ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1114 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 22261 - 22280 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22261 | โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (เพิ่มเติม) ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) | มท | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) จำนวน ๒๘๗ แห่ง ภายในกรอบวงเงิน ๑,๗๕๓,๗๙๗,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ พื้นที่ดำเนินการต้องเป็นพื้นที่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ที่เกิดปัญหาภัยแล้งซ้ำซากด้วย ๒. เห็นชอบให้ กปภ. กู้เงินในประเทศเพื่อรองรับการดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ของ กปภ. โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันและรัฐบาลรับภาระจัดสรรงบประมาณอุดหนุนร้อยละ ๗๕ ของวงเงินดำเนินโครงการ และให้ กปภ. รับภาระเงินส่วนที่เหลือร้อยละ ๒๕ และให้ กปภ. เสนอความต้องการกู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อบรรจุโครงการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้ กปภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินงานและเร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงหากเกิดกรณีการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ และให้ศึกษาและจัดทำแนวทางในการลดปริมาณน้ำสูญเสียระหว่างการจ่ายน้ำผ่านท่อประปาเพื่อลดความสูญเสียจากการส่งน้ำให้มีอัตราลดต่ำกว่าร้อยละ ๒๕ นอกจากนี้ ให้เสนอแผนการใช้น้ำล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อกรมชลประทานเพื่อจะได้นำไปประกอบการพิจารณาวางแผนการจัดสรรน้ำดิบตามความเหมาะสมของปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22262 | การทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการทะเบียนสิทธิรักษาพยาบาลของประชาชน (National Beneficiary Registration Center) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ | อื่นๆ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควบคุมดูแลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการทะเบียนสิทธิรักษาพยาบาลของประชาชน (National Beneficiary Registration Center) ๒. ให้หน่วยงานซึ่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลทุกหน่วยงานจัดส่งข้อมูลผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลของบุคลากรในหน่วยงาน รวมถึงผู้ใช้สิทธิร่วมให้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลในการบริหารจัดการทะเบียนสิทธิรักษาพยาบาลของประชาชน ๓. กรณีที่ขอความเห็นชอบให้มีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบทะเบียนสิทธิรักษาพยาบาลของประชาชน โดยให้เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นประธาน นั้น ให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ๔. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรให้หน่วยงานกลางดังกล่าวทำหน้าที่ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลจากทุกระบบประกันสุขภาพในประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่สามารถรวบรวมข้อมูลสิทธิได้จากทุกแหล่ง สามารถตรวจสอบวิเคราะห์และดำเนินการให้ถูกต้องได้ตามสิทธิพื้นฐานในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และควรเป็นหน่วยงานเดียวกับ National Clearing House และหน่วยงานที่รับผิดชอบระบบข้อมูลสุขภาพระดับชาติ (National Health Information Center) ด้วย นอกจากนี้ ควรพิจารณาเรื่องบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย และการมีส่วนได้เสีย (Conflict of Interest) กับภารกิจข้างต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22263 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการคุ้มครอง ป้องกัน และบำรุงรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ และกำหนดให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นระบบและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด เพื่อกำหนดมาตรการที่จำเป็นในการควบคุม ดูแล การส่งเสริมการปลูกป่า และการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ และกำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อเสนอแนะมาตรการและแนวทางในการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด และปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทกำหนดโทษ อัตราค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22264 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | มท | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดอ่างทอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22265 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ฮังการี ครั้งที่ 2 | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ฮังการี ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ โดยจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ ๓ ที่ประเทศไทย ๒. การค้าและการลงทุน โดย (๑) ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจ (๒) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะนักธุรกิจทั้งสองประเทศ (๓) ส่งเสริมให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศจัดตั้งธุรกิจร่วมทุน พัฒนาห่วงโซ่อุปทาน และสร้างโรงงานการผลิต เพื่อเพิ่มพูนการค้าทวิภาคีและการส่งออกไปยังประเทศที่สาม โดยให้ฮังการีใช้ไทยเป็นฐานการผลิต (๔) สนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีส่วนร่วมในการค้ามากยิ่งขึ้น (๕) ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร วิศวกรรมและการผลิตยานพาหนะ พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก การบริหารจัดการน้ำ และการผลิตน้ำบริสุทธิ์ สาธารณสุขและเภสัชกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเคมี เทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมยา การวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์ ศูนย์บริการร่วมและการท่องเที่ยว (๖) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฮังการี และบริษัทประกันการส่งออกฮังการี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเงินเพื่อการค้า และ (๗) ส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนและโอกาสการลงทุน ๓. การบริหารจัดการน้ำ โดยส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำตามภูมิปัญญาท้องถิ่น การวางแผนบริหารจัดการลุ่มน้ำอย่างรอบด้าน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการสร้างเขื่อน ความร่วมมือข้ามพรมแดน การจัดการอุทกภัย การบำบัดน้ำดื่มและน้ำเสีย การจัดการคุณภาพน้ำ และการศึกษาและการอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ๔. การเกษตร โดยจัดประชุมคณะทำงานด้านการเกษตรไทย-ฮังการี ครั้งที่ ๖ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอกชน องค์กร และสถาบันด้านการเกษตรและอาหาร และเข้าร่วมกิจกรรม อาทิ งานนิทรรศการด้านการเกษตรที่จะจัดขึ้นในประเทศทั้งสองในปี ๒๕๕๙ ๕. พลังงาน โดยสนับสนุนความร่วมมือด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานทดแทน ๖. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับสำนักงานการวิจัย การพัฒนา และนวัตกรรม และรื้อฟื้นกลไกคณะกรรมการร่วมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๗. การศึกษา โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน บัณฑิตสภาทางวิทยาศาสตร์ และสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และความร่วมมือด้านการศึกษาในลักษณะไตรภาคี ไทย-ฮังการี-ประเทศที่สามในระดับอุดมศึกษา ของสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ๘. วัฒนธรรม โดยขยายความร่วมมือในสาขาวัฒนธรรม โดยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนและข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ๙. สาธารณสุข โดยส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในสาขาสุขภาพ นโยบายและการวิจัยระบบสุขภาพ การร่วมวิจัยในสาขาเนื้องอก บริการด้านสุขภาพผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการแพทย์ทางไกล ๑๐. การท่องเที่ยว โดย (๑) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาขาการท่องเที่ยว (๒) เข้าร่วมนิทรรศการ การสัมมนา และงานออกร้านต่าง ๆ ระหว่างกัน (๓) แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ สื่อประชาสัมพันธ์ และสถิติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และ (๔) ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเพื่อการจัดประชุม การท่องเที่ยวเป็นรางวัล การประชุมและการแสดงสินค้า |
|||||||||||||||||||||
22266 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | คค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเลี่ยงเมืองอรัญประเทศด้านใต้แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22267 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 1 | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ ๑.๑.๑ ร่างแถลงข่าวการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ (Joint Press Communique of the First Lancang-Mekong Cooperation Foreign Ministers’ Meeting) เป็นเอกสารที่ประกาศการก่อตั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างอย่างเป็นทางการ ซึ่งระบุถึงความสำคัญของกรอบความร่วมมือนี้ เจตนารมณ์ของประเทศสมาชิก หลักการในการดำเนินความร่วมมือ สาขาความร่วมมือหลัก โครงสร้างของกรอบความร่วมมือ โครงการเร่งด่วนที่ดำเนินการได้ทันทีเพื่อริเริ่มความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งครอบคลุมโครงการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น ทรัพยากรน้ำ การบรรเทาความยากจน สาธารณสุข การแลกเปลี่ยนบุคลากรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวัฒนธรรม ๑.๑.๒ ร่างเอกสารหลักการของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Concept Paper on the Framework of the Mekong-Lancang Cooperation) ซึ่งระบุเหตุผลของการก่อตั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หลักการและวัตถุประสงค์ของความร่วมมือภายใต้กรอบนี้ สาขาความร่วมมือหลักซึ่งประกอบด้วย ๓ สาขา ได้แก่ (๑) สาขาการเมืองและความมั่นคง (๒) สาขาเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ (๓) สาขาสังคม วัฒนธรรม และปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ และร่างเอกสารหลักการฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างเอกสารหลักการของกรอบความร่วมมือฯ ในประเด็นการใช้และการจัดการน้ำและทรัพยากรอื่น ๆ ในภูมิภาคร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ควรพิจารณากำหนดให้ครอบคลุมถึงการใช้และจัดการน้ำให้เกิดความยั่งยืนควบคู่กัน เพื่อให้ทรัพยากรน้ำและการให้บริการของระบบนิเวศ (Ecosystem Service) สามารถคงความสมบูรณ์และเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนาในภูมิภาค และในสาขาความร่วมมือหลักด้านการเมืองและความมั่นคง ที่ระบุถึงการแลกเปลี่ยน (exchange) เจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมและการบังคับใช้กฎหมายของประเทศสมาชิก ควรมีข้อจำกัดในการผลักดันโครงการภายใต้สาขาความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นโครงการเร่งด่วนที่ดำเนินการได้ทันที รวมทั้งการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือฯ ในสาขาเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานที่มีอยู่เดิม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22268 | สถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคอาเซียนตอนล่างและผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในประเทศไทย | ทส | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคอาเซียนตอนล่างและผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์มลพิษหมอกควันข้ามแดนอันเป็นผลมาจากการเผาพื้นที่พรุในเกาะสุมาตราและบอร์เนียว สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับประเทศในอนุภูมิภาคอาเซียนตอนล่าง ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐสิงคโปร์ และภาคใต้ของประเทศไทย โดยข้อมูลคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคใต้ของกรมควบคุมมลพิษพบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองในภาคใต้ของประเทศไทยเป็นระยะตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยพบฝุ่นละอองเฉลี่ย ๒๔ ชั่วโมง ณ เวลา ๐๙.๐๐ น. สูงสุด ๓๖๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมาก ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดแผนงานและดำเนินการรับมือกับสถานการณ์หมอกควันทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ๒. สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้ลดระดับลงจนคุณภาพอากาศทุกจังหวัดในภาคใต้อยู่เกณฑ์ดีถึงปานกลาง พบฝุ่นละอองสูงสุดเพียง ๔๘ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษจะยังคงติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไปจนกว่าหน้าแล้งในอนุภูมิภาคอาเซียนตอนล่างจะสิ้นสุดลง ไม่พบจุดความร้อนและการปกคลุมของหมอกควันเหนือเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
|
|||||||||||||||||||||
22269 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 16 - 17 กันยายน 2558 | ยธ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้บริหารระดับสูงของ สปป.ลาว ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลการเยือนดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว เสนอให้กระทรวงยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายจัดตั้งคณะทำงาน พร้อมแต่งตั้งผู้ประสานงานตรง โดยแนวทางการจัดตั้งคณะทำงาน อาจแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ (๑) ระดับรัฐมนตรี (๒) ระดับอธิบดี และ (๓) ระดับท้องถิ่น เพื่อเป็นเวทีสำหรับการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้ายุติธรรมจังหวัดของฝ่ายไทยและฝ่ายลาวที่มีพื้นที่ติดต่อกัน โดยแบ่งเขตพื้นที่ออกเป็น ๓ เขต ได้แก่ ลาวตอนเหนือ เชียงราย-เชียงแสน ลาวตอนกลาง หนองคาย-เวียงจันทน์ และลาวตอนใต้ อุบลราชธานี-จำปาศักดิ์ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว เสนอให้มีการยกร่างความตกลงทวิภาคีไทย-ลาว โดยสาระของความตกลงฯ ให้ครอบคลุมในประเด็นต่างๆ ได้แก่ (๑) การประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้ง ๓ ระดับ (๒) การแลกเปลี่ยนการฝึกอบรม (๓) การจัดตั้งคณะทำงานไทย-ลาว (๔) การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับรัฐมนตรี หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ และฝ่ายกระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว แจ้งว่าจะเป็นผู้ยกร่างความตกลงฯ เพื่อเสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณาต่อไป ๓. กระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว สนใจที่จะเดินทางมาเยือนกระทรวงยุติธรรมของไทยเพื่อศึกษาดูงานด้านบังคับคดี และหน่วยงานฝึกอบรมข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมของไทย ตลอดจนขอความอนุเคราะห์ให้ฝ่ายไทยจัดโครงการฝึกอบรมเรื่อง Rule of Law หรือ State of Law ให้แก่บุคลากรในหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมของ สปป.ลาว และขอความร่วมมือให้ฝ่ายไทยพิจารณารับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยากรและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางของคณะฝ่ายไทยเองทั้งหมด เนื่องจากฝ่ายลาวมีงบประมาณจำกัด ๔. ฝ่ายไทยขอความร่วมมือ สปป.ลาว ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปฏิบัติการสกัดกั้นในพื้นที่ของ สปป.ลาว ด้านที่อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือสบหลวย เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มนักค้ายาเสพติดใช้เส้นทางลำเลียงด้านนี้ได้สะดวก รวมทั้งตรวจค้นและกดดันอย่างเข้มงวดบริเวณสะพานมิตรภาพเมียนมา-สปป.ลาว แห่งที่ ๑ เนื่องจากปริมาณกลุ่มนักค้าเสพติดใช้เส้นทางนี้เพิ่มมากขึ้น ๕. ฝ่ายไทยขอความร่วมมือ สปป.ลาวดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย และขอความร่วมมือในการสกัดกั้นและร่วมสืบสวนสอบสวนเครือข่ายชาวแอฟริกันที่ลำเลียงยาเสพติดผ่านทาง สปป.ลาว อย่างเข้มงวดเหมือนที่ผ่านมา โดยฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นในการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งสนับสนุนข้อมูลข่าวสารให้แก่ สปป.ลาว และขอความร่วมมือ สปป.ลาว ในการสืบสวนปราบปรามเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่ใช้เส้นทางลำเลียงผ่าน สปป.ลาว
|
|||||||||||||||||||||
22270 | ความก้าวหน้าการดำเนินกิจกรรมวันดินโลกและปีดินสากล ปี 2558 ครั้งที่ 3 (เมษายน - กันยายน 2558) | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินกิจกรรมวันดินโลกและปีดินสากล ปี ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ (เมษายน-กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยดำเนินการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันดินโลกและปีดินสากล สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดประชุมวิชาการระดับชาติ หัวข้อ “การพัฒนาที่ดิน ปี ๒๕๕๘” ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดขอนแก่น ๒. จัดประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ หัวข้อ “Healthy Soils for a Healthy Life” ในระดับอุดมศึกษา ซึ่งทีมจากวิทยาลัยนเรศวรได้รับรางวัลชนะเลิศ และแสดงสุนทรพจน์หน้าพระที่นั่ง พร้อมเข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ๓. จัดประกวดภาพยนตร์สารคดีสั้น หัวข้อ “พลังแห่งแผ่นดิน” ซึ่งทีมจากบุคคลทั่วไปนำเสนอภาพยนตร์สั้นเรื่อง “คำตอบจากก้อนดิน” ได้รับรางวัลชนะเลิศ และแสดงหน้าพระที่นั่ง พร้อมเข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ๔. จัดการประชุมระหว่างประเทศ International Soil Conference : Sustainable Uses of Soil in Harmony with Food Security ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเพชรบุรี โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุม ๕. จัดแสดงนิทรรศการโครงการเกษตรวิชญา ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ๖. จัดทำพิพิธภัณฑ์ดินระดับภูมิภาค ณ จังหวัดเชียงใหม่ ราชบุรี อุบลราชธานี และนราธิวาส ซึ่งพร้อมเปิดให้นักเรียนและบุคคลภายนอกเข้าชม ๗. จัดกิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกเดือน ได้แก่ การบรรยายพิเศษเกี่ยวกับความสำคัญ และการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรดิน และการเปิดให้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ดิน ณ กรมพัฒนาที่ดิน
|
|||||||||||||||||||||
22271 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีผู้ประกอบการทั่วไป ให้หักรายจ่ายเป็นจำนวน ๒ เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุนหรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ๑.๒ กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ๑.๒.๑ กรณีโครงการที่ได้มีการลงทุนไปแล้ว หากผู้ประกอบการประสงค์จะขอใช้สิทธิตามข้อ ๑.๑ ผู้ประกอบการรายนั้นจะต้องมีการลงทุนในโครงการใหม่แยกต่างหากจากโครงการเดิมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ ๑.๑ ๑.๒.๒ กรณีโครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน แต่ยังไม่มีการลงทุน และสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ประกอบการสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการดังกล่าว หรือเลือกใช้สิทธิตามข้อ ๑.๑ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ในการเข้าใช้สิทธิตามมาตรการดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพื่อให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ ๓.๑ ดำเนินมาตรการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับนักลงทุนในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ๓.๒ พิจารณาแนวทางหรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อชดเชยหรือเพิ่มเติมรายได้ภาครัฐที่สูญเสียไป ๓.๓ ให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศให้ภาคเอกชนไทยทราบอย่างชัดเจนและทั่วถึง ตลอดจนอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการและรวบรวมผลกระทบจากการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่มีผลต่อรายได้ภาครัฐให้ทันต่อสภาวการณ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22272 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ASEM ครั้งที่ 12 | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ASEM (Asia-Europe Meeting) ครั้งที่ ๑๒ จัดทำขึ้นภายใต้หัวข้อ “การทำงานร่วมกันเพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน” มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของสมาชิก ASEM ในการส่งเสริมความร่วมมือในกรอบ ASEM ในสาขาที่สมาชิกให้ความสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาที่ยั่งยืน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการภัยพิบัติ ความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค ทิศทางในอนาคตของ ASEM และประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่มีความสนใจร่วมกัน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้ความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22273 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2558 | อก | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๘.๓ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่ลดลง อาทิ HDD โทรทัศน์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ขยายตัวได้ดีโดยขยายตัวในระดับ ๒ หลัก ๒. การเปิดปิดโรงงาน โรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๓๘๘ ราย ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๕.๔ มียอดเงินลงทุนรวมลดลงร้อยละ ๑๔.๙ แต่มีจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๖.๗ และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๙ ส่วนโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการ จำนวน ๒๕๓ ราย มากกว่าเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๑๐.๙๖ และมากกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๑๕๕.๕๖ ๓. การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรม ด้านการนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องมือกล มีมูลค่า ๑,๐๑๕.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และด้านการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๖,๑๔๑.๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๐.๓ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ที่ลดลง ๔. การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีปริมาณทั้งหมด จำนวน ๑๐,๐๗๕.๑ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๒.๒๗ แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๓ จากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๗ หากแยกการใช้ไฟฟ้าตามขนาดของกิจการ พบว่า กิจการขนาดเล็กและขนาดกลางมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลงจากเดือนที่ผ่านมาแต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๗ ส่วนกิจการขนาดใหญ่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลงจากเดือนที่ผ่านมาและช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
22274 | มาตรการเร่งรัดการลงทุน | นร | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอมาตรการเร่งรัดการลงทุนที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมสำหรับโครงการลงทุนที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ และสามารถเริ่มผลิตหรือเริ่มให้บริการ และมีรายได้ภายในปี ๒๕๖๐ ในพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขตามระยะเวลาที่มีการลงทุนจริงและร้อยละของเงินลงทุน และคาดว่าจะทำให้การลงทุนที่เกิดขึ้นจริงในปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ผู้ประกอบการต้องเลือกรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือสิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนของกระทรวงการคลังได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมทั้งพิจารณาแนวทางหรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อชดเชยหรือเพิ่มเติมรายได้ที่สูญเสียไป และรองรับกรณีที่สถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมไม่สามารถขยายตัวได้ตามคาดการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22275 | ความต้องการงบประมาณของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | อื่นๆ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการค่าใช้จ่ายของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ ภายในกรอบวงเงิน ๕๒๙,๗๓๘,๕๐๐ บาท และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ๒.๑ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายให้แก่เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติงาน ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้ได้รับความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าวจากทุกภาคส่วนด้วย ๒.๒ บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานผลความสำเร็จของการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายเป็นระยะ ๆ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22276 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวดวงใจ ศวจินตจิตร์ และนายโชคดี แก้วแสง) | นร | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จากนักบริหารระดับต้น เป็นนักบริหารระดับสูง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นักบริหารระดับต้น) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ๒. นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นักบริหารระดับต้น) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
22277 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 4 ราย 1. นายนพปฎล คุณวิบูลย์ ฯลฯ) | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน โดยในส่วนของการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายนพปฎล คุณวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ๒. นายเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ๓. นายพิรุณ ลายสมิต ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ ไทเป ๔. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
|
|||||||||||||||||||||
22278 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ) | ทส | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22279 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (จำนวน 3 คน 1. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ฯลฯ) | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๓ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายชวลิต ชูขจร ๒. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ แทนนายโอภาส กลั่นบุศย์ ๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง แทนนายมนัส แจ่มเวหา
|
|||||||||||||||||||||
22280 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล และนายบรรยง วิเศษมงคลชัย) | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ แทนนายเกริก วณิกกุล ๒. นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการอื่น แทนนางโชติกา สวนานนท์
|
.....