ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1120 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22381 - 22400 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22381 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ และนายวสันต์ ศรีสุรินทร์) | สธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒. นายวสันต์ ศรีสุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
22382 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายผดุงศักดิ์ อมาตยกุล) | นร06 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายผดุงศักดิ์ อมาตยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22383 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองเครื่องชั่งตวงวัด พ.ศ. .... | พณ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองเครื่องชั่งตวงวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองให้สอดคล้องกับมาตรา ๓๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่วตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่วงตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่วงตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๕๗ ที่กำหนดให้เครื่องหมายคำรับรองให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และเพื่อให้การตรวจสอบให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดสามารถดำเนินการได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22384 | ร่างปฏิญญาอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. 2558 ว่าด้วยวาระความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่างยุทธศาสตร์อาเซียน - จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 - 2563 | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ว่าด้วยวาระความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่างยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ตอบสนองต่อวิสัยทัศน์อาเซียน ภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ASEAN Post-2015 Vision) และแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ASEAN Socio-Cultural Community Attendant Document) เพื่อให้อาเซียนก้าวสู่เป้าหมายภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ส่วนร่างยุทธศาสตร์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างภูมิภาคอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามบริบทของข้อริเริ่มของสาธารณรัฐประชาชนจีนในเรื่อง “เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑” ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ และร่างยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างปฏิญญาฯ และร่างยุทธศาสตร์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
22385 | แถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2015) | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2015) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้หลักการของการรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกันที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้บรรลุผลในเรื่องความยั่งยืนในการจัดการป่าไม้ ความมั่นคงทางอาหาร การลดภัยพิบัติและการแก้ไขปัญหาความยากจนในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการผลักดันให้มีการสนับสนุนกลไกทางการเงิน และเสริมสร้างศักยภาพในด้านต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนและการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองในแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ นี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
22386 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | คค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ ..... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการเวนคืนที่ดิน รวมทั้งให้คำนึงถึงความเป็นธรรมในการชดเชยและเยียวยาแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22387 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกร | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายเวลาชำระหนี้ให้กับลูกหนี้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกร จำนวน ๑๓,๖๙๒,๙๒๒.๖๓ บาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามเร่งรัดหนี้เงินทุนที่สถาบันเกษตรกรกู้ยืมไปให้แล้วเสร็จในระยะเวลาการบังคับคดี ๒. การของดคิดค่าเบี้ยปรับนับถัดจากวันที่ครบกำหนดการชำระคืนกองทุน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะสิ้นสุดการบังคับคดี นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ตามระเบียบคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรว่าด้วยการรับจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การใช้จ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุนการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุน และการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีของกองทุนเป็นสูญ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. อนุมัติในหลักการให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรมีอำนาจพิจารณาอนุมัติให้ขยายเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรแทนคณะรัฐมนตรี เฉพาะกรณีการขยายเวลาออกไปจนกว่าจะสิ้นสุดการบังคับคดี โดยต้องรายงานผลการขยายเวลาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินคดีกับสถาบันเกษตรกรให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรรับทราบทุก ๖ เดือน และกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรจะต้องรายงานผลการขยายระยะเวลาโครงการต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วยทุกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22388 | โครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะเวลา ๕ ปี (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓,๑๘๓,๐๒๕,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงิน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๓,๐๘๓,๓๕๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๗๗๐,๐๐๐ บาท และเงินอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ ๒๐ แห่ง จำนวน ๙๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ ในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ จำนวน ๑๕,๐๑๕,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำรายละเอียดเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรตามความจำเป็นตามผลการดำเนินโครงการที่เกิดขึ้นต่อไป ๑.๔ อนุมัติกรอบวงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๒,๗๘๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมตามโครงการฯ โดยให้ ธ.ก.ส. กำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการฯ เป็น MLR-1 เช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี ๒๕๕๗/๕๘ และโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลาชดเชย ๕ ปี นับตั้งแต่วันที่สหกรณ์กู้ยืม ในกรอบวงเงิน ๒๗๘,๙๔๐,๐๐๐ บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้นและไม่รวมค่าชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการลดต้นทุนการผลิต เช่น การเช่านา เป็นต้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง ควรให้มีการเผยแพร่หลักเกณฑ์การคัดเลือกให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้สหกรณ์ทุกแห่งได้รับทราบว่าการคัดเลือกเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียนจากสหกรณ์ที่ไม่ได้รับคัดเลือกในภายหลัง การถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลการเกษตรที่ถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ การเลือกชนิดหรือประเภทของเครื่องจักรกลการเกษตรควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สภาพของดินและชนิดพืชที่จะเพาะปลูก ตลอดจนศักยภาพการให้บริการของแต่ละสหกรณ์ และควรพิจารณาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดำเนินกิจการด้วยคนไทยเป็นทางเลือกแรก นอกจากนี้ ให้หารือกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อบูรณาการกลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ดำเนินการ และวิธีดำเนินการตามโครงการฯ กับแผนงาน/โครงการการดำเนินมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน รวมทั้งติดตามและประเมินผลสำเร็จและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นของโครงการฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลอันเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้ในการแก้ไขปรับปรุงโครงการฯ ให้สมบูรณ์ เหมาะสมและเกิดความยั่งยืน ก่อนที่จะขยายผลโครงการฯ ในระยะต่อไป ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำทะเบียนเกษตรกรให้ชัดเจนเพื่อให้ความช่วยเหลือได้เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ และ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน |
|||||||||||||||||||||
22389 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2558 | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ และมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานของรัฐจัดทำโครงการที่อยู่ในกิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเท่านั้น และสำหรับโครงการที่อยู่ในกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) ตามแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก ๓. ในการให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ กำหนดให้เอกชนลงทุนในโครงการในสัดส่วนที่มากขึ้น และหากโครงการมีผลตอบแทนทางการเงินต่ำและไม่จูงใจให้เอกชนเข้ามารับผิดชอบการลงทุนของโครงการทั้งหมด ให้พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่เอกชน รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐศึกษาและเสนอรูปแบบการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมให้แก่เอกชน ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินลงทุนควรพิจารณาให้มีความเสี่ยงและภาระผูกพันในระยะยาวของรัฐอยู่ในระดับต่ำสุด ๔. กรณีโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อประกอบการพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดลักษณะของรายงานดังกล่าวเป็นแบบเบื้องต้นที่สามารถเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการออกแบบได้ รวมทั้งกำหนดระยะเวลาการพิจารณาให้กระชับและชัดเจนมากขึ้น ๕. มอบหมายให้กระทรวงการคลังปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินโครงการร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ต้องใช้ที่ราชพัสดุ สำหรับโครงการที่เป็นกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน โดยไม่ต้องส่งคืนที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และสามารถทำความตกลงร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนำส่งรายได้จากโครงการเป็นรายได้แผ่นดิน ๖. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้านของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ๗. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS-5 มาตรการสนับสนุน SMEs ผ่านการร่วมลงทุน มาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
|
|||||||||||||||||||||
22390 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มผู้แทนประกอบกิจการฮัจย์ จำนวน ๔ คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และตัดผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกจากการเป็นกรรมการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำการดำเนินงาน และเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดให้โอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ อัตรากำลัง และบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรีของกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมมาด้วย จึงเห็นควรให้ในชั้นการตรวจพิจารณา ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่อยู่ในแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และไม่อยู่ในการจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน จำนวน ๓๗ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22391 | ร่างพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร08 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติและแจ้งเตือนภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และกำหนดทิศทางหรือแนวโน้มภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปเพื่อเป็นหลักในการกำหนดแผนงาน โครงการ ของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติควรเป็นผู้รวบรวมวิเคราะห์ความเหมาะสมและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
22392 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียน ระหว่างประเทศ เพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ของประเทศไทย | พน | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า ทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ของราชอาณาจักรไทยได้รับการอนุมัติแล้ว ๒. เห็นชอบให้นำธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พร้อมทั้งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22393 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามให้มีสภาพเป็นนิติบุคคลและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve : APTERR) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นการยกเว้นภาษีทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งการให้ความคุ้มครองแก่สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบกรณีการนำเข้าและส่งออกข้าว และการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนประสานเชื่อมโยงการทำงานกับคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เพื่อให้การบริหารจัดการข้าวในภาพรวมของประเทศไทยเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเสนอความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม และข้อเสนอของประเทศไทยในการขอจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามในประเทศไทย ประกอบกับมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22394 | ร่างปฏิญญาร่วมปุตราจายาว่าด้วยความสำคัญภายหลังปี ค.ศ. 2015 ที่มุ่งไปสู่การเป็นราชการที่มีพลเมืองอาเซียนเป็นศูนย์กลาง | นร10 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมปุตราจายาว่าด้วยความสำคัญภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ที่มุ่งไปสู่การเป็นราชการที่มีพลเมืองอาเซียนเป็นศูนย์กลาง (Putrajaya Joint Declaration on ASEAN Post-2015 Priorities towards an ASEAN Citizen-Centric Civil Service) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านการทำงานของภาคราชการที่มีความเป็นมืออาชีพ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตลอดจนมีธรรมาภิบาล ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22395 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือในสาขาการใช้และการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมในประเด็นการพัฒนายุทธศาสตร์ นโยบาย และการวางแผนทรัพยากรน้ำ การบริหารจัดการ การอนุรักษ์ และการป้องกันทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อการบรรเทาภัยพิบัติจากการเกิดน้ำท่วมและน้ำแล้ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางอุทกวิทยา การเสริมสร้างขีดความสามารถแก่ผู้จัดการและนักวิชาการด้านทรัพยากรน้ำ การประสานงานและความร่วมมือในการจัดกิจกรรมด้านน้ำระหว่างประเทศ รวมทั้งการฝึกอบรมทางวิชาการและการใช้องค์ความรู้ในสาขาทรัพยากรน้ำที่มีความสนใจร่วมกัน ๒. อนุมัติให้จัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๕. โดยที่ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สามารถดำเนินการได้ และมิได้ใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีนี้จึงเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐ และไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวมทั้งไม่จำเป็นต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) สำหรับการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
22396 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟินแลนด์ | คค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memorandum of Understanding : CMU) ระหว่างไทย-ฟินแลนด์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย-ฟินแลนด์ โดยบันทึกความเข้าใจลับฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดสายการบิน การอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต การรักษาความปลอดภัยการบิน ความปลอดภัยการบิน การบริการภาคพื้น รวมทั้งพิกัดอัตราค่าขนส่ง ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22397 | ขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้จังหวัดสงขลาก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้จังหวัดสงขลาใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อการดำเนินโครงการก่อสร้างพุทธมณฑล จังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดสงขลา) ดำเนินการ ดังนี้
๑. ตรวจสอบว่าการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่โครงการฯ รวมถึงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของโครงการ เช่น การก่อสร้างถนนเข้าสู่โครงการฯ เป็นต้น เข้าข่ายจะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และหากมีความจำเป็นต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะดำเนินโครงการต่อไป ๒. ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน เพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
22398 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดอ่างทอง ขนาด 14 บัลลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้าง ประกอบ | ศย | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดอ่างทอง ขนาด ๑๔ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากเดิมวงเงิน ๒๖๙,๘๔๖,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๘๑,๖๓๖,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าควบคุมงานก่อสร้างพิจารณาแล้ว เป็นวงเงิน ๔,๙๕๓,๗๐๐ บาท ซึ่งยังอยู่ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๕,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๒๒๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท และจำนวน ๔,๐๔๑,๒๐๐ บาท ตามลำดับ ส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๒,๑๓๖,๐๐๐ บาท และจำนวน ๙๑๒,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่มีความพร้อมตั้งแต่ขั้นการเสนอโครงการ รวมทั้งได้ทำสัญญาจัดจ้างกับผู้รับจ้างที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ส่วนราชการเสียประโยชน์ ในการทำสัญญาจัดจ้างครั้งใหม่ ควรตรวจสอบสถานะของผู้รับจ้างให้มีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีประวัติทิ้งงาน ทั้งนี้ การดำเนินการในทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22399 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22400 | ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีชาวโรฮิงญาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและกรณีสังหารหมู่แรงงานข้ามชาติชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า | สม | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีชาวโรฮิงญาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และกรณีสังหารหมู่แรงงานข้ามชาติชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ การจัดการแรงงานข้ามชาติชาว และเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งเสนอให้มีการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยให้มีความชัดเจน เป็นต้น และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....