ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1113 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22241 - 22260 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22241 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวอุษาวดี ถาวระ) | สธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอุษาวดี ถาวระ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เคมี) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22242 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๕-๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญตามที่ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งของอาเซียน ครั้งที่ ๓๙ และครั้งที่ ๔๐ เสนอ และได้ให้การรับรอง ๑.๑ แผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งของอาเซียน ได้แก่ การติดตามผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งของอาเซียน (แผนปฏิบัติการบรูไน) ปี ๒๕๕๔-๒๕๕๘ การรับรองแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ หรือแผนยุทธศาสตร์การขนส่งกัวลาลัมเปอร์ (Kula Lumpur Transport Strategic Plan : KLTSP) ฉบับใหม่ และมอบหมายให้คณะทำงานด้านการขนส่งของอาเซียนสาขาต่าง ๆ ดำเนินการตามมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการกัวลาลัมเปอร์ ๑.๒ ด้านการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีการเดินอากาศ และความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ ให้ครบทุกประเทศ การลงนามพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๙ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน และการทบทวนการจัดทำความตกลงและพิธีสารตามแผนงานการจัดตั้งตลาดการบินร่วมของอาเซียน ๑.๓ ด้านการขนส่งทางบก ได้แก่ การรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยแผนยุทธศาสตร์ด้านความปลอดภัยทางถนน และยุทธศาสตร์ความปลอดภัยทางถนนของอาเซียน ๑.๔ ด้านการขนส่งทางน้ำ ได้แก่ ความคืบหน้าของแผนงานการเป็นตลาดขนส่งทางทะเลร่วมของอาเซียน (ASEAN Single Shipping Market) ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ และยินดีต่อการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานด้านการขนส่งทางทะเลร่วม ความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำแผนฉุกเฉินกรณีเกิดน้ำมันรั่วไหลระดับภูมิภาคของอาเซียนภายใต้บันทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยการเตรียมพร้อมและจัดการภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุน้ำมัน และการสนับสนุนแนวคิดริเริ่มในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยอมรับประกาศนียบัตรของผู้ทำการในเรือใกล้ฝั่งของอาเซียน ๑.๕ ด้านการอำนวยความสะดวกการขนส่ง ได้แก่ การเร่งรัดการจัดทำร่างกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผู้โดยสารทางบกข้ามพรมแดน การเร่งรัดให้ประเทศสมาชิกให้สัตยาบันความตกลงฉบับต่าง ๆ ได้แก่ กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่งข้ามแดน รวมทั้งความคืบหน้าโครงการระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System : ACTS) ๒. การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี อาเซียนได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากประเทศคู่เจรจาในด้านการจัดทำโครงการศึกษาความเป็นไปได้ด้านโครงสร้างพื้นฐานเพี่อการเชื่อมโยงอาเซียนในสาขาต่าง ๆ การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการศึกษาและฝึกอบรมบุคลากรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและมีความเป็นมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ประเทศคู่เจรจาของอาเซียนได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนากับอาเซียนอย่างต่อเนื่องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22243 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ 9 | กห | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๙ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กองบัญชาการกองทัพไทย กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยที่ประชุมเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. คณะอนุกรรมการร่วมด้านการข่าวจะพัฒนาความร่วมมือด้านการข่าวในระดับเหล่าทัพโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างกองทัพบกและกองทัพเรือทั้งสองประเทศ รวมทั้งขยายความร่วมมือด้านข่าวกรองด้วยการแลกเปลี่ยนการหารือระดับนักวิเคราะห์ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ๒. ทั้งสองฝ่ายจะดำรงการขยายความร่วมมือระหว่างศูนย์รักษาสันติภาพทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เครือข่ายศูนย์ปฏิบัติการเพื่อรักษาสันติภาพของกลุ่มประเทศอาเซียน ๓. ทั้งสองฝ่ายควรเลื่อนการจัดทำระเบียบปฏิบัติประจำการลาดตระเวนร่วมทางทะเลระหว่างไทยกับอินโดนีเซียออกไป แต่ให้ติดตามความก้าวหน้าในการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ ในเรื่องเขตแดนทางทะเล ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายควรแสวงหากิจกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ชายแดนทางทะเลระหว่างกันได้ ๔. คณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการและการฝึกควรเป็นหน่วยประสานงานหลักด้านการแพทย์ทหาร ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่แต่ละฝ่ายจะตั้งคณะอนุกรรมการ อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มความร่วมมือและจัดทำระเบียบปฏิบัติประจำร่วมกันสำหรับคณะแพทย์ร่วมในการดำเนินงานเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ๕. ทั้งสองฝ่ายจะดำรงความร่วมมือด้านกิจการมวลชนและต่อต้านการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกร่วมด้านต่อต้านการก่อการร้าย ในปี ๒๕๕๙ ควรครอบคลุมกิจกรรมอย่างกว้างขวางและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการฝึกในสถานการณ์จริง ๖. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพัฒนาความสามารถของกำลังพลทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาภาษาไทยและภาษาบาฮาซา อินโดนีเซีย เนื่องจากภาษาจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ ๗. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะทบทวนข้อกำหนดว่าด้วยคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ฉบับปัจจุบัน เพื่อปรับเปลี่ยนองค์ประกอบและกิจกรรมให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมด้านการศึกษาและฝึกอบรม ๘. ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า คณะอนุกรรมการร่วมทุกคณะควรกำหนดกรอบหรือแผนการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เกิดความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายควรร่วมมืออย่างต่อเนื่องตลอดปี อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
22244 | การจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้แก่ผู้บริหารตั้งแต่ระดับหัวหน้าสำนักงานไปรษณีย์พื้นที่ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดขึ้นไป ผู้ตรวจสอบภายใน และ ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกหน่วยงาน | ทก | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้แก่ผู้บริหารตั้งแต่ระดับสำนักไปรษณีย์พื้นที่ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดขึ้นไป ผู้ตรวจสอบภายใน และผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกหน่วยงาน ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลและเงินทดแทนตามสิทธิที่ได้รับจากสัญญาประกันภัยเป็นลำดับแรก และหากสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่จะได้รับต่ำกว่าสิทธิตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง การจ่ายเงินทดแทน ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ก็ให้ถือปฏิบัติตามข้อ ๑๕ ของประกาศข้างต้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการใช้สิทธิดังกล่าว ทั้งนี้ ในการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มฯ จะทำให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณปีละ ๑,๓๐๒,๐๐๐ บาท จึงขอให้ ปณท. บริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ควบคุมได้ เช่น ค่าวัสดุที่ใช้ในสำนักงาน ค่าพาหนะ เป็นต้น รวมทั้งมีแนวทางในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจเสริมเพื่อมาชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว และกำกับดูแลให้การดำเนินงานของพนักงานกลุ่มดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อองค์กร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22245 | รายงานผลการจัดการและการใช้ประโยชน์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ | ทส | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางของประเทศไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดิน (๑) ส่งมอบงาช้างให้ส่วนราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา จำนวน ๕๓๘.๔๔ กิโลกรัม (๒) เก็บรักษางาช้างเอเชียที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน ๑๖.๒๐ กิโลกรัม ไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ (๓) ทำลายงาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินที่เก็บรักษาไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมศุลกากร รวมจำนวน ๒,๑๑๔.๒๗ กิโลกรัม โดยวิธีการบดทำลายและเผา ทั้งนี้ การส่งมอบงาข้างของกลางให้หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และการทำลายงาช้างของกลาง ดำเนินการแล้วในพิธีทำลายงาช้างของกลาง เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี ๒. งาช้างของกลางที่คดียังไม่สิ้นสุด รวมจำนวน ๑๕,๒๔๕.๐๑ กิโลกรัม ให้เก็บรักษาไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน ๓,๘๑๘.๑๙ กิโลกรัม และกรมศุลกากร จำนวน ๑๑,๔๒๖.๘๒ กิโลกรัม
|
||||||||||||||||||||||||
22246 | การปรับและกำหนดเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตและกำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตให้ครอบคลุมประเทศต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนถาวรในสหภาพแอฟริกา ๒. กำหนดเขตอาณาสำหรับประเทศที่ยังไม่มีสถานเอกอัครราชทูตใดมีเขตอาณาครอบคลุม ๓. กำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศกรณีมีการแยกรัฐใหม่ |
||||||||||||||||||||||||
22247 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก ประจำปี พ.ศ. 2558 ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๘-๙ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม องค์การอนามัยโลก องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์กรสุขภาพสัตว์โลก เห็นพ้องกันว่าการสร้างสมรรถนะตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ และวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลกเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่างให้คำมั่นว่าจะพยายามพัฒนาสมรรถนะ ๓ ด้าน คือ การป้องกัน เฝ้าระวัง และตอบโต้ต่อโรคระบาดข้ามพรมแดน (Prevent, Detect, Respond) ตามแผนปฏิบัติการ ๑๑ ข้อของวาระความมั่นคงด้านสุขภาพของโลกอย่างเต็มที่ ๒. สาธารณรัฐเกาหลีได้สรุปบทเรียนการควบคุมการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง สรุปว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถควบคุมโรคได้ คือ (๑) การร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน (Whole government, whole society approach) (๒) การเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว และ (๓) การสร้างกลไกการประสานงานที่มีประสิทธิภาพกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ๓. ทุกประเทศควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านระบาดวิทยาและการป้องกันควบคุมโรค เนื่องจากคนที่มีศักยภาพต้องใช้เวลาในการพัฒนา ไม่สามารถจัดการให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว การวางแผนความต้องการกำลังคนด้านการควบคุมโรคจะต้องคำนึงถึงการทำงานทั้งในภาวะปกติและภาวะที่ต้องการกำลังคนเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก (surge capacity) การมีกำลังคนเพียงพอสำหรับภาวะฉุกเฉินจึงเป็นประเด็นความมั่นคงของประเทศที่สำคัญด้วย ๔. ระบบจัดการกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขจะต้องสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว ทั้งทรัพยากรด้านการเงินและทรัพยากรอื่น ๆ ซึ่งหากระบบการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเข้าถึงทรัพยากรได้ล่าช้า อาจทำให้การระบาดของโรคติดต่ออันตรายแพร่ระบาดไปจนถึงระดับที่ควบคุมได้ยากหรือควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างรุนแรงได้ ๕. บทเรียนประการหนึ่งที่ได้จากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก คือความช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้าไปสู่ประเทศที่ได้รับผลกระทบล่าช้า เนื่องจากขาดกลไกในการประสานงาน และการขาดกำลังสนับสนุน (surge capacity) ในระดับนานาชาติ ดังนั้น ประเทศพันธมิตรควรพิจารณาหากลไกการประสานงานที่เหมาะสม (หรือองค์กรมาทำหน้าที่) เพื่อให้สามารถจัดการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๖. ประเทศพันธมิตรได้รับทราบถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องร่วมมือกันป้องกันเชื้อจุลชีพดื้อยา โดยประเทศต่าง ๆ เช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศให้การสนับสนุนด้านการเงินกับประเทศจำนวนหนึ่งในการจัดตั้งระบบเฝ้าระวังจุลชีพดื้อยาขึ้น นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังมีแนวคิดที่จะผลักดันประเด็นการป้องกันเชื้อจุลชีพดื้อยาเข้าสู่การพิจารณาขององค์การสหประชาชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22248 | รายงานผลการเข้าร่วมการสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia's Buddhist Heartland | กก | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia''s Buddhist Heartland ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงธากา สาธารณรัฐบังกลาเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia''s Buddhist Heartland มีผลประเด็นการสัมมนา คือ ให้รัฐบาลของแต่ละประเทศมีส่วนสำคัญในการผลักดันปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ได้แก่ ด้านการอนุรักษ์ ด้านการเข้าถึงสถานที่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษาและฝึกอบรม ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และการสร้างเครือข่ายทางการติดต่อสื่อสาร นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยความร่วมมือในระดับรัฐต่อรัฐด้านการเชื่อมโยงระบบคมนาคมด้วย โดยผลจากการประชุมฯ ในครั้งนี้ จะถูกส่งให้กับประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วม และแต่ละประเทศจะนำผลที่ได้ไปต่อยอดเพื่อดำเนินการต่อไป ๒. การบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “Setting direction for preparing a road map for the planning development and marketing of sustainable and inclusive cross boarder Buddhist tourism circuits and routes in South Asia” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้นำเสนอเกี่ยวกับกิจกรรมและสถานที่ทางพุทธศาสนาที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ได้แก่ การสักการะพระธาตุประจำปีเกิด วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ การสวดมนต์ข้ามปี การปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ การนั่งวิปัสสนา รวมถึงการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ซึ่งได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนชาวไทย ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือทวิภาคีกับ H.E Mr. Rashed Khan Menon, MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการบินพลเรือนและการท่องเที่ยว บังกลาเทศ โดยมีประเด็นสำคัญคือ ขอให้ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพุทธศาสนาในบังกลาเทศ และ Technical support จากไทยในด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ รวมทั้งหารือทวิภาคีกับ H.E. Mr. Hasanul Haq Inu, MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสาร บังกลาเทศ โดยมีประเด็นสำคัญคือ (๑) ขอความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยพุทธศาสนาของทั้งสองประเทศ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวทราบ (๒) จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างไทยและบังกลาเทศในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยว (๓) ให้ทุนฝึกอบรมด้าน Hotel Management, Coastal Management และ Tourism Management แก่เจ้าหน้าที่ของบังกลาเทศ และ (๔) ช่วยประชาสัมพันธ์และสนับสนุนให้มีการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในบังกลาเทศ |
||||||||||||||||||||||||
22249 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2558 | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. กรณีผู้โดยสารเดินทางโดยเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๑ ปรับเลื่อนชั้นที่นั่งให้กับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ กรณีที่มีที่นั่งว่าง ๑.๒ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นพิเศษในการตรวจบัตรโดยสาร และนำผู้โดยสารผ่านพิธีการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และให้ใช้บริการห้องพักรับรองของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๓ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะให้การดูแลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นกรณีพิเศษ ๑.๔ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๒. กรณีผู้โดยสารเดินทางโดยเที่ยวบินของสายการบินอื่น ๒.๑ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและให้ใช้บริการห้องพักรับรองของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๒.๒ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๓. การขนส่งร่างผู้เสียชีวิต ๓.๑ ยกเว้นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการขนส่ง ๓.๒ อำนวยความสะดวกในการขนส่งที่แผนกบริการลูกค้า อาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ๓.๓ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๔. กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือญาติผู้เสียชีวิตต้องการเดินทางมายังประเทศไทย และเดินทางกลับประเทศ สามารถซื้อบัตรโดยสารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ในราคาพิเศษ
|
||||||||||||||||||||||||
22250 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2557 | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ทุนหมุนเวียนในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๙๕ ทุน (จากทั้งหมด ๑๑๕ ทุน) ในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย (รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน การปฏิบัติการ การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน) ดีกว่าเป้าหมายปกติ และดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๖ และคะแนนเฉลี่ย ๔ ปี (ปีบัญชี ๒๕๕๔-๒๕๕๗) เมื่อพิจารณาคะแนนรายด้าน ทุนหมุนเวียนมีคะแนนเฉลี่ยรายด้านสูงสุดในด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีคะแนนต่ำสุดในด้านการเงิน ๒. ทุนหมุนเวียนที่ไม่เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีบัญชี ๒๕๕๗ จำนวน ๒๐ ทุน ประกอบด้วย ๒.๑ ทุนหมุนเวียนที่กฎหมายเฉพาะบัญญัติให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๖ ทุน มีทุนหมุนเวียนที่มีกฎหมายเฉพาะฯ ส่งรายงานผลการประเมิน จำนวน ๓ ทุน สำหรับทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ส่งรายงานฯ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตามเร่งรัด ๒.๒ ทุนหมุนเวียนที่มีสถานะไม่พร้อมดำเนินการประเมินผล จำนวน ๑๔ ทุน ได้แก่ ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่และอยู่ระหว่างการจัดทำระเบียบข้อบังคับ จำนวน ๖ ทุน ทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการรวมทุนหมุนเวียน จำนวน ๑ ทุน ทุนหมุนเวียนที่ยังไม่มีการดำเนินงาน จำนวน ๑ ทุน และทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการยุบเลิก จำนวน ๖ ทุน
|
||||||||||||||||||||||||
22251 | ขยายอายุการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียน แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนให้แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ออกไปอีก ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้ประเมินผลการดำเนินการเป็นรายปีให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ ทราบด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22252 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | มท | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22253 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... | ยธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษเฉพาะสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22254 | รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | นร10 | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นด้วยในประเด็นการแต่งตั้งประธานกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ และการกำหนดจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์การมหาชนหลายแห่ง การให้เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานขององค์การมหาชนเป็นบุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง การตรวจสอบภายในขององค์การมหาชน การดำเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติมใหม่ และการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการขององค์การมหาชนในระหว่างการประกาศใช้พระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ (ฉบับสภาปฏิรูปแห่งชาติ) และไม่เห็นด้วยในประเด็นการห้ามผู้แทนจากหน่วยงานกลางดำรงตำแหน่งคณะกรรมการขององค์การมหาชน การให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างขององค์การมหาชนเป็นการชั่วคราวได้ และการให้องค์การมหาชนอยู่ภายใต้ระบบการประเมินผลขององค์การมหาชน ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ส่วนในประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายขององค์การมหาชนให้เป็นไปตามหลักการรักษาวินัยทางการคลังและหลักธรรมาภิบาลนั้น เห็นว่ามีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ เห็นด้วยกับการกำหนดหลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน กำหนดและจัดบทบาทภารกิจขององค์การมหาชนให้ชัดเจน และเห็นด้วยในหลักการที่จะจำแนกองค์การมหาชนออกเป็น ๓ ประเภทตามภารกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นการแก้ไขกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ในระยะยาว การแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวในเรื่องที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ควรดำเนินการในชั้นนี้ ๑.๒ ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับกรรมการองค์การมหาชนและค่าตอบแทนสำหรับผู้อำนวยการองค์การมหาชน โดยเห็นว่าควรมีการทบทวนค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐทั้งระบบโดยคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ๑.๓ เห็นด้วยกับการกำหนดนโยบายการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณะของไทย โดยเห็นควรให้ดำเนินการในระยะยาว ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการระบบราชการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22255 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา) | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22256 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | มท | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลขุนยวม ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22257 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ และกรณีกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง | สม | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ และกรณีกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรให้มีการเน้นย้ำและกำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรกำหนดแนวทางในการหาวิธีการทดแทนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุ หรือการจัดทำแผนประทุษกรรม เพื่อเป็นประโยชน์ในการแสวงหาพยานหลักฐาน และการดำเนินคดี รวมทั้งเพื่อป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
|
||||||||||||||||||||||||
22258 | รายงานผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรายงานของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ พิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพ ของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม แห่งชาติ พ.ศ. 2554 ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรายงานของคณะกรรมาธิการการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยมีผลการพิจารณา ดังนี้
๑. เห็นด้วยกับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกองทุนการออมแห่งชาติได้เปิดรับสมัครสมาชิกไปแล้ว โดยให้สิทธิผู้ที่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป และสมาชิกจำนวนทั้งสิ้น ๓๒๗,๒๐๓ ราย สำหรับเงินสมทบของรัฐได้กำหนดจำนวนเงินสูงสุดไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งจำนวนเงินสมทบต่อปีได้กำหนดในกฎกระทรวง นอกจากนี้ การกำหนดให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่ดูแลหลักประกันบำนาญของประชาชนซึ่งเป็นภาระระยะยาว และกระทรวงแรงงานควรทำหน้าที่ดูแลการจัดสวัสดิการระยะสั้นของแรงงานเป็นไปตามหลักการที่กระทรวงการคลังได้เคยเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนการออมแห่งชาติ ๒. สำหรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งขาติ เห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการฯ เสนอ โดยปัจจุบันได้มีการเสนอร่างกฎหมายที่จะยุบเลิกความคุ้มครองประกันสังคมตามมาตรา ๔๐ ทางเลือกที่ ๓-๕ แล้ว ดังนั้น เมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จะไม่เกิดความซ้ำซ้อนหรือการแข่งขันระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติได้มีการจัดเก็บข้อมูลอายุและอาชีพของสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติที่สมัครผ่านหน่วยรับสมัครสมาชิกด้วยแล้ว และสนับสนุนการทำประชาสัมพันธ์ไปยังแรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
|
||||||||||||||||||||||||
22259 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลาอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลาอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศเป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙” เพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22260 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อก่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างถนนเลียบคลองชลประทานกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๑ เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศ เป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙” เพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....