ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1181 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23601 - 23620 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23601 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางสายทางเลี่ยงเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ส่วนที่ 2 | คค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทาง สายทางเลี่ยงเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ส่วนที่ ๒ ในวงเงิน ๘๘๘,๖๙๗,๗๕๖ บาท (สำหรับรายการก่อสร้างทาง สายทางเลี่ยงเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ส่วนที่ ๑ จะได้รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไป) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า การดำเนินการดังกล่าว มีผลการดำเนินการต่ำกว่าราคากลางและวงเงินที่อนุมัติ น้อยมาก หากสามารถต่อรองราคากับผู้รับจ้างให้ปรับลดราคาลงอีก จะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการ และในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23602 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นของประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ (๔ ช่องทาง) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (๑ ช่องทาง) รวมทั้งสิ้น ๕๖,๘๔๒ ครั้ง จำนวน ๓๖,๓๙๗ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ ปัญหาหนี้สินนอกระบบ แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย ตามลำดับ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณากำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการเร่งรัดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว แล้วเสนอมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับหนี้สินนอกระบบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23603 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 | กค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม มีจำนวน ๕,๗๓๐,๕๑๙.๒๓ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๓.๓๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๐๙๔,๐๐๘.๕๙ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๕๑,๕๕๐.๙๗ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน จำนวน ๕๗๖,๗๖๓.๐๒ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน ๘,๑๙๖.๖๕ ล้านบาท ๑.๒ รายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ โดยในระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๔๓,๒๐๖.๓๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๕๒ ของแผนฯ ๑.๓ ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของรัฐวิสาหกิจในช่วง ๖ เดือนแรก พบว่า มีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ที่มีการดำเนินโครงการลงทุนล่าช้ากว่าแผน ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ ๓-๕ ของการเคหะแห่งชาติ โครงการลงทุนโดยใช้เงินกู้ต่อจากกระทรวงการคลัง จำนวน ๔ โครงการ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการลงทุนล่าช้าวกว่าแผน จำนวน ๖ โครงการ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการจัดซื้อรถโดยสารเชื้อเพลิงธรรมชาติ จำนวน ๓,๑๘๓ คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการที่มีความล่าช้า ควรเร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อให้การใช้จ่ายของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23604 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | กษ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำบ้านนาบัว จังหวัดนครพนม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23605 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ และกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23606 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งบัญญัติให้มีค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ขึ้นใหม่ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23607 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... | คค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๓ และกำหนดเหตุแห่งการเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะเสียใหม่ให้มีความชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณากำหนดแนวทางหรือขั้นตอนการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฯ ไปสู่การปฏิบัติ และเร่งเตรียมความพร้อมของบุคลากรและระบบฐานข้อมูลที่ใช้ในการกำกับดูแล รวมทั้งเผยแพร่และทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะและประชาชนผู้ใช้บริการเพื่อให้ได้รับรู้สิทธิและหน้าที่ และสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดตามกฎหมายดังกล่าวได้อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23608 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
23609 | รายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรายงานของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาศึกษาเรื่อง หลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัด การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ | สว | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางในการบังคับใช้พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังฯ และคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรีฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่งวันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23610 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ปง | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๗) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับด้านการปราบปรามการฟอกเงิน ด้านการป้องกันการฟอกเงิน ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ ปปง. คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ปปง. และคณะกรรมการธุรกรรม รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ และให้นำรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
23611 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ฟ้อง องค์การเภสัชกรรม ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม | นร05 | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้อง คดีหมายเลขดำที่ ๑๔๒๑/๒๕๕๖ ระหว่างนายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ผู้ฟ้องคดี และองค์การเภสัชกรรม ที่ ๑ คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ทึ่ ๒ ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ที่ ๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ ๔ คณะรัฐมนตรี ที่ ๕ ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๖๗/๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23612 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างนายประจวบ ภู่พลับ ที่ 1 กับพวกรวม 25 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | นร05 | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างนายประจวบ ภู่พลับ ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23613 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2558 และครั้งที่ 5/2558 | กค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ และครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ ตามที่ คนร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ ๖ แห่ง และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการกำกับและติดตามการดำเนินการตามมติ คนร. ที่เห็นชอบในหลักการให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท) ให้ความสำคัญเร่งด่วนในการใช้ประโยชน์จากเสาโทรคมนาคม โดยการเจรจายุติข้อพิพาทกับคู่สัญญาเอกชนต้องอยู่บนพื้นฐานตามที่ คนร. เห็นชอบ และให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว รวมทั้งให้ชะลอการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจของ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ออกไปก่อน เพื่อปรับปรุงขอบเขตการศึกษาให้สอดคล้องกับมติ คนร. ๑.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการพิจารณาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการรถไฟทางคู่ให้แล้วเสร็จตามกำหนด และให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำแนวทางการให้เอกชนเข้าร่วมการเดินรถในรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail link : ARL) โดยให้เอกชนดำเนินการร่วมกับบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ด้วย ซึ่งรวมถึงดำเนินการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยายไปถึงท่าอากาศยานดอนเมืองและอู่ตะเภา ๑.๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการศึกษา (๑) การกำหนดเส้นทางเดินรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง โดยให้ ขสมก. เดินรถในเส้นทางหลักและกำหนดแนวทางการออกใบอนุญาต และดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ ที่ให้ ขสมก. เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใน ๖๐ วัน (๒) จัดทำรายละเอียดการดำเนินงานที่จำเป็นในการให้กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการทั้งหมดโดยตรงและกำหนดระยะเวลาการดำเนินการที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติโดยเร็ว และ (๓) กำกับดูแลให้ ขสมก. ดำเนินการจัดซื้อรถโดยสารก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้เป็นไปตามแผน รวมถึงให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการของรถโดยสาร NGV งวดที่ ๑ เพื่อทบทวนแผนการจัดซื้อรถโดยสาร NGV งวดที่ ๒ รวมทั้งเห็นชอบให้กรมการขนส่งทางบกศึกษาการปฏิรูปเส้นทางเดินรถให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ๑.๑.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (ด้านเศรษฐกิจ) เป็นประธานเพื่อหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการ Bad Bank และสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยในอนาคต โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาและมติเกี่ยวกับโครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการตามผลการพิจารณาและมติ คนร. ๑.๓ รับทราบและเห็นชอบผลการดำเนินงานของ คนร. และมอบหมาย ๑.๓.๑ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายจัดตั้งในส่วนกรรมการโดยตำแหน่งที่ขัดหลักธรรมาภิบาลที่ดี [กรรมการรัฐวิสาหกิจต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่เป็นผู้กำกับดูแลรายสาขา (Regulator)] ๑.๓.๒ ให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินพิจารณาความเหมาะสมเกี่ยวกับสัดส่วนการจำหน่ายหุ้นและการถือหุ้นในบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐมากขึ้น รวมถึงการลงทุนขนาดใหญ่ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมด้วย การจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติเพื่อกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัด การปรับปรุงกระบวนการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23614 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยกำหนดบทนิยามของผู้เสียหายไม่ให้รวมถึงผู้ประสบภัยซึ่งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เพิ่มอำนาจของคณะกรรมการในการมอบอำนาจพิจารณาอนุมัติค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรือค่าใช้จ่ายให้แก่คณะอนุกรรมการ เพิ่มเติมสถานที่ยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรือค่าใช้จ่าย ให้รวมถึงหน่วยงานอื่นที่รัฐมนตรีมอบหมาย การใช้สิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการ และการเพิ่มความผิดที่กระทำต่อผู้เสียหายให้รวมถึงความผิดอื่นซึ่งทำให้ผู้เสียหายอาจขอรับค่าตอบแทนได้ในรายการท้ายพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับความผิดที่กระทำต่อผู้เสียหายซึ่งกระทำให้ผู้เสียหายอาจขอรับค่าตอบแทนได้ ตามมาตรา ๑๗ นั้น มีการบัญญัติความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ไว้ใน (๑) (ก) ลักษณะ ๑๐ ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย หมวด ๒ ความผิดต่อร่างกาย มาตรา ๒๙๕ ถึงมาตรา ๓๐๐ ซึ่งการบัญญัติเช่นนี้โดยไม่นำประมวลกฎหมายอาญาทหารบางมาตรามาบัญญัติรวมไว้ด้วย อาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้เสียหาย รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่เพิ่มเติมตามรายการท้ายพระราชบัญญัติซึ่งทำให้ผู้เสียหายอาจขอรับค่าตอบแทนได้นั้น เป็นความผิดที่รวมการกระทำหลายอย่าง โดยมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์รวมอยู่ด้วย ในขณะที่มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ กำหนดให้ค่าตอบแทนที่จะจ่ายแก่ผู้เสียหายรวมถึงค่าตอบแทนความเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร อาจเปิดช่องให้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้เสียหายสำหรับความเสียหายต่อทรัพย์ที่สูญเสียไปโดยการกระทำผิดได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23615 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำ จากคำว่า “เลื่อนขั้นเงินเดือน” เป็นคำว่า “เลื่อนเงินเดือน” และคำว่า “ลดขั้นเงินเดือน” เป็น “ลดเงินเดือน” เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงระบบการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญจากระบบขั้นเป็นร้อยละของฐานในการคำนวณตามช่วงเงินเดือน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมให้มีคณะอนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ในเรื่องที่เกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาศึกษาอัตราเงินเดือนของข้าราชการครูและอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความเหมาะสมของอัตราเงินเดือน ตลอดจนให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
23616 | ร่างพระราชบัญญัติหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ พ.ศ. .... | ตช | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้มีหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินหมายเลขเดียวตามมาตรฐานสากล และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาหาข้อยุติเกี่ยวกับการเลือกหมายเลขที่เป็นหมายเลขสากล แล้วแจ้งผลการพิจารณาไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาต่อไป หากผลการพิจารณาสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป หากผลการพิจารณาแตกต่างจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
23617 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีกระยะหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะครบระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ จากเดิมร้อยละ ๑๐ โดยให้ยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการปฏิรูประบบภาษีอากรและโครงสร้างอัตราภาษีอากรประเภทต่าง ๆ ทั้งระบบ ซึ่งรวมทั้งอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความพร้อมต่อการประกาศใช้เมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวที่เข้มแข็งมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
23618 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา - มาบตาพุด ของกรมทางหลวง | คค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า จากผลการศึกษาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา-มาบตาพุด ระบุว่าโครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) สูง จากการเชื่อมโยงระหว่างเมือง การลดปัญหาการจราจรติดขัด การเพิ่มของมูลค่าที่ดินตลอดแนวโครงการ แต่เป็นโครงการที่มีผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ต่ำ จึงทำให้เอกชนไม่สนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่า โครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสังคมมากกว่า ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า หนี้สาธารณะในปัจจุบันอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้เพราะไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลัง โดยมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ ๕.๘๗ เท่านั้น ๒. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ สายพัทยา-มาบตาพุด วงเงินลงทุนรวม ๒๐,๒๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน วงเงิน ๑๔,๒๐๐ ล้านบาท โดยใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางตามแผนประมาณการรายจ่ายที่ขอตกลงกับกระทรวงการคลัง และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน วงเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๑,๔๔๐ ล้านบาท และเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รองรับไว้ จำนวน ๓,๖๐๐ ล้านบาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๖๐ ล้านบาท ให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการระยะที่ ๑ ให้กำหนดระยะเวลาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ส่วนการดำเนินโครงการในส่วนที่เหลือให้กำหนดเป็นระยะที่ ๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าผ่านทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองให้มีความเหมาะสม การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในกิจกรรมการบริหารจัดการและซ่อมบำรุงทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองทั้งในส่วนที่เปิดให้บริการแล้วและที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ รวมทั้งหารือกับกระทรวงการคลังในการพิจารณาแนวทางหรือรูปแบบการบริหารเงินกองทุนค่าธรรมเนียมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการนำไปพัฒนาลงทุนก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเส้นทางอื่น ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีที่เห็นว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโครงการอื่น ๆ ของกระทรวงคมนาคมควรดำเนินการในลักษณะไม่เป็นภาระหนี้สาธารณะของประเทศ โดยให้มีการร่วมลงทุนจากภาคเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ร่วมกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทางการจัดทำระบบการกักเก็บน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษดังกล่าว เช่น การสร้างท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ใต้พื้นที่โครงการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23619 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ของกรมทางหลวง | คค | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า จากผลการศึกษาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระบุว่าโครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) สูง จากการเชื่อมโยงระหว่างเมือง การลดปัญหาการจราจรติดขัด การเพิ่มของมูลค่าที่ดินตลอดแนวโครงการ แต่เป็นโครงการที่มีผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ต่ำ จึงทำให้เอกชนไม่สนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่า โครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสังคมมากกว่า ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า หนี้สาธารณะในปัจจุบันอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้เพราะไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลัง โดยมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ ๕.๘๗ เท่านั้น ๒. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา วงเงินลงทุนรวม ๘๔,๖๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การดำเนินโครงการก่อสร้างฯ ด้วยวิธีการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง วงเงินค่าก่อสร้าง ๗๗,๙๗๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการ และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน วงเงิน ๖,๖๓๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการระยะที่ ๑ ให้กำหนดระยะเวลาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ส่วนการดำเนินโครงการในส่วนที่เหลือให้กำหนดเป็นระยะที่ ๒ ต่อไป ๓. กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางในการดำเนินโครงการให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ส่งรายงานการเปลี่ยนแปลงในส่วนดังกล่าวให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมพิจารณา รวมทั้งเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การกำหนดอัตราค่าผ่านทางที่เหมาะสม ตลอดจนเร่งพัฒนาระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ รวมทั้งการศึกษาเปรียบเทียบต้นทุน O&M ของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในระยะยาวระหว่างกรณีกรมทางหลวงดำเนินการ O&M เอง กับกรณีการให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ O&M เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีที่เห็นว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโครงการอื่น ๆ ของกระทรวงคมนาคมควรดำเนินการในลักษณะที่ไม่เป็นภาระหนี้สาธารณะของประเทศ โดยให้มีการร่วมลงทุนจากภาคเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๕. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ร่วมกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทางการจัดทำระบบการกักเก็บน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษดังกล่าว เช่น การสร้างท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ใต้พื้นที่โครงการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
23620 | โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า และโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคเหนือตอนบน เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า | พน | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของ กฟผ. วงเงินลงทุนรวม ๙๔,๐๔๐ ล้านบาท และขออนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๕๘ สำหรับโครงการดังกล่าว จำนวน ๕.๓ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคเหนือตอนบน เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของ กฟผ. วงเงินลงทุนรวม ๑๒,๒๔๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เกี่ยวกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) การพิจารณากำหนดและปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ควรคำนึงถึงสภาพพื้นที่จริงในปัจจุบันประกอบด้วย และในการดำเนินโครงการอื่น ๆ ในอนาคตควรพิจารณาหลีกเลี่ยงดำเนินการในพื้นที่ที่จะเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า C พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางทรัพยากรธรรมชาติ และควรศึกษาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดต่อสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ และทรัพยากรธรรมชาติที่อาจไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมหรือทดแทนได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของชุมชนและประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นสำคัญ รวมทั้งควรบริหารและควบคุมการดำเนินงานให้มีต้นทุนที่ประหยัดมากที่สุด โดยคำนึงถึงการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ควรดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่แนวสายส่งพาดผ่านตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ และควรบริหารจัดการการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายและบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากประชาชนมากเกินความจำเป็น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....