ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1116 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 22301 - 22320 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22301 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | นร | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม] ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
22302 | รายงานผลการจัดประชุมระดับชาติและนานาชาติ เรื่อง การประกันคุณภาพการศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2558 | อื่นๆ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) ได้จัดการประชุมระดับชาติและนานาชาติ เรื่อง การประกันคุณภาพการศึกษา ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๕ ปี ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร โดยมีกรอบแนวคิดหลักคือ การก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อมุ่งสู่สหัสวรรษแห่งการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศและเพื่อพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของประชากรให้พร้อมต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งประชาคมนานาชาติต่อไป ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง นักวิชาการ ครู คณาจารย์ ผู้ประเมินภายนอก ผู้ประเมินอภิมาน ศูนย์เครือข่าย สมศ. และบุคลากรทางการศึกษาจากสถานศึกษาทุกระดับการศึกษา หน่วยงานทางการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การประกันคุณภาพการศึกษาไทย” และศาสตราจารย์ ดร. ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการ สมศ. เป็นวิทยากรนำในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่สหัสวรรษแห่งคุณภาพ” ในส่วนของการประชุมวิชาการระดับชาติ มีจำนวน ๕๕ เรื่อง มีวิทยากรและผู้ดำเนินรายการที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒๐๖ คน สำหรับการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ (ICQA 2015) มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ จำนวน ๓ หน่วยงาน ได้แก่ TWAEA ABEST21 และ NTS-Pakistan มีผู้ทรงคุณวุฒิในระดับนานาชาติร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย จำนวน ๖ เรื่อง และมีการนำเสนอผลงานวิจัยด้านการประกันคุณภาพการศึกษา จำนวน ๘ เรื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน ๑๒๐ คน จาก ๑๖ ประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชีย สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในภาพรวมของการจัดงานมีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้นกว่า ๑๓,๓๔๖ คน ประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา นักการศึกษา นักวิชาการ นักวิจัย นิสิต-นักศึกษา และครู-อาจารย์ทั่วประเทศ ๒. ให้ สมศ. พิจารณาทบทวนแนวทางประเมินผลคุณภาพการศึกษาโดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาร่วมดำเนินการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ ให้เน้นการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดกับนักเรียนเป็นหลักและมีความสอดคล้องตามมาตรฐานสากลด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22303 | การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ | นร04 | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอมาตรการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจทั้งในส่วนของการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการปรับปรุงระบบการดำเนินงาน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้บริหาร พนักงาน และครอบครัวทั้งในอดีตและปัจจุบัน นั้น การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สมควรให้พิจารณากำหนดเฉพาะสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานเท่าที่จำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งควรได้รับสิทธิเมื่อมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเท่านั้น และให้พิจารณายกเลิกสิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสารเครื่องบิน หรือการใช้บริการของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ เป็นต้น ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมาตรการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22304 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มแหล่งการทำประมงในเขตประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล ซึ่งได้มี การเจรจาความร่วมมือด้านประมงไว้แล้ว เช่น บรูไนดารุสซาลาม กินี โดยให้เพิ่มเติมประเทศศรีลังกาซึ่งมีสัตว์ทะเลจำนวนมากด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลประชาชนแต่ละกลุ่มเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยพิจารณาให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการอย่างใกล้ชิด ในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและ Road Map ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้แก่เจ้าหนาที่ทุกระดับในสังกัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกสังกัด โดยให้ครอบคลุมการประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล การบังคับบัญชาและการบริหารงาน ผลการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งความรู้ทั่วไป ทั้งนี้ ให้เสนอนายกรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๕๘ และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนบทบาทการปฏิบัติงานของเอกอัครราชทูตและกงสุลประจำประเทศต่าง ๆ ให้มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลต่อไปด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน การประเมินผลปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ เช่น เกษตรอำเภอ พาณิชย์จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินความรู้ ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการปฏิบัติในโครงการสำคัญของรัฐบาล เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน (โครงการตำบลละ ๕ ล้านบาท) มาตรการช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวมีผลสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ๒.๓ ให้รัฐมนตรีใช้กลไกคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐประจำกลุ่มกระทรวงในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส ทั้งนี้ หากคณะอนุกรรมการฯ พบกรณีทุจริต รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณไม่คุ้มค่าหรือไม่มีประสิทธิภาพ ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ก่อน จากนั้นจึงจะรายงานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการแบ่งช่วงระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศเป็น ๓ ระยะ นั้น ในส่วนของระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ให้แบ่งช่วงระยะเวลาและให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๔.๑ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๑ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน ๒.๔.๒ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๒ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการของหน่วยงาน ๒.๔.๓ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ การดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้คนในชาติ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานพร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป ๒.๔.๔ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ การส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ จัดทำประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการและกำหนดกลไก ในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันและเพียงพอกับ ความต้องการใช้น้ำในระยะต่อไปในด้านต่าง ๆ เช่น การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การทำการเกษตรกรรม แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีตามกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย ๒.๖ ให้สำนักโฆษก (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) กรมประชาสัมพันธ์ และทุกส่วนราชการร่วมกันสร้าง การรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะเรื่อง การให้สิทธิประโยชน์ในภาพรวม นโยบายด้านการเงินการคลังของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเสียภาษี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นโยบายการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การประมูลคลื่นความถี่ (4G) รวมถึงความจำเป็นซึ่งต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วน โดยให้เน้นช่องทางการสื่อสาร ที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น social media โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ๒.๗ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงโขน อาหารไทย ในรูปแบบที่ดึงดูดและเข้าใจได้ง่ายผ่านช่องทางการสื่อสารที่ประชาชนเข้าถึง ได้ง่าย เช่น social media หรือสื่อโทรทัศน์ ๒.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด และรายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลและนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๙ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระ ให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ ๒.๑๐ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาผลกระทบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาของการคุ้มครองข้อมูลยา การนำเข้ายา จากต่างประเทศ และการลงทุนจากบริษัทยาภายนอก ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องซื้อยาในราคาที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยให้มีผลการดำเนินการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๑๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรวบรวมข้อเสนอและความต้องการของ ทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการวิจัยและพัฒนาในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และให้มีผลงานวิจัยที่เป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ โดยคำนึงถึงแหล่งเงินทุน ในการวิจัย ผลตอบแทน นักวิจัย และให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริงและเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในการให้บริการภายในท่าอากาศยานต่าง ๆ ไม่ให้เกิดข้อขัดข้อง พร้อมทั้งจัดทำแผนการซ่อมและบำรุงรักษาเพื่อให้สามารถตอบสนองการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
22305 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22306 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ และสาขาวิชารัฐศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22307 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจำนองเรือและการบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยได้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติเรือไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขให้เรือไทยที่ใช้ในแม่น้ำขนาดตั้งแต่ ๖๐ ตันกรอสส์ขึ้นไปที่อยู่ระหว่างการต่อสามารถนำมาจำนองได้ แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพของแม่น้ำซึ่งตื้นและแคบกว่าทะเล ทั้งเพื่อให้กฎหมายมีสภาพที่ใช้บังคับได้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ เห็นควรลดขนาดจาก ๖๐ ตันกรอสส์ เป็น ๒๐ ตันกรอสส์ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ และสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำภายในประเทศด้วย และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22308 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22309 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ
๑. ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ และหนังสือสัญญา รวม ๕ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ เพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดทางอาญา) ๑.๔ ร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงทริปส์ ๒. ให้ทุกกระทรวงเร่งรัดพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมกับประชาชนและประเทศชาติ นอกจากนี้ เพื่อให้การออกกฎหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประโยชน์สูงสุด ให้ส่วนราชการผู้รักษาการตามกฎหมายสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่จะได้รับจากกฎหมายนั้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22310 | การเร่งรัดพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน | นร | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกกระทรวงเร่งรัดพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมกับประชาชนและประเทศชาติ นอกจากนี้ เพื่อให้การออกกฎหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประโยชน์สูงสุด ให้ส่วนราชการผู้รักษาการตามกฎหมายสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่จะได้รับจากกฎหมายนั้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22311 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏธนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาเทคโนโลยี และสาขาวิชานิเทศศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22312 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2557 | ศป | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญประกอบด้วย การพิจารณาและพิพากษาคดี การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม การสร้างโอกาสเข้าถึงความยุติธรรมทางปกครองให้กับประชาชน การสร้างความร่วมมือทางวิชาการและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการที่ดี การสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลปกครอง การวางหลักกฎหมายและแนวทางการปฏิบัติราชการที่ดี การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางศาลปกครอง (TRUST) และทิศทางการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22313 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) | สว | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) ซึ่งมีข้อสังเกตว่า เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนที่เกี่ยวกับหลักการของกฎหมายที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด กรณีมาตรา ๓๐๙ จัตวา วรรคสี่และวรรคห้า แห่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) โดยเฉพาะการขายทอดตลาดที่ดินจัดสรรที่กำหนดให้สามารถใช้บังคับกับการขายทอดตลาดที่ดินหรือบ้านจัดสรรที่ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ เท่านั้น เพราะโครงการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร เจ้าของโครงการเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารทรัพย์ส่วนกลาง หากมีการเก็บค่าบริการจากผู้ซื้อบ้านในโครงการ ก็เป็นเพียงสัญญาผูกพันระหว่างเจ้าของโครงการกับผู้ซื้อเดิมซึ่งเป็นบุคคลสิทธิจึงไม่ผูกพันผู้ที่ซื้อจากการขายทอดตลาดที่จะต้องชำระหนี้ค้างชำระแต่ประการใด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22314 | รายงานการดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือเมียนมากรณีอุทกภัย | กต | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือเมียนมากรณีอุทกภัย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การมอบเงินให้ความช่วยเหลือ ประเทศไทยได้มอบเงินพระราชทานและเงินช่วยเหลือในนามของรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพบก จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๘ ล้านบาท พร้อมด้วยสิ่งของบรรเทาทุกข์พระราชทาน ได้แก่ ถุงยังชีพ เต็นท์ ผ้าห่ม หมอน-มุ้ง ไฟฉาย และผงทำน้ำสะอาด เป็นต้น ๒. การมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อให้ความช่วยเหลือเมียนมา โดยเป็นสิ่งของให้ความช่วยเหลือเนปาลที่ยังคั่งค้างอยู่ที่ประเทศไทย ประกอบด้วยถุงยังชีพ เสื้ออเนกประสงค์ ผ้าใบและผ้ายางอเนกประสงค์ และเสื้อผ้า พร้อมด้วยสิ่งของพระราชทาน ให้แก่ศูนย์บรรเทาทุกข์ฉุกเฉินในกรุงย่างกุ้ง และร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดส่งยารักษาโรคพื้นฐาน เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา และเครื่องกรองน้ำแบบไม่ใช้ไฟฟ้า ให้แก่เมียนมา ๓. การให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทยจัดส่งทีมแพทย์ทหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ๔ สาขา ได้แก่ อายุรแพทย์ กุมารแพทย์ ศัลยแพทย์ และจิตแพทย์ ช่างประปาสนาม และเจ้าหน้าที่เวชกรรมป้องกัน ไปปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่ชาวเมียนมา ในเมืองฮินทาดา ภาคอิระวดี รวมทั้งมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนในพื้นที่ ฉีดพ่นน้ำยากำจัดยุงและพ่นละอองฝอยกำจัดแมลงและฆ่าเชื้อโรค ผลิตน้ำดื่ม ตลอดจนให้คำแนะนำด้านสุขาภิบาลแก่เจ้าหน้าที่แพทย์และผู้ประสบภัย
|
|||||||||||||||||||||
22315 | เพิ่มเติมบุคคลตามองค์ประกอบในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก อุดมเดช สีตบุตร) ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
22316 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ 2 (The Second APEC Structural Reform Ministerial Meeting) และผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ ๒ (The Second APEC Structural Reform Ministerial Meeting) และผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งการประชุมทั้งสองมีการอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดทำยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การปฏิรูปกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุน การพัฒนาและการค้าอย่างเท่าเทียมและเสรี การปรับตัวชี้วัดของความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น และการดำเนินการในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หลักการในที่ประชุมดังกล่าวมาปรับใช้กับประเทศไทย ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับและขับเคลื่อนวาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Renewed APEC Agenda for Structural Reform : RAASR) สำหรับปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓ รวมทั้งการสร้างความชัดเจนถึงบทบาทของไทยในเวทีเอเปค โดยยึดเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้เพิ่มองค์ประกอบผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในฐานะคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade and Investment : CTI) ภายใต้เอเปค เข้าร่วมในการประชุม EC เพื่อสร้างความเชื่อมโยงด้านสารัตถะภาคบริการ และบูรณาการการทำงานทีมประเทศไทยในเวทีเอเปค เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้าง การเพิ่มประสิทธิภาพและการพัฒนานวัตกรรมในภาคบริการ การสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับบริการด้านสาธารณสุข รวมทั้งการยกระดับและขับเคลื่อนวาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคที่เอื้ออำนวยให้การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนมีความง่ายและคล่องตัว (Ease of Ding Business : EoDB) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22317 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏมหาสารคาม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และชี้แจงเหตุผลที่ไม่ดำเนินการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาก่อนเปิดการสอน และความจำเป็นในการขอให้ร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อมิให้มีการเสนอขอให้พระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในแต่ละสาขามีผลใช้บังคับย้อนหลัง โดยให้ยึดหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ ว่า เมื่อมหาวิทยาลัยอนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้ว จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา แล้วจึงจะเปิดการสอนในสาขาวิชานั้นได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ และกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22318 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลภาครัฐ | ปช | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลของภาครัฐ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอแนะให้มีการปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลของภาครัฐ ๔ ประการหลัก ได้แก่ (๑) การตั้งคณะกรรมการกลาง (๒) การจัดตั้งศูนย์/หน่วยงานประเมินและวิเคราะห์ข้าราชการ (๓) การกำหนดแนวทางและขั้นตอนการประเมิน และ (๔) การกำหนดแบบการประเมินข้าราชการ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมเป็นไปได้ของข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนมีความโปร่งใสและเป็นธรรม รวมทั้งเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยไม่ก่อให้เกิดการทุจริตในราชการตามมา และให้สำนักงาน ก.พ. จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22319 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 48 และการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง | กต | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๓-๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญย้ำถึงเจตนารมณ์ของอาเซียนที่จะบรรลุเป้าหมายเรื่องการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี ๒๕๕๘ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาภาคการเกษตรและการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสำนักเลขาธิการอาเซียนและกลไกของอาเซียน การรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นปัญหาในภูมิภาคและระหว่างประเทศ การพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายที่มีผลกระทบต่อภูมิภาค เช่น การค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางทะเล และการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้ จากการประชุมดังกล่าวมีประเด็นสำคัญที่หน่วยงานจะต้องรับไปดำเนินการต่อ ได้แก่ (๑) การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน (๒) การเสริมสร้างบทบาทนำของอาเซียนในสถาปัตยกรรมในภูมิภาค (๓) ประเด็นปัญหาในภูมิภาคและระหว่างประเทศ (๔) ความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจา (๕) ความร่วมมือในลุ่มน้ำโขง และ (๖) การหารือทวิภาคี และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกับรายงานผลการประชุมดังกล่าวรับไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีที่ได้มีการเน้นย้ำความสำคัญของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนการบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน นั้น ประเทศไทยและอาเซียนควรผลักดันให้เกิดการศึกษาเรียนรู้จากประสบการณ์ของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่สามารถผลักดันกฎหมายระดับชาติเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจก (GHG) และระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) และควรผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรหรือสร้างความร่วมมือเพื่อเรียนรู้จากสาธารณรัฐเกาหลีในด้านการบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควรนำประเด็นการคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อาหารและก่อผลกระทบตามมาถึงความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาคอันเกิดจากการสร้างเขื่อนในกลุ่มประเทศแถบลุ่มน้ำโขงเข้าประกอบการพิจารณา ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22320 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2558 | อื่นๆ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ ๖/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่ คตช. เสนอ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการดำเนินงานคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ในมาตรการการป้องกันการทุจริต (๒) ผลการสัมมนาผู้เชี่ยวชาญ (Focus Group) เพื่อหามาตรการติดตามทรัพย์สินที่ทุจริตคืนสู่รัฐ (๓) ผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริตของคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการปราบปรามการทุจริต และเห็นชอบในแนวทางการใช้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตระดับกระทรวง (๔) ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการประชาสัมพันธ์ (๕) ความก้าวหน้าการใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๖) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (๗) วัตถุประสงค์ แนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งและบริหาร “กองทุนส่งเสริมธรรมาภิบาลและขจัดการทุจริต” (๘) ข้อเสนอแนะจากผลการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันประเทศไทย (Corruption Situation Index : CSI) ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (๙) ความก้าวหน้าการเสนอตัวเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายองค์กรเพื่อความโปร่งใสในอุตสาหกรรมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (Extractive Industries Transparency Initiative : EITI) และ (๑๐) ข้อเสนอขององค์กรต่อต้านการคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ให้เร่งรัดพิจารณากฎหมายในการป้องกันการทุจริตซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแล้ว ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....