไว้ซึ่งแรงผลักดันและเสริมสร้างกระบวนการความร่วมมือด้านความมั่นคง ๓. เอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งเครือข่ายการติดต่อสื่อสารแบบเร่งด่วนภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการตีความที่ไม่ตรงกันมิให้เพิ่มขึ้น และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือการตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ๔. พิธีสารเพิ่มเติมสำหรับเอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา เป็นการปรับปรุง กลั่นกรอง และสร้างความชัดเจนให้กับกลไกและกระบวนการการทำงานของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ๕. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนฯ ทั้งนี้ เมื่อลงนามในปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนฯ แล้ว ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนฯ แผนปฏิบัติการ ๓ ปีฯ เอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งเครือข่ายการติดต่อสื่อสารฯ และพิธีสารเพิ่มเติมสำหรับเอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนฯ ได้ตามความเหมาะสมและเสนอความคืบหน้าการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25664 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (เพิ่มเติม) | กร | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินทั้งสิ้น ๑๒๗,๗๗๙,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๑๓ โครงการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เสนอ ทั้งนี้ ให้ กปร. แจ้งหน่วยงานผู้ปฏิบัติเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25665 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางประนอม คำเที่ยง) | สธ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางประนอม คำเที่ยง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25666 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นายอนุสันต์ เทียนทอง ฯลฯ) | พม | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นายอนุสันต์ เทียนทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมคิด สมศรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางอุษา หงส์กาญจนกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางเสาวนีย์ โขมพัตร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
25667 | การจัดทำ Financing Agreement (FA) ของโครงการ EU-ASEAN Migration and Border Management Programme ll | ตช | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงทางการเงิน (Financing Agreement : FA) ของโครงการความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปในโครงการความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียนเรื่องการอพยพและการบริหารจัดการพรมแดน ระยะที่ ๒ (EU-ASEAN Migration and Border Management Programme II) และให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในร่างข้อตกลงทางการเงินดังกล่าว ทั้งนี้ โครงการ EU-ASEAN Migration and Border Management Programme II เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปที่คงค้างภายใต้แผนงานงบประมาณความร่วมมืออาเซียน-สหภาพยุโรป พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ (EU-ASEAN Multi-Annual Indicative Programme-MIP 2011-2013) มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามและดำเนินงานร่วมกับองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ในเรื่องระบบข้อมูลข่าวสารตลอด ๒๔ ชั่วโมง/๗ วัน (I-24/7) และการขยายกรอบความร่วมมือให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนการศึกษาระบบ ASEAN Visa โดยใช้ประสบการณ์ในการจัดทำ Schengen Visa ของสหภาพยุโรปเป็นแบบอย่าง กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ ๗๒ เดือน นับตั้งแต่ข้อตกลงฯ มีผลใช้บังคับ และมีงบประมาณรวมจำนวน ๓,๔๐๐,๐๐๐ ยูโร โดยฝ่ายสหภาพยุโรปจะให้เงินสนับสนุนทั้งหมด ในส่วนของอาเซียนไม่ต้องร่วมออกค่าใช้จ่ายและไม่ต้องให้การสนับสนุนทางการเงินแต่อย่างใด ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25668 | ร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ. 2558 - 2562) | นร08 | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องและรักษาอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน สิทธิอธิปไตย และขอบเขตของชาติทางทะเลจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพในการแสวงหาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมการเข้ามามีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล ๖ ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาศักยภาพความมั่นคงของชาติทางทะเล (๒) การคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากทะเล (๓) การสร้างความสงบเรียบร้อย และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทะเล (๔) การสร้างความสมดุลและยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล (๕) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ องค์ความรู้และความตระหนักรู้ความสำคัญของทะเล และ (๖) การบริหารจัดการผลประโยชน์ของชาติทางทะเลขององค์กรของรัฐ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปดำเนินการปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ฯ ให้เป็นแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล โดยให้มีระยะเวลาของแผนดังกล่าวเป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนความมั่นคงฯ ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับปรุงเรียบร้อยแล้วไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับแผนดังกล่าวต่อไป ๒. โดยที่แผนความมั่นคงฯ ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาตินำแผนความมั่นคงฯ ที่ได้ปรับปรุงเรียบร้อยแล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้นำแผนความมั่นคงฯ ดังกล่าวเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปด้วย เนื่องจากแผนความมั่นคงฯ ดังกล่าวมีผลผูกพันกับการออกกฎหมาย การงบประมาณ การจัดตั้งหน่วยงาน รวมทั้งการปฏิบัติงานของหลายองค์กร ๓. เนื่องจากการรักษาความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ จึงให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดทำแผนปฏิบัติการประจำและแผนการใช้จ่ายงบประมาณด้านความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล เพื่อส่งให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25669 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทางคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายไพโรจน์ อาจรักษา) | นร04 | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ อาจรักษา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25670 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง | พณ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องชุดใหม่ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุทธิพร จีระพันธุ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร ๒. นายมนู เลียวไพโรจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม ๓. นางอุบล มลิลา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๔. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ ๕. นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชีและการเงินการคลัง ๖. นางฉวีวรรณ จันทนภุมมะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ๗. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25671 | ขออนุมัติให้ข้าราชการได้รับสิทธิประโยชน์รถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | นร04 | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๑๒ อัตรา ได้แก่ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๗/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ จำนวน ๕ ราย คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๘/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ จำนวน ๑ ราย คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ จำนวน ๔ ราย และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ จำนวน ๒ ราย ซึ่งเคยมีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ให้ได้รับสิทธิรับรถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และหรือโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์รถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งดังกล่าว จะต้องดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25672 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ | ทก | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางเจริญศรี มิตรภานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตรวจสอบการเงินและบัญชี ในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ แทนนางจารุพร ไวยนันท์ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ตามนัยมาตรา ๑๖(๔) และมาตรา ๑๔ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25673 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมและ ทรัพยากรพื้นฐาน รัฐบาลแห่งรัฐสุลต่านบรูไนดารุสซาลาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรพื้นฐาน รัฐบาลแห่งรัฐสุลต่านบรูไนดารุสซาลาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการให้คณะทำงานร่วมด้านการเกษตร (Joint Agricultural Working Group : JAWG) ที่จะจัดตั้งตามมาตรา ๖ มีผู้แทนรัฐบาลไทยที่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัย เนื่องจากนักวิจัย นักวิชาการ และการดำเนินงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านเกษตรและอาหารของประเทศไทยมีอยู่ทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||
25674 | การยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตานำเข้าสำหรับน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) | พณ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการยกเลิกภาษีและการยกเลิกโควตานำเข้าน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยตามพิกัดอัตราศุลกากร (ปี ๒๐๑๒) ๑๗๐๑.๑๓.๐๐ และ ๑๗๐๑.๑๔.๐๐ โดยการโอนย้ายสินค้าดังกล่าวจากสินค้าอ่อนไหวเป็นสินค้าปกติและมีอัตราภาษีร้อยละ ๐ ทันที และแก้ไขข้อผูกพันอัตราภาษีของไทยตามพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการตามข้อ ๑.๑ อาทิ ออกประกาศหรือปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อรองรับการยกเลิกภาษีและยกเลิกโควตานำเข้าสินค้าน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยภายใต้ AKFTA ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งแจ้งผลการดำเนินการให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ เพื่อดำเนินการแจ้งต่อสาธารณรัฐเกาหลีเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ผู้ประกอบการไทยรักษาคุณภาพ มาตรฐานและปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยให้อยู่ในระดับสากลหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า รักษาขีดความสามารถและขยายสัดส่วนในตลาดต่อไป นอกจากนี้ ควรเร่งผลักดันการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกอ้อย (Zoning) ให้มีการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม และสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยี เครื่องมือ เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานและประสิทธิภาพแรงงานต่ำ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยที่ให้ผลผลิตและมีคุณภาพสูงที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำตาลของไทยในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25675 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง (จำนวน 3 ราย 1. นายวิมล จันทรโรทัย ฯลฯ) | กษ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยางแทนผู้ที่สำนักงานอัยการสูงสุดไม่อนุมัติให้เป็นกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง และแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมเพื่อให้องค์ประกอบครบถ้วน รวมจำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว ดังนี้
๑. นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรรมการอื่นที่แต่งตั้งจากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) แทนนางสาวนารี ตัณฑเสถียร ๒. นายศุภชัย บานพับทอง อดีตกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง (กรรมการอื่นที่แต่งตั้งจากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๓. นายอรุณ เลิศวิไลย์ อดีตกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
25676 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | นร | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
25677 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) | นร | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน จำนวน ๒ ฉบับ คือ
๑. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดความผิดเกี่ยวกับเพศ) ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดนิยามคำว่า “เจ้าพนักงาน”)
|
|||||||||||||||||||||||||||
25678 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวม 3 ฉบับ) | นร | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน จำนวน ๓ ฉบับ คือ
๑. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถานบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
25679 | รัฐบาลฮังการีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเปเตอร์ ยาค็อบ) | กต | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเปเตอร์ ยาค็อบ (Mr. Peter Jakab) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฮังการีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเดแนช โทมอย (Mr. Denes Tomaj) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25680 | รัฐบาลไอร์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเบร็นดัน รอเจอรส์) | กต | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเบร็นดัน รอเจอรส์ (Mr. Brendan Rogers) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเดคลัน เคลลี (Mr. Declan Kelly) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....