ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1113 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 22241 - 22260 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22241 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายวีระศักดิ์ ศรินนภากร) | สธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวีระศักดิ์ ศรินนภากร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
22242 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๑๗.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๕๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบางพุทรา อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาสายที่ ๒ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาสายที่ ๒ จากกิโลเมตรที่ ๒๙.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลสนามคลี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๔๙.๓๐๐ ในท้องที่ตำบลเจดีย์ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||
22243 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สายงานจดหมายเหตุและสายงานวิชาการชั่งตวงวัด เป็นสายงานที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญเพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22244 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... | คค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22245 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก และตำบลนาคู่ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก และตำบลนาคู่ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก และตำบลนาคู่ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับแผนบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) แนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ และแนวทางตามยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรในพืชประเภทหลัก ร่วมกับการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน อาทิ เกษตรผสมผสาน วนเกษตร เกษตรอินทรีย์ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและสภาพพื้นที่ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาจากการเพาะปลูกพืชประเภทหลัก ชนิดใด ชนิดหนึ่ง ควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||
22246 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ) | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ๔ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ คณะอนุกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบกำกับดูแลและระบบบรรษัทภิบาลของรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐ (Multi-Stakeholder Group) สำหรับโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) ๒. แนวทางการปฏิรูปสถาบันการเงินเฉพาะกิจในประเด็นการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจเท่ากับที่ดูแลธนาคารพาณิชย์ นั้น กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ ธปท. กำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจใน ๔ ด้าน คือ การออกเกณฑ์กำกับดูแล การตรวจสอบความเหมาะสมของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหาร การติดตามและตรวจสอบ และการสั่งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจแก้ไขปัญหา ๓. กรณีของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอให้เร่งออกกฎหมายทางการเงินต่าง ๆ ตามหลักซะรีอะฮ์ เพื่อขจัดอุปสรรคในการดำเนินกิจการตามหลักศาสนา นั้น ธอท. ได้เสนอขอปรับปรุงพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ต่อกระทรวงการคลังซึ่งมีประเด็นปัญหาและอุปสรรคด้านภาษีอากรและค่าธรรมเนียม กระทรวงการคลังจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาภาษีอากรและค่าธรรมเนียมจากการให้บริการทางการเงินตามหลักศาสนาอิสลามเพื่อแก้ไขเรื่องดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||
22247 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางกรรณิการ์ นิวัตยะกุล) | สธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางกรรณิการ์ นิวัตยะกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเลย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
22248 | การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยอนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ประสงค์จะจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ทั้งนี้ หากผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมที่จัดซื้อจัดจ้างมีผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยตั้งแต่ ๒ ราย ขึ้นไป ตามที่หน่วยงานจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแจ้งผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อตามบัญชีนวัตกรรมไทยทุกรายเข้าเสนอราคา แล้วจัดซื้อจากรายที่เสนอราคาต่ำสุด โดยวิธีกรณีพิเศษหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเร่งรัดการตรวจสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดทำและประกาศบัญชีนวัตกรรมไทยได้ต่อไป รวมทั้งให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยในหน่วยงานภาครัฐ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
22249 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างนางสาวรัชฎา จันทร์ประเสริฐ ที่ 1 กับพวกรวม 18 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างนางสาวรัชฎา จันทร์ประเสริฐ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๘ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
22250 | ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... | ยธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากำหนดมิให้ใช้บังคับแก่สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต กำหนดอัตราโทษเพิ่มขึ้นในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติฯ การเพิ่มผู้แทนหน่วยงานร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และการประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฯ ในบางมาตรา เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนถูกต้องและมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งจัดทำคู่มือฉบับประชาชนโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและครอบคลุมข้อมูลที่สำคัญ เช่น วัตถุประสงค์ของกฎหมาย บทลงโทษ ขั้นตอนและช่องทางการร้องเรียน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22251 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | ศย | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและคดีความที่เกี่ยวข้องทั้งหลายได้รับการพิจารณาพิพากษาอย่างเสมอภาค ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
22252 | ร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีการควบคุมกำกับดูแลการดำเนินกิจการสปา กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงาม หรือกิจการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้การดำเนินกิจการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีมาตรฐานอันเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๕) ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยสถานบริการเพื่อกำหนดการยกเว้นไม่ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยสถานบริการกับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมายต่อไป |
||||||||||||||||||
22253 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรี ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์และแนวปฏิบัติสากล รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค อันเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มเติมนิยามคำว่า “เครื่องมือแพทย์” อีกประเด็นหนึ่งในมาตรา ๓ ของร่างพระราชบัญญัติฯ การพิจารณาเพิ่มเติมเนื้อหาในมาตรา ๑๐ เพื่อปรับแก้ไขมาตรา ๒๗ (๕) การพิจารณาเพิ่มการอธิบายและจำแนกประเภทของเครื่องมือแพทย์ตามระดับความเสี่ยง และการปรับปรุงข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นมาตรฐาน รวมทั้งการกำหนดให้เงินที่ได้จากค่าป่วยการไม่ต้องนำส่งคลังและไม่ให้ถือเป็นรายรับตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ สามารถกำหนดได้หรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งเสนอความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (AMDD : ASEAN Agreement on Medical Device Directive) เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไปด้วย ทั้งนี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเร่งตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ให้รวดเร็วขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ |
||||||||||||||||||
22254 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเพิ่มสัดส่วนการนำเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ไปลงทุนในต่างประเทศและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในปัจจุบัน และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก กบข. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย กบข. กำกับดูแลการลงทุนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้บริหารจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และให้ชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กับสมาชิก กบข. เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดเป้าหมาย ผลการดำเนินงาน แนวทางการลงทุน และยกระดับการกำกับดูแลเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในต่างประเทศและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์แก่สมาชิก กบข. ถึงแนวทางการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงและผลกระทบด้านความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และควรพิจารณาอย่างรอบคอบกับการนำเงินของกองทุนไปลงทุนกับสถาบันการเงิน บริษัท หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งควรพิจารณาให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง และโดยที่ปัจจุบันกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายให้ทำได้เป็นจำนวนไม่เกิน ๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าต่อปี จากเดิม ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าต่อปี กรณีที่มีความต้องการลงทุนเกินจำนวนดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินก่อน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
22255 | การยื่นหนังสือให้สัตยาบันต่อความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลไทยและภูฏาน | พณ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลไทยและภูฏานต่อประเทศภาคีตามข้อ ๑๒ ของความตกลงฯ ซึ่งระบุว่า ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายของคู่ภาคีที่ได้ยืนยันว่าได้ดำเนินกระบวนการภายในเพื่อการมีผลใช้บังคับของความตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือสถานเอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย ที่ RBE/BKK/Thai MoFA/2015 ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๐๑๕ ที่ใช้คำว่า “has ratified” และ “ratification” เนื่องจากไม่ตรงกับถ้อยคำในข้อ ๑๒ ของความตกลงฯ ที่ใช้คำว่า “written notification” จึงสมควรหารือกับภูฏานเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22256 | ขออนุมัติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสาร 9 สินค้าอันตราย ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ผ่านแดน | คค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสาร ๙ สินค้าอันตราย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit : AFAFGIT) และเพื่อให้กรอบความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนลงนามครบทั้ง ๑๐ ประเทศ ก่อนการเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งภาคีคู่สัญญาเพื่อให้หนังสือสัญญามีผลบังคับใช้ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรตรวจความถูกต้องของคำแปลพิธีสารฯ ฉบับภาษาไทยซึ่งยังไม่สอดคล้องกับฉบับภาษาอังกฤษ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22257 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - โมซัมบิก | คค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-โมซัมบิก ซึ่งคณะผู้แทนของไทยและโมซัมบิกได้ทำการเจรจาการบินเพื่อจัดทำความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ รวมถึงความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจร และการมีผลใช้บังคับ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพื่อให้มีการลงนามในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-โมซัมบิก และแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวต่อไป |
||||||||||||||||||
22258 | การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว | กค | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-term Equity Fund : LTF) ซึ่งมีเพดานไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๒. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มระยะเวลาการถือหน่วยลงทุนใน LTF จากไม่น้อยกว่า ๕ ปีปฏิทิน เป็นไม่น้อยกว่า ๗ ปีปฏิทิน สำหรับหน่วยลงทุนใน LTF ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ LTF และกำหนดให้เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนใน LTF ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกันกับเงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอื่น ๆ สำหรับหน่วยงานลงทุนใน LTF ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป โดยเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ LTF สำหรับหน่วยลงทุนที่ซื้อก่อนวันดังกล่าวยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อไป หากได้ถือหน่วยลงทุนนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปีปฏิทิน สำหรับหน่วยลงทุนที่ซื้อก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ และไม่น้อยกว่า ๗ ปีปฏิทิน สำหรับหน่วยลงทุนที่ซื้อระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ |
||||||||||||||||||
22259 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการนำเข้ากากถั่วเหลือง และออกประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2558 - 2560 | พณ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ให้การนำเข้ากากถั่วเหลืองมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์เท่านั้น ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. ให้ส่งร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ตาม ๑.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยยกเลิกความในข้อ ๓ (๒) และข้อ ๕ แทนการปรับปรุงประกาศดังกล่าวทั้งฉบับ และในการยกเลิกข้อกำหนดที่ต้องมีหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนในการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องรายงานการนำเข้าต่อกรมการค้าต่างประเทศ จึงควรมีการจัดเก็บข้อมูลการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในการกำกับดูแลการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไม่ให้ส่งผลกระทบกับเกษตรกรในประเทศและสามารถบริหารจัดการการนำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่นที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ และให้รายงานสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรทั้ง ๓ รายการดังกล่าวทุกเดือน ในช่วงระยะเวลาที่มีการนำเข้าต่อคณะรัฐมนตรี ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ป่าที่เกษตรกรได้บุกรุกเข้าไปทำการเพาะปลูก เช่นเดียวกับแนวทางการลดพื้นที่ปลูกยางพาราตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ๕. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรของกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์และเพื่อการบริโภค ให้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน |
||||||||||||||||||
22260 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา และขออนุมัติผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีในการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 เอ | กษ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา และให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. อนุมัติการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ จำนวน ๒๑ ไร่ เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ และวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๖ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูนางก่อนเข้าใช้พื้นที่ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรการการจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ เอ รวมทั้งระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และกรณีที่จำเป็นต้องตัดไม้เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนดำเนินการ และให้ควบคุมการตัดไม้ การนำไม้ออกจากพื้นที่อย่างเคร่งครัด ตลอดจนส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าเพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ ควรพิจารณาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำยมเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำตามศักยภาพลุ่มน้ำ กำหนดเกณฑ์การชดเชยที่ดินและทรัพย์สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....