ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1184 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23661 - 23680 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23661 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายสุวิชญ โรจนวานิช ฯลฯ) | กค | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ๒. นายประภาศ คงเอียด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางพรรณขนิตตา บุญครอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
23662 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายวิรไท สันติประภพ) | กค | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิรไท สันติประภพ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23663 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 4 ราย 1. นายลวรณ แสงสนิท ฯลฯ) | กค | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ๒. นายเอด วิบูลย์เจริญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๓. นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๔. นายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23664 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2558 - 2559 | กห | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ ๕๘ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ห้วงการศึกษาตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงกันยายน ๒๕๕๙ และหากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลังพบว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่กำหนดไว้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตัดรายชื่อออกจากจำนวนที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งการพิจารณาผู้ที่จะเข้าศึกษาทดแทน ดำเนินการได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องขออนุมัติใหม่ ทั้ง ๒ กรณี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23665 | ร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 6 | กต | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ และประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยมีประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมือง การค้า เศรษฐกิจและการลงทุน อุตสาหกรรม พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ารัสเซียโดยไม่มีการลงนาม ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกการประชุมดังกล่าวในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงข้อความบางประการในส่วนของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23666 | การแก้ไขความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างรัฐ | กต | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างประเทศทั้งสอง มีสาระสำคัญคือ กัมพูชายอมรับข้อเสนอขอแก้ไขของไทยใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มวัตถุประสงค์ของการข้ามแดนให้ผู้ถือบัตรผ่านแดนที่ประสงค์จะทำงานในลักษณะไป-กลับหรือตามฤดูกาลได้ (๒) การกำหนดระยะเวลาพำนักให้ผู้ถือบัตรผ่านแดนสามารถทำงานในลักษณะไปกลับหรือตามฤดูกาลสามารถพำนักอยู่ในพื้นที่อนุญาตได้ครั้งละไม่เกิน ๓๐ วันโดยจะต้องทำตามเงื่อนไขและกระบวนการภายในของประเทศผู้รับ และ (๓) การขยายพื้นที่อนุญาตให้พำนัก จากเดิมซึ่งกำหนดเฉพาะพื้นที่อำเภอชายแดนให้เป็นพื้นที่จังหวัดชายแดนทั้งจังหวัด และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำใด ๆ ที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีอีก ๒. การดำเนินการแก้ไขความตกลงฯ อีก ๒ ฉบับที่เหลือ ได้แก่ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างทั้งสองประเทศ และความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กระทรวงการต่างประเทศจะพยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จโนโอกาสแรก โดยในส่วนของลาวจะพยายามผลักดันให้แล้วเสร็จและลงนามได้ในทันทีที่ฝ่ายลาวเห็นชอบร่างความตกลงฯ สำหรับเมียนมาจะเร่งรัดให้มีการลงนามความตกลงฯ ในช่วงการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-เมียนมา (JC) ครั้งที่ ๘ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23667 | ขออนุมัติดำเนินการต่อรายการรายจ่ายลงทุน ปีงบประมาณ 2558 | สลธ.คสช. | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบรายการรายจ่ายลงทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท ที่ดำเนินการผูกพันได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๒๐๐ รายการ วงเงิน ๙,๐๑๗.๙๒๙ ล้านบาท และรายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณสูงกว่า ๕๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่ส่วนราชการเสนอเพิ่มเติม จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๑๓๕.๓๗ ล้านบาท เป็นรายการที่ส่วนราชการดำเนินการถึงขั้นการประกาศเชิญชวนซึ่งสามารถผูกพันได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ดำเนินการผูกพันงบประมาณให้ถูกต้องตามระเบียบทางราชการต่อไป ๑.๒ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท ที่ดำเนินการผูกพันไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒๐ รายการ วงเงิน ๑,๘๖๔.๐๑๖ ล้านบาท เป็นรายการที่ส่วนราชการยังไม่ดำเนินการหรืออยู่ระหว่างหัวหน้าส่วนราชการให้ความเห็นชอบขอจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งพิจารณาจากห้วงเวลาแล้วไม่สามารถผูกพันได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณ แต่หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการสามารถโอนเปลี่ยนแปลงไปในรายการที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ๒. ให้ส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีกรณีที่ส่วนราชการดำเนินการผูกพันงบประมาณไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้ยกเลิกรายการนั้น หากจะนำงบประมาณในส่วนนี้ไปใช้รายการอื่นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23668 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ขององค์กรอิสระตาม รัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานที่ไม่อยู่ในบังคับ บัญชาหรือกำกับของฝ่ายบริหาร | นร07 | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานที่ไม่อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับของฝ่ายบริหาร ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23669 | โครงการตลาด กทม. กระตุ้นเศรษฐกิจตอบสนองนโยบายรัฐบาล | มท | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมการดำเนินโครงการตลาด กทม. กระตุ้นเศรษฐกิจตอบสนองนโยบายรัฐบาล กำหนดพื้นที่การจัดตลาด ๔ พื้นที่ ได้แก่ ตลาดนัดอุทยาน เขตทวีวัฒนา ตลาดนัดศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด เขตทุ่งครุ ตลาดนัดบริเวณหน้าห้างไอทีสแควร์ เขตหลักสี่ และตลาดนัดบริเวณกรมอุตุนิยมวิทยา เขตบางนา โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อร่วมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดจัดงานในวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ของทุกสัปดาห์ ระหว่างเวลาประมาณ ๑๕.๐๐-๒๒.๐๐ น. และจะมีการประเมินผลการดำเนินการเพื่อนำมาพิจารณาปรับช่วงระยะเวลาของการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่จากภาคเอกชนมาร่วมจำหน่ายสินค้าดีมีคุณภาพในราคาถูก เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||
23670 | การเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอสาธิรารชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 | นร | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ
|
|||||||||||||||||||||
23671 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนการใช้เงินสำหรับโครงการลงทุนสำคัญของรัฐบาล โดยจำแนกให้ชัดเจนว่าเป็นการใช้เงินประเภทใด (งบประมาณ เงินกู้) จำนวนเท่าใด ในช่วงรัฐบาลนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙) และในระยะต่อไปที่จะส่งต่อให้รัฐบาลหน้า รวมทั้งพิจารณาว่าโครงการใดสามารถให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐได้ โดยให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้รัฐบาลใช้ในการวางแผนงบประมาณและการบริหารจัดการหนี้สาธารณะต่อไป ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน (เช่น การลงทุนด้านการวิจัย การลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเร่งด่วนตามแนวชายแดน เป็นต้น) รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์ โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์จากต่างประเทศ เพื่อดึงดูดให้ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไป ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้หน่วยงานที่ดูแลข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย บูรณาการข้อมูลและร่วมกันแถลงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้ประชาชนได้รับทราบเป็นรายเดือน ๑.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยอาจพิจารณาใช้พื้นที่ของส่วนราชการ เช่น อุทยานแห่งชาติ หรือขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้จัดรายการส่งเสริมการขาย เช่น ให้ส่วนลดราคาค่าเช่าที่พัก และส่วนลดร้านอาหารต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศให้มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ๑.๕ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ และ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกรซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบและถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยอาจพิจารณาดำเนินการในรูปแบบกองทุนที่เป็นผู้รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อให้เกษตรกรยังสามารถมีที่ดินทำกินต่อไปได้ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวประมงด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการดูแลการประดับธงต่าง ๆ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศให้มีความเหมาะสมทั้งสถานที่และช่วงระยะเวลาในการประดับธงด้วย ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเกี่ยวกับโครงการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายพร้อมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ในแต่ละโครงการ เช่น ความช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงหรือไม่ อย่างไร กลุ่มเป้าหมายได้รับความช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด แล้วรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณาศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับวิธีการปลูกข้าวที่ใช้น้ำน้อยและการลดต้นทุนการผลิตด้วยเทคนิควิธีการต่าง ๆ ของจังหวัดชัยนาท เช่น การปลูกข้าวด้วยเทคนิคเปียกสลับแห้งหรือที่เรียกว่าการแกล้งข้าว โดยใช้ท่อ PVC เพื่อดูระดับน้ำในแปลงนาข้าว ทั้งนี้ เพื่อจะได้นำเทคนิคหรือวิธีการดังกล่าวไปเผยแพร่ให้เกษตรกรในพื้นที่อื่น ๆ นำไปใช้ในการปลูกข้าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23672 | การประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 | นร | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๗ ของนายกรัฐมนตรีและคณะ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๗ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงโตเกียว เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมย้ำให้ประเทศสมาชิกเติบโตไปพร้อมกัน และมีประชาชนเป็นศูนย์กลางด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคง ครอบคลุมทุกมิติ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน รวมทั้งผลักดันให้มีการส่งเสริมการลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงภายใต้หลักการ Thailand-Plus-One (+1) เพื่อให้ลุ่มน้ำโขงเป็นพลังขับเคลื่อนของอาเซียนที่ยั่งยืน หลังจากนั้นได้มีการรับรองยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๕ ๒. นายกรัฐมนตรีและคณะได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงความร่วมมือโครงการทวายระหว่างไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในกรอบความร่วมมือดังกล่าว รวมทั้งได้หารือร่วมกับกลุ่มสมาชิกมิตรภาพรัฐสภาญี่ปุ่น-แม่โขง ประธานสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นและประธานวุฒิสภาญี่ปุ่น ผู้นำภาคเอกชนญี่ปุ่น สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และได้เข้าร่วมประชุม Mekong-five Economic forum ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
23673 | การจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) | ทส | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าต้นน้ำ ๑๓ จังหวัดภาคเหนือซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำหลัก ๔ สาย ปิง วัง ยม น่าน ถูกบุกรุกทำลายประมาณ ๘.๖ ล้านไร่ มีผู้บุกรุกประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ คน ส่งผลให้เกิดปัญหาลำน้ำแห้งขอดในช่วงฤดูแล้งจนเกษตรกรในพื้นที่ราบไม่สามารถเพาะปลูกได้ ปัญหาน้ำป่าไหลหลากในช่วงฤดูฝนจนเกิดเป็นอุทกภัยและดินโคลนถล่ม และปัญหาการไหลเปื้อนของสารเคมีจากยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงสู่พื้นที่ราบ สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า ๔๖๙,๐๐๐ ล้านบาท รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยมีแนวทางการจัดการป่าเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ดังนี้ ๑.๑ แนวคิดในการดำเนินการแบ่งเป็น (๑) การควบคุมดูแลพื้นที่ (๒) การดูแลคน และ (๓) การพัฒนาด้านการเกษตร ๑.๒ ยุทธศาสตร์การบูรณาการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ภายใต้วิสัยทัศน์ “เพิ่มพื้นที่สีเขียวบนพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพที่สูงชันอย่างยั่งยืน” มีเป้าหมายคือ (๑) ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชันไม่น้อยกว่า ๘.๖ ล้านไร่ ภายในระยะเวลา ๒๐ ปี (๒) พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนในพื้นที่สูงให้สามารถอยู่ได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ (๓) สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔) ลดมูลค่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบด้วย ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การสร้างความเข้าใจทุกภาคส่วน (กระทรวงมหาดไทย) การจัดระเบียบคนและพื้นที่ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การป้องกันและรักษาป่า (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การฟื้นฟูระบบนิเวศ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) การสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กระทรวงศึกษาธิการ) และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน (กระทรวงมหาดไทย) ๑.๓ สำหรับแผนการปฏิบัติต่อไป จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานในกรอบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในพื้นที่นำร่อง (จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดน่าน) และนำผลการปฏิบัติในพื้นที่นำร่องมาจัดทำแผนแม่บทและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ๒. ในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอันดับแรก
|
|||||||||||||||||||||
23674 | ร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี หรือการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกกระทรวงรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาร่างกฎหมายในความรับผิดชอบที่อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี หรือการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งยังมีประเด็นข้อขัดแย้งหรือข้อถกเถียงในสังคมที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เช่น กฎหมายพลังงาน กฎหมายยาสูบ กฎหมายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กฎหมายป่าชุมชน กฎหมายประมง โดยให้พิจารณาทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นในการตรากฎหมาย ซึ่งต้องสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และ Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตลอดช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ แล้วให้ส่งกระทรวงยุติธรรมเพื่อรวบรวมและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23675 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๒/๒๕๕๘ วันพฤหัสบดีที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23676 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยเพิ่มเติมการกำหนดระยะเวลาให้ใช้ใบอนุญาตศิษย์พนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ มีระยะเวลาใช้ได้ ๒ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23677 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2530 พ.ศ. .... | พณ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๔๑) พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกให้กุ้งกุลาดำมีชีวิตที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ ๗.๕ นิ้ว หรือน้ำหนัก ๗๐ กรัมขึ้นไป รวมถึงลูกกุ้งที่จะเกิดจากพ่อแม่พันธุ์กุ้งขนาดดังกล่าวเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลสามารถส่งออกกุ้งกุลาดำมีชีวิตที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์หรือการเพาะเลี้ยงไปนอกราชอาณาจักรได้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23678 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | มท | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในภาพรวม ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๙๕,๔๒๐.๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๙๐ เพิ่มขึ้นจากรอบ ๓ เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ร้อยละ ๑๕.๘๗ และการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อต่าง ๆ ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทราบ และนำเอกสารการเสนอราคา ประกวดราคา ประกาศเชิญชวนและเผยแพร่ลงเว็บไซต์ รวมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าร่วมสังเกตการณ์ในวันประมูลแข่งขันราคา (e-Auction) ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร การจัดระเบียบสังคม การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย และการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมในส่วนกลาง และจังหวัด/อำเภอ ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ได้ทบทวนสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อัตราค่าตอบแทน และเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ (ขนาดใหญ่) และการจ่ายโบนัส และการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘ รวมทั้งสั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23679 | แผนงานโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนงานโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๑.๒ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (๕ ธันวามหาราช) และโครงการเฉลิมพระเกียรติทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23680 | ผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านและผลการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน 4 ภูมิภาค | พณ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่างให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางแก้ปัญหาอุปสรรค ทั้งนี้ ประธานได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานพิจารณารายละเอียดของร่างยุทธศาสตร์เพื่อกระทรวงพาณิชย์จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้ครอบคลุมเนื้อหาในทุก ๆ ด้าน พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนระยะเวลาและตัวชี้วัดการบรรลุผลที่ชัดเจนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการประกาศใช้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านและเป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานทุก ๒ เดือน ๒. กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยจัดกิจกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราดและหนองคายในโอกาสต่อไป รวมทั้งพัฒนารูปแบบการจัดงานด้วยการนำธุรกิจด้านบริการและกิจการแฟรนไชส์ อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์ความงาม และอื่น ๆ มาเป็นกิจกรรมหลักเพื่อเป็นการแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยเพื่อนำไปสู่การเจรจาธุรกิจในระดับสากลต่อไป ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายการค้าชายแดน การค้าผ่านแดน และการค้าเมืองหน้าด่าน เป็น ๑.๕ ล้านล้านบาท ในปี ๒๕๕๘ ๓. ความคืบหน้าผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกทางการค้าด้านชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน การยกระดับ/พัฒนาผู้ประกอบการเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์เชื่อมโยงภายในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้สอดรับกับนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล และเห็นชอบแผนงานนำร่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ๙ แผนงาน เช่น โครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน (Young Executive Entrepreneur) โครงการจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน โครงการจัดทำคู่มือสำหรับผู้ประกอบการค้าชายแดน และโครงการบริหารจัดการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรชายแดน เป็นต้น สำหรับผลการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน ๔ ภูมิภาค เป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าชายแดนผ่านโครงการนำร่องแม่สอดโมเดลในรูปแบบกิจกรรมการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว ๔ ครั้ง ใน ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว และสงขลา ทำให้มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่และมีการเจรจาธุรกิจระหว่างภาคเอกชน ซึ่งการจัดงานฯ ทั้ง ๔ ครั้ง ได้ก่อให้เกิดการตกลงทางการค้าและเงินสะพัดคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท
|
.....