ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1111 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22201 - 22220 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22201 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครอง ใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำ พร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควายให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22202 | การประกาศกำหนดให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 | กค | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนดเพิ่มเติมให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยให้ “สินค้าเกษตร หมายถึง ผลิตผลทางเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรกรรม” ซึ่งเป็นความหมายเดียวกันกับที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรให้รู้ถึงวิธีการใช้ประโยชน์จากตลาดล่วงหน้าเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจและประกันความเสี่ยงด้านราคา และให้กระทรวงการคลังติดตามประเมินผลการควบรวมตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะต่อเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22203 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร (ช่วงประสบภัยเดือนมีนาคม 2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558) | กษ | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร (ช่วงภัยเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘) รวม ๑๐ ภัย ได้แก่ อุทกภัย ภัยแล้ง ภัยฝนแล้ง ภัยฝนทิ้งช่วง วาตภัย ศัตรูพืชระบาด โรคพืชระบาด อัคคีภัย โรคระบาดสัตว์ (โรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย) และภัยอื่น ๆ (ช้างป่าทำลายพืชผลทางการเกษตร) ในพื้นที่ ๒๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น เชียงราย นครพนม นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน บึงกาฬ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ลำปาง ศรีสะเกษ สุโขทัย สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานี เกษตรกรจำนวน ๑๔๖,๙๘๖ ราย วงเงินขอรับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๑,๑๐๖,๓๔๙,๓๘๗ บาท (ด้านพืช เกษตรกร ๑๔๓,๒๖๖ ราย วงเงิน ๑,๐๔๙,๖๒๔,๗๙๙ บาท ด้านประมง เกษตรกร ๒,๓๐๖ ราย วงเงิน ๕๒,๐๖๗,๑๕๓ บาท และด้านปศุสัตว์ เกษตรกร ๑,๔๑๔ ราย วงเงิน ๔,๖๕๗,๔๓๕ บาท) โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นและผลการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติในระดับชุมชน โดยเฉพาะการปรับวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับลักษณะของภัยพิบัติ การเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากสภาพภัยพิบัติซ้ำซาก และการพัฒนาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิถีชีวิต และการผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ การจ่ายเงินให้เกษตรกร การจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกร จะต้องมีการจัดทำทะเบียนอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล รวมทั้งมีการควบคุมให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตลอดจนประกาศและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมและมีความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติโดยเร็ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกจากการปลูกข้าวและยางพาราเป็นการปลูกพืชอื่นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่หรือการเลี้ยงสัตว์แทนการปลูกพืช โดยให้เร่งดำเนินการปรับปรุงพันธุ์พืชและขยายหรือปรับปรุงพันธุ์สัตว์เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรสำหรับประกอบอาชีพหลักและอาชีพเสริมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
22204 | สรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง การคัดเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยวิธีสมัครใจ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 | กห | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง การคัดเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยวิธีสมัครใจ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. กระทรวงกลาโหมยังคงใช้วิธีเรียกมาตรวจเลือกควบคู่กับการร้องขอเข้ารับราชการ (สมัคร) เพื่อให้ได้ทหารกองประจำการตามจำนวนที่กองทัพต้องการ ซึ่งเป็นหลักประกันในเรื่องความมั่นคงของชาติ สำหรับผู้ที่มีความผิด มโนธรรม และความเชื่อทางศาสนาที่นับถืออย่างแท้จริง ปฏิบัติหน้าที่ที่ใช้อาวุธ กระทรวงกลาโหมบริหารจัดการโดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในงานช่วยเหลือประชาชน งานช่วยพัฒนาประเทศ งานบริการ หรืองานซึ่งมิใช่ตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติการรบโดยตรงได้ สำหรับการร้องขอเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (สมัคร) กระทรวงกลาโหมกำหนดนโยบายในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยแบ่งเฉลี่ยและบรรจุทหารกองประจำการให้มีจำนวนที่ใกล้เคียงกันในแต่ละพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ และการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการสมัครเข้ารับราชการเพิ่มมากขึ้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ก่อนการตรวจเลือกให้ทหารกองเกินรับทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้สมัครเข้ารับราชการเพิ่มมากขึ้น ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีเจตนารมณ์ที่จะให้ตำรวจกองประจำการเป็นกำลังพลทดแทน ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกำลังตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อได้เข้ารับราชการในกองประจำการจนครบกำหนดแล้ว จะปลดจากกองประจำการเป็นทหารกองหนุนตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ซึ่งในโอกาสต่อไปเมื่อมีการรับสมัครบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ จะพิจารณาผู้ที่ได้รับราชการเป็นตำรวจกองประจำการเป็นลำดับแรก ซึ่งจะส่งเสริมให้มีผู้สมัครเข้ามารับราชการเป็นตำรวจกองประจำการเพิ่มมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
22205 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2558/2559 | อก | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เป็น ๒ ราคา ดังนี้ ๑.๑ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ในเขตคำนวณราคาอ้อยที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๖, ๗ และ ๙ ในอัตรา ๘๐๘ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๔๘.๔๘ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เท่ากับ ๓๔๖.๒๙ บาทต่อตันอ้อย ๑.๒ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ในเขตคำนวณราคาอ้อยที่ ๕ ในอัตรา ๗๗๓ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๔๖.๓๘ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เท่ากับ ๓๓๑.๒๙ บาทต่อตันอ้อย (เขตคำนวณราคาอ้อยที่ ๘ โรงงานหยุดประกอบการชั่วคราว) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานผลิตน้ำตาลทรายในเขตคำนวณราคาอ้อยที่ ๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความเห็น รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการราคาอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องรับภาระจากการช่วยเหลือโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเหมือนที่ผ่านมา และหาแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตอ้อย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล และเพิ่มรายได้รวมเฉลี่ยให้เกษตรกรและอุตสาหกรรมน้ำตาล รวมทั้งเร่งรัดกำหนดมาตรการและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย โดยเฉพาะในเขตที่ ๕ และควรติดตามผลของประกาศราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เป็น ๒ ราคา เพื่อใช้ประกอบแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานน้ำตาล โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย นอกจากนี้ ควรมีการติดตามกระบวนการผลิตน้ำตาลภายในประเทศอย่างใกล้ชิดให้เป็นไปตามที่ได้มีการประมาณรายได้ ราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ตลอดจนเร่งรัดการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกันที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และปรับโครงสร้างต้นทุนราคาอ้อยและน้ำตาลทรายให้ชาวไร่อ้อยได้รับรายได้ที่คุ้มกับต้นทุนการผลิตและเป็นที่ยอมรับของผู้มีส่วนได้เสีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการให้มีการนำประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการไปแล้วเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ มาประกาศใช้โดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
22206 | ร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... | กค | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีบทบัญญัติที่รองรับระบบการชำระเงินที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบการเงินของประเทศสามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องในกรณีที่สมาชิกในระบบถูกศาลสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของสมาชิกในระบบ และมีกฎหมายเฉพาะที่กำกับดูแลระบบการชำระเงินของประเทศ เพื่อสามารถส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์กับการทำธุรกรรมใหม่ ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ ร่างมาตรา ๓ ควรกำหนดให้ชัดเจนที่จะยกเลิกกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลการประกอบธุรกิจระบบการชำระเงินและบริการการชำระเงิน ร่างมาตรา ๘ ควรกำหนดบทบัญญัติมระดับพระราชบัญญัติให้ชัดเจนเกี่ยวกับความคุ้มครองระบบการชำระเงินที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบการเงินของประเทศ ร่างมาตรา ๑๑ เพิ่มถ้อยคำว่า “...หากมีเงิน สินทรัพย์ หลักทรัพย์ หรือตราสารอื่นใดที่เป็นหลักประกัน และได้หักกลบลบหนี้กับธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว เหลือเงิน สินทรัพย์ หลักทรัพย์ หรือตราสารอื่นใดเป็นจำนวนเท่าใด ให้นำส่งกองทรัพย์สินของลูกหนี้” ร่างมาตรา ๑๘ วรรคสี่ แก้ไขเป็นว่า “...ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย” เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (การประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์) เมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
22207 | การสมัครขอรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 | ทก | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทย โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการในนามของรัฐบาลไทยเพื่อจัดทำหนังสือสมัครรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 และพิจารณาร่างความตกลงในการเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจรจาต่อรองกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย ๒. สำหรับงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับดำเนินการจัดงานดังกล่าว โดยคำนึงถึงความประหยัด การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
22208 | ขออนุมัติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 26 | ทก | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) สมัยที่ ๒๖ ระหว่างวันที่ ๑๙ กันยายน-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียง/แลกเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก UPU ในการสมัครรับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของประเทศไทยไว้เป็นการล่วงหน้า
|
||||||||||||||||||||||||
22209 | ข้อเสนอร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ | ทส | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature : IUCN) มีสาระสำคัญเป็นการมุ่งเน้นเสริมสร้างความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันด้านการอนุรักษ์และการจัดการพื้นที่ทางทะเลชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและมาตรการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับ IUCN ควรมีการประสานการดำเนินงานและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22210 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | ศย | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแสดงงบการเงิน และงบรายได้และค่าใช้จ่าย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งมีสินทรัพย์/ส่วนทุน ๓๑,๙๖๖,๑๘๐,๗๓๙.๓๘ บาท และรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๘๗๓,๑๓๗,๖๙๒.๓๒ บาท ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22211 | แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแนวตะวันออก - ตะวันตก (E-W Corridor) | คค | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขับเคลื่อนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและมีความพร้อม เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศในภาพรวมตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (E-W Corridor) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ (Action Plan) ได้พิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ภายใต้แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ที่มีความพร้อมสามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ จำนวน ๒๐ โครงการ วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๑,๗๙๖,๓๘๕.๗๗ ล้านบาท จำแนกเป็น ๒ กลุ่ม คือ (๑) กลุ่มโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว และสามารถประกวดราคาได้ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ไตรมาสแรกปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) จำนวน ๖ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๑๘๖,๓๐๗.๔๕ ล้านบาท และ (๒) กลุ่มโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมสามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ จำนวน ๑๔ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๑,๖๑๐,๐๗๘.๓๒ ล้านบาท ๑.๒ แนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (E-W Corridor) ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (E-W) ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข ๑๒ เส้นทางแม่สอด ทางหลวงพิเศษเชื่อมต่อกับ Super Cluster บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ทางหลวงพิเศษเชื่อมต่อกับ Super Cluster นครราชสีมา ทางหลวงสายมุกดาหาร และ (๒) การพัฒนาโครงข่ายรถไฟตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (E-W) ได้แก่ เส้นทางรถไฟตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตกตอนบน (Upper East-West Economic Corridor) ช่วงแม่สอด-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร และเส้นทางรถไฟตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตก ตอนล่าง (Lower East-West Economic Corridor) ช่วงกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ และช่วงกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เกี่ยวกับการกำกับและติดตามการดำเนินงานของโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและบริหารความเสี่ยงหลังจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเรียบร้อยแล้ว การกำหนดใน TOR ให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการออกแบบการก่อสร้าง การทดสอบการเดินรถ และการบำรุงรักษา การกำหนดให้มีการประกอบและผลิตรถไฟฟ้า รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถไฟฟ้าในประเทศตามมาตรฐานของผู้ผลิต และมีมาตรการตรวจสอบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐให้มีความโปร่งใส การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน การนำเป้าหมายผลผลิตรายไตรมาสไปใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้รัฐบาลใช้ในการกำกับและติดตามการขับเคลื่อนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การกำหนดระยะเวลาและหลักเกณฑ์การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประเภทของโครงการให้มีความชัดเจน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการจัดทำแบบจำลองประมาณการปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งของประเทศที่สะท้อนการลงทุนระบบขนส่งรูปแบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาได้ทันภายในช่วงกลางปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||
22212 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ | ทก | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมติคณะกรรมการเตรียมการฯ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ การเตรียมการจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ การดำเนินงานของคณะทำงานบรอดแบนด์แห่งชาติ ๑.๓ การดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์ข้อมูลในประเทศ ๑.๔ การจัดทำมาตรฐานกลางรหัสสินค้าและบริการและระบบทะเบียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ๑.๕ การผลักดันมาตรการด้าน Cyber security ในระยะเร่งด่วน ๒. ผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการฯ ๒.๑ ดำเนินการคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ขนาดความกว้างคลื่นความถี่ 4.8 MHz ที่ได้รับคืนจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อไปประมูลร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๒ การเตรียมการด้าน International Gateway อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการฯ ในโอกาสต่อไป ๒.๓ ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานกำหนดแผนการนำสายสื่อสารและสายไฟฟ้าลงร้อยท่อใต้ดินในกรุงเทพมหานครภายใต้คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามคำสั่งคณะกรรมการเตรียมการฯ ที่ ๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมคณะทำงานฯ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22213 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 43/2558 เรื่อง โอนสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมทรัพยากรน้ำ | สลธ.คสช. | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๓/๒๕๕๘ เรื่อง โอนสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมทรัพยากรน้ำ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22214 | การรับรอง (ร่าง) เอกสารปฏิญญาโซเฟีย (Sofia Declaration) การประชุมรัฐมนตรีเอเชียและยุโรป ด้านการจ้างงาน ครั้งที่ 5 | รง | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) เอกสารปฏิญญาโซเฟีย (Sofia Declaration) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกาศความร่วมมือระหว่างเอเชียและยุโรปในการสร้างความเข้มแข็งด้านนโยบาย แผนงาน และความร่วมมือด้านแรงงาน ภายใต้ประเด็นสำคัญที่มีการหารือในการประชุมรัฐมนตรีเอเชียและยุโรปด้านการจ้างงาน ครั้งที่ ๕ ได้แก่ (๑) สร้างเสริมผลลัพธ์ด้านตลาดแรงงานเยาวชน (๒) การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าและสถานประกอบการที่ปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน (๓) การส่งเสริมระบบการคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอต่อการเติบโตและงาน และ (๔) ความร่วมมือในอนาคต ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุง (ร่าง) เอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22215 | รายงานการดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 | นร01 | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
22216 | การเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) ประจำปี 2558 ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | กษ | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประเด็นการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (International Tripartite Rubber Council : ITRC) ประจำปี ๒๕๕๘ เกี่ยวกับรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา แนวโน้มในปี ๒๕๕๙ และท่าทีของประเทศไทยต่อการประชุม ITRC ประจำปี ๒๕๕๘ ได้แก่ การจัดการด้านปริมาณการผลิต และการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา โดยในเรื่องรายงานการควบคุมปริมาณการผลิตยางพารา ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณในเรื่องการชี้แจงระยะเวลาและปริมาณการลดพื้นที่ปลูกยางพาราจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติและเกิดภาระงบประมาณในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในอนาคต ๒. เห็นชอบประเด็นท่าทีของประเทศไทยเฉพาะเรื่องการประเมินความเป็นไปได้ในการควบคุมปริมาณส่งออกยางพารา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการผลักดันการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ผลิตยางในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างเสถียรภาพราคายาง โดยมุ่งพัฒนาให้อาเซียนเป็นตลาดกลางยางพาราที่ได้รับการยอมรับและมีการนำราคาที่กำหนดจากการซื้อขายจริงไปอ้างอิงในการซื้อขายยางในตลาดโลก แทนการใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดซื้อขายล่วงหน้า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22217 | ขอรับจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้รัฐบาลร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) วันที่ ๘-๙ ธันวาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
22218 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 26 เกี่ยวกับการโอนคดี) | นร | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๖ เกี่ยวกับการโอนคดี) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22219 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๖ เกี่ยวกับการโอนคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ) โดยให้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... (นายมณเฑียร บุญตัน กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ซึ่งคณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาแล้ว ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทราบ หากมีความเห็นเพิ่มเติมให้แจ้งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๗ วัน และกรณีมีการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมที่เป็นนัยสำคัญ ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง กรณีที่เห็นชอบด้วยหรือมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมที่เป็นนัยสำคัญ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบศึกษาและทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ถูกต้อง เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความโปร่งใส
|
||||||||||||||||||||||||
22220 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน | นร | 01/12/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทุกส่วนราชการพิจารณาจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน เช่น การจัดตลาดกลางจำหน่ายสินค้าเกษตรโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การจัดตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยกระทรวงพาณิชย์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ โดยให้ทุกส่วนราชการรวบรวมโครงการที่จะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า
|
.....