ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1181 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23601 - 23620 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23601 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | พศ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒ แปลง แปลงที่ ๑ ที่วัด ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๘๗๘๒ เนื้อที่ ๙๖ ตารางวา และแปลงที่ ๒ ที่ธรณีสงฆ์ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๓๓๔๒ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓๘ ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๑ ไร่ ๑ งาน ๓๔ ตารางวา ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนคู้บอนกับถนนกาญจนาภิเษก และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23602 | รายงานประจำปี 2555 และ 2556 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืนหน้าที่สำคัญของการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การสร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ การพัฒนาความเข้มแข็งระบบสุขภาพชุมชน การพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพ การพัฒนานโยบายสุขภาพที่ส่งเสริมความเป็นธรรม และการพัฒนาระบบวิจัยสาธารณสุข ๒. ผลการประเมิน สวรส. ตามตัวชี้วัด บริษัทไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (TRIS) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีผลรวมคะแนน ๔.๕๗๒๘ คะแนน หรือร้อยละ ๙๑.๔๖ และ ๔.๐๐๐๗ คะแนน หรือร้อยละ ๘๐.๐๑ ตามลำดับ ๓. รายงานทางการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด โดยในปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีสินทรัพย์ ๘๐๔,๔๐๕,๙๑๕.๗๒ บาท และ ๑,๐๓๕,๖๑๒,๙๓๔.๔๔ บาท หนี้สิน ๑๔๔,๗๐๔,๔๓๐.๓๐ บาท และ ๑๘๕,๕๕๖,๙๓๑.๐๗ บาท รายได้จากการดำเนินการ ๓๒๙,๖๐๐,๘๔๖.๑๗ บาท และ ๔๖๗,๓๘๖,๑๙๗.๑๒ บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการ ๓๒๒,๘๐๐,๗๙๐.๘๗ บาท และ ๒๗๖,๕๓๘,๑๘๖.๓๖ บาท และรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๖,๘๐๐,๐๕๕.๓๐ บาท และ ๑๙๐,๘๔๘,๐๑๐.๗๖ บาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
23603 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23604 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23605 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23606 | ร่างพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณี และการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้ปรับแก้ข้อความในมาตรา ๒ เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”
|
|||||||||||||||||||||
23607 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23608 | ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการเกี่ยวกับการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีหลักการเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นให้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่โดยที่กระบวนการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะมีกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนนายร้อยตำรวจกำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างกับกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจอื่นที่มีตำแหน่งเทียบเท่ากัน จึงเห็นควรพิจารณาทบทวนให้ระบบการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นเอกภาพ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้มีระบบเป็นมาตรฐานเดียวกันและเกิดเอกภาพ ทั้งนี้ ให้รับร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณา และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาประเด็นตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23609 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ ๘๐ บาทต่อห้องพัก เหลือปีละ ๔๐ บาทต่อห้องพัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งเสนอผลการดำเนินการปรับปรุงค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
23610 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการเรียกให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมส่งมอบเอกสารหลักฐาน และให้หน่วยงานที่มีกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต รายงานผลการดำเนินการทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่องทุกระยะสี่เดือน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23611 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย | กห | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนวัสดุ อะไหล่ ชิ้นส่วนซ่อม การซ่อมบำรุง การบริการทางเทคนิคที่จำเป็นเร่งด่วนทางการทหาร สิ่งอำนวยความสะดวก วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องใช้ทางการแพทย์และทันตกรรมต่าง ๆ การเคลื่อนย้าย การอพยพ และการส่งบุคลากรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การดูแลและบำบัดรักษา การจัดการบริการเครื่องใช้และวัสดุ การแลกเปลี่ยนบุคลากรและข้อมูล การจัดให้มีการฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน รวมทั้งโครงการใช้ประโยชน์จากฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อันจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารที่จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในอนาคต ๑.๒ ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
23612 | การขอความเห็นชอบต่อร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน | กต | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียน (Protocol Amending the Revised Memorandum of Understanding of the Establishment of the ASEAN Foundation) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการรับรอง ลงนาม และการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารภายใต้มาตรา ๖ โดยปรับแก้ผู้มีอำนาจในการลงนามการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจจากคณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council) เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียนหรือผู้แทนร่วมรับรองเอกสารฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ซึ่งเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
23613 | เอกสารเพิ่มเติม (Addendum) ฉบับที่ 2 ของสัญญาการให้ (Grant Contract) การดำเนินความสัมพันธ์กับภายนอกของสหภาพยุโรปภายใต้ความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงินในโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป (ASEAN Regional Integration Support from the EU: ARISE) | กต | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารเพิ่มเติม (Addendum) ฉบับที่ ๒ ของสัญญาการให้ (Grant Contract) การดำเนินความสัมพันธ์กับภายนอกของสหภาพยุโรปภายใต้ความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงินในโครงการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป (ASEAN Regional Integration Support from the EU : ARISE) จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ขยายระยะเวลาการดำเนินการเพิ่มเติมอีก ๙ เดือน จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และ (๒) จัดสรรงบประมาณที่ยังไม่ได้ใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนในการพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินโครงการ โดยหมวดงบประมาณที่มีการจัดสรรใหม่ ได้แก่ หมวดทรัพยากรบุคคล หมวดการเดินทาง และหมวดค่าใช้จ่ายและบริการอื่น ๆ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบต่อเอกสารเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ แล้ว และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามเอกสารเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||
23614 | การลงนามร่างความตกลงยอมรับร่วมกันเกี่ยวกับโครงการผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจที่ได้รับอนุญาตระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง | กค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangement : MRA) เกี่ยวกับโครงการผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจที่ได้รับอนุญาตระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งกรมศุลกากรได้ร่วมลงนามในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาความตกลงยอมรับร่วมกัน (MRA) สำหรับโครงการผู้ประกอบการมาตรฐานเออีโอกับศุลกากรฮ่องกง เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอน คือ (๑) ศึกษาภาพรวมโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (Authorized Economic Operator : AEO) ของทั้งสองประเทศ (๒) เปรียบเทียบข้อมูลโครงการ AEO และตรวจสอบสถานประกอบการร่วมกัน (๓) ประเมินภาพรวมโครงการ AEO ของทั้งสองประเทศ และ (๔) เจรจาสรุปผลการจัดทำ MRA ร่วมกัน ๑.๒ ให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติ ให้กรมศุลกากรพิจารณาดำเนินการในการพัฒนากลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม และมีการเตรียมระบบการประเมินความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการลดการตรวจ (reduced cargo inspections) การให้บริการในการผ่านพิธีการก่อน (priority clearance) และการทำให้การผ่านพิธีการศุลกากรมีความรวดเร็วขึ้นในกรณีที่มีการหยุดชะงักของการค้าระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23615 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 2 | กค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญคือ รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้กระทรวงการคลังกู้เงินผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) สำหรับโครงการรถไฟสายสีแดง ระยะที่ ๒ วงเงิน ๓๘,๒๐๓ ล้านเยน โดยมีเงื่อนไขเงินกู้แบบ Preferential Terms ประกอบด้วย อายุเงินกู้ ๒๐ ปี (รวมระยะปลอดหนี้ ๖ ปี) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๔๐ ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับการจ้างที่ปรึกษาร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี Front-End Fee ร้อยละ ๐.๒๐ ของวงเงินกู้ (ชำระครั้งเดียวภายใน ๖๐ วัน หลังจากสัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้) และระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ ๓ ปี และร่างสัญญาเงินกู้ มีสาระสำคัญสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และ General Terms and Conditions for Japanese ODA Loan (GTC) ฉบับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่ง GTC เป็นเอกสารหลักที่สัญญาเงินกู้ใช้อ้างอิง โดย GTC จะกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ ๒ วงเงิน ๓๘,๒๐๓ ล้านเยน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น และอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ รฟท. เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และลงนามในสัญญาเงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวในโอกาสแรกภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ทั้งนี้ หากในทางปฏิบัติของการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนฯ เป็นที่ยอมรับกันระหว่างคู่ภาคีว่าผู้ลงนามไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแนวทางปฏิบัติดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาดำเนินการก่อสร้างงานโยธาและสรุปผลการเจรจาจัดหาระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้าโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการเดินรถของโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดงที่มีความเหมาะสมต่อความพร้อมทางการเงินบุคลากรของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สามารถตอบสนองต่อปริมาณความต้องการเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการของโครงการฯ ในปี ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23616 | การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 5 | มท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ในระดับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในร่างบันทึกการประชุมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญและจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงมหาดไทยหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความเห็นชอบได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีก ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในบันทึกการประชุมดังกล่าว โดยไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ขอแก้ไขจาก “มาตรการสุขาภิบาลและสุขอนามัยพืช” เป็น “มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช” และให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และการสำรวจรายละเอียดภูมิประเทศร่วม (Joint Detail Survey) ในบริเวณพื้นที่ที่ยังมีปัญหาเขตแดน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการยกระดับ/เปิดจุดผ่านแดน ตามสาระสำคัญในร่างบันทึกการประชุมฯ เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23617 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างชิ้นงานนิทรรศการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าพร้อมติดตั้ง | วท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างชิ้นงานนิทรรศการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าพร้อมติดตั้ง วงเงิน ๑,๐๖๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้เบิกจ่ายค่างานก่อสร้างจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ส่วนที่เหลือ จำนวน ๘๔๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการเร่งรัด ติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระกับงบประมาณภาครัฐในอนาคต และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อความโปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการเป็นสำคัญ ตลอดจนกำกับดูแลให้เป็นไปตามการออกแบบและการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีการดำเนินโครงการอื่น ๆ ในระยะต่อไป ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการต่อรองราคาให้ต่ำกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ |
|||||||||||||||||||||
23618 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 เรื่อง การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรมณ ต่างประเทศ (ข้อ ๓) ดังนี้
ในระหว่างที่การปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยกระทรวงการคลังยังไม่แล้วเสร็จ ให้การเดินทางไปราชการต่างประเทศของข้าราชการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑. การเดินทางที่มีระยะเวลาในการเดินทางมากกว่า ๙ ชั่วโมง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. การเดินทางที่มีระยะเวลาในการเดินทางต่ำกว่า ๙ ชั่วโมง ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ การเดินทางตามข้อ ๑ และข้อ ๒ หมายถึง การไปปฏิบัติราชการตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย เช่น การเดินทางเพื่อไปประชุม เจรจาหรือการร่วมการเดินทางของผู้บังคับบัญชา เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงการเดินทางเพื่อทัศนศึกษา หรือดูงานตามหลักสูตรการศึกษาอบรมต่าง ๆ ที่ยังคงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากระยะเวลาในการเดินทางไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นและมีเหตุผลความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการที่จะเปลี่ยนแปลงชั้นโดยสาร ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัดของข้าราชการเป็นผู้วินิจฉัยสั่งการ หลักเกณฑ์ดังกล่าวยกเว้นผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ให้คงเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ คือ ให้เดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในชั้นประหยัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณภาครัฐในการเดินทางต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
23619 | รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี 2556 | นร11 | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์ความยากจนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๖ ความยากจนโดยรวมลดลง แต่ความยากจนยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย คนจนส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ และลักษณะของคน/ครัวเรือนที่มีโอกาสสูงจะตกเป็นคนจนที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ที่มีการศึกษาต่ำ ผู้ที่ทำงานในภาคเกษตร และครัวเรือนขนาดใหญ่ ๒. สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี ๒๕๕๖ ได้แก่ ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ความเหลื่อมล้ำด้านสินทรัพย์ทางการเงิน ความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ความเหลื่อมล้ำคุณภาพการให้บริการสาธารณสุข และความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เสมอภาคทางเพศ ๓. นโยบายและการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติภายใต้โครงการที่สำคัญเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ได้แก่ มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน การสร้างความมั่นคงด้านรายได้และการสร้างโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและแหล่งทุนในการประกอบอาชีพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาของผู้ที่มีฐานะยากจน ผู้มีรายได้น้อย หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ การสร้างโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการสังคมและที่อยู่อาศัย และการสร้างโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ๔. ประเด็นที่สำคัญในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมของภาครัฐในระยะที่ผ่านมายังขาดระบบฐานข้อมูลคนจน/ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาสเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในบริหารจัดการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่สมควรจะได้รับอย่างแท้จริง การดำเนินโครงการที่มีการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายและเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สมควรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นโครงการที่ควรจะผลักดันให้มีการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป การดำเนินโครงการที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายแต่เป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้างครอบคลุมทุกคนในกลุ่มเป้าหมาย ควรพิจารณาเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่สมควรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงเพื่อลดภาระด้านงบประมาณของรัฐ และการดำเนินโครงการที่ไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (เป้าหมายคือ ประชาชนทั่วไป) ควรพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐโดยไม่เป็นภาระด้านงบประมาณมากเกินไป ๕. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย การแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมในระยะต่อไป ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ ยกระดับรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มเป้าหมายคนจน ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีรายได้ต่ำสุด ๔๐% ล่าง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวสามารถพึ่งตนเองได้ มีโอกาสเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐได้อย่างมีคุณภาพและทั่วถึง มีโอกาสพัฒนาทักษะความรู้ในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมทั้งมีโอกาสเข้าถึงที่ดินทำกินและแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ
|
|||||||||||||||||||||
23620 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ต้องจัดให้มีสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ รายงานการขนส่งและรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการ พ.ศ. .... | คค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ต้องจัดให้มีสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ รายงานการขนส่งและรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่ง หลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๐ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อกำหนดประเภทผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ต้องจัดทำสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ รายงานการขนส่ง และรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่ง และข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำรายงาน แบบการรายงานต่าง ๆ รวมทั้งวิธีการจัดส่งข้อมูล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....