ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1290 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25781 - 25800 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25781 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
25782 | ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... | ตช | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องแจ้งวันเวลาและสถานที่ชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบ กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม กำหนดสถานที่ต้องห้ามไม่ให้จัดการชุมนุม และกำหนดการคุ้มครองความสะดวกของประชาชนและการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
25783 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น รวม 4 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าพระ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
25784 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รวม ๑๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทาง สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ และสร้างทางรถไฟทางคู่ ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย และตำบลมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพญาเย็น และตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลางดง และตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง และตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๐. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมะเกลือเก่า และตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสูงเนิน และตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสูงเนิน ตำบลนากลาง และตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากลาง และตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
25785 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร รวม 8 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ รวม ๘ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่และสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องทึ่ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
25786 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม - หัวหิน รวม 19 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน รวม ๑๙ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปากโลง และตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธาราม และตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัด ราชบุรี พ.ศ. .... ๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม และตำบลท่าราบ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๑๐. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ่อกระดาน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๑๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และตำบลห้วยโรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกระแชง ตำบลหนองโสน และตำบลท่าราบ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าราบ และตำบลนาวุ้ง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสมอพลือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกระเจ็ด อำเภอบ้านลาด และตำบลดอนยาง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองจอก อำเภอท่ายาง และตำบลหนองศาลา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
25787 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : ASEAN TELMIN) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทย โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาเสนอประเด็นที่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ Digital Economy และการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสารในกระบวนการนำเข้า ส่งออกสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ (National Single Windows : NSW) ในที่ประชุมดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||
25788 | รายงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๖๑,๗๐๒,๐๙๐ บาท รวมทั้งภารกิจต่าง ๆ ได้แก่ การสอดส่องดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ตามที่ได้รับคำขอ การเสอนแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การเสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การพิจารณาให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๑๓ การดำเนินการเรื่องอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การจัดทำรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง การปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ และการผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ การพัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลข่าวสาร ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ การติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ของหน่วยงานของรัฐ ความร่วมมือทางวิชาการกับต่างประเทศ และปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ ตลอดจนเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่าข้อมูลข่าวสารของราชการที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐที่จะเผยแพร่หรือเปิดเผยต่อประชาชน ควรมีการจัดระบบฐานข้อมูลแบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เป็นต้น เพื่อสะดวกต่อการสืบค้นและเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
|
||||||||||||||||||
25789 | การลงนามในร่างความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม FATCA | กค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดของความร่วมมือที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงการเก็บภาษี โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะของข้อมูล กำหนดเวลาและวิธีแลกเปลี่ยนข้อมูล การยกเว้นให้สถาบันการเงินไทยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภายในของสหรัฐฯ รวมถึงขั้นตอนในการแก้ไขและยกเลิกสัญญา และร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ประกอบการลงนามในความตกลง FATCA มีสาระสำคัญเป็นความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการยกเว้นการรายงานข้อมูลของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรายย่อยและการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายของไทยเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลสมบูรณ์ รวมถึงกำหนดขั้นตอนในการขยายเวลาการสิ้นสุดของความตกลงหากไทยยังไม่สามารถเริ่มส่งข้อมูลให้สหรัฐฯ ได้ตามกำหนดของความตกลงฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอร่างความตกลงฯ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในร่างความตกลงฯ หรือร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามความตกลงฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
25790 | เอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 13 | กต | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาริยาดสำหรับการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๓ ซึ่งให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ ภายใต้หัวข้อการประชุม “การศึกษาที่เป็นเลิศ-เส้นทางสู่อนาคต” และมีสาระสำคัญอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความร่วมมือทางวัฒนธรรม การดำเนินงานภายใต้เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือด้านพลังงาน การลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน การสร้างความมั่นคงทางอาหาร ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาให้สอดคล้องและสนับสนุนวาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ของสหประชาชาติที่มุ่งเน้นการขจัดความยากจนเป็นเป้าหมายหลัก และตอบสนองสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น รวมถึงการร่วมสนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถของแต่ละประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชียที่อยู่บนหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกันในการดำเนินการ ส่วนการประสานงานเพื่อระดมทรัพยากรต่าง ๆ ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการแสวงหาสาขาความร่วมมือที่เป็นไปได้ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ ควรคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมหรือเน้นประเด็นเรื่องการเสริมสร้างความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาต่อไป ๓. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เสนอเพิ่มเติมว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียขอเลื่อนการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๑๓ ออกไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อได้รับแจ้งกำหนดการประชุมฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมฯ ดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||
25791 | ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) | พม | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ [Draft Framework Agreement for Cooperation between the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) and the United Nations Children’s Fund (UNICEF)] มีสาระสำคัญเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติกับอาเซียนในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือทางวิชาการด้านสุขภาพ สวัสดิการสังคม และการพัฒนาอย่างรอบด้าน และมุ่งเน้นการปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมทั้งสนับสนุนต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ตามปฏิญญาแห่งสหัสวรรษเพื่อการพัฒนา และหากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามร่างกรอบความร่วมมือฯ พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แจ้งความเห็นชอบของไทยต่อสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านต่างประเทศด้วย |
||||||||||||||||||
25792 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ยุทธศาสตร์ ACMECS | พณ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. โดยที่ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ขอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมาย “คณะกรรมการจัดทำแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน” เป็นผู้พิจารณาจัดทำแผนงานการดำเนินโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจัดตั้งโดยคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการดำเนินการภายในระดับกระทรวง มิได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะมอบหมายคณะกรรมการดังกล่าวได้ ประกอบกับเพื่อให้การปฏิบัติงานในเรื่องนี้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นขึ้น จึงควรตัดคำว่า “ในแต่ละปี” ออก ดังนั้น จึงเห็นควรแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ จาก “การพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ในแต่ละปี มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการโดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” เป็น “การพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการโดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้รายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีทุกปี” ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการจัดทำแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน) พิจารณาแนวทางให้ศูนย์ขายสินค้าเกษตรตามแนวชายแดนเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดในพื้นที่ชายแดนเนื่องจากการผลิตของเกษตรกรรายย่อยในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่นอกแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา |
||||||||||||||||||
25793 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ อัยการสูงสุด เป็นกรรมการและเลขานุการ อธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ และรองอธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการยกร่างระเบียบเพื่อรองรับคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงานอัยการสูงสุด
|
||||||||||||||||||
25794 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) เพื่อเป็นเงินทุนสำรองหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐ และลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ จึงขอให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและเร่งรัดดำเนินการมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||
25795 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) | วท | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาเครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ๒. คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓. คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ๔. คณะกรรมการบริหารโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
|
||||||||||||||||||
25796 | ขอความเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) | วท | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๓๔,๕๓๗,๘๐๐ บาท จากเดิม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการร่วมดำเนินการสนับสนุนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เพื่อจัดทำข้อมูลความสูงภูมิประเทศของพื้นที่รับน้ำนอง ภายใต้แผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน เป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใน ๒ กิจกรรม ๑ โครงการ ดังนี้ ๑.๑ กิจกรรมการจัดทำแผนที่การใช้ที่ดินในเขตป่าไม้ในปัจจุบันเพื่อสนับสนุนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๖/๒๕๕๗ จำนวน ๘,๓๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ กิจกรรมภูมิสารสนเทศเพื่อติดตามเฝ้าระวังโซนการเกษตรของประเทศไทยในฤดูเพาะปลูก พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ โครงการพัฒนาภูมิสารสนเทศกลางเพื่อสนับสนุนการจัดการทรัพยากรและการจัดการพื้นที่ของประเทศตามศักยภาพ (Zoning) จำนวน ๘,๒๓๗,๘๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้รับไปหารือร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่ใช้ประโยชน์จากดาวเทียมไทยโชต หรือดาวเทียมธีออส (Thailand Earth Observation Systems : THEOS) เพื่อพิจารณาแนวทางการเตรียมการรองรับกรณีที่ดาวเทียมไทยโชตจะหมดอายุการใช้งานในทางเทคนิคประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ความคุ้มค่าที่จะได้รับ รวมทั้งความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการร่วมมือกับต่างประเทศดำเนินการส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นสู่วงโคจรแทนดาวเทียมไทยโชต และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
25797 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๘ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการประสานงานฝ่ายไทยว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศอาเซียน ๑.๒ คณะกรรมการพัฒนากฎหมายกระทรวงวัฒนธรรม ๑.๓ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ๑.๔ คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ๑.๕ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (The Thai Nation Committee for international Council of Museum) ๑.๖ คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ๑.๗ คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ๑.๘ คณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ๒. ให้คณะกรรมการของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25798 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 ในปีงบประมาณ 2558 | กค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๘ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยนำข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันพิจารณาแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินและบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่และภารกิจ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการแหล่งเงินที่ใช้ในการชำระต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฯ ใน (๑) ร้อยละ ๙๐ ของกำไรสุทธิ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำส่งรัฐ และ (๒) สินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราโดยไม่ต้องเข้าบัญชีสำรองพิเศษ เพื่อให้สามารถนำแหล่งเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 ได้เร็วขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันต่อไป |
||||||||||||||||||
25799 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงบประมาณ) | นร07 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการประสานงานระหว่างหน่วยราชการทางการเงิน โดยปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงบประมาณ ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25800 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๔ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยมาตรฐานเทคนิคทางไฟฟ้าระหว่างประเทศ ๑.๓ คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๑.๔ คณะกรรมการดัชนีอุตสาหกรรม ๒. ให้คณะกรรมการของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
.....