ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1119 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 22361 - 22380 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22361 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล | มท | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทย ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๓,๘๒๗ โครงการ งบประมาณ ๓,๒๑๒.๙๖๘ ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ ๗๖ จังหวัด และโครงการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ จำนวน ๔๒๑ รายการ งบประมาณ ๒๕๔.๒๘๐ ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ ๒๑ จังหวัด ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ และแจ้งให้จังหวัดดำเนินการตามโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ๑.๒ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) โครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในระดับจังหวัด และจังหวัดได้จัดส่งให้สำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ พิจารณาแล้ว มีจำนวน ๑๑๔,๕๗๓ โครงการ ภายในวงเงินงบประมาณ ๓๖,๒๗๕ ล้านบาท และได้รับอนุมัติจากสำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ แล้ว มีจำนวน ๗,๐๕๐ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๒,๕๗๒.๙๔๒๗ ล้านบาท ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการจากสำนักงบประมาณ ซึ่งมีโครงการเป็นจำนวนมาก คาดว่าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ จะเบิกจ่ายงบประมาณได้ประมาณร้อยละ ๑๐ เดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เบิกจ่ายสะสมได้ร้อยละ ๕๐ เดือนมกราคม ๒๕๕๙ เบิกจ่ายสะสมได้ร้อยละ ๑๐๐ ๑.๓ กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการตามมาตรการ โดยปิดประกาศแจ้งรายละเอียดของโครงการในตำบลต่าง ๆ ให้ประชาชนรับรู้ การลงข้อมูลโครงการในเว็บไซต์ของตำบล การแต่งตั้งตัวแทนประชาชนในตำบลเป็นคณะกรรมการตรวจรับการจ้าง การซื้อ รวมทั้งให้มีการบันทึกภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการดำเนินโครงการ และจัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบได้ออกตรวจติดตามและให้คำแนะนำ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ และการบริหารจัดการโครงการอย่างยั่งยืนหลังจากดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22362 | ขอความเห็นชอบและการลงนามในร่างปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 3 | กห | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๓ (Kuala Lumpur Joint Declaration of the Third ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันของกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนกับกระทรวงกลาโหมประเทศคู่เจรจาด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค และสร้างสังคมที่มีความสงบสุขและสันติภาพ ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างปฏิญญาร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขรายละเอียดของร่างปฏิญญาร่วมฯ โดยไม่กระทบเนื้อหาสาระสำคัญและมีผลต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย รวมทั้งไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22363 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2558/59 เฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายละเอียดการดำเนินโครงการและงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้มีกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑,๘๖๐.๕๗ ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ดังนี้
๑. โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงิน ๙๗๕.๕๗ ล้านบาท ๒. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๒๓๖.๖๗ ล้านบาท (ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการจาก MLR เป็น MLR-1 รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ โดยปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ ๕) ๓. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ วงเงินงบประมาณ ๖๔๘.๓๓ ล้านบาท (ปรับลดระยะเวลาให้สอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินโครงการไม่เกิน ๑๐ เดือน) |
||||||||||||||||||||||||
22364 | การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ประจำกลุ่มกระทรวง | สลธ.คสช. | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ประจำกลุ่มกระทรวง จำนวน ๖ คณะ เพื่อทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ของกระทรวง รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ในความรับผิดชอบให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง ภายใต้กรอบงบประมาณของรัฐ รวมทั้งติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวง รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในความรับผิดชอบ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ตามที่ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้
๑. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านความมั่นคง รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๙ หน่วย มี พล.ท.ธนกร จงอุตส่าห์ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๗ นาย ๒. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ๑ รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๖ หน่วย มี พล.ท.เดชา เดชะชาติ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๘ นาย ๓. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ๒ รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๔ หน่วย มี พล.ท.วิบูล ขยันกิจ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๘ นาย ๔. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านสังคมจิตวิทยา รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๔ หน่วย มี พล.ท.ไชยพร รัตแพทย์ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๘ นาย ๕. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและอื่น ๆ รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๒๖ หน่วย มี พล.ท.สรชัช วรปัญญา เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๗ นาย ๖. คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ประจำกลุ่มกระทรวงด้านต่างประเทศและกิจการอื่น ๆ รับผิดชอบส่วนราชการ จำนวน ๑๖ หน่วย มี พล.ต.อาทิตย์ วัฒนะบุตร เป็นประธานอนุกรรมการฯ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ รวมจำนวน ๗ นาย
|
||||||||||||||||||||||||
22365 | รายงานผลการจัดงาน Thailand Industry Expo 2015 | อก | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการจัดงาน Thailand Industry Expo 2015 ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงาน Thailand Industry Expo 2015 มหกรรมซื้อของไทยใช้ของดี ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๒-๒๗ กันยายน ๒๕๕๘ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ๑-๓ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิดอุตสาหกรรมไทยก้าวหน้าพัฒนาด้วยนวัตกรรม โดยมีการจัดแสดงผลงานที่เกิดจากนวัตกรรมล้ำสมัยและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อบ่มเพาะและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมไทยอันเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งประกอบด้วย ส่วนจัดแสดงต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) Royal Pavilions เป็นนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๒) Thailand Industry Pavilions เป็นนิทรรศการงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานในสังกัด รวมถึงสถาบันเครือข่าย เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน (๓) Thailand Innovation Showcase เป็นการนำเสนอนวัตกรรมไทยจากผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ได้นำเทคโนโลยีและงานวิจัยมาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาและทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล (๔) Fashion District เป็นการจำลองย่านธุรกิจแฟชั่นที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย เพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้อ ส่วนกิจกรรมบ่มเพาะอาชีพเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและจุดประกายอาชีพแก่ผู้สนใจทั่วไป ได้แก่ การจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการกว่า ๘๐ หัวข้อ และคลินิกอุตสาหกรรมให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพแก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจทั่วไป ๑๒๒ หัวข้อ มีผู้เข้ารับคำปรึกษา ๑๖๖ คน การทำกิจกรรม Workshop มีผู้เข้าร่วม ๑,๕๔๖ คน และมีกิจกรรมสร้างความบันเทิงจากศิลปินตลอดช่วงการจัดงาน ๑.๒ การจัดงาน Thailand Industry Expo 2015 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสนับสนุนการจัดงานกว่า ๕๐ บริษัท ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมจัดงานกว่า ๑,๕๐๐ ร้านค้า มีประชาชนเข้าร่วมชมงานกว่า ๒๖๑,๕๑๒ คน และมีเงินหมุนเวียนจากการจับจ่ายใช้สอยภายในงานกว่า ๔๐๓.๑๖ ล้านบาท ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ๒. ในการจัดงานแสดงในลักษณะนี้ในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการจัดงาน เช่น ส่งเสริมผู้ประกอบการได้จำนวนเท่าใด เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
22366 | การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจภาค (กรอ.ภาค) และการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล จังหวัดอุบลราชธานี | นร | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ๑.๑ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาไปแล้วหลายมาตรการนั้น ควรที่จะมีการติดตามเพื่อเร่งรัดและขับเคลื่อนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน จึงกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจภาค (กรอ.ภาค) และลงพื้นที่ติดตามการดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล ณ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ได้รายงานความก้าวหน้า พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (กรอ.จังหวัด) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดการประชุมฯ และการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินนโยบายฯ ดังกล่าว ๑.๒ ในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ให้กำหนดแนวทางในการปฏิบัติให้ชัดเจน เป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยมีผลสัมฤทธิ์ได้ภายใน ๓ เดือน และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยให้จัดทำเป็นแผนการดำเนินการระยะ ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑๒ เดือน สำหรับใช้ในการประเมินผล เพื่อให้ประชาชนมีความพึงพอใจและลดข้อขัดแย้งได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ให้มุ่งเน้นในประเด็น (๑) การบรรเทาปัญหาภัยแล้งและการลดใช้น้ำ (๒) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืชด้วยความสมัครใจ โดยให้ครอบคลุมพืชเศรษฐกิจทั้งหมด (๓) การทำการตลาดให้คำนึงถึงอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) เป็นสำคัญ (๔) การสร้างห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ (๕) การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) Social Business และสหกรณ์ (๖) การสร้างอาชีพและรายได้ โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ (New Start-up) ให้มีความสามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ กรอ.จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานผลในประเด็นดังกล่าวต่อที่ประชุม พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจเยี่ยมในพื้นที่ด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้ กรอ.จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่นั้น ๆ (จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดยโสธร และจังหวัดศรีสะเกษ) เตรียมข้อมูลในการรายงานความก้าวหน้า พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนปากมูล พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ดังกล่าว ๒.๓ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดสำหรับพืชเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทานในแต่ละช่วงเวลาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22367 | การดำเนินการตามขั้นแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการปรับสายการเดินรถโดยสารประจำทางใหม่ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ใน ๖ ด้าน ดังนี้
๑. ลดต้นทุนเชื้อเพลิง โดยการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง ๒,๒๐๐ ล้านบาทต่อปี รวมทั้งเพิ่มความสะดวกในการบริการด้วยการติดตั้ง WIFI ระบบ 3G ให้แก่ผู้โดยสารได้ใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ๒. ลดค่าใช้จ่ายในการเช่าอู่จอดรถของเอกชน โดยการจัดหาพื้นที่ของราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อทำเป็นอู่จอดรถโดยสาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ปีละประมาณ ๖๐ ล้านบาท ๓. นำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ E-ticket มาใช้เก็บค่าโดยสารแทนการใช้พนักงานเก็บค่าโดยสาร และมีแผนการดูแลพนักงานเก็บค่าโดยสารด้วยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดตามความสมัครใจ ซึ่งคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้มากถึงปีละ ๑,๓๐๐ ล้านบาท ๔. ปรับปรุงเส้นทางเดินรถให้มีความทับซ้อนน้อยลง จากเดิม ๒๑๐ เส้นทาง ลดเหลือ ๑๗๒ เส้นทาง ๕. เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยการนำระบบ GPS มาใช้ในการบริหารจัดการการเดินรถเพื่อควบคุมความเร็วของคนขับรถโดยสาร สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถโดยสารได้แบบ Real Time ๖. เพิ่มรายได้จากการบริหารพื้นที่ในอู่จอดรถที่มีอยู่ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ อู่บางเขนและอู่มีนบุรีปรับปรุงให้เป็นอาคารสรรพสินค้า อู่สวนสยามปรับปรุงให้เป็นศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรและอาคารพาณิชย์ และอู่แสมดำปรับปรุงให้เป็นโกดังเก็บสินค้าให้เช่า คาดว่าจะสร้างรายได้ ๑๐๙ ล้านบาทต่อปี
|
||||||||||||||||||||||||
22368 | การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ | คค | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเสนอมาตรการปฏิรูปบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งในส่วนของมาตรการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการปรับปรุงระบบการดำเนินงาน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้บริหารและพนักงานระดับสูง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดทุนสะสมของบริษัทฯ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงคมนาคมเสนอมาตรการดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายได้และมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามอำนาจต่อไป ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แนวปฏิบัติตามข้อ ๑ เพื่อดำเนินการเสนอมาตรการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22369 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางในการใช้ประโยชน์พื้นที่ว่างภายในนิคมอุตสาหกรรมบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนสินค้าไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ โดยให้คัดเลือกประเภทของสินค้าที่จะสนับสนุนให้ชัดเจน เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง กระเป๋า เครื่องประดับ อัญมณี สิ่งทอ รวมทั้งส่งเสริมวัสดุที่ใช้ในการผลิต เทคโนโลยีการผลิต และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้สินค้าดังกล่าวสามารถยกระดับเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ ๑.๓ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการวิจัยและพัฒนาการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV Car) ให้มีความชัดเจนภายใน ๓ เดือน พร้อมทั้งประสานงานให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมด้วย ๑.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลความต้องการแรงงานในแต่ละสาขาวิชา โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและแนวโน้มตลาดในอนาคต เช่น วิศวกรรถไฟ วิศวกรไฟฟ้า เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการผลิตบุคลากรให้เพียงพอและตรงความต้องการของตลาดได้ โดยให้เร่งทำข้อมูลดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน และส่งข้อมูลดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๑.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามนโยบายในการแปรรูปยางพาราให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือใช้เป็นส่วนผสมต่าง ๆ เช่น พื้นลู่วิ่ง พื้นช่องทางจักรยาน พื้นสนามฟุตซอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำยางพาราไปใช้เป็นส่วนผสมในการทำถนน ที่นอนยางพารา หรือพื้นที่สนามต่าง ๆ โดยจัดทำเป็นแผนการใช้ยางพารา (ปริมาณ) งบประมาณ และแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกของเกษตรกร โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการเชื่อมโยงกับตลาด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดหรือปลูกเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ถั่วเหลือง ผักปลอดสารพิษ ด้วย ๑.๗ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินการดูแลเกษตรกร เช่น พื้นที่ที่มีการดำเนินการ พืชที่เหมาะสมในการเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ การจัดตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร โดยส่งข้อมูลดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมประสานกับหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมเร่งรัดให้นำคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การประพฤติผิดของเจ้าหน้าที่ การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด หรือการทุจริต เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วภายใน ๓ เดือน และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการกำหนดแนวทางการลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถโดยสารสาธารณะจะต้องมีระบบ GPS เพื่อติดตามตรวจสอบตำแหน่งรถ และมีระบบติดตามมิให้ผู้ขับขี่รถโดยสารขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถโดยสารสาธารณะให้แล้วเสร็จและมีผลเป็นรูปธรรม นั้น ๓.๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดให้มีการติดตั้งระบบ GPS และระบบติดตามมิให้ผู้ขับขี่รถโดยสารขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนดในรถโดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนใหม่ ส่วนรถโดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนก่อนหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายให้ทยอยติดตั้งต่อไปด้วย ๓.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนแหล่งเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวในรถโดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนก่อนหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายด้วย ๓.๑.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาและจัดหาอุปกรณ์เพื่อดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น เครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจ (Breath Analyzer) เครื่องตรวจจับความเร็วรถยนต์ โดยให้มีเพียงพอต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ๓.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแนวทางการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าที่สอดคล้องกับข้อกฎหมายและนโยบายของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||
22370 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22371 | พิธีสารแก้ไขความตกลงทริปส์ | นร05 | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอพิธีสารแก้ไขความตกลงทริปส์ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22372 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดทางอาญา) | อื่นๆ | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดทางอาญา) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22373 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และธรรมนูญของทบวงการพลังานหมุนเวียนระหว่างประเทศ เพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) | อื่นๆ | 27/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ เพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22374 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พ.ศ. .... | มท | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล บางส่วน เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลคลองขุดใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานเทศบาลตำบลคลองขุด และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของเทศบาลตำบลคลองขุด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22375 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | กษ | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ (ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน/ชุมชน อย่างจริงจัง ตั้งแต่ระยะเริ่มวางแผนดำเนินโครงการ เพื่อให้ประชาชน/ชุมชุม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่โครการได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจและแก้ไขประเด็นข้อขัดแย้งที่จะนำไปสู่การสร้างความยอมรับให้ดำเนินโครงการในพื้นที่ได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ให้แล้วเสร็จก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส ยั่งยืน และสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22376 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท พบ.๑๐๐๑ และทางหลวงชนบท พบ.๑๐๑๐ ได้ทันตามกำหนดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจร และการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22377 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท พบ.๑๐๓๙ ได้ทันตามกำหนดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22378 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร | มท | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีผลการดำเนินการ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เกษตรกรที่นำที่ดินไปค้ำประกันการกู้เงินไว้กับภาคเอกชนหรือนายทุนเงินกู้ โดยทำเป็นสัญญาขายฝาก เรียกว่า หนี้นอกระบบ ซึ่งจะต้องให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนเนื่องจากศาลได้มีคำพิพากษาให้บังคับคดีแล้ว จำนวน ๒,๒๙๒ ราย มูลหนี้ ๒,๑๘๔,๑๐๕,๓๕๐ บาท กรมการปกครองได้ประสานงานกับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมดำเนินการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกยึดที่ดินทำกิน และส่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรพิจารณาให้ความช่วยเหลือแหล่งเงินกู้ต่อไปแล้ว ส่วนเกษตรกรที่นำที่ดินไปจำนองหรือขายฝาก แต่ยังไม่อยู่ในชั้นบังคับคดี ได้มอบหมายให้นายอำเภอแต่งตั้งคณะทำงานคัดกรองข้อมูลและไกล่เกลี่ย โดยมีการไกล่เกลี่ยแล้ว จำนวน ๔๓,๘๒๕ ราย มูลหนี้ ๘,๐๓๙,๒๑๙,๘๓๙ บาท สามารถปลดเปลื้องหนี้สินแล้ว จำนวน ๕,๓๔๒ ราย มูลหนี้ ๗๘๐,๔๒๕,๖๐๗ บาท สำหรับหนี้นอกระบบที่เหลืออีกจำนวน ๓๖,๑๙๑ ราย มูลหนี้ ๕,๐๗๔,๖๘๘,๘๘๒ บาท อยู่ระหว่างการดำเนินงานของศูนย์ประสานการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. หนี้ในระบบสถาบันการเงิน กระทรวงการคลังได้ตรวจสอบพบว่ามีลูกหนี้ในความรับผิดชอบของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวนประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ ราย ได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังดำเนินการช่วยเหลือโดยพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และวิธีปฏิบัติของผลิตภัณฑ์สินเชื่อและโครงการต่าง ๆ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22379 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. .... | พม | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22380 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ พ.ศ. .... | มท | 20/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....