ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1289 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25761 - 25780 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25761 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นักบริหารระดับสูง) (นายดิสทัต โหตระกิตย์) | นร09 | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายดิสทัต โหตระกิตย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25762 | การมอบหมายให้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายกฤษณพงศ์ กีรติกร) ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลโท สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์)
|
|||||||||||||||||||||
25763 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้มีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ตามลำดับ ดังนี้
๑. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
25764 | ขออนุมัติงบประมาณค่าชดเชยโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เพิ่มเติม | สผ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้กับโรงเรียนโยธินบูรณะ จำนวน ๑๐๕,๖๕๔,๗๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของครุภัณฑ์ ระบบสาธารณูปโภค และการก่อสร้างโรงอาหารชั่วคราวของโรงเรียน โดยใช้จ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25765 | ร่างพระราชกฤษฎีกาข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศ พ.ศ. .... | ตช | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ ตำแหน่งประเภทบริหาร ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ตำแหน่งประเภทวิชาการ ตำแหน่งประเภทการสอน และหรือวิจัย และตำแหน่งประเภททั่วไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการขอกลับเข้ารับราชการของข้าราชการตำรวจที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ออกจากราชการไปปฏิบัติงานใด ๆ ซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นสำหรับการคำนวณบำเหน็จบำนาญเหมือนเต็มเวลาราชการ ควรกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ และการเพิ่มเติมในส่วนของการได้รับเงินเดือนเพื่อให้เกิดความครบถ้วนในการอนุโลมใช้กฎหมายของข้าราชการพลเรือนสามัญ เป็น “อัตราเงินเดือน อัตราเงินประจำตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง การจ่ายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๑) ข้าราชการตำรวจประเภทบริหาร ประเภทอำนวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับโดยอนุโลม (๒) ... ฯลฯ ...” การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศโดยการบรรจุแต่งตั้งแทนตำแหน่งว่างเมื่อข้าราชการตำรวจที่มียศออกจากราชการหรือการเกษียณอายุราชการเพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศ ตามมาตรา ๕ (๑) (๒) (๓) และ (๕) ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตำแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ การปรับเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการตำรวจที่มีอยู่เดิมไปกำหนดเป็นอัตราข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศโดยไม่กำหนดอัตรากำลังเพิ่มใหม่ รวมทั้งการพิจารณาจัดกรอบอัตรากำลังข้าราชการตำรวจประเภทมียศและประเภทไม่มียศแยกออกจากกันเพื่อให้สามารถบริหารอัตรากำลังแต่ละประเภทได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยพิจารณาทบทวนโครงการ/รายการที่หมดความจำเป็น หรือมีเงินเหลือจ่ายไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยถือปฏิบัติตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25766 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) บริหารจัดการยางพาราที่ได้รับซื้อไว้ ๒. อนุมัติให้ อ.ส.ย. ขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามระยะเวลาโครงการฯ ที่ขยายออกไป (๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการค้ำประกันเงินกู้ที่ อ.ส.ย. ได้กู้เงินกับ ธ.ก.ส. ออกไปจนถึงสิ้นสุดระยะเวลาที่ขยายโครงการฯ พร้อมทั้งชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ย FDR+1 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การรักษาเสถียรภาพราคายาง) ๓. อนุมัติให้ อ.ส.ย. นำเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด และบริษัท มิตรไทยโฮลดิ้ง จำกัด กรณีไฟไหม้โรงงานบริษัท มิตรไทยโฮลดิ้ง จำกัด จำนวน ๒๓๕.๓๓๕ ล้านบาท เพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ค้างชำระ จำนวน ๑๘๒.๒๕๕ ล้านบาท ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในส่วนที่ขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ ค่าดำเนินการ ค่าบริหารโครงการ และค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ให้ อ.ส.ย. ใช้จ่ายจากวงเงินคงเหลือ จำนวน ๑๔๒.๑๐๐ ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขยายระยะเวลาโครงการฯ ไปก่อน หากไม่เพียงพอ ให้ อ.ส.ย. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ๕. ส่วนงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้ ธ.ก.ส. ชำระดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้ในช่วงการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไป นั้น ให้ ธ.ก.ส. ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าวในเบื้องต้นก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ อย่างเข้มงวด รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสต็อกยาง จัดทำแผนการระบายสต็อกยางดังกล่าวให้ชัดเจน โดยให้ระบายยางที่ค้างอยู่ในสต็อกก่อน และเน้นการระบายยางให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้จัดทำรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน เพื่อให้สามารถเร่งรัดการดำเนินงานและให้มีการปิดบัญชีโครงการฯ โดยเร็วตามกรอบระยะเวลาที่ขยายไว้ด้วย ๗. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการสนับสนุนและมาตรการทางด้านความปลอดภัยให้กับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนประกอบกิจการเกี่ยวกับยางพาราและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
|||||||||||||||||||||
25767 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายทรงภพ พลจันทร์) | พน | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นายทรงภพ พลจันทร์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
25768 | การจัดการแข่งขันกีฬาเอเซี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2557 | กก | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณคงเหลือจากการแข่งขันกีฬานานาชาติอื่น ได้แก่ การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ วงเงิน ๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนมาร์เชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๔ อนุมัติยกเว้นการเก็บเงินค่าที่พักและอาหารให้แก่คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นกรณีพิเศษ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๓๐๕,๘๕๑.๑๙ บาท ๑.๕ อนุมัติยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าเป็นกรณีพิเศษให้แก่คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากประเทศสมาชิกสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียที่เข้าร่วมการแข่งขันฯ ทั้งนี้ ให้สามารถเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักรไทยโดยให้แสดงหนังสือเดินทาง (Passport) และบัตรประจำตัวผู้เข้าร่วมการแข่งขันฯ (AD card) ควบคู่กัน โดยให้สำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ จัดส่งรายละเอียดดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติกรอบวงเงินค่าใช้จ่าย จำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติเห็นชอบไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีแหล่งที่มาของค่าใช้จ่าย ได้แก่ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แล้ว ๒.๒ รายรับคงเหลือจากการแข่งขันกีฬานานาชาติอื่น ได้แก่ การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ จำนวน ๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเอเชี่ยนมาร์เชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒.๔ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนงานส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ผลผลิต กีฬาเพื่อความเป็นเลิศบริหารจัดการกีฬาได้อย่างเป็นมาตรฐาน งบเงินอุดหนุน รายการการเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันและจัดประชุมมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติและพัฒนายกระดับทรัพยากรกีฬาให้เป็นศูนย์กลางกีฬาของเอเชีย จำนวน ๔๙๑,๓๕๐,๐๐๐ บาท ๒.๕ ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๒,๖๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อขยายวงเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันให้ใช้จ่ายจากรายได้จากการจัดการแข่งขันฯ และจากงบประมาณเหลือจ่ายจากข้อ ๒.๑-ข้อ ๒.๔ |
|||||||||||||||||||||
25769 | ปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว | นร04 | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๑๗/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ และอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๘ คน มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ ๒.๑ เสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาและแก้ไขปัญหาข้าวทั้งระบบ กำหนดมาตรการระยะสั้นและระยะยาวให้เชื่อมโยง ทั้งการผลิต การตลาด และการแปรรูป อย่างครบวงจร โดยครอบคลุมการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การพัฒนาการผลิต การพัฒนาระบบตลาด การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า การควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน การวิจัยพัฒนา และเพิ่มการใช้ข้าวในประเทศ รวมทั้งแนวทางการเจรจาของไทยเกี่ยวกับข้าวระหว่างประเทศต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๒ กำหนดและเสนอมาตรการเพื่อดูแลให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม โดยเน้นกลไกตลาด เสนอแผนปฏิบัติการ รวมทั้งงบประมาณที่ต้องใช้ในการดูแลระดับราคาข้าว เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติตามขั้นตอน ๒.๓ ติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายและยุทธศาสตร์ มาตรการ และแผนปฏิบัติการตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ๒.๔ ติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ผ่านมาของรัฐบาล ๒.๕ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และคณะที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทางในการบริหารจัดการข้าวต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ๒.๖ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือขอเอกสารหลักฐาน โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของทางราชการให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการฯ ๒.๗ ดำเนินการอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
25770 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 9 ราย (1. พลเอก สกล ชื่นตระกูล) | นร04 | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก สกล ชื่นตระกูล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๓. พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๔. นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๕. นายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๖. นายกีรติ เวฬุวัน ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๗. นางนาถธิดา เด็ดแก้ว ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๘. พันเอก ถนอม สบายพร ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๙. นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
25771 | การสร้างภาพลักษณ์และกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ (การกำหนดให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2558 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ) | กก | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษอีก ๑ วัน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชนหรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าว โดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
25772 | แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง | พณ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) จำนวน ๑๙ คน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดย นบมส. มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ ๑.๑ เสนอกรอบนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการเกี่ยวกับสินค้ามันสำปะหลังต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การบริหารจัดการสินค้ามันสำปะหลังสอดคล้องกันทั้งระบบและมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง ๑.๒ อนุมัติแผนงาน โครงการ และมาตรการเกี่ยวกับการผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง ๑.๓ ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมการผลิตมันสำปะหลังที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ๑.๔ พิจารณาหลักเกณฑ์ และวิธีการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง และผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อให้การบริหารจัดการมันสำปะหลังทั้งระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๕ ติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย มาตรการและโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ๑.๖ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และคณะที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการด้านการผลิต การตลาด และการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับมันสำปะหลัง หรือตามที่ได้รับมอบหมาย ๑.๗ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและความเห็น รวมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ๒. ส่วนคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25773 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อทำสัญญาเช่าที่ดินติดต่อกันคราวละ 15 ปี | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณริมถนนรัชดาภิเษก เพื่อสร้างอาคารที่ทำการศาล ลานจอดรถยนต์ และสนามหญ้า รวมพื้นที่ ๖๔,๐๐๐ ตารางเมตร ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นระยะเวลา ๑๔ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ ในวงเงิน ๖๒๔,๗๐๔,๐๐๐ บาท สำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๓๘,๑๗๙,๒๐๐ บาท สำนักงบประมาณได้เสนอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว และส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๘๖,๕๒๔,๘๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๗๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลยุติธรรม และกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ควรดำเนินการคราวละ ๕ ปี ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปประสานและเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพย์สิน (ที่ดิน) ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ชัดเจนและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร ๓. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในภาพรวมร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดราคาการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในความครอบครองของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและสอดคล้องกับราคาตลาด รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไปเป็นการซื้อ/ขาย ขาด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25774 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๐/๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25775 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกำหนดให้ศาลจังหวัดนครพนมนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดในทุกอำเภอของจังหวัดนครพนม ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25776 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงพิษณุโลก กับกำหนดเขตอำนาจและวันเปิดทำการของศาลแขวงนครไทย ในจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงพิษณุโลก กับกำหนดเขตอำนาจและวันเปิดทำการของศาลแขวงนครไทย ในจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงพิษณุโลก กับกำหนดเขตอำนาจและวันเปิดทำการของศาลแขวงนครไทย ในจังหวัดพิษณุโลก ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25777 | การเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 69 ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา | นร | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๖๙ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ และได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมให้ทราบถึงสถานการณ์การเมืองไทยเพื่อให้เข้าใจถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะดำเนินการตาม roadmap ที่จะนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจและเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การเมืองของไทยเป็นอย่างดี นอกจากได้รณรงค์ขอรับการสนับสนุนการที่ไทยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ด้วย สำหรับประเด็นหลักที่ประเทศสมาชิกได้ให้ความสำคัญในปีนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแพร่ระบาดของโรคอีโบลา และปฏิบัติการของกลุ่มนิยมความรุนแรงในอิรักและซีเรีย ทั้งนี้ การประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญดังกล่าวประกอบด้วยการประชุม Ministerial-level of the UNSG''S partnership Group on Myanmar การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ การหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประธานสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ ๖๙ และเลขาธิการสหประชาชาติ การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ตุรกี และจีน การพบปะนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาที่เป็นสมาชิกของ US-ASEAN Business Council และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งได้มีโอกาสพบปะหารือทักทายอย่างเป็นกันเองกับนายจอห์น เคร์รี่ (Mr. John Kerry) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในการประชุมดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25778 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปปรับแก้ไขร่างระเบียบฯ ตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างข้อ ๕ เห็นควรเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจด้วย เพื่อให้การพิจารณาดำเนินการของคณะกรรมการครอบคลุมในด้านแรงงานรัฐวิสาหกิจ ๒. ร่างข้อ ๑๑ ในการพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในโครงการที่เกี่ยวกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ หากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินลงทุนสูง และส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างของรัฐวิสาหกิจ เห็นควรให้รับฟังความเห็นจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจด้วย ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ร่างข้อ ๑๒ กรณีการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เห็นควรให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้เสนอรายชื่อกรรมการต่อประธานกรรมการ เนื่องจากการให้รัฐวิสาหกิจเสนอรายชื่อกรรมการไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดก่อนเสนอประธานกรรมการนั้น อาจเป็นการลักลั่นได้เนื่องจากจะทำให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้เลือกกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเสียเอง นอกจากนี้ การเสนอรายชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการดังกล่าวควรยึดโยงกับบทบัญญัติในมาตรา ๑๒/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติให้ในการแต่งตั้งกรรมการอื่นที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจแห่งใดให้ผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งจากบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการอื่นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๔. ควรเพิ่มหลักเกณฑ์ในเรื่องการมอบอำนาจให้ประธานกรรมการมีอำนาจพิจารณาแทนคณะกรรมการได้เป็นบางเรื่อง เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
25779 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ 3 เดือนแรก | นร | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) แจ้งยืนยันและชี้แจง ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า การดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ซึ่งประกอบด้วยมาตรการเพื่อการสร้างงานและมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอ คณะรัฐมนตรีมีอำนาจในการอนุมัติให้ดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง ๑.๒ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณชี้แจงว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้สภาพคล่องเงินทุนของ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเงินไปก่อนย่อมถือว่าเป็นข้อผูกพันงบประมาณที่จะต้องจ่ายเป็นเงินเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นไปตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ชี้แจงว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นการช่วยเหลือชาวนารายย่อยที่มีรายได้น้อยเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ไม่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตหรือชดเชยการขาดทุนแต่อย่างใด ๒. เห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการเพื่อการสร้างงาน ให้ส่วนราชการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และรายการเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินโครงการต่อไป โดยให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับการดำเนินโครงการเพื่อการปรับปรุง/ซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมมากกว่าการก่อสร้างใหม่ และให้พิจารณาใช้แรงงานจากประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งจัดทำแผนงาน/โครงการ เกี่ยวกับการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตามแนวทางและขั้นตอนในข้อ ๒ เพื่อเสนอสำนักงบประมาณโดยด่วน ๔. ในการดำเนินการนำเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินการตามโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วย ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำทะเบียนเกษตรกรที่เป็นชาวนาให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้ชาวนารายย่อยผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์โดยตรงและทั่วถึงต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25780 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ของสำนักงานศาลยุติธรรม) | ศย | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยในส่วนพื้นที่เพิ่มเติมจากที่เช่าไว้เดิม เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดตลิ่งชันพื้นที่ส่วนเพิ่ม จำนวน ๙๘๔.๐๖ ตารางเมตร เป็นเงิน ๓๗๐,๘๓๖ บาท และเช่าที่ดินเพิ่มเติมเพื่อขยายถนนและปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณทางเข้าอาคารที่ทำการศาลจังหวัดตลิ่งชัน จำนวน ๑,๒๐๑.๕๓ ตารางเมตร เป็นเงิน ๑,๑๓๑,๘๙๓ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นระยะเวลา ๔ ปี ๖ เดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยระยะเวลาการเช่าสอดคล้องกับสัญญาเช่าพื้นที่เดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ สำหรับค่าเช่าที่ดินทั้ง ๒ รายการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้เสนอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณ ควรดำเนินการคราวละ ๕ ปี ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
.....