ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1282 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25621 - 25640 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25621 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวน ของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการนำมาตรการที่สำคัญมารวมไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ คือ (๑) มาตรการไกล่เกลี่ยคดีอาญาซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานสอบสวน และ (๒) มาตรการชะลอการฟ้องซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานอัยการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้ ความผิดลหุโทษ และความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่ลักษณะของการกระทำเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงซึ่งผู้ต้องหาอาจกลับตนเป็นคนดีได้ และผู้เสียหายอาจได้รับการชดเชยเยียวยาตามสมควร อันจะเป็นการนำไปสู่การยอมความและยุติคดีด้วยความสมานฉันท์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๓. ให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน และให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมเป็นหลักในการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25622 | การแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กปร. (นักบริหารสูง) (นายดนุชา สินธวานนท์ , นายลลิต ถนอมสิงห์) | กร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ ดังนี้
๑. นายดนุชา สินธวานนท์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒. นายลลิต ถนอมสิงห์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
||||||||||||||||||||||||
25623 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ | เวียน | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ
จากเดิม “ในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะไปประชุมระดับนานาชาติและจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบก่อน และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก” เป็น “ในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการจัดประชุมระดับนานาชาติโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีหรือระดับผู้นำประเทศขึ้นไป ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบก่อน และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ยกเว้นการประชุมระดับทวิภาคีหรือพหุภาคีภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอยู่ ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ”
|
||||||||||||||||||||||||
25624 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ โดยที่การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต้องอาศัยกลไกทางกฎหมายเพื่อให้เกิดการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement) จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เร่งรัดให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อรองรับการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว และให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดตั้งโรงงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ให้เน้นโรงงานสำหรับการนำผลิตผลทางการเกษตรมาแปรรูป เช่น โรงงานน้ำตาล เป็นต้น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) และการเจรจากับบริษัทเอกชนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยาย เพื่อให้สามารถมีรถไฟฟ้าสำหรับให้บริการประชาชนตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเร็ว ๑.๓ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศไทยขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จึงให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาหาแนวทางการนำนวัตกรรมมาใช้ส่งเสริมสินค้าเพื่อการส่งออกเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งพิจารณาขยายฐานการส่งออกไปสู่ประเทศคู่ค้าใหม่ที่มีศักยภาพด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการจัดตั้งโรงสีข้าวขนาดกลางในเขตพื้นที่ที่มีการทำนา โดยบริการสีข้าวให้แก่ชาวนาเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการขายข้าวของชาวนานอกเหนือจากการขายเฉพาะข้าวเปลือกเท่านั้น ๑.๕ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคเหนือ ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และมติที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับแนวทางการยกระดับสถาบันการศึกษาทางด้านวิชาชีพ โดยส่งเสริมสถาบันอาชีวศึกษาในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนเครื่องมือประจำวิชาชีพของนักเรียนอาชีวศึกษา จัดทำฐานข้อมูลผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษา และส่งเสริมให้ผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษามีงานทำ แล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาทบทวนสถานที่ก่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โดยอาจก่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือในภาคกลาง หรือขยายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่มีอยู่เดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเทคโนธานี ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ๓. ด้านการต่างประเทศ ๓.๑ ให้ส่วนราชการส่งข้อมูลผลการดำเนินการตามบันทึกความตกลง บันทึกความเข้าใจ หรือเอกสารความร่วมมือระหว่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลสำหรับการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานเจ้าภาพเตรียมการจัดประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ ๕ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมข้อมูลและประเด็นสารัตถะที่จะใช้ในการประชุมให้ครบถ้วนแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงพลังงานจัดเตรียมข้อมูลและแนวทางในการหารือกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับผลกระทบที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและราชอาณาจักรกัมพูชาจะได้รับจากการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้ากั้นแม่น้ำโขง ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๑๖๓ ฉบับ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นและกรอบเวลาให้ชัดเจน แล้วส่งให้กระทรวงยุติธรรมเพื่อรวบรวม และรายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการรวบรวมผลการพิจารณาคดีขององค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น ความมั่นคง ยาเสพติด อาวุธสงคราม โดยให้รวบรวมจำนวนคดีความที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จำนวนคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จสิ้น แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำรวจข้อมูลการดำเนินงานตามความรับผิดชอบของทุกส่วนราชการและเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกส่วนราชการสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งสรุปผลการดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการที่ปัจจุบันให้บริษัทจากเอกชนเป็นผู้ประเมิน ซึ่งภาคเอกชนอาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการ เพื่อให้การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงภารกิจและการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้เป็นที่ยอมรับจากส่วนราชการมากยิ่งขึ้น รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย ๕.๓ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25625 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
25626 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในของกระทรวงคมนาคม รวม 6 ฉบับ | คค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในของกระทรวงคมนาคม รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคมให้เหมาะสมกับภารกิจและบริบทของหน้าที่ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๖ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
25627 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554 - 2556 และการพัฒนาระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๔-๒๕๕๖ โดยในปีบัญชี ๒๕๕๔ ปีบัญชี ๒๕๕๕ และปีบัญชี ๒๕๕๖ มีทุนหมุนเวียนเข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๘๑ ทุน และ ๙๔ ทุน และ ๙๓ ทุน ตามลำดับ โดยทุนหมุนเวียนในปีบัญชี ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๓ ทุน เนื่องจากเป็นทุนหมุนเวียนที่เริ่มเข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีบัญชี ๒๕๕๕ เป็นปีแรก และทุนหมุนเวียนในปีบัญชี ๒๕๕๖ ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๕๕ เนื่องจากยุบเลิกการดำเนินงาน จำนวน ๑ ทุน ทั้งนี้ จากการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน โดยในปีบัญชี ๒๕๕๕ ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๖๑๑๖ คะแนน ปรับเพิ่มขึ้น ๐.๐๖๘๕ คะแนน เมื่อเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๔ ที่ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๕๔๓๑ คะแนน ส่วนในปีบัญชี ๒๕๕๖ ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๔๒๖๒ คะแนน ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๕๕ จำนวน ๐.๑๘๕๔ คะแนน เป็นผลกระทบหลังจากการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งปรากฏว่า ทุนหมุนเวียนส่วนหนึ่งมีการปรับลดคะแนนจากผลรวมด้วยเหตุไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลตามแผนการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังชะลอการดำเนินการในเรื่องการพัฒนาระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนไว้ก่อนจนกว่าจะดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยให้วิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน ให้แล้วเสร็จก่อน |
||||||||||||||||||||||||
25628 | รายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน | สธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ จากผลการศึกษาของคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน สรุปได้ว่า แร่ใยหินทุกชนิด รวมทั้งไครโซไทล์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งการก่อโรคมะเร็งของใยหินชนิดไครโซไทล์เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและจากสิ่งแวดล้อมคือ (๑) ไม่มีระดับความปลอดภัยของการรับสัมผัส (No safe threshold) ของใยหินชนิดไครโซไทล์ และ (๒) การเกิดมะเร็งอันเนื่องจากใยหินชนิดไครโซไทล์มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของใยหินที่ได้รับการตอบสนองที่เกิดขึ้นในร่างกาย (dose-response relationship) หรือขึ้นกับระดับความเข้มข้นสะสม (fiber/cc/years) ของใยหินชนิดไครโซไทล์ที่แขวนลอยในอากาศที่ได้รับสัมผัส ยิ่งได้รับสัมผัสมากยิ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็งมาก (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.1 fiber/cc/year จึงจะปลอดภัย แต่ทำได้ยาก) สำหรับหลักฐานเชิงประจักษ์ของการก่อมะเร็งเยื่อหุ้มปอดและมะเร็งปอดจากงานวิจัย นั้น งานวิจัยที่มีน้ำหนักมากพบในงานวิจัยกลุ่มคนงานเหมืองแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ รองลงมาคือ กลุ่มคนงานอุตสาหกรรมที่นำใยหินชนิดไครโซไทล์มาใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต และงานวิจัยที่มีน้ำหนักน้อย คือ กลุ่มประชาชนในชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยโดยทั่วไป ๑.๒ คณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงฯ สมาคมการพยาบาลอาชีวอนามัย และสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยได้แสดงจุดยืนที่สอดคล้องกับจุดยืนขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และองค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (International Agency Research on Cancer : IARC) ที่เสนอแนะประเทศต่าง ๆ ว่าการควบคุมให้ค่าสัมผัสต่ำกว่ามาตรฐาน 0.1 Fiber/cc/year ทำได้ยาก ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด คือ ยกเลิกการใช้แร่ใยหิน ดังนั้น จึงมีมติเห็นควรยกเลิกการใช้แร่ใยหินในทุกผลิตภัณฑ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ ๒. มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับเรื่องนี้ไปกำกับดูแล โดยให้ตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาและตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมด เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหินทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการที่ใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ความเหมาะสม คุ้มค่า และเป็นไปได้ในการใช้วัสดุอื่นทดแทนการใช้แร่ใยหิน แนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในกรณีที่มีการห้ามใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ แนวทางและมาตรการในการดำเนินการที่เหมาะสมในการใช้แร่ใยหิน/ยกเลิกการใช้แร่ใยหิน และผลกระทบจากการนำเข้าแร่ใยหิน เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25629 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดจากเงินงบประมาณเพื่อการชำระหนี้เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย กู้เงินระยะยาว โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (BIBOR) จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๒ เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ จำนวน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท และได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๓ รุ่น วงเงินรวม ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เงินที่ได้จากการจำหน่ายในแต่ละงวดได้นำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นเรียบร้อยแล้ว ๒. กระทรวงการคลังได้ประกาศจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่น ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำประกาศจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล และประกาศผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่น ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
25630 | ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ เพื่อให้การใช้บังคับมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งกำหนดให้ตำแหน่งตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหารได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหาร ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ เพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนหรือเงินเพิ่มค่าครองชีพของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียมกัน และยึดโยงกันอย่างเหมาะสมต่อไป ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งของตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหาร ให้กระทรวงกลาโหมไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25631 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25632 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ช้างแอฟริกาและเต่านามลายูเป็นสัตว์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25633 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อยปี 2556 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี 2557 | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย ปี ๒๕๕๖ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของ กบข. ๑.๑ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ กบข. มีสินทรัพย์สุทธิรวม ๖๓๒,๕๓๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๕๕,๓๗๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙.๕๙ ๑.๒ รายได้รวมกำไรสุทธิจากการลงทุนที่เกิดขึ้นและยังไม่เกิดขึ้น และกำไรสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนของ กบข. สำหรับปี ๒๕๕๖ มีจำนวน ๒๔,๒๐๑ ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๑๒,๖๕๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๔.๓๓ ๑.๓ ค่าใช้จ่ายรวมภาษีเงินได้ของ กบข. สำหรับปี ๒๕๕๖ มีจำนวน ๑,๕๕๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๑๓๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙.๕๗ ๑.๔ ผลประโยชน์สุทธิของ กบข. ปี ๒๕๕๖ มีจำนวน ๒๒,๖๔๗ ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๑๒,๗๘๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๐๙ ๒. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ๒.๑ ให้ทบทวนการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยการให้สมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพเพราะเหตุเสียชีวิตมีสิทธิได้รับเงินประเดิม และเงินชดเชย ๒.๒ ให้ปรับแก้ไขสูตรบำนาญให้เพิ่มขึ้นจากไม่เกินร้อยละ ๗๐ ของเงินเดือน เป็นร้อยละ ๘๐ หรือมากกว่านั้น เพื่อให้ข้าราชการที่สมัครใจเข้าเป็นสมาชิกและสมาชิกที่เป็นสมาชิกโดยกฎหมายกำหนดจะได้รับประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย ๒.๓ กบข. ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่สมาชิก ถ้าแผนสมดุลตามอายุดีควรเปลี่ยนเป็นแผนหลัก
|
||||||||||||||||||||||||
25634 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25635 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวม 12 ฉบับ | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวม ๑๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในกรมให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงทั้ง ๑๒ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
25636 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน และเป็นการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม และดำเนินการให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในที่ดินเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25637 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดเชียงราย | กต | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดเชียงราย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงราย ๒. แต่งตั้งนายกี แอแดลแบร์เฌ (Mr. Guy Heidelberger) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดเชียงราย
|
||||||||||||||||||||||||
25638 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินให้มีที่ดินทำกิน และเป็นการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและดำเนินการให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในที่ดินเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25639 | รายงานประจำปี 2556 สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๖ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (ตุลาคม ๒๕๕๕-กันยายน ๒๕๕๖) รวม ๒๐๑,๗๐๒,๑๐๐.๐๐ บาท มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปทั้งสิ้น จำนวน ๑๕๔,๒๑๒,๙๑๗.๖๗ บาท เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๔๐,๑๖๘,๓๑๖.๐๐ บาท งบประมาณคงเหลือ จำนวน ๗,๓๒๐,๘๖๖.๓๓ บาท ๒. การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ จำนวนทั้งสิ้น ๔๖ เรื่อง จำแนกตามหมวด ๕ ด้าน ได้แก่ กลุ่มด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๑๑ เรื่อง กลุ่มด้านสังคม จำนวน ๑๗ เรื่อง กลุ่มด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๑๔ เรื่อง กลุ่มด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๔ เรื่อง สำหรับกลุ่มด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน (ไม่มีเรื่อง) ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการตอบสนองจากฝ่ายบริหาร โดยได้มีผลการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการ ตลอดจนได้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติคณะรัฐมนตรี แล้ว จำนวน ๒๗ เรื่อง และเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและยังไม่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๙ เรื่อง ๓. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรในต่างประเทศโดยได้จัดประชุมนานาชาติขององค์กรสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือองค์กรที่คล้ายคลึงแห่งเอเชีย เรื่อง “การสร้างความสมดุลของความเติบโตทางเศรษฐกิจกับความเข้มแข็งของสังคมของประเทศในเอเชีย” เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับการดำเนินงานด้านต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๕-กันยายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
25640 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อจัดสรรเป็นพื้นที่ต่อเนื่องสำหรับการประกอบอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ในการดำเนินการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....