ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1183 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23641 - 23660 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23641 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 4 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๔ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๓ และให้การประเมินเชิงบวกเกี่ยวกับความก้าวหน้าของงานที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ การประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมบุคลากร แผนการเดินรถ และซ่อมบำรุง การอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตรา และรูปแบบทางการเงิน โดยองค์การรถไฟแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ซีอาร์ซี) ได้เสนอร่างข้อเสนอแนะเกี่ยวกับองค์ประกอบของโครงการ การกำหนดความเร็วการเดินรถ การกำหนดที่ตั้งสถานี การกำหนดแนวเส้นทางเบื้องต้น ระบบการเดินรถและซ่อมบำรุง และได้เสนอหลักสูตรการฝึกอบรมบุคลากรด้านการก่อสร้างและการเดินรถสำหรับเส้นทางรถไฟ กรุงเทพฯ-แก่งคอย-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด สำหรับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทคนิค นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแผนการเดินรถและซ่อมบำรุงเส้นทางรถไฟ กรุงเทพฯ-แก่งคอย-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด รวมทั้งพิจารณารูปแบบการใช้งานและการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด รวมถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายโครงการกับการขยายทางคู่เส้นทางแก่งคอย-ฉะเชิงเทรา และรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง และได้เห็นชอบในหลักการให้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๕ ณ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามเป้าหมายที่คณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนกำหนดไว้ และเร่งพิจารณากำหนดหน่วยงานเจ้าของโครงการ (ฝ่ายไทย) ในการบริหารกิจการรถไฟขนาดทางมาตรฐานเพื่อให้สามารถคัดเลือกและสรรหาบุคลากรที่จะปฏิบัติงานจริงเข้ารับการอบรม รวมทั้งควรประสานกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรระบบรางเพื่อให้สามารถกำหนดหลักสูตรในลักษณะที่ต่อยอดจากหลักสูตรที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการฝึกอบรมแต่ละหลักสูตรของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายไทยเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความคุ้มค่าตามขั้นตอน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23642 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 11 - 15 พฤษภาคม 2558) | สผ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23643 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาแจ้งที่ประชุมทราบว่า การศึกษาถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในลำดับสูงที่ต้องดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วที่สุด มีความชัดเจนและทำได้จริง โดยซุปเปอร์บอร์ดด้านการศึกษาเป็นเวทีในการหารือและให้ข้อเสนอแนะแนวทางส่งต่อให้หน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เห็นผลได้ในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมีเป้าหมาย ตัวชี้วัดที่ชัดเจนเชิงปริมาณ ซึ่งจะต้องกำหนดแนวทางการดำเนินงานและแผนปฏิบัติการในระยะเร่งด่วนที่เห็นผลได้จริง รวมทั้งแผนการดำเนินงานในระยะยาวเพื่อสร้างรากฐานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นอกจากนี้ การพัฒนาด้านการศึกษาต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทั้งรูปแบบทวิภาคีหรือรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการพัฒนาด้านภาษาต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาการลงทุนของประเทศไทย โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทย ๑.๒ รับทราบการแต่งตั้งให้ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และให้มีผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย นายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ และนายวิรไท สันติประภพ ๑.๓ รับทราบตัวอย่างการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ได้แก่ ตัวอย่างการดำเนินงาน โดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) และตัวอย่างการพัฒนาการเรียนรู้การสอนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนำข้อคิดเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษานำความเห็นของที่ประชุมไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างวิสัยทัศน์และกรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษา ในระยะ ๕ ปี และจัดทำแผนปฏิบัติการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และแผนการดำเนินงานในระยะ ๕ ปี และรายปี กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดเชิงปริมาณ กิจกรรม ระยะเวลา และหน่วยงานเจ้าภาพ ผลที่คาดว่าจะได้รับให้ชัดเจน มุ่งผลลัพธ์เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการศึกษาเกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วที่สุดและเห็นผลได้จริง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จประมาณ ๒ สัปดาห์ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งเห็นชอบให้แต่งตั้งปลัดกระทรวงแรงงานเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา โดยให้ฝ่ายเลขานุการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้สรุปเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการศึกษาในระยะแรก ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ และส่วนที่เหลือที่ต้องดำเนินการ ปี ๒๕๕๙ เป็นต้นไป โดยให้สอดคล้องกับ road map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ แล้วส่งต่อให้สภาปฏิรูปแห่งชาติดำเนินการต่อไปเป็นระยะที่ ๑ ระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ ของรัฐบาลใหม่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
23644 | ขอเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายอำพน กิตติอำพน) | กค | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอำพน กิตติอำพน ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23645 | ผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๔-๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อหารือข้อราชการและเตรียมการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าวเพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ภาพรวมความสัมพันธ์ ได้แก่ (๑) การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์และภริยาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการไทย-สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Programme : CSEP) ครั้งที่ ๑๒ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ และเข้าร่วมการหารือระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) (๒) การประสานกับฝ่ายสิงคโปร์เพื่อจัดทำตราโปรษณียากรเฉลิมฉลอง ๕๐ ปีความสัมพันธ์ และการแสดงทางวัฒนธรรมไทยในสิงคโปร์ (๓) การติดตามการทาบทามการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยประธานาธิบดี ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ และการทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ ๒. การเตรียมการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ (๑) การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลงนามเอกสารความร่วมมือ ๔ ฉบับ (การยกเว้นภาษีซ้อน ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางเรือ ความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ และความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์) และ (๒) การประสานฝ่ายสิงคโปร์จัดการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชนสิงคโปร์ ๓. ความร่วมมือด้านความมั่นคง ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับฝ่ายสิงคโปร์ด้านแนวคิดสุดโต่งและการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ๔. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและสิงคโปร์ ๕. สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ได้แก่ การสนับสนุนสิงคโปร์ในการทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-จีนต่อจากไทยในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และร่วมมือกับสิงคโปร์และสมาชิกอาเซียนในการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
23646 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นายภิญโญ ทองชัย) | ยธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายภิญโญ ทองชัย ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว เป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
23647 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิทักษ์ จันทร์เจริญ และนางจิราวรรณ แย้มประยูร) | ทส | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ เนื่องจากประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ประธานกรรมการ ๒. นางจิราวรรณ แย้มประยูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
23648 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 4 คน 1. นายอาคม เวพาสยนันท์ ฯลฯ) | มท | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอาคม เวพาสยนันท์ ๒. นายอิสระ บุญยัง ๓. นายปกิต พัฒนกุล ๔. นายศักดา ทองอุทัยศรี
|
|||||||||||||||||||||
23649 | การแต่งตั้งคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 19 | รง | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้นายประโยชน์ เพ็ญสุต พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๙ และเห็นชอบแต่งตั้งนายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๙ แทนนายประโยชน์ เพ็ญสุต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่แทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23650 | รายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ | วธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำสื่อวีดิทัศน์ ได้จัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ความยาวประมาณ ๔ นาที เพื่อเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ๒. การจัดพิมพ์หนังสือเฉลิมพระเกียรติ ได้จัดพิมพ์หนังสือ "พระอัฐมรามาธิบดินทร" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตรในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร โดยจะแจกจ่ายแก่หน่วยงาน บุคคล ในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะในวันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ บริเวณเชิงสะพานพระราม ๘ รวมทั้งจะเผยแพร่ไปยังหน่วยงานในส่วนภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||
23651 | รายงานสถานการณ์และความคืบหน้ามาตรการเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 | สธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ๑.๑ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดโรค และการหายใจ มีระยะฟักตัวประมาณ ๕-๖ วัน โดยผู้ป่วยมักมีอาการไข้ ไอ และหายใจหอบ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษา จึงเป็นการรักษาตามอาการ ๑.๒ จำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ ทั่วโลก ในช่วงระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘ (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘) มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๒๓๕ คน เสียชีวิต ๔๙๓ คน การระบาดในประเทศเกาหลีใต้ (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘) พบผู้ป่วย ๖๔ คน เสียชีวิต ๕ คน โดยผู้ป่วยเกือบทั้งหมดติดเชื้อจากการสัมผัสเชื้อที่โรงพยาบาล ๕ แห่ง ทั้งนี้ จำนวนคนเกาหลีใต้ที่เดินทางมาประเทศไทยประมาณเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ คน และคนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้ประมาณเดือนละ ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ คน ๑.๓ มาตรการป้องกันการควบคุมโรคของประเทศไทย ประกอบด้วย ระบบการดูแลผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ค้นหาผู้ป่วยและผู้ต้องสงสัยโดยเร็ว แยกและรักษาผู้ป่วยโดยเร็ว และจัดระบบปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยในแต่ละมาตรการมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนามาตรการป้องกันโรคในปัจจุบันระยะ ๓ เดือน และระยะยาว ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือจากกรมประชาสัมพันธ์ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น และกระทรวงการต่างประเทศในการสนับสนุนข้อมูลสถานการณ์ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมกรณีที่ต้องกักกันผู้สัมผัสโรค ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการจัดประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ และเป็นการแสดงบทบาทนำของประเทศไทยในกลุ่มประเทศอาเซียน ๓. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วย แผนระยะสั้น แผนระยะปานกลาง และแผนระยะยาว โดยเฉพาะการดำเนินการเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าออกสนามบินทุกแห่งอย่างเข้มงวด มีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อที่ครอบคลุมทุกโรค เช่น โรคไข้หวัดนก โรคติดต่อไวรัสอีโบลา (Ebola) โรคซาร์ส โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ รวมทั้งโรคติดต่อที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ และวิธีปฏิบัติหากมีอาการที่อาจเข้าข่ายการติดเชื้อ
|
|||||||||||||||||||||
23652 | ความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23653 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบและการเยียวยาผู้ผลิตและผู้เพาะปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการออกพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบและถูกเอารัดเอาเปรียบ ส่งผลให้โดนยึดที่ดินทำกิน ทั้งนี้ ให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแนวทางการดำเนินการลดพื้นที่ปลูกยางพาราในประเทศ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวอย่างเหมาะสม โดยครอบคลุมตั้งแต่การประมาณการผลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา การนำไม้ยางพาราที่ตัดได้จากพื้นที่บุกรุกป่าไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๔ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืช และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ให้ทันฤดูการผลิตนี้ โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในระดับพื้นที่เพื่อให้บูรณาการทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้รับประโยชน์สูงสุด ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงในราคาย่อยเยา โดยเน้นให้มีการดำเนินการโดยสหกรณ์ชุมชน หรือโรงสีชุมชน และจัดจำหน่ายในร้านค้าชุมชนให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขององค์กรด้านการบินของประเทศไทยและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเร่งจัดทำความตกลงกับองค์กรความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรปกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ด้านสังคม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เช่น หากส่งผลเกิดความเสียหายให้มีการยึดใบขับขี่ ๓ เดือน หากมีความเสียหายอย่างมากหรือทำความผิดซ้ำให้ยึดใบขับขี่ ๖ เดือน หรือ ๑ ปี หรือตลอดชีวิต ตามความเหมาะสม รวมทั้งเร่งพิจารณามาตรการพิเศษนอกเหนือจากกฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นแข่งมอเตอร์ไซค์ตามถนนสาธารณะโดยด่วน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ โดยให้มีเนื้อหาที่กระชับ มีรูปลักษณ์ที่น่าอ่าน และดึงดูดความสนใจ ผู้อ่านทุกกลุ่มสามารถเข้าใจได้ง่าย ๓.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานความร่วมมือกับมหาเถรสมาคมพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการกำกับดูแลกรณีการจัดตั้งวัดใหม่ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อประโยชน์ต่อส่วนราชการในแง่ของการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการให้ภาคประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว ๓.๔ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๔.๑ การเตรียมการรองรับภัยแล้ง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณน้ำไหลเข้า-ออกจากเขื่อนทั่วประเทศ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและเตรียมพร้อมสำหรับฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างประหยัดให้แก่ประชาชน ๓.๔.๒ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยขุดลอกและขยายคลองระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ให้น้ำระบายลงสู่ทะเลได้โดยเร็วและป้องกันพื้นที่ทำการเกษตรถูกทำลาย และจัดรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับ-ส่งประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วมขังสูง รวมทั้งจัดทำแผนการป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเพื่อป้องกัน บรรเทา และช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ ๓.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๖ ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดูแลการบริหารใช้จ่ายเงินกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเพื่อให้นำไปใช้ให้ถูกต้องภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากพบความบกพร่องหรือทุจริตให้ดำเนินการตรวจสอบโดยด่วนต่อไป ๓.๗ ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์และสร้างแรงจูใจให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนยื่นข้อร้องเรียนหรือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมของทุกส่วนราชการและทุกจังหวัด โดยสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน รวมถึงติดตามให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้มีการร้องทุกข์หรือร้องเรียน ณ ที่อื่น ๆ ด้วย ๓.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดดำเนินการกำกับดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการหรือสถานบริการที่มีการขายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในบริเวณรอบสถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||
23654 | การจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา รวมทั้งดำเนินโครงการที่สำคัญหลายโครงการตามที่ได้แถลงผลงาน รวมทั้งชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติได้รับทราบแล้วเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งงานต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป จึงให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเน้นงานสำคัญ เช่น ๑.๑ การช่วยเหลือปัจจัยการผลิต การสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร การสนับสนุนสหกรณ์ชุมชน การช่วยเหลือเรื่องโรงสี โรงอบ ศูนย์แปรรูปในชุมชน โครงการพี่จูงน้อง (โดยภาคเอกชน) และการดำเนินการเกี่ยวกับ Social Business ๑.๒ การบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาภัยแล้ง การขุดบ่อน้ำบาดาล การขุดลอกคูคลอง และการรองรับน้ำฝนนอกเขตพื้นที่เขื่อน ๑.๓ การจัดระเบียบการประมงให้ครอบคลุมทั้งการประมงน้ำลึก การประมงน้ำตื้น การประมงทะเลชายฝั่ง การประมงทะเลนอกชายฝั่ง การประมงน้ำจืด ๑.๔ การคืนพื้นที่ป่า และจัดหาที่ดินให้แก่ผู้ไม่มีที่ทำกิน ๑.๕ การจัดให้มีร้านขายสินค้าราคาถูกในทุกพื้นที่ ๑.๖ การจัดหาพื้นที่เพื่อทำการค้า ๑.๗ การช่วยเหลือ SMEs ๑.๘ การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน และ Nano-Finance ๑.๙ การแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ทั้งในเรื่องของคุณภาพการสอนของครู หนี้สินครู คุณภาพของนักเรียน หลักสูตรการเรียนการสอน ระบบการประเมินการเรียนการสอน ๑.๑๐ การดูแลประชาชนเรื่องที่อยู่อาศัย ๑.๑๑ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ๑.๑๒ การปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ (กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ) เป็นมาตรฐานเดียวกันและลดความเหลื่อมล้ำของการใช้สิทธิ ๑.๑๓ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (อัยการ ศาล ทนาย) ๑.๑๔ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ได้แก่ (๑) การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (๒) การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (๓) การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (๔) การดำเนินการตามคำแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน และ (๕) การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยในการจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมดังกล่าวให้แสดงผลสัมฤทธิ์ แบ่งเป็น ๓ ระยะ ทั้งนี้ ให้กำหนดเป้าหมายในระยะ ๓ เดือน และ ๖ เดือน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติและใช้เป็นตัวชี้วัดประกอบการประเมินผล ได้แก่ ระยะที่ ๑ ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๗ ระยะที่ ๒ ผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรัฐมนตรี ระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๗-เมษายน ๒๕๕๙ และระยะที่ ๓ ผลสัมฤทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เดือนเมษายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อบูรณาการก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23655 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และ ๑.๑ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้สิทธิแก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้ปรับแก้ข้อความในมาตรา ๒ เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาทบทวนหลักการร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามความเห็นของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ และความตกลงฯ รวม ๖ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๔ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) ๒.๕ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... ๒.๖ ความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ๓. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการยกร่างกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำให้แก่ประชาชนผู้ยากจน เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วน อาจพิจารณาดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
23656 | ร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันอังคารที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาทบทวนหลักการร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามความเห็นของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23657 | การจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทำแผนงานที่ชัดเจนใน ๓ หัวข้อหลัก ดังนี้ ๑.๑ แผนการเชื่อมโยงเส้นทางและการลงทุนของการคมนาคมทั้งทางราง ทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ โดยแสดงถึงความเชื่อมโยงและการสนับสนุนเกื้อกูลระหว่างกัน ตลอดจนการเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และนิคมอุตสาหกรรมใหม่ตามนโยบายรัฐบาล ๑.๒ แผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการตามห้วงเวลาซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกอบด้วย ระยะที่ ๑ ตั้งแต่ปัจจุบัน-เดือนกันยายน ๒๕๕๙ (ช่วงเวลาสิ้นสุดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑) ระยะที่ ๒ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๔ (ระยะเวลาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒) และระยะที่ ๓ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๔-กันยายน ๒๕๖๙ (ระยะเวลาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓) ๑.๓ แผนการจัดหาเงินลงทุน (Financing) และรูปแบบการลงทุน โดยแสดงให้เห็นว่าโครงการใดใช้งบประมาณจากแหล่งใด เช่น เงินงบประมาณ เงินกู้ในประเทศ เงินกู้ต่างประเทศ ให้เอกชนร่วมลงทุน การร่วมทุนแบบรัฐต่อรัฐ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23658 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ 6 เดือน (1 ตุลาคม 2557 - 20 มีนาคม 2558) | ยธ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ ๖ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ได้แก่ การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม การให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมโดยการพัฒนาระบบช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและองค์กรอาชญากรรม ๒. ด้านการสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย ได้แก่ ปฏิรูปการฟื้นฟูผู้กระทำผิดโดยเสนอแก้ไขกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการงานราชทัณฑ์ และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการให้อำนาจศาล รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับการแก้ไขฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิด เช่น การจัดฝึกอาชีพให้กับผู้รับบริการที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ พัฒนาทักษะด้านการประกอบอาชีพ การจัดทำโครงการคืนคนดีสู่สังคม การจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน และจัดทำหลักสูตรฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบควบคุม เป็นต้น ๓. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ การสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา สถานประกอบการ การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดและระบบต้องโทษ การติดตามและการให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดไม่ให้หวนกลับไปเสพซ้ำ ๔. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้แก่ การประสานงานและบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพในการเสริมสร้างกลไกการบริหารจัดการและนำมาตรการที่จำเป็นต้องการแก้ปัญหามาใช้อย่างครบถ้วนเพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังและบังคับเป็นรูปธรรม ๕. ด้านการสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ๖. ด้านการพัฒนากฎหมายของประเทศ ได้แก่ ผลักดันกฎหมายและมีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ (กำหนดข้อสันนิษฐานขับรถขณะเมาสุรา) และร่างกฎหมายที่เหลืออยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณาประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ประกอบด้วย ร่างกฎหมายที่เข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จำนวน ๑๓ ฉบับ และร่างกฎหมายที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและกระทรวงยุติธรรมกำลังยกร่าง จำนวน ๒๐ ฉบับ
|
|||||||||||||||||||||
23659 | แผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 | ยธ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ประกอบด้วยการดำเนินการใน ๕ ประเด็นหลัก ดังนี้
๑. การส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วย การผลิต การค้า การนำเข้า และส่งออกยาเสพติด สกัดกั้นการหลั่งไหลของการลักลอบขนส่งยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น และใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคี กรอบอาเซียน และกรอบพหุภาคี เป็นเครื่องมือในการกำหนดและกำกับนโยบายด้านยาเสพติด การเสนอและติดตามความคืบหน้าโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านยาเสพติด ตามเป้าหมายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอาเซียน ๒. การประสานความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ มีแนวทางดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันการดำเนินงานตามแผนงานว่าด้วยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติภายใต้กรอบการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) การพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีเพื่อการประสานความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในด้านการดำเนินคดีอาชญากรรมข้ามชาติในกลุ่มประชาคมอาเซียน ๓. การส่งเสริมหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษาในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนางานวิชาการเกี่ยวกับหลักนิติธรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาข้อมูลสถิติอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมเพื่อประเมินประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม การผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศอาเซียน และการให้ข้อเสนอแนะผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : AICHR) ต่อการพัฒนากลไกด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกอาเซียน ๔. การส่งเสริมเครือข่ายด้านการบังคับคดีแพ่ง คดีล้มละลาย และการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประชุมด้านการบังคับคดีร่วมกับหน่วยงานด้านการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา การพัฒนากฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการพัฒนากฎหมายเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา SME ของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ๕. การพัฒนากระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในชุมชนและมาตรการอื่นแทนโทษจำคุก มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำภายใต้ข้อกำหนดกรุงเทพฯ การส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดโดยใช้ชุมชนบำบัดในภูมิภาคอาเซียน และการดำเนินกิจกรรมภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
23660 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างสาย อ. กบินทร์บุรี - อ. วังน้ำเขียว ตอน 3 จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 | คค | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้าง สาย อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอน ๓ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนที่ ๑ ในวงเงิน ๗๙๕,๓๖๕,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ ในวงเงิน ๗๙๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าดำเนินการตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ในวงเงิน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๐๕,๕๖๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....